สวัสดีค่าาา เหล่าพี่น้องผองเพื่อนนักช้อปออนไลน์ที่น่ารักทุกคน! ไหนใครกำลังปวดหัวกับปัญหา Wi-Fi กากๆ สัญญาณไปไม่ถึง อารมณ์เสียทุกทีที่เดินเข้ามุมอับในบ้านแล้วเน็ตดับบ้างคะ? โดยเฉพาะบ้านเราๆ นี่แหละค่ะ ทั้งใหญ่ ทั้งหลายชั้น ไหนจะผนังปูนหนาๆ อีก ตัวปล่อยสัญญาณตัวเดียวเอาไม่อยู่จริงๆ! แต่มันจะไม่ใช่ปัญหาโลกแตกอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะวันนี้ดิฉัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวยงของประเทศไทย จะมาไขความลับและแนะนำตัวช่วยเด็ดที่เรียกว่า “Mesh WiFi” ค่ะ! เตรียมตัวโบกมือลาจุดอับสัญญาณ แล้วมาเปิดประตูสู่โลกอินเทอร์เน็ตที่แรง ครอบคลุมทั่วทุกตารางนิ้วในบ้านกันแบบไม่มีสะดุด เหมือนมี Wi-Fi ส่วนตัวตามติดไปทุกที่! มาดูกันว่าปี 2025 นี้ มี Mesh WiFi ยี่ห้อไหนน่าสอย น่าโดนบ้าง ที่สำคัญคือเลือกยังไงให้ตรงใจ ตรงงบ แถมยังได้เน็ตแรงจุใจเหมือนนั่งติดเราเตอร์ตลอดเวลา มาค่ะ! พร้อมแล้วไปลุยกันเลยยยย!
1. TP-Link Deco X20
- ชื่อแบรนด์: TP-Link
- ชื่อสินค้า: TP-Link Deco X20 (แพ็ค 3 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 6,500 - 8,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: TP-Link Deco X20 คือ Mesh WiFi ระบบ AX1800 ที่รองรับมาตรฐาน Wi-Fi 6 ช่วยให้การเชื่อมต่อรวดเร็ว เสถียร และรองรับอุปกรณ์ได้จำนวนมาก เหมาะสำหรับบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีอุปกรณ์ IoT เยอะๆ ด้วยเทคโนโลยี OFDMA ช่วยลดความหน่วง ทำให้ทุกคนในบ้านออนไลน์พร้อมกันได้แบบสบายๆ ไม่ต้องแย่งแบนด์วิธกัน ติดตั้งง่าย จัดการทุกอย่างผ่านแอปฯ Deco บนมือถือได้เลย ดีไซน์สวยงาม เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นได้สบาย เป็นตัวเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่อยากอัปเกรดระบบ Wi-Fi ในบ้านให้ครอบคลุมและแรงขึ้นค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: รองรับ Wi-Fi 6, ติดตั้งง่ายผ่านแอปฯ, ครอบคลุมพื้นที่ได้ดี, รองรับอุปกรณ์ได้เยอะ, ดีไซน์สวยงาม
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบ Mesh Wi-Fi อัจฉริยะ: ทำงานร่วมกันเป็นโครงข่ายเดียว ให้สัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมทั่วบ้านแบบไร้รอยต่อ เมื่อคุณเดินไปมาระหว่างห้อง อุปกรณ์ของคุณจะสลับการเชื่อมต่อไปยังโหนด Deco ที่ให้สัญญาณดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยต่อ Wi-Fi ใหม่เองให้หงุดหงิด ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุดเหมือนมี Wi-Fi เดียวทั่วทั้งบ้านเลยค่ะ
- การจัดการผ่านแอปฯ Deco: ควบคุมและตั้งค่าระบบ Mesh Wi-Fi ทั้งหมดได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการดูสถานะเครือข่าย, จัดลำดับความสำคัญของอุปกรณ์ (QoS), ตั้งค่า Parental Controls ควบคุมการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมของลูกๆ, สร้างเครือข่ายสำหรับแขก หรือแม้แต่ดูว่าใครกำลังใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่ สะดวกสบายมากๆ ค่ะ
- HomeShield Security: มีระบบความปลอดภัย HomeShield จาก TP-Link ช่วยปกป้องอุปกรณ์ IoT ในบ้านของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ มีฟังก์ชันป้องกัน DDoS, ตัวสแกนความปลอดภัยเครือข่าย และระบบการแจ้งเตือนเมื่อมีอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักเข้ามาเชื่อมต่อ ทำให้มั่นใจได้ว่าเครือข่ายในบ้านของคุณปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ ปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์อัจฉริยะได้อย่างหายห่วง
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดกลางถึงใหญ่, บ้านหลายชั้น, ครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน, ผู้ที่ใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฮมจำนวนมาก, ผู้ที่ต้องการ Wi-Fi ที่ติดตั้งและจัดการได้ง่าย
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น |
---|
Wi-Fi 6 (802.11ax) | AX1800 (1201 Mbps บน 5GHz + 574 Mbps บน 2.4GHz) | Dual-Band | สูงสุด 5,800 ตร.ฟุต (ประมาณ 540 ตร.ม.) สำหรับ 3 ตัว | 2 x Gigabit ต่อ Node | 3 | HomeShield Security, OFDMA, MU-MIMO |
2. Netgear Orbi RBK752
- ชื่อแบรนด์: Netgear
- ชื่อสินค้า: Netgear Orbi RBK752 (แพ็ค 2 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 15,000 - 18,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Netgear Orbi เป็น Mesh WiFi ระดับพรีเมียมที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและความเสถียร รุ่น RBK752 นี้เป็นระบบ Tri-Band AX4200 รองรับ Wi-Fi 6 โดยมี Band พิเศษสำหรับเชื่อมต่อระหว่างตัวเราเตอร์หลักกับ Satellite โดยเฉพาะ ทำให้สัญญาณแรงเต็มประสิทธิภาพแม้จะวางโหนดอยู่ห่างกัน เหมาะกับบ้านขนาดใหญ่ที่ต้องการความเร็วสูงมากๆ สำหรับการสตรีมวิดีโอ 4K/8K เล่นเกมออนไลน์ หรือทำงานที่ต้องการแบนด์วิธสูงๆ การติดตั้งทำได้ง่ายผ่านแอปฯ Orbi เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าลงทุนสำหรับบ้านที่ต้องการ Wi-Fi ระดับท็อปค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: Tri-Band Dedicated Backhaul, รองรับ Wi-Fi 6, ความเร็วสูงมาก, ครอบคลุมพื้นที่กว้าง, จัดการผ่านแอปฯ ได้ง่าย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Tri-Band Dedicated Backhaul: เทคโนโลยีเด่นของ Orbi คือการใช้คลื่นความถี่ 5GHz Band ที่สอง (Band ที่มีช่องสัญญาณกว้างและความเร็วสูง) เป็นช่องทางสื่อสารพิเศษระหว่างเราเตอร์หลักกับ Satellite โดยเฉพาะ ทำให้ไม่ว่าคุณจะเชื่อมต่ออุปกรณ์กี่ตัว ความเร็วอินเทอร์เน็ตระหว่างโหนดก็ยังคงเต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องแบ่งแบนด์วิธไปใช้งาน ทำให้สัญญาณ Wi-Fi ที่ปลายทางแรงและเสถียรสูงสุดอยู่เสมอ เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงต่อเนื่อง
- ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่: ระบบ Orbi ถูกออกแบบมาให้ส่งสัญญาณได้แรงและไกล ด้วยเทคโนโลยี Beamforming และเสาอากาศภายในที่ทรงประสิทธิภาพ ทำให้แพ็ค 2 ตัวนี้สามารถครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างสบายๆ ลดปัญหาจุดอับสัญญาณในบ้านกว้างๆ หรือบ้านหลายชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก สัญญาณ Wi-Fi แรงทั่วถึงทุกมุมบ้าน ให้คุณใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน
- จัดการเครือข่ายระดับสูงผ่านแอปฯ Orbi: แอปพลิเคชัน Netgear Orbi ช่วยให้คุณตั้งค่าและจัดการระบบ Mesh Wi-Fi ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนผังเครือข่าย, ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต, ตั้งค่า Guest Network, กำหนดเวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Parental Controls), หรือแม้แต่ดูข้อมูลการใช้งานของแต่ละอุปกรณ์ มีฟังก์ชันครบครันสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมเครือข่ายในบ้านได้อย่างเต็มที่และสะดวกสบาย
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดใหญ่มาก, บ้านหลายชั้น, ผู้ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาก (เล่นเกม 4K/8K, สตรีมมิ่งความละเอียดสูง), ผู้ที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนมาก, ผู้ที่ต้องการระบบ Mesh ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุด
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น |
---|
Wi-Fi 6 (802.11ax) | AX4200 (Tri-Band: 600 + 1200 + 2400 Mbps) | Tri-Band | สูงสุด 5,000 ตร.ฟุต (ประมาณ 465 ตร.ม.) สำหรับ 2 ตัว | 3 x Gigabit LAN + 1 x Gigabit WAN ต่อ Router, 2 x Gigabit LAN ต่อ Satellite | 2 | Dedicated Backhaul 5GHz, MU-MIMO, Beamforming |
3. Linksys Velop MX4200
- ชื่อแบรนด์: Linksys
- ชื่อสินค้า: Linksys Velop MX4200 (แพ็ค 3 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 18,000 - 22,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Linksys Velop MX4200 หรือที่รู้จักในชื่อ Velop AX4200 เป็นระบบ Mesh WiFi Tri-Band ที่รองรับ Wi-Fi 6 เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและเสถียรภาพที่ดีเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยี Tri-Band ทำให้มีช่องสัญญาณแยกสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างโหนด ช่วยให้ความเร็วคงที่แม้เชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวพร้อมกัน ติดตั้งและจัดการได้ง่ายผ่านแอปฯ Linksys เป็นอีกตัวเลือกพรีเมียมสำหรับผู้ที่ต้องการ Mesh WiFi ที่รองรับ Wi-Fi 6 และมีดีไซน์สวยงาม เข้ากับบ้านยุคใหม่ได้เป็นอย่างดีค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: Tri-Band, รองรับ Wi-Fi 6, ครอบคลุมพื้นที่ได้ดีมาก, ตั้งค่าผ่านแอปฯ ง่าย, ประสิทธิภาพสูง
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบ Tri-Band เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด: ระบบ Tri-Band ของ Velop MX4200 ใช้คลื่นความถี่ 2.4GHz และ 5GHz สองช่อง โดยหนึ่งในช่อง 5GHz นี้สามารถทำงานเป็น Backhaul (ช่องทางสื่อสารระหว่างโหนด) ได้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดเมื่อมีอุปกรณ์จำนวนมากเชื่อมต่อ หรือเมื่อโหนดอยู่ห่างกัน ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ปลายทางยังคงสูงและเสถียร พร้อมรองรับกิจกรรมออนไลน์ที่ต้องใช้แบนด์วิธสูงๆ ได้อย่างสบายๆ
- เทคโนโลยี Intelligent Mesh™: เทคโนโลยีเฉพาะของ Linksys Velop ที่ช่วยให้แต่ละโหนดทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi ที่ครอบคลุมและเสถียรที่สุด ระบบจะเลือกเส้นทางการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ หากมีโหนดใดมีปัญหา ระบบจะปรับเส้นทางใหม่เพื่อให้การเชื่อมต่อยังคงอยู่ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะมีสัญญาณ Wi-Fi ที่ดีที่สุดในทุกพื้นที่ของบ้านเสมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาณหลุดบ่อยๆ
- ควบคุมง่ายผ่านแอปฯ Linksys: แอปพลิเคชัน Linksys ช่วยให้การตั้งค่าและจัดการระบบ Velop เป็นเรื่องง่ายมากๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการติดตั้งไปจนถึงการใช้งานประจำวัน คุณสามารถตั้งชื่อเครือข่าย, เปลี่ยนรหัสผ่าน, ตั้งค่า Guest Access, จัดการ Parental Controls หรือแม้แต่ดูสถานะและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ทั้งหมดได้จากทุกที่ผ่านมือถือ ทำให้คุณควบคุมเครือข่ายในบ้านได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดใหญ่, ผู้ที่ต้องการ Wi-Fi ประสิทธิภาพสูงสำหรับหลายอุปกรณ์, การใช้งานที่ต้องใช้แบนด์วิธสูง (4K Streaming, Gaming), ผู้ที่ต้องการระบบ Mesh ที่เสถียรและขยายระบบได้ง่าย
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น |
---|
Wi-Fi 6 (802.11ax) | AX4200 (Tri-Band: 600 + 1200 + 2400 Mbps) | Tri-Band | สูงสุด 8,100 ตร.ฟุต (ประมาณ 750 ตร.ม.) สำหรับ 3 ตัว | 3 x Gigabit LAN + 1 x Gigabit WAN ต่อ Node | 3 | Intelligent Mesh™, OFDMA, MU-MIMO |
4. Google Nest Wifi
- ชื่อแบรนด์: Google
- ชื่อสินค้า: Google Nest Wifi (เราเตอร์ + Point)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 7,000 - 9,000 บาท (แพ็ค 2 ตัว)
- คำอธิบายสินค้า: Google Nest Wifi เป็น Mesh WiFi ที่เน้นความเรียบง่ายในการใช้งานและดีไซน์ที่เข้ากับบ้านยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ตัว Point นอกจากจะเป็นจุดปล่อยสัญญาณ Wi-Fi แล้ว ยังเป็นลำโพงอัจฉริยะที่มี Google Assistant ในตัวด้วย ทำให้คุณสามารถสั่งงานด้วยเสียงเพื่อควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม หรือเปิดเพลงได้เลย เหมาะสำหรับคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Google และต้องการระบบ Wi-Fi ที่ตั้งค่าง่าย จัดการทุกอย่างผ่านแอปฯ Google Home และมีฟังก์ชันผู้ช่วยอัจฉริยะในตัว ถือเป็น Mesh WiFi ที่ฉลาดทั้งเรื่องเน็ตและเรื่องบ้านค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: ติดตั้งง่ายมาก, จัดการผ่าน Google Home, ตัว Point เป็นลำโพง/Google Assistant, ดีไซน์สวยงาม, ประสิทธิภาพดีสำหรับบ้านทั่วไป
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ทำงานร่วมกับ Google Assistant: จุดเด่นเฉพาะตัวของ Google Nest Wifi Point คือการรวมเอาลำโพงและ Google Assistant เข้ามาด้วย ทำให้คุณสามารถใช้เสียงสั่งงานต่างๆ ได้เหมือนมี Google Home อยู่ในตัว เช่น สอบถามสภาพอากาศ, ตั้งนาฬิกาปลุก, ควบคุมไฟอัจฉริยะ หรือเปิดเพลงผ่านบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ได้โดยตรงจากตัว Point เพิ่มความสะดวกสบายและเปลี่ยน Mesh WiFi ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสมาร์ทโฮมของคุณ
- การจัดการเครือข่ายผ่านแอปฯ Google Home: ควบคุมระบบ Nest Wifi ทั้งหมดได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Google Home ที่คุ้นเคย ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ ใหม่ให้ยุ่งยาก สามารถดูสถานะการเชื่อมต่อ, ทดสอบความเร็ว, แชร์รหัสผ่าน Wi-Fi ให้แขก, ตั้งค่า Parental Controls เพื่อจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์หรือตั้งเวลาใช้งานอินเทอร์เน็ตสำหรับอุปกรณ์ของลูกๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยอินเทอร์เฟซที่สะอาดตาและใช้งานง่าย แม้แต่ผู้ที่ไม่ถนัดเทคโนโลยีก็จัดการเองได้สบายๆ
- เครือข่ายแบบ Self-healing: ระบบ Nest Wifi มีความสามารถในการปรับตัวเอง หากมีปัญหาเกิดขึ้นกับโหนดใดโหนดหนึ่ง หรือสัญญาณมีการรบกวน ระบบจะพยายามปรับเส้นทางการเชื่อมต่อใหม่โดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของคุณยังคงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อยู่เสมอ ช่วยลดปัญหา Wi-Fi หลุดบ่อยๆ หรือสัญญาณไม่เสถียร มอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและต่อเนื่องให้แก่ผู้ใช้ทุกคนในบ้าน
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Google, ผู้ที่ต้องการ Mesh WiFi ที่ติดตั้งง่ายที่สุด, บ้านที่ต้องการฟังก์ชันผู้ช่วยอัจฉริยะในตัว, บ้านขนาดกลางถึงใหญ่, ผู้ที่เน้นดีไซน์สวยงาม
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น | ผู้ช่วยอัจฉริยะ |
---|
Wi-Fi 5 (802.11ac) AC2200 | AC2200 (400 Mbps บน 2.4GHz + 1733 Mbps บน 5GHz) | Dual-Band | สูงสุด 3,800 ตร.ฟุต (ประมาณ 350 ตร.ม.) สำหรับ Router + 1 Point | Router: 2 x Gigabit, Point: ไม่มี | Router 1 + Point 1 | Simple Setup, Self-healing Network | Google Assistant ในตัว Point |
5. ASUS ZenWiFi AX (XT8)
- ชื่อแบรนด์: ASUS
- ชื่อสินค้า: ASUS ZenWiFi AX (XT8) (แพ็ค 2 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 18,000 - 25,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: ASUS ZenWiFi AX (XT8) เป็น Mesh WiFi ระดับไฮเอนด์ Tri-Band AX6600 ที่รองรับ Wi-Fi 6 เต็มรูปแบบ เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่มากที่ต้องการความเร็วสูงสุดและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานหนักๆ เช่น เล่นเกมออนไลน์ความละเอียดสูง สตรีมมิ่ง 8K หรือการถ่ายโอนข้อมูลขนาดใหญ่ ด้วยเทคโนโลยี Tri-Band ทำให้มี Backhaul ที่แรงและเสถียรมากๆ มาพร้อมกับ AiProtection Pro ระบบรักษาความปลอดภัยจาก Trend Micro ที่ช่วยปกป้องเครือข่ายของคุณจากภัยคุกคามต่างๆ จัดการผ่านแอปฯ ASUS Router ที่มีฟังก์ชันค่อนข้างละเอียด เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ Mesh WiFi ที่แรงที่สุดและมีฟังก์ชันด้านความปลอดภัยครบครันค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: Tri-Band AX6600, รองรับ Wi-Fi 6 เต็มรูปแบบ, AiProtection Pro Security, ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างสุดๆ, พอร์ต 2.5G Ethernet
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Tri-Band Super-fast Speed (AX6600): ZenWiFi XT8 เป็นระบบ Tri-Band Wi-Fi 6 ที่มอบความเร็วรวมสูงสุดถึง 6600 Mbps ประกอบด้วยคลื่น 2.4GHz หนึ่งช่อง และ 5GHz สองช่อง โดยหนึ่งในช่อง 5GHz นี้มีแบนด์วิธที่กว้างกว่า (160MHz) และสามารถใช้เป็น Backhaul ที่รวดเร็วและเสถียรมากถึง 4804 Mbps สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างโหนด ทำให้การรับส่งข้อมูลภายในระบบ Mesh เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่เกิดปัญหาคอขวด รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องใช้ความเร็วสูงพร้อมกันหลายอุปกรณ์ได้อย่างไร้ปัญหา
- AiProtection Pro โดย Trend Micro: ระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายระดับมืออาชีพที่มาพร้อมกับ ZenWiFi XT8 ช่วยปกป้องอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายของคุณจากภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตต่างๆ รวมถึงการป้องกันมัลแวร์, การบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย, และระบบตรวจจับการบุกรุก มาพร้อมกับการอัปเดตกฎการป้องกันอัตโนมัติ ทำให้เครือข่ายของคุณปลอดภัยอยู่เสมอ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตลอดอายุการใช้งาน เหมาะสำหรับบ้านที่กังวลเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์
- Adaptive QoS และ Parental Controls: ฟังก์ชัน Quality of Service (QoS) ช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ ได้ เช่น เลือกให้การเล่นเกมออนไลน์หรือการสตรีมมิ่งมีความสำคัญสูงสุด เพื่อให้ได้รับแบนด์วิธเพียงพอและลดปัญหาความหน่วง ขณะที่ Parental Controls ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถสร้างโปรไฟล์สำหรับสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน กำหนดเวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่ไม่เหมาะสมได้อย่างง่ายดาย มอบการควบคุมเครือข่ายในบ้านที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดใหญ่มาก, ผู้ที่ต้องการความเร็วอินเทอร์เน็ตสูงสุด, นักเล่นเกมออนไลน์, ผู้ที่สตรีมมิ่งวิดีโอความละเอียดสูง, ผู้ที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายขั้นสูง
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น | ความปลอดภัย |
---|
Wi-Fi 6 (802.11ax) | AX6600 (Tri-Band: 574 + 1201 + 4804 Mbps) | Tri-Band (มี 160MHz Channel) | สูงสุด 5,500 ตร.ฟุต (ประมาณ 510 ตร.ม.) สำหรับ 2 ตัว | 3 x Gigabit LAN + 1 x 2.5G WAN ต่อ Node | 2 | Dedicated Backhaul, AiMesh Support | AiProtection Pro (Trend Micro) |
6. D-Link Covr-X1870
- ชื่อแบรนด์: D-Link
- ชื่อสินค้า: D-Link Covr-X1870 (แพ็ค 3 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 8,000 - 10,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: D-Link Covr-X1870 เป็น Mesh WiFi ระบบ AX1800 ที่รองรับ Wi-Fi 6 นำเสนอโซลูชัน Wi-Fi ครอบคลุมทั่วบ้านในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น เหมาะสำหรับบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการอัปเกรดมาใช้ Wi-Fi 6 เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี MU-MIMO และ OFDMA ช่วยให้รองรับอุปกรณ์ได้เยอะและลดความหน่วง ติดตั้งและจัดการได้ง่ายผ่านแอปฯ D-Link Wi-Fi เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา Mesh WiFi Wi-Fi 6 ที่คุ้มค่าและใช้งานง่ายค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: รองรับ Wi-Fi 6, ราคาเข้าถึงง่าย, ติดตั้งและจัดการผ่านแอปฯ ได้, ครอบคลุมพื้นที่ได้ดี, MU-MIMO & OFDMA
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Wi-Fi 6 พร้อม OFDMA และ MU-MIMO: Covr-X1870 นำเทคโนโลยี Wi-Fi 6 มาใช้ ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์หลายๆ ตัวพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย MU-MIMO และ OFDMA ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ความหน่วงต่ำลง และรองรับจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้มากขึ้น เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมในบ้านที่มีอุปกรณ์อัจฉริยะหรืออุปกรณ์ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตพร้อมกันหลายชิ้น ช่วยให้ทุกคนในบ้านได้สัมผัสประสบการณ์ Wi-Fi ที่รวดเร็วและเสถียร
- ระบบ Mesh ที่ครอบคลุมทั่วบ้าน: ด้วยระบบ Covr Mesh Wi-Fi ช่วยสร้างเครือข่ายเดียวที่ครอบคลุมทุกมุมของบ้าน โหนดต่างๆ จะทำงานร่วมกันเพื่อให้สัญญาณ Wi-Fi ที่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะเดินไปส่วนไหนของบ้าน อุปกรณ์ของคุณก็จะเชื่อมต่ออยู่กับโหนดที่ให้สัญญาณดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ทำให้หมดปัญหาจุดอับสัญญาณและการเชื่อมต่อที่ขาดๆ หายๆ เหมือนใช้ Extender ทั่วไป มอบการเชื่อมต่อที่ต่อเนื่องไร้รอยต่อ
- จัดการง่ายผ่านแอปฯ D-Link Wi-Fi: ควบคุมและตั้งค่าระบบ Mesh Wi-Fi ของ D-Link Covr ได้สะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน D-Link Wi-Fi บนสมาร์ทโฟน สามารถดูสถานะเครือข่าย, จัดการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, ตั้งค่า Guest Wi-Fi สำหรับแขก, หรือแม้แต่ตั้งค่า Parental Controls เพื่อควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของลูกๆ ได้ อินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายช่วยให้แม้แต่ผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านเครือข่ายก็สามารถตั้งค่าและดูแลระบบเองได้ไม่ยาก
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดกลางถึงใหญ่, ผู้ที่ต้องการ Mesh WiFi Wi-Fi 6 ในงบประมาณที่คุ้มค่า, ผู้ที่ต้องการติดตั้งและจัดการได้ง่าย, ครอบครัวที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อหลายชิ้น
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น | การจัดการ |
---|
Wi-Fi 6 (802.11ax) | AX1800 (1201 Mbps บน 5GHz + 574 Mbps บน 2.4GHz) | Dual-Band | สูงสุด 7,500 ตร.ฟุต (ประมาณ 700 ตร.ม.) สำหรับ 3 ตัว | 2 x Gigabit ต่อ Node | 3 | Covr Mesh, MU-MIMO, OFDMA | แอปฯ D-Link Wi-Fi |
7. Mercusys Halo H50G
- ชื่อแบรนด์: Mercusys
- ชื่อสินค้า: Mercusys Halo H50G (แพ็ค 3 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,000 - 5,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Mercusys Halo H50G เป็น Mesh WiFi ในกลุ่มราคาประหยัดแต่ประสิทธิภาพเกินตัว เป็นระบบ Dual-Band AC1900 ที่เน้นความคุ้มค่าและความครอบคลุมที่เพียงพอสำหรับบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ ด้วยเทคโนโลยี Mesh ของ Mercusys ช่วยให้สัญญาณกระจายทั่วถึงทุกมุมบ้าน ติดตั้งง่ายผ่านแอปฯ Mercusys ทำให้ผู้เริ่มต้นก็สามารถจัดการเองได้สบายๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโซลูชัน Mesh WiFi เพื่อแก้ปัญหาจุดอับสัญญาณในราคาที่ไม่สูงมากนัก ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ ในปี 2025 ค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: ราคาประหยัด, ติดตั้งง่าย, ครอบคลุมพื้นที่ได้ดีสำหรับราคานี้, จัดการผ่านแอปฯ Mercusys, คุ้มค่า
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบ Mesh ที่ครอบคลุมและเสถียร: Halo H50G ใช้เทคโนโลยี Mesh เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi เดียวที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยตารางเมตร ช่วยขจัดปัญหาจุดอับสัญญาณในบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ โหนด Halo ต่างๆ จะทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของคุณจะเชื่อมต่ออยู่กับสัญญาณที่ดีที่สุดเสมอ ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมออนไลน์ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด
- รองรับอุปกรณ์จำนวนมากด้วย MU-MIMO: ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ราคาเข้าถึงง่าย แต่ Halo H50G ก็ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี MU-MIMO (Multi-User Multiple-Input Multiple-Output) ซึ่งช่วยให้เราเตอร์สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์หลายๆ ตัวได้พร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะต้องสลับไปมาแบบเดิม ทำให้การเชื่อมต่อโดยรวมเร็วขึ้นและมีความหน่วงต่ำลง เมื่อมีสมาชิกในบ้านหลายคนใช้งานอินเทอร์เน็ตพร้อมกัน ประสบการณ์การใช้งานก็จะยังคงลื่นไหล ไม่ต้องแย่งกันใช้แบนด์วิธ
- จัดการเครือข่ายง่ายๆ ผ่านแอปฯ Mercusys: แอปพลิเคชัน Mercusys บนสมาร์ทโฟนทำให้การตั้งค่าและจัดการระบบ Halo H50G เป็นเรื่องง่ายมากๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการติดตั้งที่ไม่กี่นาที ไปจนถึงการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เช่น การตั้งชื่อและรหัสผ่าน Wi-Fi, การสร้าง Guest Network สำหรับแขก, การตั้งค่า Parental Controls เพื่อจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่เหมาะสมสำหรับลูกๆ หรือการดูอุปกรณ์ที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการ Mesh WiFi ในงบประมาณจำกัด, ผู้ที่ต้องการติดตั้งและจัดการได้ง่าย, ครอบครัวทั่วไปที่ใช้อินเทอร์เน็ตพร้อมกันหลายคน
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น |
---|
Wi-Fi 5 (802.11ac) AC1900 | AC1900 (600 Mbps บน 2.4GHz + 1300 Mbps บน 5GHz) | Dual-Band | สูงสุด 5,200 ตร.ฟุต (ประมาณ 480 ตร.ม.) สำหรับ 3 ตัว | 3 x Gigabit ต่อ Node | 3 | Mercusys Mesh, MU-MIMO, Seamless Roaming |
8. TP-Link Deco M4
- ชื่อแบรนด์: TP-Link
- ชื่อสินค้า: TP-Link Deco M4 (แพ็ค 3 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 3,500 - 5,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: TP-Link Deco M4 เป็น Mesh WiFi Dual-Band AC1200 ที่ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นและได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะมีราคาที่เข้าถึงง่ายมากๆ แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพในการครอบคลุมพื้นที่ได้ดีเยี่ยมสำหรับบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ ช่วยแก้ปัญหาจุดอับสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดตั้งและจัดการได้ง่ายผ่านแอปฯ Deco ที่ใช้งานสะดวกมากๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรดจากเราเตอร์ตัวเดียวมาเป็นระบบ Mesh ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด เป็นตัวเลือกยอดฮิตสำหรับบ้านทั่วไปค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมาก, ติดตั้งง่ายผ่านแอปฯ Deco, ครอบคลุมพื้นที่ได้ดีสำหรับราคานี้, ใช้งานง่าย, ดีไซน์เรียบง่าย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบ Mesh Wi-Fi ครอบคลุมทั่วบ้าน: Deco M4 ทำงานร่วมกันเป็นระบบ Mesh ที่สร้างเครือข่าย Wi-Fi เดียวชื่อเดียวและรหัสผ่านเดียว ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางมาก ทำให้คุณสามารถเดินไปมาในบ้านได้อย่างอิสระโดยที่การเชื่อมต่อ Wi-Fi จะยังคงอยู่และสลับไปมาระหว่างโหนด Deco ที่ให้สัญญาณดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ช่วยกำจัดจุดอับสัญญาณที่มักพบในบ้านทั่วไป ทำให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา
- Seamless Roaming ประสบการณ์ไร้รอยต่อ: เทคโนโลยี Seamless Roaming ที่มีใน Deco M4 ช่วยให้อุปกรณ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป สามารถสลับการเชื่อมต่อจากโหนด Deco หนึ่งไปยังอีกโหนดหนึ่งได้อย่างราบรื่น โดยที่คุณแทบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนการเชื่อมต่อเลย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมที่ต้องการความต่อเนื่อง เช่น การวิดีโอคอลล์ หรือการดูวิดีโอสตรีมมิ่ง ทำให้ประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตในบ้านลื่นไหลไม่สะดุด
- จัดการเครือข่ายง่ายๆ ด้วยแอปฯ Deco: แอปพลิเคชัน TP-Link Deco ช่วยให้การตั้งค่า ติดตั้ง และจัดการระบบ Mesh Wi-Fi เป็นเรื่องง่ายสุดๆ เพียงทำตามขั้นตอนในแอปฯ ไม่กี่นาทีก็พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นได้ เช่น การดูอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การจัดลำดับความสำคัญของอุปกรณ์ (QoS), การตั้งค่า Parental Controls หรือการสร้าง Guest Network อินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่ายเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการ Mesh WiFi ในราคาประหยัดที่สุด, ผู้เริ่มต้นที่ต้องการติดตั้ง Mesh WiFi เอง, ครอบครัวทั่วไปที่ต้องการ Wi-Fi ครอบคลุมทั่วบ้าน, ผู้ที่เน้นความคุ้มค่า
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น |
---|
Wi-Fi 5 (802.11ac) AC1200 | AC1200 (300 Mbps บน 2.4GHz + 867 Mbps บน 5GHz) | Dual-Band | สูงสุด 5,500 ตร.ฟุต (ประมาณ 510 ตร.ม.) สำหรับ 3 ตัว | 2 x Gigabit ต่อ Node | 3 | TP-Link Mesh, Seamless Roaming, App Control |
9. ASUS ZenWiFi AC (CT8)
- ชื่อแบรนด์: ASUS
- ชื่อสินค้า: ASUS ZenWiFi AC (CT8) (แพ็ค 2 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 12,000 - 15,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: ASUS ZenWiFi AC (CT8) เป็น Mesh WiFi Tri-Band AC3000 ที่เน้นประสิทธิภาพสูงบนมาตรฐาน Wi-Fi 5 เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่ที่ต้องการความเร็วที่เชื่อถือได้สำหรับการสตรีมมิ่ง 4K และการใช้งานที่ต้องใช้แบนด์วิธสูง ด้วยระบบ Tri-Band ทำให้มี Backhaul ที่แยกออกมาเพื่อเพิ่มความเสถียรและลดความหน่วง มาพร้อม AiProtection Pro ระบบรักษาความปลอดภัยจาก Trend Micro ติดตั้งและจัดการผ่านแอปฯ ASUS Router เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการ Mesh WiFi ประสิทธิภาพสูงบน Wi-Fi 5 พร้อมฟังก์ชันความปลอดภัยครบครัน
- จุดเด่นสินค้า: Tri-Band AC3000, AiProtection Pro Security, ประสิทธิภาพสูง, ครอบคลุมพื้นที่กว้าง, จัดการผ่านแอปฯ ASUS Router
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Tri-Band High Performance (AC3000): ZenWiFi CT8 เป็นระบบ Tri-Band ที่ให้ความเร็วรวมสูงสุดถึง 3000 Mbps ประกอบด้วยคลื่นความถี่ 2.4GHz และ 5GHz สองช่อง โดยมีช่อง 5GHz หนึ่งช่องที่ใช้เป็น Backhaul โดยเฉพาะสำหรับการสื่อสารระหว่างโหนด ทำให้สามารถส่งข้อมูลระหว่างโหนดได้ด้วยความเร็วสูงถึง 1733 Mbps ช่วยให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ส่งไปยังอุปกรณ์ปลายทางยังคงแรงและเสถียรแม้จะมีการใช้งานหนักพร้อมกันหลายอุปกรณ์ เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้สำหรับการสตรีมมิ่ง 4K หรือการใช้งานอื่นๆ ที่ต้องการแบนด์วิธสูง
- AiProtection Pro ขจัดภัยคุกคาม: มาพร้อมกับ AiProtection Pro ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายขั้นสูงที่พัฒนาโดย Trend Micro ช่วยปกป้องเครือข่ายในบ้านของคุณจากภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตต่างๆ เช่น มัลแวร์, ไวรัส, และเว็บไซต์อันตราย มีระบบบล็อกที่เป็นฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์ และการอัปเดตกฎการป้องกันอัตโนมัติ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เชื่อมต่ออยู่จะปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ โดยฟังก์ชันนี้มีให้ใช้งานฟรีตลอดอายุการใช้งาน
- AiMesh Technology เพื่อความยืดหยุ่น: ZenWiFi CT8 รองรับเทคโนโลยี AiMesh ของ ASUS ซึ่งช่วยให้คุณสามารถนำเราเตอร์ ASUS รุ่นอื่นๆ ที่รองรับ AiMesh มารวมเข้ากับระบบ Mesh ของคุณได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการขยายพื้นที่ครอบคลุม หรือนำเราเตอร์เก่ามาใช้งานร่วมกับระบบ Mesh ใหม่ได้อย่างง่ายดาย ช่วยประหยัดงบประมาณหากคุณมีเราเตอร์ ASUS เดิมอยู่แล้ว และยังช่วยให้คุณออกแบบระบบ Wi-Fi ในบ้านให้เหมาะสมกับความต้องการได้อย่างลงตัว
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดใหญ่, ผู้ที่ต้องการ Mesh WiFi ประสิทธิภาพสูงบน Wi-Fi 5, ผู้ที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายครบวงจร, ผู้ที่มีเราเตอร์ ASUS ที่รองรับ AiMesh อยู่แล้ว
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น | ความปลอดภัย |
---|
Wi-Fi 5 (802.11ac) | AC3000 (Tri-Band: 400 + 867 + 1733 Mbps) | Tri-Band | สูงสุด 5,400 ตร.ฟุต (ประมาณ 500 ตร.ม.) สำหรับ 2 ตัว | 3 x Gigabit LAN + 1 x Gigabit WAN ต่อ Node | 2 | Dedicated Backhaul, AiMesh, MU-MIMO | AiProtection Pro (Trend Micro) |
10. Tenda Nova MW6
- ชื่อแบรนด์: Tenda
- ชื่อสินค้า: Tenda Nova MW6 (แพ็ค 3 ตัว)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,500 - 6,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Tenda Nova MW6 เป็น Mesh WiFi Dual-Band AC1200 อีกรุ่นที่เน้นความคุ้มค่าและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการโซลูชัน Mesh ในราคาที่ไม่แพงมากนัก ช่วยกำจัดจุดอับสัญญาณและให้สัญญาณ Wi-Fi ที่สม่ำเสมอทั่วบ้าน ติดตั้งง่ายผ่านแอปฯ Tenda WiFi ซึ่งมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน ดีไซน์เป็น Cube สีขาวดูสะอาดตา เข้ากับบ้านได้หลายสไตล์ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มองหา Mesh WiFi ที่คุ้มค่า ติดตั้งง่าย และใช้งานพื้นฐานได้ครบครัน
- จุดเด่นสินค้า: ราคาคุ้มค่า, ติดตั้งง่ายผ่านแอปฯ, ครอบคลุมพื้นที่ได้ดี, ดีไซน์เรียบง่าย, เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบ Mesh Wi-Fi ที่ครอบคลุม: Tenda Nova MW6 ใช้เทคโนโลยี True Mesh เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi เดียวที่ไร้รอยต่อและครอบคลุมพื้นที่กว้างถึงหลายร้อยตารางเมตร ช่วยกำจัดจุดอับสัญญาณในบ้านขนาดกลางถึงใหญ่ โหนด MW6 แต่ละตัวจะทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อเลือกเส้นทางการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดให้กับอุปกรณ์ของคุณโดยอัตโนมัติ มอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ราบรื่นและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนของบ้าน สัญญาณ Wi-Fi ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่เสมอ
- Seamless Roaming ใช้งานไม่สะดุด: ด้วยเทคโนโลยี Seamless Roaming ทำให้อุปกรณ์ของคุณสามารถสลับการเชื่อมต่อจากโหนด MW6 ตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งได้อย่างอัตโนมัติและรวดเร็ว โดยที่คุณแทบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ช่วยให้กิจกรรมที่ต้องการความต่อเนื่อง เช่น การวิดีโอคอลล์, การดูหนังออนไลน์แบบ HD หรือการเล่นเกมออนไลน์ สามารถทำได้อย่างไม่ขาดตอน ให้ประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ไหลลื่นทั่วทั้งบ้าน เหมือนมีสัญญาณ Wi-Fi แรงๆ อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา
- จัดการง่ายผ่านแอปฯ Tenda WiFi: แอปพลิเคชัน Tenda WiFi บนสมาร์ทโฟน ช่วยให้การติดตั้งและจัดการระบบ Mesh MW6 เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนก็สามารถตั้งค่าเครือข่ายและเริ่มใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างครบครัน เช่น การดูสถานะเครือข่าย, การจัดการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การตั้งค่า Guest Network, หรือการตั้งค่า Parental Controls อินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: บ้านขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการ Mesh WiFi ในราคาที่เข้าถึงง่าย, ผู้เริ่มต้นที่ต้องการติดตั้ง Mesh WiFi เอง, ครอบครัวทั่วไปที่ต้องการ Wi-Fi ครอบคลุมทั่วบ้าน, ผู้ที่เน้นความคุ้มค่าและใช้งานง่าย
มาตรฐาน Wi-Fi | ความเร็วสูงสุด | ความถี่ | พื้นที่ครอบคลุม (โดยประมาณ) | พอร์ต Ethernet | จำนวน Node ในแพ็ค | คุณสมบัติเด่น |
---|
Wi-Fi 5 (802.11ac) AC1200 | AC1200 (300 Mbps บน 2.4GHz + 867 Mbps บน 5GHz) | Dual-Band | สูงสุด 6,000 ตร.ฟุต (ประมาณ 550 ตร.ม.) สำหรับ 3 ตัว | 2 x Gigabit ต่อ Node | 3 | True Mesh, Seamless Roaming, App Control |
คำแนะนำการเลือกซื้อ Mesh WiFi ปี 2025 ให้ได้เน็ตแรง ครอบคลุม ทั่วทั้งบ้าน
- 1. สำรวจบ้านของเราให้ละเอียด รู้จักพื้นที่และความต้องการของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกนะจ๊ะ
ก่อนที่จะพุ่งตัวไปเลือกซื้อ Mesh WiFi สวยๆ เก๋ๆ มาติดตั้ง สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ "รู้จักบ้านของเรา" ให้ดีก่อนค่ะ ไม่ใช่แค่รู้ว่ามีกี่ห้องนอนกี่ห้องน้ำนะ แต่ต้องดูถึงขนาดพื้นที่เป็นตารางเมตร หรือเป็นตารางวา (เผื่อบางคนคุ้นเคยหน่วยไทยมากกว่า) มีกี่ชั้น วัสดุผนังเป็นแบบไหน โดยเฉพาะบ้านเราๆ นี่แหละค่ะ ผนังปูนเสริมเหล็กนี่ตัวบล็อกสัญญาณ Wi-Fi ชั้นดีเลยนะคะ ลองสังเกตดูว่าปกติเราใช้งานอินเทอร์เน็ตในจุดไหนของบ้านบ้าง จุดไหนที่สัญญาณอ่อน หรือเป็น "จุดอับสัญญาณ" ที่เราอยากให้ Mesh WiFi ไปแก้ปัญหาให้ คิดเผื่อถึงจำนวนอุปกรณ์ที่เราใช้งานพร้อมๆ กันด้วยค่ะ ทั้งมือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก ทีวีอัจฉริยะ เครื่องเกม กล้องวงจรปิด หรือแม้แต่อุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ พวกนี้ล้วนต้องการแบนด์วิธและความเสถียรทั้งนั้น การรู้ข้อมูลพวกนี้จะช่วยให้เราประเมินได้ว่าต้องใช้ Mesh WiFi ที่รองรับความเร็วเท่าไหร่ (AC หรือ AX/Wi-Fi 5 หรือ Wi-Fi 6?), ต้องใช้กี่ตัว (กี่ Node?) และควรเลือกตัวที่มีความสามารถในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ดีแค่ไหน เช่น บางรุ่นอาจมีกำลังส่งที่แรงกว่า หรือมีเทคโนโลยี Beamforming ที่ช่วยโฟกัสสัญญาณไปยังอุปกรณ์ได้แม่นยำขึ้น ถ้าบ้านใหญ่มาก มีหลายชั้น หรือผนังหนา ควรเลือก Mesh WiFi ที่มีจำนวน Node เพียงพอ และอาจพิจารณารุ่นที่เป็น Tri-Band ที่มีช่องสัญญาณเฉพาะสำหรับเชื่อมต่อระหว่าง Node เพื่อให้ Backhaul (เส้นทางส่งข้อมูลระหว่าง Node) แรงและไม่เป็นคอขวดค่ะ อย่าลืมดูพอร์ต Ethernet ด้วยนะคะ ถ้ามีอุปกรณ์ที่ต่อสาย LAN ได้เยอะๆ ก็ควรเลือกรุ่นที่มีพอร์ต LAN จำนวนมากหน่อย จะได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
- 2. เลือกมาตรฐาน Wi-Fi และความเร็วให้เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณในกระเป๋า
เรื่องมาตรฐาน Wi-Fi และความเร็วเนี่ยเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาค่ะ ปัจจุบันเรามีมาตรฐานหลักๆ คือ Wi-Fi 5 (802.11ac) และ Wi-Fi 6 (802.11ax) หรือล่าสุดปี 2025 ก็อาจจะมี Wi-Fi 6E (ที่ใช้คลื่น 6GHz เพิ่มเติม) เข้ามาแล้วค่ะ โดยทั่วไป Wi-Fi 6 จะเร็วกว่า เสถียรกว่า และจัดการอุปกรณ์จำนวนมากได้ดีกว่า Wi-Fi 5 มากค่ะ ถ้าอุปกรณ์ส่วนใหญ่ของคุณรองรับ Wi-Fi 6 (สังเกตง่ายๆ คือซื้อมือถือ โน้ตบุ๊กใหม่ๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มักจะรองรับแล้ว) การเลือก Mesh WiFi ที่เป็น Wi-Fi 6 จะช่วยให้คุณได้ใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตจากแพ็กเกจที่สมัครไว้ได้อย่างเต็มที่ และเตรียมพร้อมสำหรับอุปกรณ์ใหม่ๆ ในอนาคต แต่ถ้าอุปกรณ์ส่วนใหญ่ยังเป็นรุ่นเก่า หรือการใช้งานหลักๆ แค่ดู YouTube, เล่นโซเชียล, เล่นเกมเบาๆ Wi-Fi 5 ก็อาจจะเพียงพอและช่วยประหยัดงบได้ค่ะ ต่อมาคือเรื่องความเร็วที่ระบุเป็นตัวเลขต่อท้ายชื่อรุ่น เช่น AC1200, AX1800, AX4200, AX6600 ตัวเลขพวกนี้คือความเร็วรวมสูงสุดทางทฤษฎีของทุกคลื่นความถี่รวมกันค่ะ ยิ่งตัวเลขเยอะก็ยิ่งรองรับความเร็วได้สูงขึ้น แต่ความเร็วที่คุณจะได้รับจริงๆ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งความเร็วอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการ, จำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานพร้อมกัน, ระยะห่างจาก Node และสิ่งกีดขวางในบ้านค่ะ ถ้าแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้านของคุณมีความเร็วสูงมากๆ (เช่น 1 Gbps ขึ้นไป) ควรเลือกรุ่นที่มีความเร็วรวมสูงๆ หน่อย (เช่น AX3000 ขึ้นไป) และอาจพิจารณารุ่นที่มีพอร์ต WAN เป็น 2.5G เพื่อรองรับความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงกว่า Gigabit ปกติด้วยค่ะ แต่ถ้าแพ็กเกจของคุณไม่เกิน 500 Mbps หรือ 1 Gbps รุ่น AX1800 หรือ AX3000 ก็เพียงพอแล้วค่ะ เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงและงบประมาณในกระเป๋าเรานะคะ ไม่ต้องจ่ายแพงเกินความจำเป็นค่ะ
- 3. ความง่ายในการติดตั้งและจัดการผ่านแอปพลิเคชันคือหัวใจสำคัญสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
สำหรับคนไทยส่วนใหญ่แล้ว ความง่ายในการติดตั้งและจัดการ Mesh WiFi นี่สำคัญมากๆ เลยค่ะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความรู้ด้านเครือข่ายเหมือนช่างเทคนิค ใช่ไหมคะ? Mesh WiFi สมัยใหม่ส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่ช่วยให้การตั้งค่าเริ่มต้นเป็นเรื่องง่ายมากๆ แค่เสียบสาย เปิดเครื่อง โหลดแอปฯ ทำตามขั้นตอนในแอปฯ ไม่กี่คลิกก็เรียบร้อยแล้วค่ะ เลือกแบรนด์ที่มีแอปฯ ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีเมนูภาษาไทย (ถ้ามีจะดีมาก) หรือมีรูปภาพประกอบคำอธิบายที่ชัดเจน จะช่วยลดความหงุดหงิดและประหยัดเวลาในการติดตั้งไปได้เยอะเลยค่ะ นอกจากนี้ แอปฯ ยังเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการเครือข่ายของเราในชีวิตประจำวันด้วยค่ะ ลองดูว่าแอปฯ มีฟังก์ชันที่เราต้องการใช้งานครบถ้วนไหม เช่น การดูว่ามีใครเชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายบ้าง, การตั้งค่า Guest Network ให้แขกใช้แบบแยกต่างหากเพื่อความปลอดภัย, การตั้งค่า Parental Controls เพื่อควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของลูกๆ (อันนี้สำคัญมากสำหรับครอบครัวที่มีเด็กๆ นะคะ), การจัดลำดับความสำคัญของอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชัน (QoS) เพื่อให้กิจกรรมที่เราให้ความสำคัญ เช่น ดูหนัง หรือเล่นเกม ได้รับแบนด์วิธก่อน, หรือแม้แต่ฟังก์ชันการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต การจัดการพวกนี้ผ่านแอปฯ ได้ง่ายๆ จะช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ ไม่ต้องไปนั่งเปิดหน้าเว็บตั้งค่าเราเตอร์ที่ซับซ้อนอีกต่อไป ลองหาข้อมูลรีวิว หรือดูวิดีโอสาธิตการใช้งานแอปฯ ของแต่ละแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อก็ได้ค่ะ จะได้เห็นภาพรวมว่าใช้งานง่ายจริงไหม ถูกใจเราหรือเปล่า เพราะเราต้องอยู่กับแอปฯ นี้ไปอีกนานเลยค่ะ
- 4. ฟีเจอร์เสริมและระบบรักษาความปลอดภัยที่มาพร้อมกับเครื่อง
นอกเหนือจากความเร็วและความครอบคลุมแล้ว ฟีเจอร์เสริมต่างๆ ที่มาพร้อมกับ Mesh WiFi ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่บ้านเราเต็มไปด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลยค่ะ บางแบรนด์อย่าง TP-Link หรือ ASUS จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่พัฒนาโดยบริษัทชั้นนำอย่าง Trend Micro ติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งระบบพวกนี้จะช่วยสแกนหาช่องโหว่ในเครือข่าย, บล็อกเว็บไซต์อันตราย, ป้องกันการโจมตีแบบ DDoS หรือตรวจจับอุปกรณ์แปลกปลอมที่พยายามเข้ามาในเครือข่ายของเรา ฟังก์ชันเหล่านี้มักจะมีการอัปเดตฐานข้อมูลภัยคุกคามให้อัตโนมัติ ทำให้เครือข่ายในบ้านของเราปลอดภัยอยู่เสมอ บางรุ่นอาจมีค่าบริการรายเดือนสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง แต่หลายรุ่นก็มีฟีเจอร์พื้นฐานที่เพียงพอให้ใช้งานฟรีตลอดอายุการใช้งานค่ะ นอกจากนี้ ฟีเจอร์อย่าง Parental Controls ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านที่มีเด็กๆ ช่วยให้เราสามารถกำหนดเวลาการใช้อินเทอร์เน็ต, บล็อกเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่เหมาะสม หรือดูรายงานการใช้งานของลูกๆ ได้อย่างง่ายดายค่ะ ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจก็เช่น Guest Network ที่ช่วยให้เราสร้างเครือข่าย Wi-Fi แยกต่างหากสำหรับแขกได้ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวในเครือข่ายหลักของเรา หรือ QoS (Quality of Service) ที่ช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญของอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันได้ ทำให้มั่นใจได้ว่ากิจกรรมที่เราให้ความสำคัญ เช่น การประชุมออนไลน์ การเรียนออนไลน์ หรือการเล่นเกม จะได้รับแบนด์วิธที่เพียงพอและมีความเสถียร การพิจารณาฟีเจอร์เสริมเหล่านี้จะช่วยให้เราได้ Mesh WiFi ที่ตอบโจทย์การใช้งานของเราได้อย่างครบถ้วน และให้ความรู้สึกปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตในบ้านมากขึ้นค่ะ ลองดูว่าฟีเจอร์ไหนที่เราจำเป็นต้องใช้จริงๆ แล้วเลือกรุ่นที่มีฟีเจอร์เหล่านั้นในตัวนะคะ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Mesh WiFi
-
Q: Mesh WiFi ต่างจาก Range Extender ยังไง?
A: ต่างกันเยอะเลยค่ะ! Range Extender จะรับสัญญาณ Wi-Fi จากเราเตอร์หลักมา "ขยาย" ต่อไป ทำให้สัญญาณที่ขยายออกมามักจะอ่อนลงและความเร็วลดลง แถมยังสร้างเครือข่าย Wi-Fi ใหม่ขึ้นมาอีกชื่อ ทำให้เวลาเราเดินไปมาระหว่างพื้นที่ต้องคอยเปลี่ยนไปเชื่อมต่อ Wi-Fi ชื่อใหม่เอง แต่ Mesh WiFi คือระบบที่จะสร้างเครือข่าย Wi-Fi เดียว ครอบคลุมทั้งบ้าน โหนดต่างๆ จะทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดและสลับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณไปยังโหนดที่ให้สัญญาณดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ทำให้ได้สัญญาณที่แรงและเสถียรทั่วบ้าน ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลกว่ามากๆ ค่ะ
-
Q: ต้องใช้ Mesh WiFi กี่ตัว (กี่ Node) ถึงจะครอบคลุมทั้งบ้าน?
A: จำนวน Node ที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และลักษณะของบ้านค่ะ โดยทั่วไป ผู้ผลิตมักจะระบุว่า 1 แพ็ค (มี Node จำนวนหนึ่ง) ครอบคลุมพื้นที่ได้เท่าไหร่ แต่ตัวเลขนี้เป็นเพียงค่าประมาณในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม (เช่น ไม่มีผนังหนามาก) สำหรับบ้านในประเทศไทยที่มีผนังปูนเยอะๆ อาจจะต้องเผื่อจำนวน Node เพิ่มขึ้นเล็กน้อยค่ะ บ้านชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่มาก แพ็ค 2 ตัวอาจจะพอ แต่ถ้าบ้าน 2 ชั้น หรือ 3 ชั้น และมีขนาดใหญ่ ควรพิจารณาแพ็ค 3 ตัวขึ้นไป หรืออาจจะต้องซื้อ Node มาเพิ่มภายหลังได้ค่ะ ลองดูคำแนะนำพื้นที่ครอบคลุมของแต่ละรุ่นประกอบการตัดสินใจ และพิจารณาจุดอับสัญญาณในบ้านเราว่าต้องการวาง Node เพิ่มตรงไหนบ้างค่ะ
-
Q: สามารถใช้ Mesh WiFi ร่วมกับโมเด็ม/เราเตอร์เดิมของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้ไหม?
A: ได้ค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว Mesh WiFi จะทำหน้าที่เป็นเราเตอร์หลักแทนที่ หรือทำงานในโหมด Access Point (AP) เพื่อกระจายสัญญาณ Wi-Fi ร่วมกับเราเตอร์เดิมของคุณ แต่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด มักจะแนะนำให้ตั้งค่า Mesh WiFi ให้เป็นเราเตอร์หลัก และตั้งค่าโมเด็ม/เราเตอร์เดิมของผู้ให้บริการให้เป็นโหมด Bridge หรือปิดฟังก์ชัน Wi-Fi ของตัวเดิมไปเลยค่ะ ขั้นตอนการตั้งค่าส่วนนี้อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ควรตรวจสอบคู่มือของ Mesh WiFi หรือสอบถามผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมเพื่อการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดค่ะ
-
Q: Mesh WiFi ปลอดภัยในการใช้งานหรือไม่?
A: Mesh WiFi ส่วนใหญ่มีความปลอดภัยมาตรฐานเดียวกับเราเตอร์ทั่วไปค่ะ คือรองรับการเข้ารหัสแบบ WPA2 หรือ WPA3 ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่ปลอดภัยในปัจจุบัน และหลายรุ่นยังมีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น Firewall, การป้องกันมัลแวร์ หรือระบบตรวจจับการบุกรุก ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เครือข่ายในบ้านของคุณได้อีกขั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ Mesh WiFi ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ, ตั้งรหัสผ่าน Wi-Fi ที่คาดเดายาก, และเปิดใช้งานฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มากับเครื่อง (ถ้ามี) ค่ะ
-
Q: ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวาง Node ของ Mesh WiFi คือตรงไหน?
A: การวาง Node มีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของระบบ Mesh ค่ะ โดยทั่วไป Node ตัวหลัก (ที่เราเตอร์หลักเชื่อมต่อ) ควรวางไว้ใกล้จุดที่สายอินเทอร์เน็ตเข้ามาในบ้าน และควรวางในจุดที่ค่อนข้างเปิดโล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวางมากนัก ส่วน Node ตัวอื่นๆ ควรวางกระจายไปตามพื้นที่ที่ต้องการให้สัญญาณครอบคลุม โดยให้อยู่ในระยะที่สามารถรับสัญญาณจาก Node ตัวอื่นได้ดี อาจจะวางตามโถงทางเดิน, ใกล้ห้องที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตบ่อยๆ หรือในชั้นอื่นๆ ของบ้าน หลีกเลี่ยงการวางใกล้แหล่งกำเนิดสัญญาณรบกวน เช่น เตาไมโครเวฟ, โทรศัพท์ไร้สาย, หรืออุปกรณ์บลูทูธบางชนิด ลองใช้แอปฯ ของ Mesh WiFi เพื่อตรวจสอบความแรงของสัญญาณระหว่าง Node ในระหว่างการติดตั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า Node แต่ละตัวเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
-
แก้ได้ ไวไฟไม่ครอบบ้าน ใช้ Mesh WiFi ดีที่สุด
-
[spin9] เซ็ต WiFi ให้แรงทั้งบ้าน — ไวไฟไม่ทั่วถึง แก้ไขได้!
-
ของดีในปี 2025 จาก TP-Link [ Beepodcast Ep.14 ]
-
ตัวขยายสัญญาณ WiFi 12 อันดับ ยอดนิยม ยี่ห้อไหนดี ขยายระยะไกล ...
-
ทริคแก้ Wi-Fi ให้แรงทั่วบ้าน แบบทำง่ายไม่ต้องเดินสาย | บ้านใหญ่ มี ...