ราคา Afghan Hound (อัฟกัน ฮาวด์) หมาทรงสง่า ต้องใช้งบเท่าไหร่ในการซื้อและเลี้ยง?

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาพูดถึงน้องหมาที่สง่าราวกับหลุดออกมาจากนิทานพันหนึ่งราตรี ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึง Afghan Hound (อัฟกัน ฮาวด์) เจ้าหมาขนสลวย หน้าตาชวนฝัน ที่เห็นแล้วใจละลาย แต่ก่อนจะพุ่งตัวไปสู่ขอ เอ้ย! ไปรับน้องมาเข้าบ้าน เรามาดูกันก่อนว่าต้องเตรียมงบประมาณเท่าไหร่ ทั้งตอนซื้อและตอนเลี้ยง จะได้ไม่สะดุ้งโหยงตอนเห็นบิล เอ้า! ไปค่ะ ไปดูกันเลยยย!

1. สุนัขพันธุ์นี้มันคืออะไรกันนะ?

มาทำความรู้จักกับเจ้าอัฟกัน ฮาวด์กันก่อนค่ะ น้องหมาพันธุ์นี้เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เก่าแก่มากๆ มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอัฟกานิสถานนู่นเลยยย เค้าจัดอยู่ในกลุ่มสุนัขล่าเหยื่อ (Sighthound) ซึ่งหมายถึงหมาที่ใช้สายตาในการล่าเหยื่อ แทนที่จะใช้จมูกดมกลิ่นแบบหมาพันธุ์อื่นๆ ลักษณะเด่นสุดๆ ที่ทำให้ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังคือ ขนที่ยาว สลวย เงางาม ราวกับนางแบบนายแบบบนรันเวย์ มองเผินๆ อาจจะดูหยิ่งๆ เชิ่ดๆ แต่จริงๆ แล้วเค้าก็มีมุมขี้เล่น ทะเล้น แล้วก็ซื่อสัตย์กับเจ้าของมากๆ นะ แต่ต้องบอกก่อนว่าน้องเป็นหมาที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และค่อนข้างรักอิสระ ไม่ใช่แนวประจบเอาใจเหมือนหมาพันธุ์อื่นบางพันธุ์นะคะ

กลุ่มคนที่เหมาะจะเลี้ยงน้องอัฟกัน ฮาวด์ ต้องเป็นคนที่ มีเวลา ในการดูแลเค้ามากๆ โดยเฉพาะเรื่องขน! อันนี้เน้นตัวโตๆ เลย เพราะขนยาวๆ แบบนี้ต้องอาบน้ำแปรงขนเป็นประจำ แถมยังต้องมีพื้นที่ให้เค้าได้วิ่งเล่นออกกำลังกายเยอะๆ ด้วย ถ้าใครคิดว่ามีเวลา มีงบ และอยากได้น้องหมาที่ไม่เหมือนใคร มีความสง่า มีสไตล์เป็นของตัวเอง เจ้าอัฟกัน ฮาวด์ก็น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงช่วงบีบหัวใจ นั่นก็คือเรื่อง "ราคา" นั่นเองค่ะ! สำหรับน้องหมาอัฟกัน ฮาวด์เนี่ย ต้องบอกเลยว่าไม่ได้หากันง่ายๆ เหมือนหมาพันธุ์ยอดนิยมทั่วไปนะคะ ส่วนใหญ่จะต้องหาจากฟาร์มเพาะพันธุ์โดยเฉพาะ หรือผู้นำเข้า

จากข้อมูลที่ลองหาดู ราคาลูกสุนัข Afghan Hound ในประเทศไทยเนี่ย มีความหลากหลายอยู่พอสมควรเลยค่ะ เจอตั้งแต่หลัก ประมาณ 40,000 บาท ไปจนถึงหลัก 80,000 - 90,000 บาท หรือมากกว่านั้นก็มีค่ะ ราคาก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ ค่ะ เช่น

• สายเลือด (Pedigree): ถ้าเป็นน้องหมาที่มีพ่อแม่มาจากสายเลือดดี มีรางวัลการประกวด หรือนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกค่ะ
• ฟาร์มเพาะพันธุ์: ฟาร์มที่มีชื่อเสียง มีมาตรฐานในการดูแลและเพาะพันธุ์ ราคาก็จะสูงกว่าผู้ขายรายย่อยทั่วไป
• เพศและสี: บางทีเพศผู้เพศเมีย หรือสีขนบางสีที่หายากกว่า อาจจะมีผลต่อราคาบ้างเล็กน้อย
• อายุ: ลูกสุนัขที่อายุน้อยๆ ส่วนใหญ่จะมีราคาสูงกว่าสุนัขโต หรือสุนัขที่ถูกปล่อยหาบ้านใหม่ค่ะ
• แหล่งที่มา: การนำเข้าจากต่างประเทศโดยตรงจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซื้อจากฟาร์มในไทยแน่นอนค่ะ

ช่องทางที่มักจะเจอประกาศขายก็จะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงต่างๆ หรือกลุ่มซื้อขายสุนัขตามโซเชียลมีเดียค่ะ เช่น ENNXO.com หรือ Kaidee เป็นต้น ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee อาจจะไม่ใช่แหล่งหลักในการซื้อขายสัตว์เลี้ยง แต่ก็อาจจะเจอบ้างประปราย หรือเจอเป็นอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงมากกว่าค่ะ

3. แล้วเทียบกับหมาพันธุ์อื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าเอาไปเทียบกับหมาพันธุ์ยอดนิยมในไทยที่หาซื้อง่ายๆ อย่างลาบราดอร์, โกลเด้น, บางแก้ว, ชิสุ, พุดเดิ้ล หรือปอมเมอเรเนียนเนี่ย บอกเลยว่า ราคาอัฟกัน ฮาวด์สูงกว่าค่อนข้างมาก ค่ะ

แต่ถ้าลองเทียบกับหมาพันธุ์ใหญ่ หรือพันธุ์หายากอื่นๆ ที่มีราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน เช่น ซาลูกิ (Saluki) หรือบางสายพันธุ์ที่นำเข้าโดยเฉพาะ ราคาก็อาจจะอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน หรืออาจจะมีสูงกว่านี้อีกก็มีค่ะ

ถามว่าราคานี้คุ้มค่าไหม? อันนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและงบประมาณของแต่ละคนเลยค่ะ สำหรับคนที่หลงใหลในความสง่า ความเป็นเอกลักษณ์ และยอมรับเรื่องการดูแลที่ค่อนข้างเยอะได้ ราคานี้ก็อาจจะมองว่าสมน้ำสมเนื้อกับความพิเศษของน้องเค้าค่ะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

เวลาที่เราไปรับลูกสุนัขอัฟกัน ฮาวด์มาเลี้ยง สิ่งที่เราควรได้รับและต้องตรวจสอบให้ดี มีดังนี้ค่ะ:

• ตัวสุนัข: แน่นอนว่าต้องได้น้องหมามา แต่สิ่งสำคัญคือต้องได้เห็นตัวจริง ได้เช็คสุขภาพเบื้องต้นของน้องว่าแข็งแรง ร่าเริง ไม่มีอาการผิดปกติ
• สมุดวัคซีน: ต้องตรวจสอบว่าน้องได้รับวัคซีนตามกำหนดอายุครบถ้วนหรือไม่ และสอบถามตารางการทำวัคซีนครั้งต่อไป
• ใบเพ็ดดีกรี (Pedigree): หากซื้อจากฟาร์มที่มีมาตรฐาน หรือนำเข้า ควรสอบถามถึงใบเพ็ดดีกรี ซึ่งเป็นเอกสารรับรองสายพันธุ์และความบริสุทธิ์ของสายเลือด
• ใบรับรองสุขภาพ: บางฟาร์มหรือผู้ขายอาจมีใบรับรองสุขภาพจากสัตวแพทย์ให้ด้วย เพื่อยืนยันว่าน้องไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
• อาหารเบื้องต้น: สอบถามว่าน้องกินอาหารยี่ห้ออะไร และขออาหารติดไม้ติดมือมาด้วย เพื่อให้น้องปรับตัวได้ง่ายขึ้น
• คำแนะนำในการดูแล: ผู้ขายที่ดีควรให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการดูแล การให้อาหาร และการฝึกน้อง

ส่วนเรื่อง การรับประกัน เนี่ย ต้องคุยกับผู้ขายให้ชัดเจนเลยค่ะ บางฟาร์มอาจจะมีรับประกันสุขภาพน้องในช่วงระยะเวลาสั้นๆ (เช่น 7 วัน) หากป่วยด้วยโรคติดเชื้อร้ายแรง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับประกันเรื่องความสวยงามตามมาตรฐานสายพันธุ์ หรือนิสัยนะคะ ถ้าซื้อจากผู้ขายรายย่อยทั่วไป การรับประกันอาจจะไม่มีเลย ต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ขายให้ดีค่ะ

สำหรับ ค่าขนส่ง หากอยู่ไกลจากฟาร์มหรือผู้ขาย ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับเอง หรือค่าบริการจัดส่งสัตว์เลี้ยง ซึ่งอันนี้ก็ต้องตกลงกับผู้ขายให้เรียบร้อยค่ะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

ถ้าพูดถึงโปรโมชั่นลดราคาแบบ 12.12 หรือสงกรานต์เหมือนซื้อของทั่วไปเนี่ย สำหรับการซื้อขายสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะหมาพันธุ์หายากแบบอัฟกัน ฮาวด์ อาจจะ ไม่ค่อยมีโปรโมชั่นตามเทศกาลแบบนั้นโดยตรง นะคะ

แต่ช่วงเวลาที่อาจจะมีโอกาสได้ลูกสุนัขก็คือ ช่วงที่ฟาร์มมีลูกสุนัขครอกใหม่ ค่ะ ซึ่งแต่ละฟาร์มก็จะมีช่วงเวลาที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นถ้าสนใจพันธุ์นี้จริงๆ ต้องหมั่นติดตามข่าวสารจากฟาร์มเพาะพันธุ์ที่เราสนใจโดยตรง บางทีถ้าลูกสุนัขมีจำนวนมาก หรือฟาร์มอยากปล่อยน้องให้ได้บ้านเร็วๆ อาจจะมีพิจารณาราคาพิเศษให้บ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ส่วนลดแบบมหาศาลเหมือนสินค้าลดล้างสต๊อกแน่นอนค่ะ

คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับการซื้ออัฟกัน ฮาวด์คือ เน้นการหาผู้ขายหรือฟาร์มที่น่าเชื่อถือ มากกว่าการรอโปรโมชั่นลดราคาค่ะ เพราะสุขภาพและที่มาของน้องสำคัญที่สุด ควรใช้เวลาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟาร์มนั้นๆ ให้ดี ก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ

6. คนไทยเลี้ยงแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากการสอบถามและอ่านรีวิวของคนไทยที่เคยเลี้ยงอัฟกัน ฮาวด์ จะพบว่าหลายคนประทับใจใน ความสง่างามและสวยงาม ของน้องมากๆ ค่ะ เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมอง คนทัก เพราะน้องโดดเด่นจริงๆ

แต่สิ่งที่คนเลี้ยงส่วนใหญ่พูดถึงและต้องเตรียมใจเลยก็คือเรื่อง การดูแลขน ค่ะ ด้วยสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย การดูแลขนยาวๆ ของน้องให้สวยเงางาม ไม่พันกัน ไม่เป็นสังกะตัง หรือไม่เป็นโรคผิวหนังเนี่ย ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก ต้องแปรงขนทุกวัน อาบน้ำเป็นประจำ และอาจจะต้องพาไปตัดแต่งขนที่ร้านเสริมสวยสุนัขเป็นครั้งคราว ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่เหมือนกัน

นอกจากนี้ นิสัยที่เป็นตัวของตัวเองของน้องก็เป็นอีกเรื่องที่หลายคนพูดถึง การฝึกอาจจะต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ เค้าอาจจะไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งเป๊ะๆ เหมือนหมาพันธุ์ที่ฝึกง่าย แต่ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของเค้า และฝึกด้วยวิธีที่เหมาะสม เค้าก็จะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์และน่ารักมากๆ ค่ะ

เรื่องการออกกำลังกายก็สำคัญค่ะ ถึงจะดูสง่า แต่เค้าเป็นหมานักล่าที่ต้องการพื้นที่ในการวิ่งเล่นเพื่อปลดปล่อยพลังงาน ถ้าไม่มีพื้นที่ให้วิ่ง อาจจะต้องพาไปเดินเล่นหรือวิ่งที่สวนสาธารณะเป็นประจำ

สรุปคือ คนไทยที่เลี้ยงอัฟกัน ฮาวด์มักจะรักในความพิเศษและสวยงามของเค้ามากๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าน้อง ต้องการการดูแลที่ค่อนข้างสูง ทั้งเรื่องขน การออกกำลังกาย และการฝึกค่ะ

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

สำหรับช่องทางการซื้อน้องหมาอัฟกัน ฮาวด์ในประเทศไทย หลักๆ ก็จะมีตามนี้ค่ะ:

• ฟาร์มเพาะพันธุ์ในประเทศไทย: เป็นแหล่งที่ดีที่สุดในการหาลูกสุนัขค่ะ เพราะเราสามารถเดินทางไปดูสถานที่เลี้ยงดูพ่อแม่พันธุ์ และลูกสุนัขได้ด้วยตัวเอง ควรเลือกฟาร์มที่มีมาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง และมีชื่อเสียงที่ดี สามารถหาข้อมูลฟาร์มได้จากเว็บไซต์สมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข (ประเทศไทย) หรือสอบถามจากกลุ่มคนที่เลี้ยงพันธุ์นี้โดยตรง
• ผู้นำเข้าสุนัข: บางครั้งอาจจะเจอผู้นำเข้าที่นำเข้าลูกสุนัขจากต่างประเทศโดยตรง ซึ่งมักจะมีราคาสูงกว่าการซื้อจากฟาร์มในประเทศค่ะ การซื้อจากผู้นำเข้าก็ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือและเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วน
• เว็บไซต์ซื้อขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์: เช่น ENNXO, Kaidee หรือกลุ่มซื้อขายสุนัขใน Facebook เป็นช่องทางในการหาประกาศขายจากทั้งฟาร์มและผู้ขายรายย่อย ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย แต่ข้อเสียคือมีความเสี่ยงสูง ต้องตรวจสอบผู้ขายให้ละเอียดมากๆ และแนะนำให้ ไปดูตัวน้องหมาด้วยตัวเอง ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินทุกครั้งค่ะ
• ร้านเพ็ทช็อปใหญ่ๆ: สำหรับหมาพันธุ์หายากแบบอัฟกัน ฮาวด์ อาจจะหาได้ยากในร้านเพ็ทช็อปทั่วไปค่ะ ส่วนใหญ่จะเน้นหมาพันธุ์ยอดนิยมมากกว่า

ย้ำอีกครั้งว่า การซื้อสัตว์เลี้ยง สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา ค่ะ อย่าเห็นแก่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะได้น้องหมาที่ไม่แข็งแรง หรือมีปัญหาอื่นๆ ตามมาภายหลังได้ค่ะ

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปว่าเจ้าอัฟกัน ฮาวด์น่าสอย เอ้ย! น่ารับมาเลี้ยงไหม? คำตอบคือ น่ารับมาเลี้ยงมากๆ ถ้าคุณเป็นคนที่พร้อมจริงๆ ทั้งกายและใจค่ะ

น้องหมาพันธุ์นี้เหมาะกับคนที่:

• มีงบประมาณสูงพอสมควร: ทั้งค่าตัวน้อง และค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว (โดยเฉพาะค่ากรูมมิ่ง)
• มีเวลาและพร้อมทุ่มเทให้กับการดูแล: ต้องมีเวลาแปรงขน อาบน้ำ พาไปออกกำลังกาย และฝึกเค้าอย่างสม่ำเสมอ
• มีพื้นที่ให้เค้าได้วิ่งเล่น: น้องต้องการพื้นที่ในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี
• เข้าใจธรรมชาติของหมา Sighthound และยอมรับนิสัยที่เป็นตัวของตัวเองได้: เค้าอาจจะไม่ได้อ้อนเก่ง หรือเชื่อฟังคำสั่งแบบเป๊ะๆ แต่เค้ามีความซื่อสัตย์และเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
• อยากได้น้องหมาที่มีความพิเศษ ไม่เหมือนใคร สง่างาม และโดดเด่น: อันนี้คือจุดเด่นของเค้าเลยค่ะ!

ถ้าคุณสมบัติตรงตามนี้ เจ้าอัฟกัน ฮาวด์จะเป็นสมาชิกใหม่ที่นำพาความสุข ความสง่า และสีสัน (ในแง่ของขน!) มาสู่บ้านของคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ แต่ถ้าWorryเรื่องงบ หรือไม่มีเวลาดูแลเรื่องขนมากๆ อาจจะต้องพิจารณาดีๆ หรือมองหาหมาพันธุ์อื่นที่ดูแลรักษาง่ายกว่านะคะ การเลี้ยงน้องหมาคือความรับผิดชอบตลอดชีวิตเค้าค่ะ! คิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจนะคะทุกคนนน

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของทุกคนนะคะ ใครที่กำลังเล็งๆ เจ้าอัฟกัน ฮาวด์อยู่ ก็ขอให้ได้น้องหมาที่ถูกใจและมีสุขภาพแข็งแรงมาเป็นสมาชิกในครอบครัวค่ะ! บ๊ายบายยย!