อัปเดตราคา DSP Alpine ติดตั้งในรถยนต์ คุณภาพเสียงเหนือระดับ


สวัสดีค่าาา สายเครื่องเสียงรถยนต์ทั้งหลายยย! วันนี้เราจะมาเจาะลึก Gadget สุดปังที่กำลังมาแรงในวงการรถยนต์ นั่นก็คือ DSP Alpine นั่นเองค่า ใครที่กำลังรู้สึกว่าเครื่องเสียงติดรถเดิมๆ มันยังไม่สุด ฟังแล้วไม่อิน หรืออยากได้มิติเสียงแบบคอนเสิร์ตเคลื่อนที่ ต้องอ่านบทความนี้เลย เพราะเราจะมาอัปเดตราคาและเม้าท์มอยกันแบบหมดเปลือก สไตล์บ้านๆ เข้าใจง่าย ไม่มีศัพท์เทคนิคปวดหัว พร้อมเคล็ดลับช้อปยังไงให้คุ้มค่าโดนใจคนไทยสุดๆ ไปเลยจ้า เตรียมแคะกระปุก เอ้ย! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเล้ยยย!
1. เจ้า DSP Alpine นี่มันคืออะไรกันนะ? แล้วทำไมต้องมี?
เอาล่ะ เริ่มต้นที่คำถามเบสิกเลย เจ้า DSP นี่มันย่อมาจาก Digital Signal Processor พูดง่ายๆ มันก็คือสมองกลอัจฉริยะที่ทำหน้าที่ประมวลผลสัญญาณเสียงดิจิทัลในรถยนต์ของเรานี่แหละค่ะ หน้าที่หลักๆ ของมันคือเข้ามาช่วย ปรับแต่งเสียง ให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดตามที่เราต้องการ จากเดิมที่เสียงอาจจะแบนๆ ไม่มีมิติ เจ้า DSP นี่แหละจะช่วยปรุงแต่งให้เสียงมีชีวิตชีวา มีความลึก ความกว้าง ปรับตำแหน่งเสียงให้เหมือนนักร้องมายืนอยู่ตรงหน้าเราเป๊ะๆ เลยทีเดียวเชียว!
แล้วทำไมต้องเป็นแบรนด์ Alpine ล่ะ? แบรนด์นี้เค้าเป็นตำนานเรื่องเครื่องเสียงรถยนต์มาจากประเทศญี่ปุ่นนะคะ มีประวัติยาวนานและเป็นที่ยอมรับในระดับโลกเลยทีเดียว เค้าขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเสียงที่เที่ยงตรง รายละเอียดดี และมีเทคโนโลยีล้ำๆ อยู่เสมอ ดังนั้น ถ้าพูดถึง DSP คุณภาพสูง Alpine ก็เป็นชื่อแรกๆ ที่คอเครื่องเสียงนึกถึงเลยจ้า เหมาะมากๆ สำหรับ:
- คนที่อยากอัปเกรดคุณภาพเสียงในรถเดิมๆ โดย ไม่ต้องเปลี่ยนวิทยุเดิม ให้เสียฟังก์ชันติดรถ
- คนที่อยากได้ มิติเสียงที่สมจริง ฟังแล้วรู้สึกเหมือนนั่งฟังดนตรีสดๆ
- คนที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียงแบบสุดๆ อยาก ปรับแต่งเสียงได้ละเอียด ทุกย่านความถี่ ทุกตำแหน่งลำโพง
- คนที่อยากให้เครื่องเสียงในรถ คุณภาพเสียงเหนือระดับ ฟังเพลงโปรดได้อรรถรสเต็มที่
สรุปง่ายๆ ว่าถ้าอยากให้เสียงในรถดีขึ้นแบบก้าวกระโดด เจ้า DSP Alpine นี่แหละคือคำตอบที่น่าสนใจมากๆ เลยจ้า
2. ราคา DSP Alpine ในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? รุ่นไหน ราคาเท่าไหร่?
มาถึงเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจมากที่สุด นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! ราคาของ DSP Alpine ในตลาดไทยเนี่ยก็มีหลากหลายรุ่น หลายราคาเลยจ้า ขึ้นอยู่กับสเปกและความสามารถของแต่ละรุ่นด้วยนะ จากที่ไปส่องๆ มาตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์และร้านเครื่องเสียงต่างๆ ก็พอจะแบ่งช่วงราคาคร่าวๆ ได้ประมาณนี้ค่ะ
- รุ่นเริ่มต้น/คุ้มค่า: อย่าง Alpine PXE-640E-EL รุ่นนี้เป็น DSP Amp ที่มีแอมป์ในตัว ขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 7,950 - 8,000 บาท (฿) ถือเป็นรุ่นที่เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับคนเพิ่งเริ่มต้นอยากลองใช้ DSP ค่ะ
- รุ่นระดับกลาง: จะมีหลายรุ่นหน่อย เช่น Alpine PXE-R500 / PXE-R500S ที่เป็น DSP 6 แชนเนลพร้อมแอมป์ในตัว ราคาจะอยู่ประมาณ 14,900 - 15,500 บาท (฿) หรือรุ่น Alpine PXE-R80-8 ที่เป็น DSP 8 แชนเนลพร้อมแอมป์ในตัว ราคาจะประมาณ 14,900 - 19,800 บาท (฿) และ Alpine UTX-M06 ที่เป็นเครื่องเล่นเสียงพร้อม DSP ในตัว ราคาประมาณ 16,900 บาท (฿) รุ่นพวกนี้ฟังก์ชันจะเยอะขึ้น ปรับแต่งได้ละเอียดขึ้นค่ะ
- รุ่นระดับสูง: ราคาก็จะขยับขึ้นมาอีก เช่น Alpine PXE-R100-8 (ประมาณ ฿27,800), Alpine PXE-X120-8 (ประมาณ ฿32,000), Alpine PXE-C80-88 (ประมาณ ฿32,000) หรือ Alpine UTX-M08S ที่เป็นเครื่องเล่นเสียง Hi-Res พร้อม DSP ราคาประมาณ 22,800 บาท (฿) รุ่นพวกนี้จะให้คุณภาพเสียงและการปรับแต่งที่ละเอียดยิบ รองรับระบบเสียงที่ซับซ้อนขึ้นค่ะ
- รุ่นระดับไฮเอนด์ (ตัวเทพ!): อันนี้คือสำหรับคอออดิโอไฟล์ตัวจริงเสียงจริง อย่าง Alpine HDP-D90 ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุด Alpine F#1 Status ระบบเสียงระดับสูงสุด ซึ่งตัว Processor อย่างเดียวก็ราคาถึง 75,000 บาท (฿) ส่วนชุดเต็มๆ ราคาหลักแสนหลักล้านก็มีจ้า อันนี้ต้องกระเป๋าหนักหน่อยนะ!
ราคาเหล่านี้หาได้ตามร้านค้าออนไลน์หลักๆ ในไทยอย่าง Lazada และ Shopee เลยนะคะ จะมีทั้งร้าน Official Store ของตัวแทนจำหน่าย หรือร้านค้าเครื่องเสียงต่างๆ มาลงขายเปรียบเทียบราคาได้สะดวกมากๆ ค่ะ ส่วนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy, Central, Big C, The Mall เนี่ย เค้าจะเน้นสินค้า Gadget ทั่วไป ไม่ค่อยมีพวกเครื่องเสียงรถยนต์แบบจริงจังเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าหา DSP Alpine ต้องพุ่งไปที่ร้านเครื่องเสียงรถยนต์เฉพาะทาง หรือดูตามออนไลน์เลยจ้า
ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคานานาชาติ อันนี้เป็นเรื่องปกติของสินค้าแบรนด์นอกที่นำเข้ามาขายในไทยค่ะ ราคาขายในไทยก็จะมีเรื่องภาษี ค่าขนส่ง ค่าการตลาดต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ราคาสูงกว่าราคาตั้งในต่างประเทศบ้าง แต่ก็ถือเป็นราคามาตรฐานในตลาดบ้านเรานะคะ
3. เทียบราคากับแบรนด์อื่นในตลาด คู่แข่งมีใครบ้าง?
ในตลาด DSP สำหรับรถยนต์เนี่ย Alpine ถือเป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีชื่อเสียง แต่ก็ยังมีคู่แข่งอื่นๆ ที่น่าสนใจในระดับราคาใกล้เคียงกันหรือแตกต่างกันไปค่ะ เช่น แบรนด์ Nakamichi ก็มี DSP ที่ได้รับความนิยมในราคาที่เข้าถึงง่าย บางรุ่นราคาเริ่มต้นประมาณ 6,xxx - 7,xxx บาท (฿) คุณภาพก็ถือว่าใช้ได้เลยสำหรับราคานี้
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่นๆ อย่าง Ground Zero, Musway, Prism ที่มี DSP ในตลาดเช่นกัน การเปรียบเทียบราคาก็ต้องดูเป็นรุ่นๆ ไปค่ะ DSP ของ Alpine บางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นกลางถึงสูง อาจจะมีราคาสูงกว่าบางแบรนด์ในสเปกแชนเนลที่ใกล้เคียงกัน แต่ Alpine ก็มักจะมาพร้อมชื่อเสียงในด้านคุณภาพเสียงและเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่น ทำให้หลายคนยอมจ่ายเพิ่มเพื่อแลกกับความมั่นใจในแบรนด์และคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Alpine ค่ะ บางทีสินค้าอีกแบรนด์อาจจะเน้นความคุ้มค่าในฟังก์ชันพื้นฐาน ในขณะที่ Alpine จะเน้นไปที่คุณภาพเสียงที่ละเอียดกว่า หรือฟังก์ชันขั้นสูงที่มากกว่านั่นเองจ้า
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีประกันมั้ย?
เวลาซื้อ DSP Alpine สิ่งที่เราจะได้หลักๆ ก็คือตัวเครื่อง DSP นั่นแหละค่ะ บางรุ่นที่เป็น DSP Amp ก็จะมีภาคขยายเสียงในตัวมาให้เลย อุปกรณ์อื่นๆ ที่มักจะมาด้วยก็เช่น สายไฟ สายสัญญาณต่างๆ หรือสาย USB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อปรับจูน บางรุ่นอาจจะมีรีโมทคอนโทรลมาให้ด้วย หรือเป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อแยกค่ะ
เรื่องสำคัญมากๆ ที่คนไทยอย่างเราให้ความสำคัญสุดๆ ก็คือ การรับประกัน ใช่ไหมคะ? สำหรับ DSP Alpine ที่เป็นสินค้าใหม่และซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย มักจะมาพร้อมกับ การรับประกันศูนย์ไทย เป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปี ค่ะ อันนี้สบายใจได้เลย ถ้าสินค้ามีปัญหาที่เกิดจากการผลิตในช่วงเวลารับประกัน ก็สามารถส่งเคลมได้ตามเงื่อนไข แต่ต้องระวังนิดนึงถ้าซื้อจากร้านค้าที่ไม่ใช่ตัวแทนอย่างเป็นทางการ อาจจะต้องสอบถามเรื่องการรับประกันให้ชัดเจนอีกทีค่ะ
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ตามแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งตามปกติค่ะ แต่ก็มีหลายร้านและหลายช่วงเวลาที่จัดโปรโมชั่น ฟรีค่าจัดส่ง นะคะ ต้องคอยสังเกตดีๆ หรือใช้โค้ดส่วนลดค่าส่งที่มีแจกบ่อยๆ ได้เลยค่ะ
สำหรับของแถมหรือโปรโมชั่นอื่นๆ ก็แล้วแต่ร้านค้าเลยค่ะ บางทีซื้อพร้อมติดตั้งที่ร้าน อาจจะมีส่วนลดค่าติดตั้ง หรือมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ เช่น สายสัญญาณดีๆ หรือชุดฟิวส์เพิ่มให้ด้วย
5. ช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษ? มีโปรโมชั่นเด็ดๆ มั้ย?
แน่นอนว่าถ้าอยากได้ของดีราคาโดนใจ ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! สำหรับเครื่องเสียงรถยนต์ รวมถึง DSP Alpine ด้วย ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ของไทย หรือช่วงที่แพลตฟอร์มออนไลน์จัดหนักจัดเต็ม มักจะมีข้อเสนอดีๆ ออกมาเสมอค่ะ
- ช่วงเทศกาลใหญ่: อย่างช่วงปีใหม่ไทย (สงกรานต์), วันหยุดยาวต่างๆ อาจจะมีโปรโมชั่นจากร้านค้าเครื่องเสียง หรือตัวแทนจำหน่ายค่ะ
- ช่วง Double Digit Sale: อันนี้พลาดไม่ได้เลย! โปรโมชั่นยอดฮิตอย่าง 11.11, 12.12 หรือแม้แต่ Payday Sale ในช่วงกลางเดือนหรือปลายเดือนบน Lazada และ Shopee มักจะมีส่วนลดพิเศษ โค้ดส่วนลด หรือโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ
- งาน Motor Show หรือ Motor Expo: ในงานแสดงรถยนต์ใหญ่ๆ บางทีแบรนด์เครื่องเสียงก็จะไปออกบูธและมีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะในงานด้วยนะคะ ถ้าสะดวกเดินทางไปงาน ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าไปดูเลยค่ะ
- โปรโมชั่นจากร้านค้าโดยตรง: ร้านเครื่องเสียงบางร้านก็จะมีโปรโมชั่นของตัวเองเป็นช่วงๆ เช่น ลดราคาพิเศษสำหรับรุ่นเก่าเคลียร์สต็อก หรือจัดเป็นชุด Bundle พร้อมลำโพง หรือมีส่วนลดค่าติดตั้งค่ะ
ถ้าไม่รีบใช้มากๆ แนะนำให้ รอช่วงโปรโมชั่น จะมีโอกาสได้ราคาที่ดีกว่า หรือได้ของแถมที่คุ้มค่ากว่านะคะ ลองติดตามร้านค้า Official Store ของ Alpine หรือร้านค้าเครื่องเสียงที่เชื่อถือได้บน Lazada/Shopee ไว้ได้เลยค่ะ เค้ามักจะประกาศโปรโมชั่นล่วงหน้าจ้า
6. คนไทยที่ใช้ DSP Alpine เค้าว่ากันยังไงบ้างนะ?
จากที่ไปส่องๆ ตามเว็บบอร์ด Pantip หรือกลุ่มเครื่องเสียงรถยนต์ต่างๆ ใน Facebook ฟีดแบ็กจากผู้ใช้ DSP Alpine ในไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างไปในทางที่ดีนะคะ จุดที่หลายคนประทับใจและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:
- คุณภาพเสียงดีขึ้นชัดเจน: อันนี้คือเสียงส่วนใหญ่เลยว่า DSP Alpine ช่วยให้เสียงดีขึ้นแบบรู้สึกได้จริงๆ ฟังแล้วมีมิติ รายละเอียดเสียงชัดเจนขึ้นมาก โดยเฉพาะพวกเครื่องดนตรีเล็กๆ น้อยๆ ที่เมื่อก่อนอาจจะไม่ได้ยิน
- ปรับจูนได้ละเอียด: คอเพลงที่ชอบปรับเสียงตามสไตล์ตัวเองจะชอบมาก เพราะ Alpine DSP มีฟังก์ชันปรับ EQ, Crossover, Time Correction ให้เล่นเยอะมาก ปรับได้จนกว่าจะพอใจเลยค่ะ แถมปรับผ่านแอปในมือถือได้สะดวกสุดๆ
- แบรนด์น่าเชื่อถือ: ความที่เป็นแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในคุณภาพและความทนทาน แม้ราคาอาจจะสูงกว่าบางแบรนด์ แต่ก็ยอมจ่ายเพราะเชื่อในคุณภาพของ Alpine ค่ะ
- เหมาะกับรถเดิมๆ: หลายคนที่ไม่อยากเปลี่ยนวิทยุติดรถเดิมๆ ที่คุมฟังก์ชันอื่นๆ ของรถ ก็จะเลือกใช้ DSP Alpine เพื่อมาช่วยยกระดับเสียง ซึ่งทำได้ดีมากๆ เลยค่ะ
โดยรวมแล้ว คนไทยที่ใช้ DSP Alpine จะเน้นเรื่อง คุณภาพเสียงที่เหนือระดับ และ ความสามารถในการปรับแต่งที่ละเอียด เป็นหลักจ้า ส่วนเรื่องความทนทานก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนมั่นใจในแบรนด์นี้ค่ะ
7. แล้วจะไปหาซื้อ DSP Alpine ได้ที่ไหนบ้างล่ะ?
สำหรับช่องทางการซื้อ DSP Alpine ในไทย มีให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ แล้วแต่ความสะดวกและความต้องการของเราเลย
- ร้านตัวแทนจำหน่ายและร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์โดยตรง: อันนี้เป็นช่องทางหลักที่แนะนำมากๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะได้สินค้าของแท้ มีประกันแล้ว ยังมีบริการ ติดตั้งและปรับจูนเสียง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญด้วย ซึ่งการจูนเสียงนี่สำคัญมากๆ สำหรับ DSP จะทำให้เราได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดจากอุปกรณ์ค่ะ ร้านดังๆ เช่น Mirage Audio, Chainat Sound และอื่นๆ ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Alpine ในแต่ละพื้นที่ค่ะ
- แพลตฟอร์ม E-commerce ขนาดใหญ่: อย่าง Shopee และ Lazada เป็นช่องทางที่สะดวกมากๆ ในการเปรียบเทียบราคา มีตัวเลือกสินค้าเยอะ และมักจะมีโปรโมชั่นต่างๆ ให้ใช้ ข้อดีคือช้อปง่าย จ่ายเงินสะดวก มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ แต่ข้อจำกัดคือถ้าซื้อเฉพาะตัวเครื่อง DSP มาเอง อาจจะต้องหาร้านติดตั้งและจูนเสียงต่างหากนะคะ แนะนำให้เลือกร้านที่เป็น Official Store หรือร้านที่ดูน่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ ค่ะ
ส่วนร้านค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป หรือห้างสรรพสินค้าอย่าง Central, Big C, The Mall, JIB, Banana IT มักจะไม่มีสินค้าประเภทนี้จำหน่ายโดยตรงนะคะ
8. สรุปแล้ว DSP Alpine น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงช่วงสรุปกันแล้วค่ะ ถามว่า DSP Alpine น่าซื้อไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่ รักการฟังเพลงในรถ และอยากยกระดับคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะถ้าคุณ:
- ใช้รถที่วิทยุเดิมๆ มีฟังก์ชันเยอะ ไม่อยากเปลี่ยนวิทยุ
- รู้สึกว่าเสียงในรถยังขาดมิติ รายละเอียด หรือความหนักแน่น
- อยากได้ระบบเสียงที่ปรับแต่งได้อย่างละเอียดตามความชอบ
- ให้ความสำคัญกับคุณภาพและชื่อเสียงของแบรนด์ระดับโลก
ถ้าเข้าข่ายข้อไหนล่ะก็ บอกเลยว่า DSP Alpine เป็นตัวเลือกที่ น่าซื้อมากๆ เลยค่ะ มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีจริงๆ
ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการเลยค่ะ
- ถ้าเพิ่งเริ่มต้น งบไม่สูงมาก และอยากได้เสียงดีขึ้นจากเดิมชัดเจน รุ่น PXE-640E-EL หรือ PXE-R500/R500S ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ ค่ะ ราคาเข้าถึงง่าย ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน
- ถ้างบประมาณมากขึ้น อยากได้การปรับแต่งที่ละเอียดขึ้น หรือมีชุดลำโพงหลายชิ้น รุ่น PXE-R80-8, PXE-R100-8 หรือ PXE-X120-8 จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าค่ะ
- และถ้าเป็นคอออดิโอไฟล์ตัวจริง อยากได้สุดยอดคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res และฟังก์ชันที่ครบครันที่สุด ก็ต้องขยับไปรุ่นระดับสูง หรือระดับไฮเอนด์ตัวเทพอย่าง HDP-D90 หรือชุด F#1 Status ไปเลยค่ะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา และการหา ร้านติดตั้งและปรับจูนเสียงที่ดี เพราะ DSP จะให้เสียงที่ยอดเยี่ยมได้ต้องอาศัยการจูนที่ถูกต้องด้วยนะคะ ขอให้ทุกคนสนุกกับการอัปเกรดเครื่องเสียงในรถ และมีความสุขกับการฟังเพลงโปรดบนทุกเส้นทางจ้าาา!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว! DSP รุ่นใหม่ล่าสุด จาก ALPINE "DSP แห่งปี 2024" รุ่น PXE ...
- รีวิว! DSP รุ่นใหม่ล่าสุด จาก ALPINE "DSP แห่งปี 2024" รุ่น PXE ...
- รีวิว DSP ALPINE รุ่น PXE-R160-16EV ใหม่ล่าสุด! ที่ออกแบบมา ...
- แกะกล่อง! แอมป์ DSP ตัวล่าสุด "Processor HI-END แห่งปี 2024 ...
- รีวิว DSP Amp ของ Alpine รุ่นใหม่ ปี 2024 และรุ่นเก่ารวม 9 รุ่น
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวรองเท้าผ้าใบ Puma Carina: สวยคลาสสิก แมทช์ได้ทุกลุค
รีวิว YSL Pure Shots: เซรั่มกู้ผิวโทรม บูสต์ผิวใสในข้ามคืน
เปิดกรุรีวิวไอเทมเด็ดจาก Watsons: ตัวไหนน่าสอย ตัวไหนต้องลอง?
รีวิว Hiby R3: เครื่องเล่นเพลงพกพาเสียงดี เหมาะกับคนรักเสียงเพลง
รีวิว มาร์คเท้ากู้ชีพ: เปลี่ยนเท้าหยาบกร้าน เป็นเท้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส
รีวิว Yamaha Nouvo Elegance 135cc: ออโตเมติกยอดนิยม ดีไซน์สปอร์ต ขี่สบาย