ใช้ Lalamove ส่งของครั้งแรก? เช็คค่าบริการ คิดราคาอย่างไร ให้คุ้มที่สุด?


สวัสดีค่าทุกคนนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องการส่งของผ่านแอปฯ ยอดฮิตติดลมบนอย่าง Lalamove กัน! ใครที่เพิ่งเคยใช้ครั้งแรก หรือใช้มาบ้างแล้วแต่ก็ยังแอบงงๆ ว่าเอ๊ะ! ค่าส่งมันคิดยังไง ทำไมบางทีถูกบางทีแพง แล้วต้องทำยังไงถึงจะส่งของได้แบบสบายกระเป๋าที่สุด วันนี้เรามีคำตอบแบบจัดเต็ม เข้าใจง่าย สไตล์เป็นกันเองเหมือนเพื่อนมาเล่าให้ฟัง เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลยจ้า!
1. Lalamove เค้าคือใคร? และบริการนี้มันยังไงนะ?
เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่า Lalamove เค้าคืออะไร? พูดง่ายๆ ก็คือแอปพลิเคชันบริการส่งของแบบ On-Demand Delivery ที่โคตรจะสะดวกและรวดเร็ว! คิดถึงเวลาที่เราอยากส่งของด่วนจี๋ อยากให้ถึงมือผู้รับภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือจะส่งของชิ้นใหญ่ยักษ์ที่พี่วินมอไซค์หน้าปากซอยก็คงไม่ไหว Lalamove นี่แหละคือพระเอกขี่ม้าขาวของเราเลยจ้า!
เค้ามีรถให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์คู่ใจ ไปจนถึงรถเก๋ง รถกระบะ หรือแม้กระทั่งรถตู้ ตอบโจทย์ทุกขนาดของ ไม่ว่าจะเอกสารชิ้นเล็กๆ เค้กวันเกิด พัสดุ เสื้อผ้า หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ Lalamove ก็จัดการให้ได้หมด! เหมาะมากๆ กับทั้งพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ที่ต้องส่งของให้ลูกค้าแบบไวๆ หรือคนทั่วไปที่อยากส่งของให้เพื่อนให้ญาติแบบด่วนๆ สะดวก ครบ จบ ในแอปฯ เดียวเลยจ้า
2. ค่าบริการ Lalamove คิดราคายังไงกันนะ?
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนกุมขมับ นั่นก็คือ "ค่าบริการ" นั่นเอง! การคิดค่าบริการของ Lalamove เนี่ย ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิดนะ เค้าจะมีองค์ประกอบหลักๆ อยู่ 2 ส่วน คือ:
- ราคาเริ่มต้น (Starting Fee): อันนี้คือค่าบริการพื้นฐานสำหรับระยะทางเริ่มต้น จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับประเภทรถที่เราเลือกใช้ ยิ่งรถใหญ่ ราคาเริ่มต้นก็ยิ่งสูงขึ้นจ้า
- ค่าบริการตามระยะทาง (Distance Fee): เมื่อเกินระยะทางเริ่มต้นที่เค้ากำหนดไว้ในราคาพื้นฐาน ก็จะมีค่าบริการเพิ่มขึ้นตามระยะทางจริงที่ขับไป ยิ่งไกล ค่าส่งก็ยิ่งเพิ่มตามไปด้วยนั่นเอง
สรุปง่ายๆ คือ ค่าส่ง = ราคาเริ่มต้น (ตามประเภทรถ) + ค่าบริการตามระยะทาง (ที่เกินจากพื้นฐาน)
แอปพลิเคชัน Lalamove เนี่ย ฉลาดมากๆ แค่เราใส่จุดรับและจุดส่ง ระบบก็จะคำนวณ ค่าบริการโดยประมาณ ให้เราเห็นทันทีเลยจ้า ก่อนที่เราจะกดยืนยันการจอง สะดวกสุดๆ ไปเลย!
3. ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ค่าส่ง "ไม่เท่ากัน"?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมส่งของไปที่เดิม ระยะทางเท่าเดิม แต่ค่าส่งไม่เท่ากันนะ? มันมีปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจ้า ลองมาดูกัน:
- ประเภทรถ: อันนี้ชัดเจนที่สุด! ส่งด้วยมอเตอร์ไซค์ก็ถูกกว่ารถกระบะแน่นอน เลือกให้เหมาะกับขนาดและน้ำหนักของนะจ๊ะ
- ระยะทาง: ยิ่งไกล ยิ่งแพง อันนี้เป็นหลักสากลเลยเนอะ
- บริการเสริม: ถ้าเราต้องการบริการพิเศษ เช่น เพิ่มจุดส่ง (Multi-stop), ให้คนขับ ช่วยยกของ (Helper), หรือ มีเวลาให้คนขับรอรับ/รอส่งของนานกว่าปกติ (Waiting Time) พวกนี้จะมีค่าบริการเพิ่มขึ้นนะจ๊ะ โดยเฉพาะค่ารอสินค้า Lalamove เค้าจะมีเวลาฟรีให้ช่วงหนึ่ง ถ้าเกินกว่านั้นก็คิดเงินเพิ่มแล้วนะ!
- ช่วงเวลาและสภาพการจราจร: บางช่วงเวลาที่มีคนใช้เยอะมากๆ หรือสภาพการจราจรติดขัดสุดๆ (เช่น ช่วงฝนตกหนัก ตอนเช้า/เย็นในเมือง) อาจจะมีปัจจัยที่ทำให้ค่าส่งมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยได้จ้า (แต่ Lalamove ไม่ได้มี Surge Price แบบเรียลไทม์รุนแรงเท่าพวกเรียกรถส่วนบุคคลนะ)
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น: เช่น ค่าทางด่วน หรือ ค่าที่จอดรถ ในบางพื้นที่ ถ้าการเดินทางต้องผ่านจุดเหล่านี้ และผู้ใช้ไม่ได้ระบุไว้ตอนแรก ค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจจะบวกเพิ่มเข้ามาตอนหลังได้นะ ควรแจ้งหรือตกลงกับคนขับให้ชัดเจนตั้งแต่แรกจ้า
4. เช็คค่าบริการยังไงก่อนตัดสินใจจอง?
นี่คือจุดที่ทำให้ Lalamove ใช้ง่ายมากๆ เลยนะ! ก่อนที่เราจะกดยืนยันการจอง แค่เราใส่ จุดรับ (Pickup Location) และ จุดส่ง (Drop-off Location) รวมถึงเลือก ประเภทรถ ที่ต้องการใช้ ในหน้าจอแอปฯ มันจะขึ้น "ค่าบริการโดยประมาณ" ให้เราเห็นเลยทันที!
ตัวเลขนี้จะเป็นการประเมินเบื้องต้นจากระบบนะจ๊ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะค่อนข้างตรง แต่ก็อาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้างเล็กน้อยหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ค่าทางด่วนที่เพิ่งรู้ หรือการแก้ไขจุดส่งกลางทาง แต่โดยรวมแล้ว เราสามารถใช้ตัวเลขนี้เป็นฐานในการตัดสินใจได้เลยว่ารับได้ไหม ดีกว่าการสุ่มสี่สุ่มห้ากดจองไปแบบไม่รู้ราคาแน่นอนจ้า
5. เคล็ดลับใช้ Lalamove ยังไงให้คุ้มที่สุด?
มาถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย! อยากส่งของกับ Lalamove ให้ประหยัดเงินในกระเป๋า ต้องงัดไม้เด็ดอะไรออกมาบ้าง มาดูกัน!
- เลือกประเภทรถให้เหมาะกับของ: ถ้าส่งเอกสารเล็กๆ ก็เลือกมอเตอร์ไซค์สิคะ จะไปเลือกกระบะให้เปลืองทำไม? แต่ถ้าของใหญ่จริงก็อย่าฝืน เลือกประเภทรถที่เหมาะสมแต่แรก จะได้ไม่เกิดปัญหาของวางไม่พอ หรือคนขับยกไม่ไหว เสียเวลา เสียอารมณ์นะจ๊ะ
- รวมของที่จะส่งไว้ในออเดอร์เดียว: ถ้ามีของหลายชิ้นที่จะส่งไปหลายๆ ที่ในเส้นทางเดียวกัน ลองใช้ฟังก์ชัน "เพิ่มจุดส่ง" ดูสิ! ค่าบริการอาจจะถูกกว่าการแยกจองเป็นหลายๆ ออเดอร์เยอะเลยนะ แต่ก็ต้องคำนวณดีๆ ว่าจุดส่งมันอยู่ในเส้นทางเดียวกันจริงๆ ไหม
- เตรียมของให้พร้อมสำหรับรับ-ส่ง: แพ็คของให้เรียบร้อย พร้อมส่งทันทีที่คนขับมาถึง และแจ้งผู้รับให้เตรียมพร้อมรับของด้วย เพื่อ หลีกเลี่ยงค่ารอสินค้า ฟรีตามเวลาที่กำหนด ดีที่สุด!
- หมั่นเช็คโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลด: Lalamove เค้าขยันออกโปรโมชั่นมากๆ เลยนะ! ทั้งส่วนลดสำหรับผู้ใช้ใหม่ ส่วนลดตามช่วงเทศกาล (อย่าง 11.11, 12.12 นี่มาเต็ม หรือช่วงสงกรานต์ ปีใหม่ ก็อาจจะมี) ส่วนลดตามประเภทบริการ หรือส่วนลดจากการเป็นลูกค้าประจำ ลองดูในแอปฯ ตรงเมนูโปรโมชั่น หรือติดตามเพจ Facebook ของ Lalamove ประเทศไทยไว้ รับรองไม่พลาดดีลดีๆ แน่นอนจ้า
- ให้ข้อมูลที่อยู่และเบอร์โทรให้ถูกต้องและครบถ้วน: อันนี้สำคัญมาก! ข้อมูลผิด ทำให้คนขับหาที่อยู่ไม่เจอ หรือติดต่อผู้รับไม่ได้ สุดท้ายกลายเป็นเสียเวลา เสียค่าโทรศัพท์ แถมอาจโดนคิดค่ารอสินค้าอีกนะ!
6. คนไทยใช้ Lalamove แล้วรู้สึกยังไงกับค่าบริการ?
จากที่สิงสถิตอยู่ในโลกออนไลน์และฟังเสียงผู้ใช้ Lalamove ชาวไทยมาเนี่ย ฟีดแบ็กเรื่องค่าบริการก็มีหลากหลายมุมมองนะจ๊ะ
มุมที่ชอบ: หลายคนบอกว่า คุ้มค่ากับความรวดเร็ว โดยเฉพาะเวลาที่ต้องการส่งของด่วนๆ หรือส่งของชิ้นใหญ่ๆ ที่ขนเองไม่ไหว ราคาถือว่า สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับความสะดวกและบริการที่ได้รับ การที่เห็นค่าบริการโดยประมาณก่อนกดจองก็ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น และรู้สึกว่า โปรโมชั่นเยอะ ทำให้ประหยัดไปได้เยอะในแต่ละครั้ง
มุมที่อาจจะต้องพิจารณา: บางคนอาจจะรู้สึกว่าค่าบริการค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการส่งแบบปกติ (ที่ไม่ด่วน) โดยเฉพาะการส่งระยะทางสั้นๆ ด้วยรถยนต์หรือรถกระบะ ค่าบริการเริ่มต้นอาจจะดูสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ หรือบางทีค่าบริการเสริม เช่น ค่ารอสินค้า อาจทำให้บิลบานปลายได้ ถ้าไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อม
โดยรวมแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ใช้คนไทยมองว่า Lalamove เป็นบริการที่ ตอบโจทย์ความต้องการแบบเร่งด่วน หรือขนส่งของขนาดใหญ่ได้ดีมาก และค่าบริการก็ คุ้มค่าเมื่อเทียบกับบริการที่ได้รับ แต่ก็ต้องรู้จักเลือกใช้ประเภทรถ และใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่นให้เต็มที่นะจ๊ะ
7. จะจอง Lalamove ได้จากช่องทางไหนบ้าง?
แน่นอนว่าช่องทางหลักในการใช้บริการ Lalamove ก็คือการ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Lalamove มาติดตั้งบนมือถือของเรานี่แหละจ้า! ทั้งระบบ iOS และ Android เลย สะดวกที่สุดแล้ว
ในแอปฯ เราสามารถระบุจุดรับ จุดส่ง เลือกประเภทรถ บริการเสริมต่างๆ เช็คค่าบริการโดยประมาณ และกดยืนยันการจองได้เลย แถมยังติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์อีกด้วยนะ!
นอกจากแอปฯ แล้ว ถ้าเป็นผู้ประกอบการ หรือธุรกิจที่ต้องการใช้บริการ Lalamove เป็นประจำ หรือมีการส่งจำนวนมาก ก็อาจจะมีการติดต่อผ่านช่องทางสำหรับลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะได้ด้วยนะ แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แอปฯ นี่แหละคือช่องทางหลักและสะดวกที่สุดแล้วจ้า
ส่วนข้อมูลโปรโมชั่น หรือข่าวสารต่างๆ ก็สามารถติดตามได้จาก เว็บไซต์ทางการของ Lalamove ประเทศไทย หรือ Facebook Page: Lalamove Thailand ได้เลยนะจ๊ะ เค้าจะอัปเดตข้อมูลและโปรโมชั่นเด็ดๆ ที่นั่นเสมอ
8. สรุปแล้ว Lalamove น่าใช้ไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า Lalamove น่าใช้ไหม? ตอบเลยว่า น่าใช้มากๆ จ้า!
Lalamove เหมาะกับ:
- คนที่ต้องการส่งของแบบด่วนจี๋: อยากให้ถึงมือผู้รับภายในไม่กี่ชั่วโมง สะดวก รวดเร็ว เชื่อถือได้
- คนที่ต้องการส่งของชิ้นใหญ่ หรือมีน้ำหนักมาก: ที่ขนส่งสาธารณะ หรือบริการส่งพัสดุทั่วไปไม่สะดวกหรือไม่รับ
- พ่อค้าแม่ขายออนไลน์: ที่ต้องส่งของให้ลูกค้าในพื้นที่แบบ Same-day Delivery สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ดีสุดๆ
- คนที่ต้องการส่งของหลายๆ จุดในเส้นทางเดียวกัน: ฟังก์ชันเพิ่มจุดส่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ
- คนที่ต้องการความยืดหยุ่นเรื่องประเภทรถ: มีรถให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ
สำหรับเรื่องค่าบริการ ถ้าเราเข้าใจวิธีการคิดเงิน เลือกประเภทรถให้เหมาะสม เตรียมของให้พร้อม และใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่นให้เต็มที่ รับรองว่าการใช้ Lalamove จะ คุ้มค่า และช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยจ้า!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังจะลองใช้ Lalamove เป็นครั้งแรก หรือใช้แล้วยังงงๆ อยู่นะคะ ขอให้ส่งของกันได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด ได้ของถึงมือผู้รับแบบปลอดภัย และประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- ขับลาล่ามูฟวันแรก ได้กี่บาทเจ๋งดีมากชอบเลย รู้เรื่องในคลิปเดียว#ขับ ...
- วิ่ง Lalamove วันแรก จะรอดหรือไม่รอด ยังน่าวิ่งอยู่ไหม ค่ารอบจะคุ้มรึ ...
- วิธีรับงานลาล่ามูฟเบื้องต้น อัปเดทปี2025 และวิธีใช้ฟังชั่นต่าง#lalamove
- รับงานส่งของตจว. Lalamove คุ้มมั้ยราคาแบบนี้...บอกเลยงานนี้...อย่า ...
- การวิ่งงาน Lalamove ครั้งแรก: ประสบการณ์และรายได้
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา พระพุทธชินราช วัดวังทอง ปี 2514: ดูอย่างไรให้เป็น เล่นหาสู่กันฟัง
อัปเดตราคา DSP Alpine ติดตั้งในรถยนต์ คุณภาพเสียงเหนือระดับ
รีวิว Fotopro X-Go Gecko และราคา: ขาตั้งกล้องคู่ใจนักเดินทาง
ราคา iPhone SE (รุ่นล่าสุด) จาก True: พร้อมโปรโมชั่นผ่อนสบาย
ราคา Moto Guzzi V7 Racer มอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิก
ราคา Nexen SU4 ยางรถยนต์ รุ่นยอดนิยม สมรรถนะดี