รีวิว Garmin Venu/Venu 2: สมาร์ทวอทช์จอสวย ฟังก์ชันสุขภาพแน่น ราคาเท่าไหร่?


มาแล้วววว! ใครเป็นสายรักสุขภาพแต่ก็ยังอยากได้แกดเจ็ตสวยๆ ไว้ใส่ออกกำลังกายแบบเก๋ๆ หรือใส่ไปทำงานก็ไม่เขิน ไม่ต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ วันนี้เรามีของดีมารีวิวให้ฟังแบบถึงพริกถึงขิง นั่นก็คือ Garmin Venu และรุ่นอัปเกรดอย่าง Garmin Venu 2 ที่เค้าว่ากันว่าจอสวยมงลง ฟังก์ชันแน่นยิ่งกว่าตู้เสื้อผ้า แต่ราคานี่สิ...จะจุกเหมือนโดนต่อยท้อง หรือสบายกระเป๋าเหมือนเก็บเงินได้?! มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: รู้จัก Garmin Venu/Venu 2 แบบคร่าวๆ ก่อน
สองพี่น้องตระกูล Venu จาก Garmin ที่เน้นตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ชีวิตไม่ได้มีแค่วิ่งๆ ปั่นๆ แต่ยังต้องการนาฬิกาคู่ใจที่ใส่ได้ทุกวัน ดูดีทุกโอกาส แถมยังอัดแน่นฟังก์ชันสุขภาพมาให้แบบไม่กั๊ก
แบรนด์: Garmin (เจ้าพ่อวงการ GPS และนาฬิกาสายสปอร์ต)
รุ่น: Venu (รุ่นแรก), Venu 2 Series (มี Venu 2, Venu 2S, Venu 2 Plus)
ปีที่เปิดตัว: Garmin Venu รุ่นแรกเปิดตัวช่วงปลายปี 2019 ส่วน Venu 2 Series เปิดตัวปี 2021
ช่วงราคา: Garmin Venu รุ่นแรกเคยเปิดตัวที่ประมาณ 12,100 บาท ส่วน Venu 2 Series ราคาเปิดตัวประมาณ 13,690 บาท (ราคาปัจจุบันอาจแตกต่างกันไปตามโปรโมชั่นและช่องทางการขาย)
ตำแหน่งในตลาด: อยู่ในกลุ่มสมาร์ทวอทช์ระดับกลางถึงสูง ที่เน้นทั้งดีไซน์สวยงาม หน้าจอ AMOLED และฟังก์ชันสุขภาพ/ออกกำลังกายที่จริงจัง เหมาะกับคนที่อยากได้นาฬิกาที่จบครบในเรือนเดียว ใส่ได้ในชีวิตประจำวันและตอนออกกำลังกาย
จุดเด่นหลักๆ (ของ Venu 2 Series):
- จอ AMOLED สีสด สวยคมชัด: เห็นข้อมูลชัดเจน แม้อยู่กลางแดดเปรี้ยงๆ
- ฟังก์ชันสุขภาพแน่นๆ: วัดหัวใจ, ออกซิเจนในเลือด (Pulse Ox), ติดตามการนอนแบบละเอียดพร้อมคะแนน, Body Battery, ติดตามความเครียด, อายุสุขภาพ (Fitness Age) และอื่นๆ อีกเพียบ!
- โหมดออกกำลังกายเยอะจุใจ: มีให้เลือกกว่า 25 แบบ ทั้งวิ่ง, ปั่น, ว่ายน้ำ, โยคะ, HIIT พร้อมภาพอนิเมชันสอนท่าบนข้อมือ!
- แบตเตอรี่อึดขึ้นเยอะ: Venu 2 ใช้ได้สูงสุด 11 วัน ส่วน Venu 2S ได้สูงสุด 10 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
- Garmin Pay + Rabbit Card: แตะจ่ายเงิน/ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ได้สะดวกสุดๆ (เฉพาะรุ่นที่รองรับและในไทย)
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: สวยหรู ดูสปอร์ต ลงตัวสุดๆ
ดีไซน์ของ Garmin Venu และ Venu 2 Series มาในทรงกลมสุดคลาสสิก ใส่ได้ทั้งชายและหญิง ดูไม่เทอะทะเกินไป ตัวเรือน Venu 2 Series ขอบเป็นสแตนเลสสตีล แข็งแรงทนทาน ส่วนหน้าจอใช้กระจก Gorilla Glass 3 กันรอยขีดข่วนได้ดีในระดับหนึ่ง
ขนาดและน้ำหนัก:
- Venu 2: หน้าปัด 45 มม., น้ำหนัก 49 กรัม (เหมาะกับข้อมือปกติ-ใหญ่)
- Venu 2S: หน้าปัด 40 มม., น้ำหนัก 38.2 กรัม (เหมาะกับข้อมือเล็ก-ผู้หญิง)
- Venu (รุ่นแรก): หน้าปัด 43 มม.
เห็นน้ำหนักแค่นี้ เบาหวิว ใส่ติดข้อมือได้ทั้งวันทั้งคืนแบบไม่รำคาญเลยจ้า
สีที่มีให้เลือก: มีหลายสีให้เลือกตามสไตล์ ทั้งสีดำ, สีน้ำเงิน, สีขาว, สีทอง, สีเทา (แล้วแต่รุ่นย่อย)
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: หลักๆ ก็จะมีตัวนาฬิกา, สายชาร์จ/สายดาต้า, และคู่มือการใช้งาน
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: จอสวย ฟังก์ชันจัดเต็ม!
ทีเด็ดของรุ่นนี้คือ หน้าจอ AMOLED นี่แหละ! สีสันสดใส ดูแล้วสบายตามากๆ ข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอคมชัด อ่านง่าย ไม่ต้องเพ่งจนปวดตาเลย ยิ่งเวลาออกกำลังกายกลางแดด หน้าจอก็ยังสู้แสงได้ดี แถมยังเปิดโหมด Always-On Display ไว้ดูเวลาได้ตลอดก็ได้นะ (แต่แบตอาจจะหมดไวขึ้นนิดนึง)
ฟังก์ชันสุขภาพนี่คือจัดเต็มมากๆ วัดได้แทบทุกอย่างที่ร่างกายเราส่งสัญญาณมา ไม่ว่าจะเป็น:
- อัตราการเต้นของหัวใจ: วัดได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม่นยำขึ้นด้วยเซ็นเซอร์ Elevate V4 ใน Venu 2 Series
- วัดออกซิเจนในเลือด (Pulse Ox): สำคัญมากสำหรับสายปีนเขา หรือคนที่อยากรู้คุณภาพการหายใจของตัวเอง
- Body Battery: เหมือนเป็นมาตรวัดพลังงานในร่างกาย บอกได้ว่าเรามีพลังพร้อมลุยแค่ไหน หรือควรพักแล้วนะ
- ติดตามการนอน: บอกได้ละเอียดว่าหลับลึกแค่ไหน หลับฝันกี่ชั่วโมง มีคะแนนการนอนให้ด้วย!
- ติดตามความเครียด: วัดได้ตลอดวัน พร้อมแนะนำให้พักผ่อนเมื่อเครียดเกินไป
- Fitness Age: วัดอายุสุขภาพของเรา เปรียบเทียบกับอายุจริง เพื่อกระตุ้นให้เราฟิตขึ้น!
ส่วนโหมดออกกำลังกายก็มีให้เลือกเยอะจนตาลาย จะวิ่ง, ปั่น, ว่ายน้ำ, โยคะ, พิลาทิส หรือแม้แต่ HIIT ก็มี! ที่เจ๋งคือมีภาพอนิเมชันบอกท่าออกกำลังกายบนหน้าปัดนาฬิกาด้วย! สะดวกสุดๆ ไม่ต้องงงว่าท่านี้ทำยังไง
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใช้ง่าย มีภาษาไทย!
การใช้งาน Garmin Venu/Venu 2 Series ถือว่าค่อนข้างง่าย หน้าจอเป็นระบบสัมผัส ตอบสนองไวดี เมนูต่างๆ จัดวางเป็นระเบียบ หาฟังก์ชันที่ต้องการได้ไม่ยาก
ระบบซอฟต์แวร์ (Garmin Connect) บนมือถือก็ใช้งานง่ายมากๆ เชื่อมต่อนาฬิกาแล้วดูข้อมูลสุขภาพและกิจกรรมของเราได้แบบละเอียด จะตั้งค่า ปรับเปลี่ยนหน้าปัด หรือดาวน์โหลดโหมดออกกำลังกายเพิ่มก็ได้ ที่สำคัญคือ รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ! การแจ้งเตือนจากไลน์ เฟซบุ๊ก หรือแอปอื่นๆ ก็อ่านภาษาไทยได้ปกติ ไม่มีปัญหาสระลอย ตอบข้อความด่วนเป็นภาษาไทยก็ได้ (สำหรับ Android)
ตอนใส่ก็สบายมากๆ ด้วยวัสดุซิลิโคน น้ำหนักเบา ใส่ติดข้อมือได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่ร้อน ไม่คัน
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: อึดขึ้นเยอะ คุ้มมั้ย?
แบตเตอรี่เป็นอีกจุดที่ Venu 2 Series ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นแรกเยอะมากๆ Venu 2 ใช้ได้สูงสุดถึง 11 วัน และ Venu 2S ใช้ได้สูงสุด 10 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ปกติ ถ้าเปิด GPS ต่อเนื่องตอนออกกำลังกาย Venu 2 ได้ประมาณ 22 ชั่วโมง ส่วน Venu 2S ได้ประมาณ 19 ชั่วโมง เรียกว่าใส่ออกกำลังกายพร้อมเปิด GPS ได้ยาวๆ ไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางทาง
รองรับการชาร์จเร็วด้วยนะ ชาร์จแค่ 10 นาที ก็ใช้ในโหมดสมาร์ทวอทช์ได้ 1 วัน หรือเปิด GPS ได้ 1 ชั่วโมง สะดวกสุดๆ ในวันที่รีบๆ
ในระยะยาว สายนาฬิกาสามารถหาซื้อเปลี่ยนได้ง่าย มีให้เลือกหลายแบบ ส่วนแบตเตอรี่ถ้าเสื่อมก็สามารถเปลี่ยนได้ มีร้านที่รับเปลี่ยนแบตเตอรี่ Garmin Venu 2 อยู่
เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวที่หมื่นต้นๆ กับฟังก์ชันสุขภาพที่แน่นมากๆ หน้าจอสวยงาม และแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น ถือว่า Garmin Venu 2 Series เป็นตัวเลือกที่ ค่อนข้างคุ้มค่า เลยนะ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่เน้นเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกายที่หลากหลาย และอยากได้นาฬิกาที่ใส่ได้ทุกวันจริงๆ
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีอะไรที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ?
ข้อดีที่คนไทยน่าจะเลิฟๆ:
- จอ AMOLED สวยมาก: สีสด คมชัด ดูแล้วสบายตาจริงๆ
- ฟังก์ชันสุขภาพครบสุดๆ: เหมือนมีผู้ช่วยดูแลสุขภาพติดข้อมือตลอดเวลา
- แบตเตอรี่อึดหายห่วง: ใช้ได้หลายวัน ไม่ต้องชาร์จบ่อย
- รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ: อ่าน/ตอบข้อความภาษาไทยได้สบาย
- Garmin Pay + Rabbit Card: ฟังก์ชันนี้คือสะดวกมากสำหรับคนเดินทางด้วย BTS
ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเล:
- ราคาสูงกว่าสมาร์ทวอทช์ทั่วไป: อยู่ในระดับหมื่นต้นๆ ซึ่งก็ต้องพิจารณางบประมาณ
- บางคนอาจจะรู้สึกว่าวัสดุตัวเรือนยังดูเป็นพลาสติกไปนิด (ใน Venu 2) แม้ขอบจะเป็นสแตนเลส (แต่ Venu 2 Plus ขอบเป็นสแตนเลสสตีลและดูพรีเมียมขึ้น)
- หน้าจอ Always On ทำให้แบตหมดไว: ถ้าอยากให้แบตอึดสุดๆ อาจจะต้องปิดฟังก์ชันนี้
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีมั้ย?
Garmin Venu/Venu 2 Series เหมาะกับ:
- สายสุขภาพตัวจริง: ที่ต้องการติดตามข้อมูลร่างกายแบบละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการนอน, ความเครียด, ออกซิเจนในเลือด
- คนที่ออกกำลังกายหลากหลาย: ไม่ได้เน้นแค่วิ่งอย่างเดียว แต่อาจจะมีเข้ายิม, โยคะ, ว่ายน้ำ สลับกันไป
- คนที่มองหาสมาร์ทวอทช์ที่ใส่ได้ทุกวัน: ทั้งตอนออกกำลังกาย ไปทำงาน หรือไปเที่ยว ดีไซน์สวย ไม่ดูเป็นนาฬิกากีฬาจ๋าเกินไป
- คนที่เดินทางด้วย BTS บ่อยๆ: ฟังก์ชัน Garmin x Rabbit Card คือตอบโจทย์มากๆ
ถ้าคุณเข้าข่ายกลุ่มเหล่านี้ แล้วมีงบประมาณถึงระดับหมื่นต้นๆ น่าซื้อมากๆ เลยค่ะ!
คำแนะนำในการซื้อ:
ถ้าไม่ได้รีบมาก แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ เช่น Double Day (เลขเบิ้ล) ของ Lazada หรือ Shopee อาจจะได้ส่วนลดพิเศษ, โค้ดลดเพิ่ม, หรือของแถมที่คุ้มค่ากว่าเดิม ลองเช็กราคาหลายๆ ร้านเปรียบเทียบกันก่อนตัดสินใจด้วยนะ บางทีร้านค้าอย่างเป็นทางการก็มีโปรโมชั่นเด็ดๆ
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: แล้วจะเลือกรุ่นไหนดีในตระกูล Venu?
ถ้าเทียบกันเองในตระกูล Venu (ไม่นับ Venu 3 Series ที่ใหม่กว่า):
- Garmin Venu (รุ่นแรก): เหมาะกับคนงบน้อย ไม่ได้ซีเรียสเรื่องแบตเตอรี่ที่อึดเท่า Venu 2 และฟังก์ชันบางอย่างอาจจะยังไม่ละเอียดเท่า แต่ก็ยังได้หน้าจอ AMOLED และฟังก์ชันพื้นฐานครบ
- Garmin Venu 2S vs Venu 2: ฟังก์ชันเหมือนกันเป๊ะ! ต่างกันแค่ขนาดหน้าปัดและแบตเตอรี่ (Venu 2S เล็กกว่า แบตน้อยกว่านิดหน่อย) เลือกตามขนาดข้อมือได้เลย
- Garmin Venu 2 vs Venu 2 Plus: Venu 2 Plus จะเพิ่มฟังก์ชันรับสาย/โทรออกจากนาฬิกาได้ และรองรับ Voice Assistant (ต้องเชื่อมต่อมือถือ) ดีไซน์ขอบหน้าจออาจต่างกันเล็กน้อย Venu 2 Plus ราคาจะสูงกว่า Venu 2 ถ้าฟังก์ชันโทรออกบนข้อมือสำคัญกับคุณ Venu 2 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าไม่เน้น Venu 2 ก็เพียงพอแล้ว
- Garmin Venu SQ: รุ่นนี้ดีไซน์หน้าปัดเหลี่ยม ราคาเป็นมิตรที่สุดในตระกูล Venu ฟังก์ชันหลักๆ ยังอยู่ แต่หน้าจอไม่ใช่ AMOLED และฟังก์ชันสุขภาพอาจจะไม่ละเอียดเท่า Venu 2 Series เหมาะกับคนเริ่มต้นมากๆ
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อแล้วสบายใจได้!
Garmin ในไทยมีการรับประกันสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปประกันจะอยู่ที่ 1-2 ปี (ขึ้นอยู่กับรุ่นและร้านค้า) มีศูนย์บริการรองรับในประเทศไทย ถ้ามีปัญหาก็สามารถส่งเคลมได้
ช่องทางการซื้อยอดนิยม:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee, JD Central (ถ้ายังมี), ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Garmin หรือตัวแทนจำหน่าย เช่น Banana IT, Power Buy ช่วงโปรโมชั่นลดเยอะจริงจัง แถมมีโค้ดลด, ส่งฟรี, หรือผ่อน 0% ด้วยนะ!
- ออฟไลน์: ร้านค้า Gadget, ร้านอุปกรณ์กีฬา, ห้างสรรพสินค้าแผนกนาฬิกา บางร้านมีโปรโมชั่นผ่อนร่วมกับบัตรเครดิต
ซื้อออนไลน์สะดวกมากๆ บางร้านส่งไววันเดียวถึง (ในพื้นที่กรุงเทพฯ)
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!
จากที่รีวิวมาทั้งหมด ถ้าคุณกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ จอสวยระดับพรีเมียม ฟังก์ชันสุขภาพแน่นๆ แบบละเอียด มีโหมดออกกำลังกายครบครัน แบตเตอรี่อึดพอตัว รองรับภาษาไทย และใช้แตะจ่ายเงิน/ขึ้น BTS ได้สะดวก
Garmin Venu 2 หรือ Venu 2S คือตัวเลือกที่ "ควรซื้อ" เลยค่ะ! เป็นนาฬิกาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันมากๆ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- สำหรับคนเน้นความคุ้มค่าเริ่มต้น: ถ้าเพิ่งเริ่มเข้าวงการสมาร์ทวอทช์ หรือมีงบจำกัดจริงๆ ลองดู Garmin Venu SQ เป็นตัวเลือกได้
- สำหรับคนอยากได้ฟังก์ชันโทรออกบนข้อมือ: ขยับไป Venu 2 Plus เลย จบ!
แต่ถ้าคุณเป็นสายออกกำลังกายจริงจัง เน้นวิ่งมาราธอน ไตรกีฬา หรือต้องการฟังก์ชันเชิงลึกมากๆ อาจจะต้องมองไปที่ซีรีส์ Forerunner ของ Garmin แทนนะคะ
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจช้อปนาฬิกาเรือนใหม่กันนะคะ! มีคำถามอะไรอีก คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยจ้า!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว Garmin Venu 2 Series Smartwatch เพื่อสุขภาพดีไซน์พรีเมี่ยม
- รีวิว Garmin Venu 2 : ใช้งานจริงทั้งวิ่ง โยคะ และออกกำลังกายเสริม ...
- รีวิว Garmin Venu 2 Series สมาร์ทวอทช์จอสวย รุ่นอัพเกรดจาก Venu
- รีวิว Garmin Venu 2S นาฬิกาสำหรับสาวออฟฟิศลุยเมือง
- Full Review VENU SQ 2 สมาร์ทวอชจอเหลี่ยมแบบ AMOLED รุ่น ...
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว Nutri Master Astaxanthin Plus: อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวและสายตา ได้ผลจริงไหม?
รีวิว Collagen by Watsons Trouble Free: ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นสิว ลดการอุดตัน ได้ผลจริงหรือ?
รีวิว กระเป๋าเป้ Anello กันน้ำ: สะพายไปเที่ยว ลุยฝน ของข้างในปลอดภัยจริงหรือ?
รีวิว Adare Garden Pool Villas Pattaya: พูลวิลล่าส่วนตัว บรรยากาศดีจริงไหม?
Clarins สำหรับผู้ชาย รีวิว: สกินแคร์ดูแลผิวผู้ชาย น่าใช้ไหม? ผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
รีวิว Hourglass Vanish Seamless Finish Foundation Stick: รองพื้นสติ๊ก ปกปิดเรียบเนียน คุมมัน กันน้ำไหม