มอเตอร์ไซค์ Royal Enfield มือสอง ราคาล่าสุด รุ่นไหนน่าเล่น คุ้มไหม?


สวัสดีวัยรุ่นสองล้อหัวใจคลาสสิก! ใครกำลังมองหามอเตอร์ไซค์สไตล์วินเทจขี่หล่อๆ สักคัน แต่ว่างบไม่ถึงรถใหม่เอี่ยมอ่อง มาฟังทางนี้เลยจ้า! วันนี้เราจะมาเจาะลึกตลาด Royal Enfield มือสอง ในไทยกันแบบหมดเปลือก ว่ารุ่นไหนน่าสอย ราคาเท่าไหร่ แล้วซื้อมือสองมันจะคุ้มจริงดิ? เตรียมสตาร์ทเครื่อง เอ้ย! เตรียมอ่าน แล้วไปตะลุยมหากาพย์มอเตอร์ไซค์ผู้ดีอังกฤษ (แต่ผลิตอินเดียนะ) กันเลย!
1. Royal Enfield มันคือรถอะไรกันนะ?
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก หรือแค่มองผ่านๆ ว่ารถทรงคลาสสิกๆ คันใหญ่ๆ หน่อย แบรนด์ Royal Enfield เนี่ย เค้าเป็นแบรนด์เก่าแก่มาจากประเทศอังกฤษโน่นนน มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1893 เลยนะ ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์มอเตอร์ไซค์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังผลิตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่ปัจจุบันเค้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Eicher Motors จากประเทศอินเดียแล้วนะจ๊ะ โรงงานผลิตหลักๆ ก็อยู่ที่อินเดียนี่แหละ
จุดเด่นของ Royal Enfield เลยก็คือ ดีไซน์ที่คงความคลาสสิกเหนือกาลเวลา! ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ทรงก็ยังดูหล่อ ดูวินเทจ ดูมีเสน่ห์สุดๆ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ชอบรถมอเตอร์ไซค์ที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน ไม่เน้นความเร็วแรงปรู๊ดปร๊าด แต่เน้นขี่หล่อๆ ชิลๆ กินลมชมวิว หรือจะเอาไปแต่งต่อก็ขึ้นทรงง่าย เพราะอะไหล่แต่งเพียบ! กลุ่มผู้ใช้ก็หลากหลายเลย ตั้งแต่วัยรุ่นที่ชอบความคลาสสิก ไปจนถึงรุ่นใหญ่ที่คิดถึงวันวาน รถเค้าขี่ง่าย ไม่จุกจิกมากนัก (สำหรับรุ่นใหม่ๆ นะ) แถมเสียงท่อก็เป็นเอกลักษณ์ ฟังแล้วรู้เลยว่า Royal Enfield มาแล้วจ้า!
2. ราคา Royal Enfield มือสองในไทยตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้! ราคา Royal Enfield มือสอง ในตลาดไทยเนี่ย บอกเลยว่ามีหลากหลายมากๆ ขึ้นอยู่กับรุ่น ปีรถ สภาพรถ เลขไมล์ และอุปกรณ์แต่งที่ติดมาด้วยนะ รุ่นยอดฮิตที่เจอบ่อยๆ ในตลาดมือสองก็จะมีตระกูล 350cc อย่าง Classic 350, Bullet 350, Meteor 350 หรือขยับขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นพวกรุ่น 650cc อย่าง Interceptor 650 กับ Continental GT 650
ราคาคร่าวๆ นะ (อันนี้เป็นราคาประมาณการมากๆ ต้องเช็คเป็นรายคันอีกที):
- รุ่น 350cc (Classic, Bullet, Meteor): ราคาเริ่มต้นอาจจะมีตั้งแต่ 60,000 - 120,000 บาท (฿) หรืออาจจะสูงกว่านี้ถ้าสภาพดีมากๆ หรือเป็นรุ่นใหม่ๆ หน่อย
- รุ่น 650cc (Interceptor, Continental GT): ราคาเริ่มต้นอาจจะเจอตั้งแต่ 120,000 - 180,000 บาท (฿) หรือสูงกว่านี้ก็มี
แหล่งที่จะเจอเยอะๆ เลยก็คือตามกลุ่มซื้อขายมอเตอร์ไซค์ใน Facebook โดยเฉพาะกลุ่มเฉพาะรุ่น Royal Enfield เนี่ยเยอะมาก! หรือจะไปส่องที่เว็บไซต์ขายรถมือสองอย่าง Kaidee ก็ได้นะ นอกจากนี้ ตามร้านมอเตอร์ไซค์มือสองใหญ่ๆ บางร้านก็มี Royal Enfield หลุดมาบ้างเหมือนกัน
เทียบกับราคารถใหม่ที่อาจจะเริ่มต้นประมาณแสนกลางๆ สำหรับรุ่น 350cc และสองแสนกลางๆ สำหรับรุ่น 650cc การซื้อมือสองช่วยประหยัดงบไปได้เยอะเลยนะจ๊ะ!
3. แล้วถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นล่ะ ราคาเป็นไง?
ถ้าจะเทียบกับมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิกอื่นๆ ในตลาดไทยเนี่ย Royal Enfield มือสองถือว่ามี ราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า คู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่นหรือยุโรปอยู่พอสมควรนะ อย่างถ้าเป็น Kawasaki W175 มือสอง ราคาก็อาจจะใกล้เคียงกันหรือถูกกว่านิดหน่อย แต่ถ้าเป็นรุ่นใหญ่ขึ้นมาอย่าง Kawasaki W800 หรือ Triumph Bonneville มือสองเนี่ย ราคาก็จะโดดไปสูงกว่า Royal Enfield 650cc มือสองเยอะเลย
คือ Royal Enfield เค้าวางตัวเองอยู่ในตลาดรถคลาสสิกที่เน้นความคุ้มค่า และให้ความรู้สึกวินเทจจริงๆ ถ้าเทียบกับราคาและสิ่งที่ได้ ทั้งดีไซน์ เครื่องยนต์ที่มีเอกลักษณ์ และกลุ่มผู้ใช้ที่ใหญ่ในไทย ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่อยากได้รถคลาสสิกในงบที่ไม่บานปลายนะจ๊ะ
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? ต้องเช็คอะไรบ้าง?
เวลาซื้อมอเตอร์ไซค์ Royal Enfield มือสอง เนี่ย สิ่งที่ได้มาหลักๆ เลยก็คือ ตัวรถ นั่นแหละ! แต่สิ่งที่ต้องเช็คให้ดีมากๆ มีดังนี้จ้า:
- สภาพรถ: อันนี้สำคัญสุด! ดูรอบคัน มีรอยล้ม รอยเฉี่ยว ชนหนักมามั้ย ลองจับ ลองขยับดูว่าแน่นหนารึเปล่า
- เครื่องยนต์: ลองสตาร์ทฟังเสียง (เครื่องเย็นจะดีที่สุด) มีเสียงแปลกๆ มั้ย เดินเบานิ่งรึเปล่า ลองบิดคันเร่งดู ควันไหลเยอะผิดปกติมั้ย
- เลขไมล์: ดูว่าเลขไมล์เท่าไหร่ รถปีอะไร วิ่งเยอะรึเปล่า แต่บางทีเลขไมล์ก็กรอได้นะ ต้องดูสภาพรถโดยรวมประกอบด้วย
- ระบบเบรก: ลองบีบเบรกหน้า เหยียบเบรกหลัง ดูว่าหนึบมั้ย ผ้าเบรกเหลือเยอะแค่ไหน
- ยาง: ดูปีที่ผลิตยาง ดอกยางยังเหลือเยอะมั้ย ยางแตกลายงารึเปล่า
- โซ่-สเตอร์: ดูว่ายังตึงอยู่มั้ย หรือใกล้หมดแล้ว
- ของเหลว: น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำยาหม้อน้ำ (ถ้ามีหม้อน้ำ) อยู่ในระดับปกติมั้ย สีเป็นยังไง
- เอกสาร: อันนี้สำคัญโคตรๆ! ต้องมี เล่มทะเบียน (สมุดคู่มือจดทะเบียน) ตัวจริงเท่านั้น! และต้องเป็นชื่อผู้ขายที่เรากำลังจะซื้อด้วยนะ ต้องเช็คเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ในเล่มให้ตรงกับรถด้วย! พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้เลย
- ประกัน: ส่วนใหญ่รถมือสอง ไม่มีประกันศูนย์ แล้วนะจ๊ะ แต่อาจจะมีประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เหลืออยู่ ก็ต้องเช็คดูให้ดี หรือถ้าซื้อจากร้านมือสองบางร้านอาจจะมี ประกันร้าน ให้สั้นๆ ก็ต้องสอบถามเงื่อนไขให้ละเอียด
- อุปกรณ์แต่ง: ถ้ามีอุปกรณ์แต่งมาด้วย เช่น ท่อแต่ง แฮนด์แต่ง กระจกแต่ง ต้องดูว่าชอบมั้ย และถูกต้องตามกฎหมายรึเปล่า
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ผู้ซื้อต้องออกเอง หรืออาจจะต้องนัดเจอเพื่อรับรถเองจ้า การนัดเจอดูรถจริงและทดลองขี่ก่อนตัดสินใจสำคัญที่สุดนะ!!
5. มีโปรโมชั่น หรือช่วงไหนน่าสอยเป็นพิเศษมั้ย?
สำหรับรถ Royal Enfield มือสอง เนี่ย มันจะไม่ได้มีโปรโมชั่นจัดหนักจัดเต็มเหมือนรถใหม่ช่วงเทศกาล 11.11 หรือ 12.12 หรอกนะจ๊ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ราคาดีๆ เลยนะ!
บางทีตามร้านมอเตอร์ไซค์มือสอง เค้าอาจจะมีจัดโปรโมชั่นเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย หรือบางทีเจ้าของรถเดิมที่ลงขายเอง อาจจะร้อนเงิน หรืออยากปล่อยรถเร็วๆ ก็อาจจะยอมลดราคาให้บ้าง
ช่วงที่น่าสนใจในการมองหารถมือสองอาจจะเป็นช่วงที่คนนิยมขายรถเพื่ออัพเกรดรุ่นใหม่ๆ หรือช่วงที่คนต้องการใช้เงินก้อนพิเศษ อย่างเช่น ช่วงก่อนเทศกาลใหญ่ๆ ที่คนต้องใช้เงิน หรือ ช่วงที่รุ่นใหม่เปิดตัว คนที่ใช้รุ่นเก่าก็อาจจะปล่อยรถเพื่อไปออกรุ่นใหม่
แต่จริงๆ แล้ว การซื้อรถมือสองมันไม่มีช่วงเวลาตายตัวหรอกจ้า โอกาสได้รถดีราคาโดนมันอยู่ที่ การเจรจาต่อรอง ล้วนๆ เลย! ถ้าเจอรถที่ถูกใจ สภาพดี ราคาพอรับได้ ลองต่อรองราคาดูเลยนะจ๊ะ อาจจะได้ลดอีกนิดหน่อยก็ได้ ใครจะไปรู้!
6. คนไทยที่ใช้ Royal Enfield มือสอง เค้าว่าไงกันบ้างนะ?
จากที่ส่องๆ ดูตามกลุ่มผู้ใช้ หรือฟังฟีดแบ็กจากคนรอบข้างที่ใช้ Royal Enfield ในไทยเนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ "ความหล่อ" และ "ความมีคาแรคเตอร์" ของรถเลยจ้า!
- หล่อคลาสสิก กินใจ: อันนี้คือจุดแข็งเลย ดีไซน์เค้าโดนใจคนไทยที่ชอบรถสไตล์วินเทจมากๆ ขี่ไปไหนคนก็มอง คนทัก!
- ฟีลลิ่งการขี่ที่เป็นเอกลักษณ์: เครื่องยนต์สูบเดียว (ในรุ่น 350) หรือสองสูบ (ในรุ่น 650) ให้ฟีลลิ่งการขี่และเสียงที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร
- เหมาะกับการขี่ชิลๆ ไม่รีบร้อน: รถเค้าไม่ได้ทำมาเพื่อความเร็วสูงสุด แต่เน้นการขี่แบบสบายๆ กินลมชมวิว เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนที่ไม่ชอบซิ่ง
- กลุ่มผู้ใช้เหนียวแน่น: Royal Enfield มีกลุ่มผู้ใช้ในไทยที่ค่อนข้างใหญ่ มีการรวมกลุ่ม จัดทริป แลกเปลี่ยนความรู้กัน ทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว
- อะไหล่แต่งเพียบ: อยากจะแต่งแนวไหน มีของให้เลือกเยอะมาก!
แต่ก็มีข้อที่คนอาจจะพูดถึงบ้าง เช่น น้ำหนักรถที่ค่อนข้างเยอะในบางรุ่น หรือเรื่องการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์สูบเดียวในรอบสูงๆ (ในรุ่นเก่าหน่อย) แต่โดยรวมแล้ว คนที่เลือก Royal Enfield มักจะรับได้กับข้อพวกนี้ เพราะเค้าได้สิ่งที่ต้องการจากแบรนด์นี้ไปแล้วนั่นคือ สไตล์และคาแรคเตอร์ จ้า!
7. จะไปหาซื้อ Royal Enfield มือสอง ได้จากช่องทางไหนดี?
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะสอย Royal Enfield มือสอง สักคัน มีหลายช่องทางให้เลือกเลยจ้า:
- กลุ่มซื้อขายใน Facebook: อันนี้คือแหล่งใหญ่สุดและคนนิยมสุดแล้ว! มีกลุ่มเฉพาะรุ่น Specific เลย เช่น กลุ่ม Interceptor 650/Continental GT 650, กลุ่ม Royal Enfield Classic/Bullet/Meteor 350 เข้าไปเลือกดูได้เลย มีคนลงขายเยอะมาก ข้อดีคือเจอเจ้าของโดยตรง ต่อรองง่าย แต่ต้องระวังเรื่องมิจฉาชีพ และต้องดูรถให้เป็นนะจ๊ะ
- เว็บไซต์ขายรถมือสองออนไลน์: อย่าง Kaidee หรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่รวมรถมือสอง ก็เป็นอีกทางเลือกนึง มีรถลงขายเยอะเหมือนกัน
- ร้านมอเตอร์ไซค์มือสอง: ตามร้านใหญ่ๆ หรือบางร้านที่เน้นรถสไตล์คลาสสิก อาจจะมี Royal Enfield มือสองเข้ามาบ้าง ข้อดีคือร้านมักจะเช็คสภาพมาให้ในระดับนึง บางทีอาจจะมีประกันร้านให้สั้นๆ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อจากเจ้าของโดยตรง
- ศูนย์บริการ Royal Enfield ที่มีรถ Trade-in: อันนี้ไม่บ่อยนัก แต่บางทีศูนย์บริการที่รับเทิร์นรถ อาจจะมีรถมือสองหลุดมาบ้าง ลองสอบถามดูได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นใหม่ๆ หน่อย
ช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee อาจจะมีร้านที่ขายอะไหล่มือสอง หรืออุปกรณ์แต่งมือสองนะ แต่ไม่น่าจะเจอตัวรถมอเตอร์ไซค์มือสองทั้งคันนะจ๊ะ
8. สรุปแล้ว Royal Enfield มือสอง น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
ถามว่า Royal Enfield มือสอง ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? ถ้าคุณเป็นคนที่ หลงใหลในมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิกวินเทจ มี งบประมาณจำกัด แต่อยากได้รถที่มี คาแรคเตอร์ชัดเจน ไม่เหมือนใคร และพร้อมที่จะดูแลรักษารถสไตล์นี้... บอกเลยว่า น่าซื้อมากๆ จ้า!
มันเหมาะกับคนที่:
- ชอบขี่รถแบบสบายๆ ไม่รีบร้อน เน้นกินลมชมวิว
- ชอบดีไซน์รถที่ดูคลาสสิกเหนือกาลเวลา
- อยากได้รถที่มีกลุ่มผู้ใช้ที่ใหญ่ในไทย แลกเปลี่ยนความรู้กันได้
- อยากเข้าสู่โลกของ Royal Enfield โดยไม่ต้องจ่ายราคารถใหม่เต็มๆ
ส่วนจะเลือกรุ่น 350cc หรือ 650cc ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและกำลังแขนเลยจ้า! รุ่น 350cc จะขี่ง่ายกว่า น้ำหนักเบากว่านิดหน่อย เหมาะกับการใช้งานในเมือง หรือออกทริปใกล้ๆ ส่วนรุ่น 650cc ก็ได้พละกำลังเพิ่มขึ้น ขี่ทางไกลสบายขึ้น ฟีลลิ่งเครื่องยนต์คนละแบบกัน ต้องลองไปคร่อม ไปลองสตาร์ทดูนะจ๊ะ
ข้อแนะนำสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อคือ พาคนที่มีความรู้เรื่องมอเตอร์ไซค์ไปช่วยดู หรือถ้าเป็นไปได้ นำรถไปให้ช่างที่ไว้ใจช่วยเช็คสภาพ ก่อนจ่ายเงิน จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวทีหลังนะจ๊ะ!
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเล็งๆ Royal Enfield มือสองอยู่ ขอให้เจอเนื้อคู่ เอ้ย! เจอรถที่ถูกใจ แล้วออกไปขี่หล่อๆ กันนะจ๊ะ! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว เต็มทริป Royal Enfield Classic 350 จริงไหมที่เขาว่า!??
- Royal Enfield Classic 350สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย ในรูปทรงแบบ ...
- ข้อเสีย RE650 ของคนใช้งานจริง Royal Enfield 650 หลังเปิดตัวมา3ปี
- Royal enfield meteor 350 ปี 2023 วิ่ง300โล มือสองคันแรก
- รีวิว Royal Enfield Rama 3 ราคาพิเศษ 6 รุ่น โปรช่วยดันช่วงโควิท ...
แนะนำสำหรับคุณ
ราคาเหล้าบางยี่ขัน: อัปเดตล่าสุด หาซื้อได้ที่ไหน?
ราคา หุ้น IPO บริษัท ZEN (ZEN Corporation Group) อัปเดตล่าสุด
ราคา Nikon D750 มือสอง: กล้อง Full Frame ตัวเก๋า ยังน่าใช้ไหมปี 2025
ราคา iPhone 4 ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคาทองคำย้อนหลัง วันที่ 12 กรกฎาคม 2562
ราคา iPhone 14 ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025