10 ทีวี Hisense รุ่นไหนดี ปี 2025 ภาพสวย เสียงดี ฟังก์ชันครบ


สวัสดีครับเพื่อนๆ สายช้อปและสายเอนเตอร์เทนทุกคน! 👋 ในยุคที่อะไรๆ ก็ต้องรวดเร็ว ทันใจ แถมคอนเทนต์บันเทิงก็มีให้เลือกดูแบบตาแตก ทั้งหนัง ซีรีส์ กีฬา หรือจะเล่นเกมจอใหญ่สะใจเนี่ย “ทีวี” ในบ้านเราก็ไม่ใช่แค่เครื่องรับสัญญาณธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้วนะครับ!
สมัยนี้ทีวีต้อง สมาร์ท! ภาพต้องสวยคมชัด! เสียงต้องกระหึ่ม! ฟังก์ชันต้องครบ! ยิ่งถ้ามีดีไซน์สวยๆ เข้ามาช่วยเสริมให้ห้องนั่งเล่นดูดีขึ้นไปอีกนะ... โห! มันคือนิพพานของคนรักบ้านเลยล่ะครับ
แต่ปัญหาคือ... แบรนด์ทีวีในตลาดก็มีเยอะแยะเต็มไปหมด หลายรุ่น หลายราคาจนเลือกไม่ถูกเลยใช่ไหมล่ะครับ? โดยเฉพาะแบรนด์มาแรงจากแดนมังกรอย่าง Hisense เนี่ย คุณภาพดี ราคาโดนใจ จนหลายคนเริ่มหันมามอง แต่ติดตรงที่ว่ารุ่นไหนดี รุ่นไหนเด่น แล้วปี 2025 นี้มีอะไรรุ่นไหนน่าสอยบ้าง? 🤔
ไม่ต้องกังวลครับ! วันนี้ผมจะมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัว พาเพื่อนๆ ไปเจาะลึกโลกของทีวี Hisense ในไทย พร้อมแนะนำ 10 รุ่นเด็ดที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้ บอกเลยว่าอ่านจบปุ๊บ ได้ไอเดียไปเลือกซื้อทีวีเครื่องใหม่เข้าบ้านแน่นอน!
ตลาดทีวีในไทย... ยังไงกันนะ?
แม้ว่าพฤติกรรมการดูคอนเทนต์ของคนไทยจะเปลี่ยนไป มีแพลตฟอร์มออนไลน์และมือถือเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่รู้ไหมครับว่า “ทีวี” ก็ยังคงเป็นศูนย์กลางความบันเทิงในบ้าน และคนไทยกว่า 87% ก็ยังคงดูคอนเทนต์ผ่านจอทีวีอยู่. โดยเฉพาะช่วงเวลาสำคัญๆ อย่างหลังเลิกงาน หรือช่วงหัวค่ำเนี่ย ทีวีนี่แหละคือเพื่อนซี้เลย.
ตลาดทีวีในไทยมีการแข่งขันสูงครับ แบรนด์ดังจากเกาหลี ญี่ปุ่น และจีนก็แย่งชิงส่วนแบ่งกันน่าดู ซึ่ง Hisense ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์จีนที่มาแรงมากๆ ด้วยจุดเด่นเรื่อง เทคโนโลยีที่ให้มาแบบจัดเต็มในราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่มองหาความคุ้มค่า.
คนไทยสมัยนี้เวลาเลือกซื้อทีวี ไม่ได้ดูแค่ว่าเปิดติดไหมนะครับ! เขาดูถึง ความละเอียดของภาพ (ต้อง 4K เป็นอย่างต่ำ) เทคโนโลยีจอภาพ (ULED, Mini-LED มาแรง!) ระบบเสียง (Dolby Atmos นี่ขาดไม่ได้!) และที่สำคัญคือฟังก์ชัน Smart TV ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ดู Netflix, YouTube หรือแอปอื่นๆ ได้สะดวก. แถมแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตก็หนีไม่พ้นแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ที่มีโปรโมชั่นล่อตาล่อใจตลอด หรือถ้าใครอยากไปสัมผัสของจริงก่อน ก็ต้องไปที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง Power Buy หรือ HomePro ครับ.
เลือกทีวี Hisense ยังไงให้โดนใจ เหมือนเจอเนื้อคู่?
ก่อนจะพุ่งตัวไปร้าน หรือจิ้มสั่งออนไลน์ มาดูกันก่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เราต้องพิจารณา เพื่อให้ได้ทีวี Hisense ที่ใช่และตอบโจทย์การใช้งานของเราที่สุดครับ ลองดูลิสต์นี้ไว้เป็นแนวทาง:
- เทคโนโลยีจอภาพ: Hisense มีหลายแบบให้เลือก ตั้งแต่ LED ทั่วไป ขยับมาหน่อยก็ QLED ที่ให้สีสันสดใสขึ้นไปอีก หรือตัวท็อปอย่าง ULED และ Mini-LED ที่ให้ความสว่างและคอนทราสต์สูง ควบคุมแสงได้ละเอียด ทำให้ภาพมีมิติ ดูสมจริงสุดๆ.
- ความละเอียด: ขั้นต่ำสุดของ Smart TV สมัยนี้ควรจะเป็น 4K Ultra HD ไปเลยครับ ภาพจะคมชัด เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน.
- ระบบเสียง: นอกจากคุณภาพลำโพงแล้ว ดูว่ารองรับระบบเสียงรอบทิศทางอย่าง Dolby Atmos ไหม จะช่วยให้ดูหนังฟังเพลงได้อรรถรสเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์.
- ระบบปฏิบัติการ Smart TV: Hisense มีทั้งรุ่นที่เป็น Android TV / Google TV ซึ่งใช้งานง่าย มีแอปให้เลือกเยอะ หรือระบบ VIDAA OS เฉพาะของ Hisense เองที่เน้นความเร็วและใช้งานง่าย.
- ฟังก์ชันพิเศษ: มีโหมด Game Mode สำหรับคอเกมไหม? (รีเฟรชเรตสูงๆ 120Hz, 144Hz นี่แหละใช่เลย!) รองรับ HDR แบบไหนบ้าง (HDR10, HDR10+, Dolby Vision)? สั่งงานด้วยเสียงได้ไหม? เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้สะดวกแค่ไหน?.
- ขนาดหน้าจอ: เลือกให้เหมาะกับขนาดห้องและระยะห่างในการรับชมนะครับ ใหญ่ไปก็ไม่ดี เล็กไปก็เสียอรรถรส Hisense มีให้เลือกตั้งแต่ 32 นิ้ว ไปจนถึง 100 นิ้ว หรือแม้กระทั่ง Laser TV จอยักษ์ 100-120 นิ้วเลยทีเดียว.
- ราคา: ตั้งงบประมาณไว้เลยครับ Hisense มีทีวีหลายช่วงราคามากๆ ตั้งแต่หลักพันกลางๆ ไปจนถึงหลักแสนในรุ่นท็อปหรือ Laser TV.
- ชื่อเสียงและบริการหลังการขาย: เช็คดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในไทย การรับประกันกี่ปี (ส่วนใหญ่ Hisense ให้ 3 ปี ซึ่งถือว่าดีมากๆ). มีศูนย์บริการ หรือหาช่างซ่อมง่ายไหม?
การทำ ตารางเปรียบเทียบ คุณสมบัติของรุ่นที่สนใจ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ!
ส่อง 10 ทีวี Hisense น่าสอย ปี 2025!
เอาล่ะ! มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย ผมคัดมาให้แล้ว 10 รุ่น (หรือซีรีส์) ของ Hisense TV ที่น่าสนใจ และเป็นที่นิยมในตลาดไทย ณ ตอนนี้ คาดว่าเทคโนโลยีและรุ่นต่อยอดจะยังคงความน่าสนใจไปถึงปี 2025 ครับ ลองพิจารณาตามความชอบและงบประมาณได้เลย!
1. Hisense Mini-LED ULED TV (ซีรีส์ U8/U7)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: คือตัวท็อปของ Hisense ใช้เทคโนโลยี Mini-LED backlight ร่วมกับ ULED และ Quantum Dot ให้ภาพสว่าง คอนทราสต์จัดเต็ม สีสันสดใสมากๆ.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 65U8N / 75U8N (ปี 2024), Hisense 65U7N / 75U7N (ปี 2024). คาดว่าปี 2025 จะมีรุ่นต่อยอดที่ใช้ชื่อคล้ายๆ กัน
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ภาพสวยสุดในบรรดาทีวี LED/Mini-LED ของ Hisense. ความสว่างสูง เหมาะกับห้องนั่งเล่นที่มีแสงเยอะ. รองรับ HDR เต็มรูปแบบ (Dolby Vision IQ, HDR10+ Adaptive). มี Game Mode Pro รองรับ 120Hz/144Hz VRR เหมาะกับคอเกม. ระบบเสียงดี รองรับ Dolby Atmos.
- ข้อเสีย: ราคาสูงที่สุดในกลุ่มทีวีปกติของ Hisense.
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการคุณภาพของภาพที่ดีที่สุดจาก Hisense เน้นดูหนัง เล่นเกมในห้องนั่งเล่นที่อาจคุมแสงได้ไม่เต็มที่.
- ช่องทางซื้อ: Power Buy, HomePro, Central Online, Lazada, Shopee (ร้านค้าทางการ).
- ช่วงราคา: 65 นิ้ว เริ่มต้นประมาณ 3x,xxx - 4x,xxx บาท ขึ้นไป, 75 นิ้ว เริ่ม 4x,xxx - 7x,xxx+ บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและโปรโมชั่น.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ภาพสวยมาก สว่างสู้แสงได้ดีเลย HDR นี่เด่นจริงๆ" "เล่นเกมบนรุ่น U7N ลื่นไหลสุดๆ 144Hz มันดีแบบนี้นี่เอง".
2. Hisense QLED Google TV (ซีรีส์ E7N / Q6N)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: ทีวี QLED ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Google TV ใช้งานง่าย มีแอปเยอะ ดีไซน์สวยงาม.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 55E7N / 65E7N / 75E7N (ปี 2024/2025), Hisense 65Q6N / 75Q6N (ปี 2024).
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: สีสันสดใสด้วย Quantum Dot. Google TV ใช้งานสะดวก มีแอปพลิเคชันหลากหลาย. รองรับ HDR. ราคาเข้าถึงง่ายกว่า Mini-LED. ดีไซน์ขอบจอบางดูสวยงาม.
- ข้อเสีย: คุณภาพคอนทราสต์อาจจะไม่เท่า Mini-LED ในรุ่นบนๆ. บางรุ่นรีเฟรชเรตอาจจะไม่สูงมาก (ส่วนใหญ่ 60Hz ในรุ่นเริ่มต้น).
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการทีวีภาพสวยสีสันสดใสในงบประมาณปานกลาง เน้นฟังก์ชัน Smart TV ที่ใช้งานง่าย มีแอปเยอะ.
- ช่องทางซื้อ: Power Buy, HomePro, Central Online, Lazada, Shopee.
- ช่วงราคา: 55 นิ้ว เริ่มต้นประมาณ 1x,xxx บาท, 65 นิ้ว เริ่ม 1x,xxx - 2x,xxx บาท, 75 นิ้ว เริ่ม 2x,xxx - 3x,xxx บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและโปรโมชั่น.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ภาพชัด สีสดใส ดูหนังสนุกดีค่ะ Google TV ก็ใช้ง่ายดี" "ราคานี้ได้ QLED ถือว่าคุ้มมาก".
3. Hisense 4K UHD Smart TV (ซีรีส์ A6 / E6)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: ทีวี 4K UHD ระดับเริ่มต้นถึงกลาง เน้นความคุ้มค่า ฟังก์ชันครบสำหรับการใช้งานทั่วไป.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 55A6100N / 65A6100N / 85A6100N (ปี 2024), Hisense 50E6K / 55E6K / 65E6K / 70E6K (ปี 2024/2025).
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ราคาเข้าถึงง่ายมากๆ คุ้มค่าสุดๆ เมื่อเทียบกับขนาดและฟังก์ชันที่ได้. ความละเอียด 4K ภาพคมชัดใช้ได้. มี Smart TV (Vidaa หรือ Google TV ในบางรุ่น) ดูแอปพื้นฐานได้ครบ. รองรับ HDR พื้นฐาน.
- ข้อเสีย: คุณภาพของภาพและเสียงอาจจะไม่ดีเท่ารุ่นราคาสูงกว่า. ความสว่างและคอนทราสต์อยู่ในระดับทั่วไป. เหมาะกับห้องที่คุมแสงได้ดี.
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาทีวี 4K Smart TV ในงบประมาณจำกัด เน้นการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ดูละคร ดูข่าว.
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, Power Buy, HomePro.
- ช่วงราคา: 55 นิ้ว เริ่มต้น 8,xxx - 1x,xxx บาท, 65 นิ้ว เริ่ม 1x,xxx - 1x,xxx บาท, 70-75 นิ้ว เริ่ม 1x,xxx - 2x,xxx บาท, 85 นิ้ว เริ่ม 2x,xxx - 3x,xxx บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ราคานี้ได้ทีวี 65 นิ้ว 4K คุ้มสุดๆ ภาพชัดใช้ได้เลย" "ซื้อมาไว้ห้องนอน ฟังก์ชันครบดี ดู Netflix สบาย".
4. Hisense Android TV / Google TV (ซีรีส์ A7 / E5 / E4)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: ทีวีที่เน้นระบบปฏิบัติการ Android TV หรือ Google TV ซึ่งเป็นที่นิยม ใช้งานง่าย และมีแอปพลิเคชันให้เลือกเยอะกว่า VIDAA.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 85A7H (ปีเก่าหน่อย แต่ฟังก์ชัน Google TV เด่น), Hisense 32E5G / 40E5G (รุ่นเล็ก Android TV). คาดว่าจะมีรุ่นต่อยอดซีรีส์ A หรือ E ที่ใช้ Google TV ในขนาดที่หลากหลายขึ้น.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: Google TV/Android TV ใช้งานง่าย คุ้นเคย. เข้าถึงแอปใน Google Play Store ได้เยอะกว่า. มี Google Assistant ในตัว.
- ข้อเสีย: คุณภาพของภาพจะแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย (LED, QLED). บางรุ่นอาจใช้ชิปประมวลผลไม่แรงเท่ารุ่นบนๆ.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบระบบปฏิบัติการ Google TV/Android TV เป็นพิเศษ เน้นความสะดวกในการใช้งานและเข้าถึงแอปพลิเคชันที่หลากหลาย.
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, Power Buy, ร้านค้าออนไลน์ต่างๆ.
- ช่วงราคา: หลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับขนาดและเทคโนโลยีจอภาพ ตั้งแต่หลักพัน (รุ่นเล็ก) ไปจนถึงหลักหมื่นปลายๆ (รุ่นใหญ่).
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ชอบที่เป็น Android TV ใช้งานง่ายเหมือนมือถือเลย" "โหลดแอปได้เยอะดี ฟังก์ชันครบ".
5. Hisense Mini-LED ULED TV (ซีรีส์ U6)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ Mini-LED ของ Hisense ที่ราคาเข้าถึงง่ายกว่าซีรีส์ U8/U7 แต่ยังคงได้เทคโนโลยี Mini-LED และ Quantum Dot เพื่อภาพที่สวยงาม.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 65U6Q, Hisense 85U6N. คาดว่าจะมีรุ่นต่อยอดในปี 2025.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ได้เทคโนโลยี Mini-LED ในราคาที่เป็นมิตรขึ้น. ภาพสว่าง คอนทราสต์ดีกว่า LED ทั่วไป. สีสันสดใสด้วย Quantum Dot.
- ข้อเสีย: จำนวน Dimming Zone อาจจะไม่เยอะเท่ารุ่น U8/U7. สเปกอื่นๆ อาจจะถูกลดทอนลงมาบ้างเพื่อให้ราคาเข้าถึงง่ายขึ้น.
- เหมาะกับใคร: คนที่อยากได้ทีวี Mini-LED แต่มีงบประมาณจำกัด อยากสัมผัสประสบการณ์ภาพที่ดีขึ้นในราคาที่คุ้มค่า.
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, Power Buy, HomePro.
- ช่วงราคา: 65 นิ้ว เริ่มต้นประมาณ 1x,xxx - 2x,xxx บาท, 85 นิ้ว เริ่ม 3x,xxx บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและโปรโมชั่น.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "Mini-LED ราคานี้หาไม่ได้แล้ว ภาพดีเกินคาดเลย" "คุ้มค่ามากๆ ครับ ภาพสวยใช้ได้เลย".
6. Hisense QLED VIDAA TV (ซีรีส์ E7K / Q7)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: ทีวี QLED ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ VIDAA OS ของ Hisense เอง ซึ่งเน้นความเร็วและความเรียบง่ายในการใช้งาน.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 50E7K / 55E7K / 65E7K / 70E7K (คล้าย E7N แต่คนละ OS), Hisense 100Q7N. คาดว่าจะมีรุ่นต่อยอดในปี 2025.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: สีสันสดใสด้วย Quantum Dot. ระบบ VIDAA OS ทำงานได้รวดเร็ว ใช้งานง่าย. รองรับ HDR. มีรุ่นขนาดใหญ่พิเศษอย่าง 100 นิ้ว.
- ข้อเสีย: แอปพลิเคชันใน VIDAA อาจจะไม่หลากหลายเท่า Google TV/Android TV (แต่แอปหลักๆ อย่าง Netflix, YouTube มีครบ).
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบทีวีสีสันสดใสด้วยจอ QLED และต้องการ Smart TV ที่เปิดติดเร็ว ใช้งานง่าย ไม่เน้นลงแอปนอกเหนือจากแอปหลักๆ.
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, Power Buy, HomePro.
- ช่วงราคา: 50-70 นิ้ว อยู่ในช่วง 1x,xxx - 2x,xxx บาท, 100 นิ้ว อยู่ในช่วง 1xx,xxx บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ระบบ VIDAA เร็วดี กดปุ๊บมาปั๊บ" "จอ 100 นิ้วสะใจมาก เหมือนยกโรงหนังมาไว้บ้าน".
7. Hisense Laser TV (ซีรีส์ L5 / L9)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: ไม่ใช่ทีวีจอแบนทั่วไป แต่เป็นโปรเจคเตอร์แบบ Ultra Short Throw ที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงเลเซอร์ ฉายภาพบนจอรับภาพขนาดใหญ่ 100-120 นิ้ว ให้ภาพสว่าง คมชัด เหมือนดูทีวีจอใหญ่ยักษ์.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense HE100L5, Hisense 120L9H, Laser Cinema PX1-PRO. คาดว่าจะมีรุ่นใหม่ๆ ในซีรีส์ L หรือ PX1 ในปี 2025.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ได้จอขนาดใหญ่ยักษ์สะใจ 100-120 นิ้ว. ภาพสว่าง ดูได้แม้ในห้องที่มีแสงสว่างพอสมควร. เหมาะสำหรับสร้าง Home Theater. ติดตั้งง่ายกว่าโปรเจคเตอร์ทั่วไป. บางรุ่นมาพร้อมลำโพงและฟังก์ชัน Smart TV ในตัว.
- ข้อเสีย: ราคาสูง. ต้องใช้พื้นที่ผนังขนาดใหญ่. คุณภาพความดำและคอนทราสต์อาจจะไม่เทียบเท่าทีวี Mini-LED ตัวท็อปจริงๆ ในห้องมืดสนิท. จอรับภาพอาจใช้พื้นที่ในการจัดวาง.
- เหมาะกับใคร: คนที่ฝันอยากมี Home Theater จอใหญ่ยักษ์จริงๆ มีพื้นที่ผนังขนาดใหญ่ และมีงบประมาณสูงพอสมควร.
- ช่องทางซื้อ: Power Buy, ตัวแทนจำหน่ายเฉพาะทาง, HomePro (บางสาขา), Lazada, Shopee (ร้านค้าเฉพาะทาง).
- ช่วงราคา: เริ่มต้นหลักแสนบาท (1xx,xxx - 5xx,xxx บาท) ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดจอ.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "จอ 120 นิ้วมันอลังการจริงๆ ดูหนังมันส์มาก!" "เหมือนยกโรงหนังมาไว้บ้าน แถมดูตอนกลางวันได้ด้วย".
8. Hisense ULED Google TV (ซีรีส์ U6N / U7N ที่เป็น Google TV)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี ULED (Quantum Dot) กับระบบปฏิบัติการ Google TV ที่ใช้งานง่าย.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 65U7N (Google TV), Hisense 75A6500K (Google TV), Hisense 43A6500N (Google TV). (หมายเหตุ: บางรุ่นอาจมีทั้งเวอร์ชัน VIDAA และ Google TV ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อ)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ได้ภาพสีสวยด้วย ULED/Quantum Dot. Google TV ใช้งานสะดวก มีแอปเยอะ. รองรับ HDR.
- ข้อเสีย: คุณภาพของภาพจะแตกต่างกันไปตามซีรีส์ย่อยและเทคโนโลยี Backlight ที่ใช้.
- เหมาะกับใคร: คนที่ชอบภาพสีสวยแบบ ULED/Quantum Dot และต้องการระบบ Smart TV ของ Google ที่คุ้นเคย.
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, Power Buy, HomePro.
- ช่วงราคา: หลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับขนาดและสเปก ตั้งแต่ 9,xxx บาท (รุ่นเล็ก/กลาง) ไปจนถึง 3x,xxx+ บาท (รุ่นใหญ่/สเปกสูง).
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ภาพสวยใช้ได้ Google TV ก็สะดวกดี" "หาแอปอะไรก็ง่ายบน Google TV".
9. Hisense Full HD Digital TV (ซีรีส์ E3 / E4)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: ทีวีความละเอียด Full HD (ไม่ใช่ 4K) เหมาะกับการใช้งานพื้นฐาน ดูทีวีดิจิทัล หรือดูคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ 4K.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 32E3G / 40E3G, Hisense 32E4Q / 40E4Q.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ราคาถูกมากๆ เข้าถึงง่าย. เหมาะสำหรับห้องที่ไม่ใหญ่มาก หรือใช้เป็นทีวีรอง. ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน.
- ข้อเสีย: ความละเอียดแค่ Full HD ไม่คมชัดเท่า 4K. มักไม่ใช่ Smart TV (บางรุ่นเป็น Android TV พื้นฐาน). ฟังก์ชันอาจไม่หลากหลายเท่ารุ่นใหญ่.
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการทีวีขนาดเล็กถึงกลางในงบประมาณจำกัดมากๆ เน้นการใช้งานพื้นฐาน ดูทีวีดิจิทัล หรือเชื่อมต่อกับกล่อง/อุปกรณ์ภายนอก.
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, ร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป.
- ช่วงราคา: 32 นิ้ว อยู่ในช่วง 3,xxx - 4,xxx บาท, 40 นิ้ว อยู่ในช่วง 5,xxx บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ซื้อมาไว้ห้องครัว ราคาถูกดี ดูข่าวได้" "ทีวีเครื่องเล็กๆ ไว้ดูในห้องนอนเด็ก ใช้ได้เลย".
10. Hisense Smart TV รุ่นเริ่มต้น (ซีรีส์ A4)
- เกี่ยวกับรุ่น/ซีรีส์: ทีวี Smart TV ขนาดเล็ก ความละเอียด HD หรือ Full HD เน้นฟังก์ชัน Smart TV พื้นฐานในราคาประหยัดสุดๆ.
- สินค้ารุ่นเด่น: Hisense 32A4200G. คาดว่าจะมีรุ่นต่อยอดที่เน้น Smart TV ขนาดเล็กในปี 2025.
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ราคาถูกที่สุดในกลุ่ม Smart TV. ได้ฟังก์ชัน Smart TV พื้นฐานในราคาที่เข้าถึงง่าย.
- ข้อเสีย: ความละเอียดหน้าจอไม่สูง (HD). คุณภาพของภาพและเสียงอยู่ในระดับพื้นฐานมากๆ. ฟังก์ชันอาจจะจำกัด.
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการ Smart TV ขนาดเล็กมากๆ สำหรับพื้นที่จำกัด หรือใช้เป็นทีวีเครื่องที่สอง เน้นดูแอปพื้นฐานออนไลน์ในงบประมาณที่จำกัดที่สุด.
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, Power Buy.
- ช่วงราคา: 32 นิ้ว อยู่ในช่วง 4,xxx - 5,xxx บาท.
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ได้ Smart TV ในราคาไม่ถึง 5 พัน คุ้มมาก" "เอาไว้ดู YouTube ในห้องแคบๆ ใช้ได้ดี".
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนไทย!
Q: ทีวี Hisense รุ่นไหนเหมาะกับดูซีรีส์ ดูหนัง เน้นภาพสวยคมชัด สีสดใส?
A: ถ้าเน้นภาพสวย สีสันสดใส คมชัด จัดเต็มเทคโนโลยี ต้องดูรุ่นที่เป็น Mini-LED ULED (ซีรีส์ U8/U7) หรืออย่างน้อยก็ QLED (ซีรีส์ E7N/Q6N) ครับ พวกนี้ให้ภาพที่ดีมากๆ รับรองว่าฟินกับการดูหนังแน่นอน!.
Q: อยากได้ทีวี Hisense ไว้เล่นเกม งบปานกลาง ควรเลือกรุ่นไหนดี?
A: สำหรับคอเกม แนะนำให้มองหารุ่นที่มี รีเฟรชเรตสูงๆ 120Hz หรือ 144Hz และมี Game Mode Pro ครับ รุ่นที่น่าสนใจก็จะเป็น Mini-LED ULED ซีรีส์ U7 หรือ U8 ครับ. แต่ถ้าอยากได้ในงบที่สบายกระเป๋าลงมาหน่อย ลองดูสเปกรุ่น QLED บางรุ่นที่รองรับรีเฟรชเรตสูง หรือมีฟังก์ชัน Game Mode ครับ.
Q: ระบบปฏิบัติการ VIDAA กับ Google TV/Android TV ของ Hisense อันไหนดีกว่ากัน?
A: แล้วแต่ความถนัดเลยครับ! VIDAA OS จะเน้นความเร็วในการเปิดเครื่องและการใช้งานที่ลื่นไหล ปุ่มน้อย ใช้งานง่าย. ส่วน Google TV/Android TV จะคุ้นเคยสำหรับคนใช้สมาร์ทโฟน Android มีแอปพลิเคชันให้เลือกเยอะกว่าใน Google Play Store และมี Google Assistant ในตัว. ถ้าชอบความเร็วและใช้งานแอปหลักๆ เป็นหลัก VIDAA ก็เพียงพอ แต่ถ้าชอบลงแอปเยอะๆ และคุ้นเคยกับ Google แนะนำ Google TV ครับ.
Q: ซื้อทีวี Hisense ใน Lazada/Shopee จะได้ของแท้ไหม? แล้วมีปัญหาเวลาเคลมไหม?
A: แนะนำให้ซื้อจาก ร้านค้าทางการ (Official Store) ของ Hisense หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีเรตติ้งดีๆ บน Lazada/Shopee ครับ. การรับประกันของ Hisense ส่วนใหญ่ให้ถึง 3 ปี และมีบริการถึงบ้าน ซึ่งค่อนข้างดี. เวลาได้รับสินค้า อย่าลืมถ่ายวิดีโอตอนแกะกล่อง ไว้ด้วยนะครับ สำคัญมากๆ เผื่อมีปัญหาจะได้ใช้เป็นหลักฐานในการเคลมได้.
Q: ทีวี Hisense รับประกันกี่ปี? แล้วถ้ามีปัญหาต้องทำยังไง?
A: โดยส่วนใหญ่ทีวี Hisense ที่ขายในไทยจะมีการรับประกัน 3 ปี. ถ้ามีปัญหา แนะนำให้ติดต่อ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ของ Hisense ประเทศไทย โดยตรง หรือติดต่อร้านค้าที่คุณซื้อมาเพื่อสอบถามขั้นตอนการส่งเคลมครับ.
สรุปและคำแนะนำ: เลือก Hisense ให้ตอบโจทย์ชีวิต!
เห็นไหมครับว่าทีวี Hisense มีหลากหลายรุ่น หลากหลายเทคโนโลยีให้เลือกจริงๆ การจะเลือกรุ่นที่ใช่ ก็ต้องกลับมาที่คำถามเดิมคือ "เราจะเอาไปทำอะไร? งบเท่าไหร่? เน้นฟังก์ชันอะไรเป็นพิเศษ?"
- สำหรับคน งบจำกัดมากๆ หรือต้องการทีวีรองเล็กๆ เน้นดูพื้นฐาน ลองดูรุ่น Full HD (ซีรีส์ E3/E4) หรือ Smart TV เริ่มต้น (ซีรีส์ A4) ครับ
- ถ้าต้องการ Smart TV 4K ในราคาคุ้มๆ ฟังก์ชันครบ ดูได้หลากหลาย แนะนำกลุ่ม 4K UHD Smart TV (ซีรีส์ A6/E6) ครับ
- ถ้าอยากได้ ภาพสวย สีสันสดใส ด้วยจอ QLED และมีงบประมาณปานกลาง ลองดู QLED Google TV (ซีรีส์ E7N/Q6N) หรือ QLED VIDAA TV (ซีรีส์ E7K/Q7) ครับ
- สำหรับคนที่ต้องการ คุณภาพของภาพที่ดีที่สุด คอนทราสต์จัดเต็ม สว่างสู้แสง เหมาะกับดูหนัง เล่นเกมจริงจัง ต้องขยับไปที่ Mini-LED ULED (ซีรีส์ U8/U7) เลยครับ
- ส่วนใครที่ฝันอยากมี โรงหนังส่วนตัวในบ้าน จอใหญ่ยักษ์ไปเลย ก็ต้องมองหา Laser TV (ซีรีส์ L5/L9) ครับ
สิ่งที่ต้องระวังคือ ของปลอม ที่อาจมีมาในตลาด โดยเฉพาะหากเจอราคาที่ถูกจนผิดปกติ หรือร้านค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรซื้อจากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือ Official Store บนแพลตฟอร์มออนไลน์จะปลอดภัยที่สุดครับ และอย่าลืมเช็คเรื่องการรับประกันให้ดี! ที่สำคัญ! ช่วงเทศกาลปลายปี หรือช่วง Double Digit Days บน Lazada Shopee มักจะมีโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลดเด็ดๆ ออกมา อย่าพลาดนะครับ! 😉
มาเมาท์มอยกันหน่อย! แชร์ประสบการณ์ทีวี Hisense หน่อยจ้า!
เพื่อนๆ คนไหนกำลังใช้ทีวี Hisense รุ่นไหนอยู่บ้าง? เป็นยังไง เล่าสู่กันฟังหน่อยสิครับ! ชอบตรงไหน ไม่ชอบตรงไหน หรือมีรุ่นไหนอยากแนะนำเพิ่มเติม คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยนะ! 👇
ถ้าใครถูกใจบทความนี้ อยากให้กำลังใจ หรืออยากได้พิกัดร้าน/ลิงก์โปรโมชั่นดีๆ รบกวนพิมพ์คำว่า "จัดลิงก์ Hisense มาเลย!" เดี๋ยวผมรวบรวมให้เป็นพิเศษเลยจ้าาา! แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ! 👋