รีวิวสีย้อมผม Revlon ทุกเฉดสี ย้อมง่าย สีสวยชัด ติดทนนานจริงมั้ย


เบื่อไหมกับการเข้าร้านทำผมที่ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง? หรือเคยย้อมผมเองที่บ้านแล้วสีไม่ตรงปก ผมเสีย แถมกลิ่นฉุนจนแสบจมูก? วันนี้เราจะพาคุณมาเจาะลึก สีย้อมผม Revlon แบรนด์ยอดนิยมที่มีมานานนม ทั้ง Revlon Colorsilk, Revlon Top Speed และ Revlon Color ’n Care ว่าแต่ละสูตรมีจุดเด่นอะไร สีสวยชัด ย้อมง่าย และติดทนนานจริงไหม มาหาคำตอบพร้อมกันในบทความรีวิวฉบับจัดเต็มนี้!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: รู้จักสีย้อมผม Revlon แต่ละซีรีส์
Revlon มีผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมหลากหลายซีรีส์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้ ตั้งแต่การปิดผมขาว ไปจนถึงการเปลี่ยนลุคให้ทันสมัย
แบรนด์: Revlon (เรฟลอน)
ซีรีส์ยอดนิยม:
- Revlon Colorsilk Beautiful Color: ซีรีส์คลาสสิกที่โดดเด่นเรื่องสีผมธรรมชาติ ติดทนนาน พร้อมบำรุงด้วยเคราตินและเทคโนโลยี 3D Color Gel Formula เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสีผมสวยธรรมชาติและปิดผมขาวได้ 100%
- Revlon Luxurious ColorSilk Buttercream: สูตรครีมบัตเตอร์ที่เน้นการบำรุงเข้มข้น มอบสีผมที่เงางามและผมนุ่มลื่นหลังย้อม
- Revlon ColorSilk Urban Style: เน้นเฉดสีแฟชั่นที่ทันสมัย เช่น สีหม่นประกายเทา พร้อมคุณสมบัติไร้แอมโมเนียและบำรุงผม
- Revlon Top Speed Hair Color: โดดเด่นที่ความรวดเร็วในการทำสีภายใน 5-15 นาที เหมาะสำหรับการปกปิดผมขาวเร่งด่วน หรือผู้ที่ไม่มีเวลา มักเป็นสูตรไม่มีแอมโมเนียและมีสารบำรุง
- Revlon Color ‘n Care: สูตรบำรุงเข้มข้นด้วยน้ำมันธรรมชาติ 4 ชนิด (อาร์แกน, ทานตะวัน, มะพร้าว, โจโจ้บา) และเชียบัตเตอร์ ให้สีผมสวยเงางาม และติดทนนานถึง 8 สัปดาห์ พร้อมปิดผมขาว 100%
ช่วงราคา: ประมาณ 144 – 400 บาท (ขึ้นอยู่กับซีรีส์และโปรโมชั่น)
ตำแหน่งสินค้า: เป็นผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่เน้นการทำเองที่บ้าน เหมาะสำหรับ * ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมด้วยตัวเองในราคาประหยัด * ผู้ที่ต้องการปกปิดผมขาวได้อย่างแนบเนียน * ผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ * ผู้ที่ต้องการสีผมสวยติดทนนานและดูเป็นธรรมชาติ
สรุปจุดเด่นหลัก:
- ปราศจากแอมโมเนีย: หลายซีรีส์เป็นสูตรไม่มีแอมโมเนีย ทำให้กลิ่นไม่ฉุน ไม่แสบจมูก
- สีสวยชัด ติดทนนาน: ด้วยเทคโนโลยี 3D Color Gel Technology (ใน Colorsilk) ช่วยให้สีผมแลดูเป็นธรรมชาติ สีสม่ำเสมอในทุกมิติ และติดทนนาน
- บำรุงเส้นผมล้ำลึก: ผสมสารบำรุง เช่น เคราติน, ซิลค์โปรตีน, อาร์แกนออยล์, เชียบัตเตอร์ ทำให้ผมไม่แห้งเสียหลังทำสี แต่กลับนุ่มสลวย เงางาม
- ใช้ง่าย ทำเองได้ที่บ้าน: ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน
- ปกปิดผมขาวได้ดีเยี่ยม: หลายซีรีส์เคลมว่าปกปิดผมขาวได้ 100%
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก
กล่องสีย้อมผม Revlon มาในดีไซน์ที่ดูเรียบหรู แต่ละซีรีส์จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป สีสันบนกล่องมักจะสื่อถึงเฉดสีด้านใน ทำให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ
การออกแบบ: กล่องขนาดกะทัดรัด ตัวขวดผสมน้ำยาออกแบบมาให้จับถนัดมือ เพื่อความสะดวกในการใช้งานด้วยตัวเอง
วัสดุที่ใช้: บรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกและกระดาษแข็ง แข็งแรงทนทาน
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: โดยทั่วไปแล้ว ชุดสีย้อมผม Revlon จะประกอบด้วย:
- ครีมเปลี่ยนสีผม (Color Cream)
- น้ำยาผสมสี (Developer)
- ถุงมือพลาสติก
- คู่มือการใช้งานแบบละเอียด
- ทรีทเม้นท์หรือครีมนวดผมหลังทำสี (After-Color Conditioner/Booster) ที่หลายคนชื่นชอบว่าช่วยให้ผมนุ่มมาก
- บางซีรีส์อย่าง Revlon Top Speed อาจมีหวีสำหรับย้อมผมมาให้ด้วย ทำให้การลงสีง่ายขึ้น
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: สีสวยชัด ไม่แสบ ไม่ฉุน
หัวใจสำคัญของสีย้อมผมคือเรื่องของสีที่ได้และความอ่อนโยนต่อเส้นผม ซึ่ง Revlon ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว
การเตรียมและผสม: การเตรียมและผสมน้ำยาทำได้ง่าย เพียงเทส่วนผสมลงในขวดที่ให้มา แล้วเขย่าให้เข้ากัน บางซีรีส์เช่น Top Speed สามารถบีบน้ำยาลงบนหวีได้โดยตรง ไม่ต้องใช้ถ้วยผสม
กลิ่น: จุดเด่นที่หลายคนประทับใจคือ กลิ่นที่ไม่ฉุน เพราะส่วนใหญ่เป็นสูตรปราศจากแอมโมเนีย ทำให้การย้อมผมที่บ้านเป็นประสบการณ์ที่ดีขึ้นมาก ไม่แสบตา ไม่แสบจมูก
เนื้อสัมผัสและการทา: เนื้อครีมมีความข้นกำลังดี ไม่หยดเลอะเทอะ ทำให้ควบคุมการลงสีได้ง่าย สามารถลงสีได้ทั่วถึงทั้งศีรษะ
สีที่ได้: * สีสวยเป็นธรรมชาติ: ผู้ใช้หลายคนรีวิวว่าได้สีผมที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ * สีตรงปก (ส่วนใหญ่): สำหรับ Revlon Colorsilk บางเฉดสีค่อนข้างตรงกับสีบนกล่องเมื่อย้อมบนผมที่พื้นสีใกล้เคียง แต่บางรีวิวก็ระบุว่าสีอาจเพี้ยนไปบ้าง ขึ้นอยู่กับพื้นสีผมเดิม * ความชัดของสี: สีมีความชัดเจนและสม่ำเสมอตั้งแต่โคนจรดปลาย * การปกปิดผมขาว: Revlon หลายซีรีส์ โดยเฉพาะ Colorsilk และ Color ‘n Care ได้รับคำชมว่าปกปิดผมขาวได้ 100% และแนบสนิท
ตัวอย่างเฉดสีและผลลัพธ์ (จากรีวิวผู้ใช้):
- Light Ash Brown (เบอร์ 50): ให้สีน้ำตาลเทาอ่อน ดูหม่นๆ ไม่สว่างเกินไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประกายเทาให้ผมสีน้ำตาลเข้ม
- Truffle Choco Ash (เบอร์ 29): สีน้ำตาลช็อกโกแลตหม่นประกายเทา ให้ลุคชิคและทันสมัย
- Dark Brown (เบอร์ 30): น้ำตาลเข้ม ให้ลุคธรรมชาติ เหมาะสำหรับปิดผมขาว
- Medium Golden Brown (เบอร์ 43, 46): ให้สีน้ำตาลประกายทอง ทำให้หน้าดูสว่างและละมุนขึ้น
- Matcha Beige (เบอร์ 38): ทำให้เส้นผมดูมีชีวิตชีวา
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้
Revlon ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถทำสีผมเองที่บ้านได้อย่างสะดวกสบาย
- ใช้ง่าย: ขั้นตอนการย้อมไม่ซับซ้อน มีคู่มือที่เข้าใจง่าย การแบ่งผมเป็นส่วนๆ และค่อยๆ ลงน้ำยาจากโคนไปปลายช่วยให้สีทั่วถึง
- ระยะเวลา: โดยทั่วไปทิ้งไว้ประมาณ 25 นาทีสำหรับสีทั่วไป หรือ 30 นาทีสำหรับผมขาวที่ย้อมติดยาก สำหรับ Revlon Top Speed ใช้เวลาเพียง 5-15 นาที ทำให้ประหยัดเวลาอย่างมาก
- ความสบายระหว่างใช้งาน: เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสูตรไม่มีแอมโมเนีย จึงไม่มีกลิ่นฉุน ไม่แสบหนังศีรษะขณะย้อม
- การล้างออก: ล้างออกง่าย ไม่เป็นคราบเลอะเทอะ
- ผลลัพธ์หลังล้าง: หลังจากล้างสีออกและใช้ครีมนวดที่ให้มา ผมจะรู้สึกนุ่มลื่น ไม่แห้งกร้าน บางคนถึงกับประทับใจครีมนวดที่มาในชุดเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นข้อดีที่โดดเด่นของ Revlon
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว
ในบริบทของสีย้อมผม เราจะประเมินเรื่อง “ความคุ้มค่า” และ “ความทนทานของสี”
ระยะเวลาการติดทนของสี: * ติดทนนาน: หลายรีวิวระบุว่าสีผม Revlon ติดทนนาน บางซีรีส์เช่น Revlon Color 'n Care เคลมว่าสีติดทนถึง 8 สัปดาห์ * การจางของสี: บางคนอาจพบว่าสีจางลงตามกาลเวลา โดยเฉพาะสีที่สว่างหรือสีแฟชั่น แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจสำหรับสีย้อมผมแบบกล่อง
ค่าใช้จ่ายระยะยาวและความคุ้มค่า: * ประหยัดกว่าซาลอน: การย้อมผมด้วย Revlon ที่บ้านมีราคาถูกกว่าการไปทำที่ร้านเสริมสวยอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการทำสีผมบ่อยๆ หรือดูแลโคนผมขาวด้วยตัวเอง * ผมไม่เสียมาก: ด้วยส่วนผสมบำรุงในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผมไม่ค่อยเสียหลังทำสี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงผมเพิ่มเติมในระยะยาว
6. ข้อดี-ข้อเสีย
จากการรวบรวมข้อมูลและประสบการณ์ผู้ใช้ Revlon มีทั้งข้อดีที่โดดเด่นและข้อสังเกตบางประการ
ข้อดี:
- ปราศจากแอมโมเนียและกลิ่นไม่ฉุน: เป็นจุดแข็งที่ทำให้การย้อมผมเองเป็นเรื่องง่ายและสบาย
- ผมไม่แห้งเสียหลังทำสี: ครีมนวดที่มาในกล่องมีคุณภาพดี ช่วยบำรุงให้ผมนุ่มลื่น
- สีสวยชัด ติดทนนาน: สีที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและมีความสม่ำเสมอ
- ปกปิดผมขาวได้ดี: ทำได้ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมขาว
- ราคาเข้าถึงง่าย: คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพและผลลัพธ์ที่ได้
ข้อเสีย:
- สีที่ได้อาจไม่ตรงตามกล่อง 100%: ขึ้นอยู่กับพื้นสีผมเดิมของแต่ละบุคคล
- อาจทำให้ผมแห้งเล็กน้อยในบางราย: แม้จะมีส่วนผสมบำรุง แต่บางสภาพผมอาจยังรู้สึกแห้งได้บ้าง
- ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสีแฟชั่นจัดจ้าน: Revlon ส่วนใหญ่เน้นสีที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าสีแฟนซีที่ต้องกัดสีผมหลายครั้ง
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ
สีย้อมผม Revlon เหมาะกับผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม
เหมาะกับผู้ใช้แบบไหน:
- ผู้เริ่มต้นย้อมผมเอง: ด้วยความง่ายในการใช้งานและกลิ่นที่ไม่ฉุน
- ผู้ที่ต้องการปกปิดผมขาว: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปิดผมขาวได้อย่างแนบเนียนและรวดเร็ว
- ผู้ที่ต้องการสีผมธรรมชาติ: หากคุณชอบสีผมที่ดูสุภาพ ไม่ฉูดฉาด แต่ยังคงความสวยงาม
- ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย: คุ้มค่ากว่าการไปทำที่ซาลอน
- ผู้ที่ทำสีผมบ่อย: ด้วยความอ่อนโยนของสูตร ช่วยลดการสะสมสารเคมีและผมเสีย
ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า? สีย้อมผม Revlon มักมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่เสมอตามร้านค้าออนไลน์และดรักสโตร์ต่างๆ การซื้อในช่วงโปรโมชั่นจะช่วยให้ได้ราคาที่คุ้มค่ายิ่งขึ้นไปอีก
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (Revlon Colorsilk vs. แบรนด์อื่น)
เมื่อเทียบกับสีย้อมผมแบรนด์อื่นในตลาดที่เน้นการทำเองที่บ้าน Revlon Colorsilk มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ L'Oreal
- Revlon Colorsilk vs. L'Oreal: ผู้ใช้บางคนพบว่า Revlon มีกลิ่นที่อ่อนโยนกว่าและไม่แสบหนังศีรษะเท่า L'Oreal และสีที่ได้ค่อนข้างตรงตามกล่องมากกว่าในบางกรณี อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบรนด์ต่างก็เป็นที่นิยมและให้ผลลัพธ์ที่ดี ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและสภาพผม
- เทียบกับแบรนด์ที่ราคาใกล้เคียง: Revlon มักจะโดดเด่นในเรื่องของสูตรปราศจากแอมโมเนียและครีมนวดคุณภาพสูงที่ให้มาในกล่อง ซึ่งทำให้รู้สึกว่าผมได้รับการบำรุงที่ดีกว่าหลังทำสี
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ
ผลิตภัณฑ์ Revlon หาซื้อได้ง่ายและมีการรับประกันคุณภาพตามมาตรฐานของสินค้าทั่วไป
- การรับประกัน: สินค้ามีมาตรฐานการผลิตที่ดี หากพบปัญหาจากตัวผลิตภัณฑ์ สามารถติดต่อผู้จัดจำหน่ายได้ตามนโยบาย
- ช่องทางการซื้อ:
- ร้านค้าออนไลน์: Lazada, Shopee เป็นช่องทางหลักที่หาซื้อได้ง่าย มีโปรโมชั่นและส่วนลดบ่อยครั้ง รวมถึงโค้ดส่งฟรี
- ร้านค้าปลีกและดรักสโตร์: Boots, Watsons, Tops, Big C, Lotus’s และเคาน์เตอร์ Revlon ในห้างสรรพสินค้าก็มีจำหน่ายเช่นกัน
- โปรโมชั่นและส่วนลด: มักมีการจัดโปรโมชั่น "ซื้อ 1 แถม 1" หรือลดราคาพิเศษ รวมถึงการผ่อนชำระ 0% ในบางแพลตฟอร์ม
- ระยะเวลาการจัดส่ง: โดยทั่วไปการสั่งซื้อออนไลน์ใช้เวลา 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ
หากคุณกำลังมองหาสีย้อมผมที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสีสวยชัด ใช้ง่าย อ่อนโยนต่อเส้นผม และราคาคุ้มค่า สีย้อมผม Revlon คือคำตอบที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
จากผลการเปรียบเทียบและทดสอบ สีย้อมผม Revlon โดยเฉพาะซีรีส์ Colorsilk นั้น แนะนำให้ซื้อ! เหมาะสำหรับ:
- ผู้เริ่มต้น: ทำสีผมเองที่บ้านได้ไม่ยาก แม้ไม่มีประสบการณ์
- ผู้ที่ต้องการปกปิดผมขาว: ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและแนบสนิท
- ผู้ที่ต้องการสีผมธรรมชาติและสุขภาพดี: สูตรที่ปราศจากแอมโมเนียและมีสารบำรุงช่วยให้ผมไม่เสียและดูเงางาม
สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด หรือต้องการความรวดเร็ว Revlon Top Speed ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ด้วยการทำสีที่เสร็จภายในไม่กี่นาที ในขณะที่ Revlon Color 'n Care ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษและสีผมที่ติดทนนานเป็นสัปดาห์
ไม่ว่าคุณจะเลือกซีรีส์ไหนของ Revlon มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้สีผมที่สวยงามและเส้นผมที่ได้รับการดูแลอย่างดี คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปแน่นอน!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
Garmin GDR E530 รีวิวกล้องติดรถยนต์: ชัด ทน อุ่นใจทุกการเดินทางไหม?
Bath & Body Works กลิ่นไหนหอม? รีวิวกลิ่นยอดนิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
รีวิว Harley-Davidson Sportster Iron 1200: ตำนานคลาสสิก สไตล์ดุดัน
รีวิว กระเป๋าเป้ Anello กันน้ำ: สะพายไปเที่ยว ลุยฝน ของข้างในปลอดภัยจริงหรือ?
รีวิว Park Origin ทองหล่อ: คอนโดหรูใจกลางเมือง ชีวิตดี๊ดีสมราคาไหม?
รีวิว Argus Car Hire: บริการเช่ารถต่างประเทศ ประสบการณ์เป็นอย่างไร?