รีวิวแอนิเมชัน Turning Red เขินแรงแดงเป็นแพนด้า จาก Pixar สนุกและซึ้งแค่ไหน


เคยรู้สึกไหมว่าตัวเองกำลัง “เขินแรงแดงเป็นแพนด้า” ในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ? นั่นคือความรู้สึกที่แอนิเมชันเรื่องเยี่ยมจาก Pixar อย่าง Turning Red พาเราไปสำรวจ! หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่ภาพสวย แต่ยังพาเราดำดิ่งสู่โลกของเด็กสาววัย 13 ปีที่กำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ทั้งเรื่องฮอร์โมน มิตรภาพ และการค้นหาตัวเอง แล้วหนังเรื่องนี้จะสนุก ซึ้ง และ “โดนใจ” แค่ไหน เราจะพาไปเจาะลึกทุกประเด็นที่คุณอยากรู้ในบทความรีวิวฉบับนี้!
1. ภาพรวมแอนิเมชัน: ทำความรู้จักกับแพนด้าแดงตัวจิ๋ว
สตูดิโอ: Pixar Animation Studios (จัดจำหน่ายโดย Walt Disney Studios Motion Pictures)
ปีที่ออกฉาย: 2022
แนว: แอนิเมชัน, ตลก, ดราม่า, แฟนตาซี, Coming-of-Age
ผู้กำกับ: Domee Shi
การวางตำแหน่ง: เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่เน้นเรื่องราวการก้าวผ่านวัย (Coming-of-Age) ที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น และผู้ปกครองที่ต้องการเข้าใจลูกหลานมากขึ้น
จุดเด่นหลัก:
- เรื่องราวการเติบโตของวัยรุ่นที่แปลกใหม่: ใช้การกลายร่างเป็นแพนด้าแดงเป็นภาพเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และร่างกาย
- ความสัมพันธ์แม่ลูกที่ซับซ้อน: สำรวจประเด็นความคาดหวังของครอบครัวและวัฒนธรรมเอเชีย
- มิตรภาพอันแข็งแกร่ง: กลุ่มเพื่อนสาวที่พร้อมสนับสนุนกันเสมอ
- สไตล์ภาพที่เป็นเอกลักษณ์: ได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมะญี่ปุ่น ยุค 90s และต้นยุค 2000s
- เพลงประกอบติดหู: เพลงของวงบอยแบนด์สมมติ 4*Town ที่แต่งโดย Billie Eilish และ Finneas O'Connell
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก (งานภาพและสไตล์แอนิเมชัน)
Turning Red มาพร้อมงานภาพที่สดใส มีชีวิตชีวา และแตกต่างจากงาน Pixar เรื่องก่อนๆ อย่างชัดเจน สไตล์การออกแบบตัวละครและฉากได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจาก อนิเมะญี่ปุ่น ในยุค 90s และต้นปี 2000s ซึ่งเป็นช่วงวัยเด็กของผู้กำกับ Domee Shi
ตัวละครมีการแสดงอารมณ์ที่เกินจริงและมีพลังงานสูง ดวงตาแสดงออกได้หลากหลาย ตั้งแต่เปล่งประกายด้วยความสุขไปจนถึงเล็กจิ๋วเมื่อตกใจ การเคลื่อนไหวบางครั้งมีการใช้เทคนิคแบบ 2D ผสมผสานกับการสร้างแบบ 3D อันเป็นเอกลักษณ์ของ Pixar ทำให้เกิดความรู้สึก "Chunky Cute" คือมีความกลมมน น่ารัก และจับต้องได้
การใช้สีในเรื่องมีความ สดใสและพาสเทล บรรยากาศของเมืองโตรอนโตในปี 2002 ถูกถ่ายทอดออกมาในแบบที่นุ่มนวล มีสีสันราวกับมองผ่านเลนส์ของเด็กสาววัย 13 รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น แฟชั่นยุค Y2K, Tamagotchi และบอยแบนด์ ก็ถูกใส่เข้ามาเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศของยุคสมัยได้อย่างลงตัว
3. ประสบการณ์ในการรับชม: ดำดิ่งสู่โลกวัยรุ่นที่ป่วนสุดๆ
แก่นหลักของ Turning Red คือเรื่องราวของ เหมยลิน "เหมย" หลี่ (พากย์เสียงโดย Rosalie Chiang) เด็กหญิงจีน-แคนาดาวัย 13 ปี ที่กำลังเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนของวัยแรกรุ่น โดยเฉพาะเมื่อเธอต้องพบว่าทุกครั้งที่เธอมีอารมณ์รุนแรง ไม่ว่าจะตื่นเต้น ดีใจ หรือโกรธจัด เธอก็จะกลายร่างเป็น แพนด้าแดงตัวใหญ่ยักษ์ ทันที!
หนังใช้การกลายร่างเป็นแพนด้าแดงเป็น สัญลักษณ์เปรียบเทียบ (metaphor) ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์ในวัยแรกรุ่น ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความรู้สึกที่ยากจะควบคุม รวมถึงการที่ผู้ปกครองพยายามจะควบคุมมันเอาไว้
หนังสำรวจประเด็น ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาว (เหมยลินกับหมิง แม่ที่เข้มงวดและหวงลูกมาก พากย์เสียงโดย Sandra Oh) ได้อย่างลึกซึ้งและละเอียดอ่อน ความขัดแย้งระหว่างการเป็นลูกสาวที่ดีตามความคาดหวังของครอบครัว กับการเป็นตัวเองที่ต้องการอิสระและความสนุกสนานตามประสาวัยรุ่น ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างน่าติดตาม
นอกจากนี้ มิตรภาพของกลุ่มเพื่อนสาวของเหมยลิน ทั้งมีเรียม, พรียา และแอ๊บบี้ ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้หนังเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ พวกเธอเป็นตัวแทนของกลุ่มเพื่อนที่เข้าใจและยอมรับในตัวตนของเหมยลิน ไม่ว่าเธอจะอยู่ในร่างมนุษย์หรือแพนด้าก็ตาม
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการดู
Turning Red เป็นแอนิเมชันที่ดูง่าย เข้าใจง่าย แม้จะมีประเด็นซับซ้อนอย่างการก้าวผ่านวัยและวัฒนธรรม แต่ก็ถูกเล่าผ่านมุมมองของตัวละครวัยรุ่นที่สดใสและตรงไปตรงมา การดำเนินเรื่องลื่นไหล มีทั้งช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา และช่วงเวลาที่ซาบซึ้งกินใจจนอาจมีน้ำตาซึม
การที่ตัวละครหลักอย่างเหมยลินมีการ "ทลายกำแพงที่สี่" (fourth wall) ด้วยการพูดคุยกับผู้ชมโดยตรงเป็นครั้งแรกของ Pixar ก็เป็นลูกเล่นที่ช่วยเพิ่มอรรถรสและทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครได้มากขึ้น มุกตลกที่สอดแทรกเข้ามามีความทันสมัยและเข้าถึงผู้ชมได้หลากหลาย ทั้งมุกตลกสถานการณ์และมุกตลกที่อิงกับวัฒนธรรมป๊อปยุค 2000s
สำหรับเด็กและผู้ปกครอง หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนสะพานที่ช่วยให้เกิดการพูดคุยกันถึงเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์ในวัยแรกรุ่นได้อย่างเปิดเผยและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
5. คุณค่าในระยะยาว: แอนิเมชันที่จะอยู่ในใจอีกนาน
Turning Red ไม่ได้เป็นเพียงแอนิเมชันที่สนุกในครั้งแรกที่ดู แต่เป็นภาพยนตร์ที่มี คุณค่าในการรับชมซ้ำ (re-watchable) สูง เพราะทุกครั้งที่กลับมาดู อาจจะพบรายละเอียดใหม่ๆ หรือมุมมองที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว ก็จะยิ่งเข้าใจและอินกับเรื่องราวได้มากขึ้น
หนังเรื่องนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ Pixar ในแง่ของการนำเสนอประเด็นที่ "จริง" และ "เป็นธรรมชาติ" ของการก้าวผ่านวัย รวมถึงการกล้าที่จะพูดถึงเรื่องราวเฉพาะทางวัฒนธรรมได้อย่างเข้าถึง มันเป็นเครื่องยืนยันว่า Pixar ยังคงเป็นสตูดิโอที่กล้าคิด กล้าทำ และไม่หยุดพัฒนาในการเล่าเรื่อง
การเป็นแอนิเมชันที่ฉายบน Disney+ ทำให้เข้าถึงได้ง่ายและคุ้มค่าสำหรับสมาชิก สามารถรับชมได้เรื่อยๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
6. ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี:
- นำเสนอประเด็นวัยแรกรุ่นและประจำเดือนได้อย่างตรงไปตรงมา: กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ภาพยนตร์อนิเมชันไม่ค่อยพูดถึง
- ความสัมพันธ์แม่ลูกที่ลึกซึ้ง: สะท้อนความซับซ้อนของความรัก ความห่วงใย และความคาดหวัง
- งานภาพมีสไตล์เป็นของตัวเอง: ได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมะ ทำให้ดูแปลกใหม่และน่าสนใจ
- ตัวละครมีมิติและน่าจดจำ: โดยเฉพาะเหมยลินและกลุ่มเพื่อน
- เพลงประกอบติดหู: เพลงของ 4*Town สนุกและเข้ากับยุค 2000s
ข้อเสีย:
- เนื้อหาอาจจะเฉพาะกลุ่มเกินไป: บางประเด็นอาจเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่าสำหรับผู้ชมที่เติบโตมาในวัฒนธรรมเอเชีย หรือผู้หญิงที่เคยผ่านช่วงวัยรุ่นแบบนี้
- บางคนอาจรู้สึกว่า “วุ่นวาย” เกินไป: ความปั่นป่วนของอารมณ์วัยรุ่นและพลังงานของตัวละครอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าในช่วงแรก
- ประเด็นความขัดแย้งแก้ไขได้รวดเร็ว: บางคนอาจรู้สึกว่าการคลี่คลายปมปัญหาแม่ลูกเกิดขึ้นเร็วไปเล็กน้อย
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการรับชม
Turning Red เหมาะกับ:
- วัยรุ่นโดยเฉพาะช่วงอายุ 10-15 ปี: ที่กำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์
- ผู้ปกครอง: ที่ต้องการเข้าใจความคิดและความรู้สึกของลูกวัยรุ่นมากขึ้น
- ผู้ที่ชื่นชอบแอนิเมชันจาก Pixar: และอยากเห็นความแปลกใหม่ในการเล่าเรื่อง
- ผู้ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมเอเชียและอนิเมะ: จะเพลิดเพลินกับงานภาพและมุกตลกที่สอดแทรก
ควรดูเลยไหม? หากคุณกำลังมองหาแอนิเมชันที่มีเนื้อหาแปลกใหม่ กล้าที่จะพูดเรื่องราวที่ปกติถูกมองข้าม และเต็มไปด้วยพลังงานบวกและมิตรภาพที่น่ารัก ไม่ควรพลาดเด็ดขาด!
8. เปรียบเทียบกับแอนิเมชันที่คล้ายกัน
เมื่อเทียบกับแอนิเมชัน Coming-of-Age ของ Pixar ด้วยกันอย่าง Inside Out (ที่เน้นเรื่องอารมณ์ภายใน) หรือ Luca (ที่เน้นมิตรภาพและการค้นหาตัวเองในบริบทของฤดูร้อน) Turning Red มีความโดดเด่นในด้านการเจาะลึกประเด็น การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและชีวภาพ ของวัยรุ่นได้อย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาที่สุด
และด้วยสไตล์ภาพที่ได้รับอิทธิพลจากอนิเมะ ทำให้ Turning Red มีความแตกต่างจากงานอื่นๆ ของ Pixar ที่มักจะเน้นความสมจริงของ CG Animation มากกว่า นี่จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่าสนใจของสตูดิโอในการขยายขอบเขตงานสร้างสรรค์ของตัวเอง
9. ช่องทางการรับชม
Turning Red ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 11 มีนาคม 2022 โดยฉาย เฉพาะบนบริการสตรีมมิง Disney+ ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย สำหรับสมาชิก Disney+ สามารถรับชมได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ในบางประเทศที่ไม่มีบริการ Disney+ อาจมีการฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งทำให้การเข้าถึงในภาพรวมค่อนข้างง่ายดายสำหรับผู้ที่มีบัญชี Disney+
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ (คำแนะนำในการรับชม)
จากทั้งหมดที่กล่าวมา Turning Red เป็นแอนิเมชันจาก Pixar ที่ แนะนำให้รับชมอย่างยิ่ง!
เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับ ผู้เริ่มต้น ที่อยากลองดูแอนิเมชันที่เล่าเรื่องการก้าวผ่านวัยในมุมที่แตกต่าง และแน่นอนว่าเหมาะกับผู้ชมทุกเพศทุกวัยที่เปิดใจรับเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่ง
หากคุณเป็นวัยรุ่นที่กำลังสับสนกับอารมณ์และร่างกายของตัวเอง หรือเป็นผู้ปกครองที่กำลังพยายามทำความเข้าใจลูกหลาน Turning Red จะเป็นเหมือนคู่มือที่ช่วยให้คุณหัวเราะ ร้องไห้ และเข้าใจกันมากขึ้น ลองเปิดใจให้แพนด้าแดงตัวโตตัวนี้ แล้วคุณจะพบว่าการ "เขินแรงแดงเป็นแพนด้า" นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติที่สวยงามของชีวิต!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว Hourglass Vanish Seamless Finish Foundation Stick: รองพื้นสติ๊ก ปกปิดเรียบเนียน คุมมัน กันน้ำไหม
Bath & Body Works กลิ่นไหนหอม? รีวิวกลิ่นยอดนิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
รีวิว Nutri Master Astaxanthin Plus: อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวและสายตา ได้ผลจริงไหม?
Garmin GDR E530 รีวิวกล้องติดรถยนต์: ชัด ทน อุ่นใจทุกการเดินทางไหม?
รีวิว Charlotte Tilbury Magic Cream: ครีมบำรุงผิวตัวดัง ผิวอิ่มฟู ฉ่ำโกลว์จริงไหม?
Clarins สำหรับผู้ชาย รีวิว: สกินแคร์ดูแลผิวผู้ชาย น่าใช้ไหม? ผลลัพธ์เป็นอย่างไร?