logo

รีวิว Sony XAV-AX1000: เครื่องเสียงรถยนต์ รองรับ Apple CarPlay/Android Auto

user avatar
จิราวรรณ มงคลธรรม·06/28/2025 13:18
点赞
รีวิว Sony XAV-AX1000: เครื่องเสียงรถยนต์ รองรับ Apple CarPlay/Android Auto

เบื่อไหมกับการขับรถไปฟังวิทยุคลื่นซ่าๆ หรือต้องคอยมองหามือถือวางไปมาเพื่อดูแผนที่เวลาหลงในกรุงเทพฯ เนี่ย? จะเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ หรือแค่ขับรถไปทำงานทุกวัน การมีเครื่องเสียงรถยนต์ดีๆ ที่เชื่อมกับมือถือได้มันช่วยชีวิตได้เยอะจริงๆ นะ วันนี้เราจะพาไปเจาะลึก Sony XAV-AX1000 ตัวนี้กันหน่อยว่าทำไมมันถึงเป็นที่นิยม แล้วมันจะทำให้ชีวิตคนขับรถอย่างเราๆ ง่ายขึ้น สนุกขึ้น คุ้มขึ้นได้จริงเปล่า มาดูกัน!


1. ภาพรวมสินค้า: รู้จัก Sony XAV-AX1000 ตัวเก่ง

แบรนด์: Sony

รุ่น: XAV-AX1000

ปีที่วางขาย: วางขายมาสักพักแล้ว เป็นรุ่นยอดนิยมที่ยังหาซื้อได้

ช่วงราคา: ประมาณ 6,xxx - 9,xxx บาท (ราคาอาจแตกต่างกันตามร้านค้าและโปรโมชั่น)

ตำแหน่งในตลาด: เป็นรุ่นเริ่มต้นถึงระดับกลางที่เน้นฟังก์ชันการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ราคาเข้าถึงง่าย ไม่แรงเท่ารุ่นท็อป เหมาะกับคนที่อยากอัปเกรดเครื่องเสียงเดิมๆ ให้ฉลาดขึ้นเยอะๆ

สรุปจุดเด่นหลักๆ (ที่ต้องมีติดรถช่วงเทศกาล!):

  • รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto: เชื่อมมือถือปุ๊บ ชีวิตเปลี่ยนปั๊บ! ใช้แอปนำทาง ฟังเพลง ตอบแชท โทรออก ผ่านหน้าจอได้เลย สะดวกและปลอดภัยสุดๆ
  • มีปุ่มหมุนปรับเสียง: อันนี้ชอบมาก! ใช้งานง่าย ไม่ต้องละสายตาจากถนนเยอะๆ เหมือนจิ้มหน้าจออย่างเดียว
  • คุณภาพเสียงดี: สไตล์ Sony เค้าล่ะ ให้เสียงใสๆ เบสแน่นๆ ฟังเพลงโปรดเพลินๆ ระหว่างรถติด
  • เชื่อมต่อ Bluetooth ได้: คุยโทรศัพท์แบบ Hand-free หรือจะสตรีมเพลงจากมือถือแบบไร้สายก็ทำได้
  • มีช่องต่อกล้องมองหลัง: ถอยจอดง่ายขึ้นเยอะ โดยเฉพาะเวลาไปห้างฯ ช่วงคนเยอะๆ หรือถอยเข้าซองแคบๆ

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบหรู ดูไม่แก่

ดีไซน์ตัวเครื่องดูมินิมอล สีดำด้านๆ เข้าได้กับคอนโซลรถหลายแบบ หน้าจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว ไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป กำลังดีเลย ที่เด่นสุดๆ คือ ปุ่มหมุนปรับเสียง เนี่ยแหละ ใช้งานถนัดมือมากๆ

ขนาดและน้ำหนัก: เป็นเครื่องเสียงแบบ Double DIN ขนาดมาตรฐานสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ ตัวเครื่องด้านหลังกะทัดรัด ทำให้ติดตั้งง่าย มีพื้นที่เหลือสำหรับเก็บสายไฟได้เยอะ

อุปกรณ์เสริมในกล่อง: หลักๆ ก็จะมีตัวเครื่อง, สายไฟ, คู่มือ, และไมโครโฟนภายนอกสำหรับใช้คุยโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: สั่งได้ดั่งใจ แค่เสียบสาย!

หัวใจหลักของรุ่นนี้คือ Apple CarPlay และ Android Auto นี่แหละ! แค่เสียบสาย USB จากมือถือเข้ากับตัวเครื่อง (ที่อยู่ด้านหน้า เสียบง่ายดีนะ) หน้าจอเครื่องเสียงก็จะเปลี่ยนเป็นเหมือนหน้าจอมือถือเวอร์ชันสำหรับใช้ในรถทันที

  • นำทาง: ใช้ Google Maps หรือ Waze (ถ้าใช้ Android Auto) หรือ Apple Maps (ถ้าใช้ CarPlay) ได้เลย ดูง่าย เห็นชัด ไม่ต้องคอยก้มดูมือถือเวลาเจอแยกเยอะๆ หรือซอยแคบๆ ยิ่งเวลาไปต่างจังหวัดช่วงเทศกาลที่ต้องเปิด Google Maps ตลอดๆ เนี่ย มันสะดวกจริงๆ
  • ฟังเพลง: เปิด Spotify, Apple Music, Joox หรือแอปฟังเพลงอื่นๆ ได้สบายๆ เลือกเพลง เปลี่ยนเพลงง่ายๆ ผ่านหน้าจอ ไม่ต้องงมกับมือถือขณะขับรถ
  • โทรศัพท์/ข้อความ: รับสาย โทรออก หรือจะให้ Siri/Google Assistant อ่านข้อความให้ฟังแล้วเราก็ตอบกลับด้วยเสียงก็ได้ ปลอดภัยหายห่วง

ตัวเครื่องมีกำลังขับในตัว 4 x 55W พร้อมฟังก์ชัน EXTRA BASS™ ช่วยเพิ่มมิติเสียงเบสให้กระหึ่มขึ้น เหมาะกับสายชอบฟังเพลงตื๊ดๆ หรือจะเปิดเพลงลูกทุ่งม่วนๆ ก็เข้าถึงอารมณ์สุดๆ


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่ก็ใช้ได้ ไม่ซับซ้อน

Sony XAV-AX1000 ใช้งานง่ายมากๆ ครับ อินเทอร์เฟซไม่ซับซ้อน เมนูต่างๆ จัดวางเป็นระเบียบ การตอบสนองหน้าจอสัมผัสถือว่าทำได้ดี จิ้มแล้วไปเลย ไม่หน่วงจนหงุดหงิด ที่สำคัญคือ รองรับภาษาไทย ทั้งในเมนูเครื่องและในการแสดงผลจากมือถือผ่าน CarPlay/Android Auto ทำให้ใช้งานง่ายขึ้นไปอีกหลายเท่า!

ตัวเครื่องเปิดติดไว ไม่ต้องรอนาน ส่วนเรื่องความร้อนก็ปกติ ไม่ได้ร้อนจนน่าตกใจ เสียงตอนใช้งานก็เงียบดี ไม่รบกวน (ยกเว้นจะเปิดเพลงดังๆ อันนั้นก็อีกเรื่องนะ)


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ติดตั้งครั้งเดียว ใช้ยาวๆ

เครื่องเสียงรถยนต์ไม่ได้ใช้แบตเตอรี่แบบมือถือนะครับ แต่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งรุ่นนี้ก็ใช้พลังงานมาตรฐาน ไม่ได้ทำให้แบตฯ รถหมดไวขึ้นแต่อย่างใด

ความคุ้มค่าในระยะยาว: การอัปเกรดมาใช้เครื่องเสียงที่รองรับ Apple CarPlay/Android Auto ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ ครับ เพราะมันเปลี่ยนประสบการณ์การขับรถจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้รถเก่าๆ ดูไฮเทคขึ้นมาทันที แถมยังช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นในการใช้แอปต่างๆ ขณะขับรถด้วย

ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็อาจจะมีค่าติดตั้ง (ถ้าไม่ได้ติดตั้งเอง) หรือถ้าอยากได้เสียงดีขึ้นไปอีกก็อาจจะต้องมีงบเผื่อสำหรับเปลี่ยนลำโพง หรือเพิ่มเพาเวอร์แอมป์/ซับวูฟเฟอร์ในอนาคตได้ เพราะรุ่นนี้มี 3 pre-out มาให้ต่อยอดได้สบายๆ


6. ข้อดี-ข้อเสีย: ไม่มีอะไรเพอร์เฟกต์ แต่ตัวนี้ก็เจ๋งหลายอย่าง

ข้อดี (ที่คนไทยน่าจะเลิฟ):

  • Apple CarPlay/Android Auto คือที่สุด: ชีวิตสะดวก ปลอดภัยขึ้นเยอะเวลาขับรถในเมืองรถติดๆ หรือเดินทางไกลๆ
  • มีปุ่มหมุน Volume: ใช้ง่าย ปรับเสียงไว ไม่ต้องจิ้มๆ บนหน้าจอตลอดเวลา
  • ราคาเข้าถึงง่าย: เมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ได้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
  • ยี่ห้อ Sony ไว้ใจได้: แบรนด์ดัง คุณภาพเสียงดีตามสไตล์
  • รองรับกล้องมองหลัง: ถอยจอดง่าย ไม่ต้องเสี่ยงเฉี่ยวชน

ข้อเสีย (ที่อาจจะต้องพิจารณา):

  • หน้าจอความละเอียดไม่สูงมาก: ความละเอียด 800x480 พิกเซล อาจจะไม่ได้คมกริบเท่ารุ่นใหม่ๆ หรือจอมือถือเรานะ แต่ก็ชัดพอใช้งาน
  • ไม่ใช่จอ Capacitive: เป็นจอ Resistive สัมผัสอาจจะไม่ลื่นเท่าจอ Capacitive เหมือนบนมือถือ (ไม่มี Multi-Touch) แต่ก็ใช้งานได้ปกติ
  • ต้องเสียบสาย USB เพื่อใช้ CarPlay/Android Auto: รุ่นใหม่ๆ บางตัวจะเป็น Wireless แล้ว แต่รุ่นนี้ต้องเสียบสายนะ
  • อาจจะไม่มีฟังก์ชันปรับเสียงที่ละเอียดมากนัก: สำหรับสาย Audiophile ขั้นเทพ อาจจะรู้สึกว่าตัวเลือกปรับเสียงไม่เยอะเท่าบางรุ่น แต่สำหรับคนทั่วไปก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
  • รองรับเฉพาะ Apple CarPlay ในบางตลาด: ข้อมูลบางแหล่งบอกว่ารุ่น AX1000 รองรับแค่ Apple CarPlay เท่านั้น แต่ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ระบุว่ารองรับทั้งคู่ ควรตรวจสอบสเปกกับผู้ขายให้แน่ใจก่อนซื้อนะครับ (แต่รุ่นที่ลงท้ายด้วยชื่อรุ่นอื่นๆ เช่น AX1005, AX3000 ขึ้นไป มักจะรองรับทั้งคู่แน่นอน)

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ตัวนี้เหมาะกับคนแบบไหน?

เหมาะกับ:

  • คนขับรถที่ใช้สมาร์ทโฟนบ่อยๆ: ทั้ง iPhone และ Android ที่อยากใช้แอปนำทาง ฟังเพลง หรือคุยโทรศัพท์อย่างปลอดภัยบนรถ
  • เจ้าของรถรุ่นเก่าที่อยากอัปเกรด: รถเดิมๆ ที่ไม่มีหน้าจอ หรือมีจอที่ไม่รองรับฟังก์ชันพวกนี้ ติดตั้งตัวนี้ไป เหมือนได้รถใหม่เลย
  • คนที่มองหาความคุ้มค่า: งบประมาณไม่สูงมาก แต่อยากได้ฟังก์ชันหลักครบๆ คุณภาพดี แบรนด์น่าเชื่อถือ
  • คนที่ชอบปุ่มหมุนปรับเสียง: บางคนไม่ชอบจอสัมผัสล้วนๆ ปุ่มหมุนมันใช้ง่ายกว่าจริงๆ นะ

ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นดีกว่า?

ถ้าความต้องการตรงกับข้างบน และเจอราคาดีๆ ในช่วงโปรโมชั่นต่างๆ เช่น Mid Year Sale, เทศกาลลดราคา 11.11, 12.12 ของ Lazada, Shopee หรือโปรโมชั่นตามร้านเครื่องเสียงรถยนต์ ก็จัดได้เลยครับ! เพราะราคามันลงมาเยอะแล้วเมื่อเทียบกับตอนเปิดตัว


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: ตัวเลือกอื่นมีอะไรบ้าง?

ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆ ของ Sony เองที่ใหม่กว่า อย่าง XAV-AX3000 หรือ XAV-AX5000 รุ่นใหม่ๆ จอมักจะใหญ่กว่า (7 นิ้ว) และเป็นจอ Capacitive ที่ลื่นกว่า บางรุ่นมี Wireless CarPlay/Android Auto หรือมีช่อง USB ด้านหลังทำให้ซ่อนสายได้เนียนกว่า แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน เช่น Pioneer, JVC, Kenwood ก็มีตัวเลือกที่รองรับ CarPlay/Android Auto เหมือนกัน ฟังก์ชันโดยรวมอาจจะใกล้เคียงกัน แต่ความชอบในเรื่องดีไซน์ คุณภาพเสียง หรือความคุ้นเคยกับแบรนด์ก็จะแตกต่างกันไปครับ


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี? มีประกันไหม?

สำหรับในประเทศไทย Sony มีการรับประกันสินค้าเครื่องเสียงรถยนต์ตามมาตรฐานครับ โดยทั่วไปคือ 1 ปี แนะนำให้ลงทะเบียนสินค้าที่เว็บไซต์ My Sony Thailand เพื่อรักษาสิทธิ์และอาจจะได้ประกันเพิ่ม (บางช่วงมีโปรโมชั่นขยายประกัน) สามารถติดต่อศูนย์บริการ Sony ในไทยได้หากมีปัญหา

ช่องทางการซื้อ: หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเสียงรถยนต์ชั้นนำทั่วประเทศ หรือจะช้อปออนไลน์ก็ได้สะดวกมากๆ ครับ

  • Lazada / Shopee: มีร้านค้าทางการของ Sony หรือร้านตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือลงขายอยู่เพียบ ช่วงโปรโมชั่นมักจะมีโค้ดส่วนลด, คูปองส่งฟรี, หรือเงินคืนให้เพียบ บางร้านมีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% ด้วยนะ!
  • ร้านเครื่องเสียงรถยนต์: ข้อดีคือเราสามารถสอบถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง และบางร้านมีบริการติดตั้งให้ด้วย (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
  • Sony Store Online: เช็กราคาและโปรโมชั่นจาก Official ได้โดยตรง

เรื่องค่าจัดส่งถ้าซื้อออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะมีโปรส่งฟรีถ้าซื้อถึงยอดที่กำหนด หรือค่าส่งไม่แพงมากครับ ระยะเวลาจัดส่งก็แล้วแต่ร้านและพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่ก็รวดเร็วทันใจ


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหมนะ?

สรุปแล้ว Sony XAV-AX1000 เป็นเครื่องเสียงรถยนต์ที่ "น่าซื้อมากๆ" สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องเสียงมาแทนที่ของเดิมที่ไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคสมาร์ทโฟน

ถ้าคุณเป็นคน:

  • ใช้ iPhone หรือ Android เป็นหลัก และอยากใช้ CarPlay/Android Auto บนรถ
  • เน้นฟังก์ชันหลักๆ ไม่ได้ต้องการลูกเล่นพิสดารอะไรมากมาย
  • มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้ของดี มียี่ห้อ เชื่อถือได้
  • ชอบความง่ายในการใช้งาน โดยเฉพาะปุ่มหมุนปรับเสียง

ตัวนี้ตอบโจทย์แน่นอนครับ ซื้อไปไม่ผิดหวัง! มันจะทำให้การขับรถของคุณง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และปลอดภัยขึ้นเยอะมากๆ โดยเฉพาะเวลาเดินทางไกลๆ หรือเผชิญรถติดในเมืองหลวง

แต่ถ้าคุณเป็นสายเน้นภาพคมชัดระดับเทพ หรืออยากได้ Wireless CarPlay/Android Auto ตั้งแต่แรก อาจจะต้องลองดูรุ่นที่ใหม่กว่าหรือราคาสูงกว่านี้ครับ

ยังไงก่อนตัดสินใจซื้อ ลองเช็กราคาล่าสุดและโปรโมชั่นจากหลายๆ ที่ก่อนนะครับ จะได้ของดีในราคาที่คุ้มที่สุด!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีจ้าพ่อแม่พี่น้องชาวโลกออนไลน์ที่กำลังมองหาเครื่องเสียงติดรถยนต์ตัวเทพๆ มาใส่รถคู่ใจกันอยู่! วันนี้เราจะมาพูดถึง Kenwood DDX9016S หน้าจอในตำนานที่มาพร้อมฟังก์ชันโดนๆ อย่าง Apple CarPlay ที่แม้จะออกมาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังมีคนถามถึง
ราคา Kenwood DDX9016S อัปเดตปี 2025 ฟังก์ชัน Apple CarPlay

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ๊ยยย... ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่! เป็นกันมั้ยจ๊ะชาวออฟฟิศ (หรือชาวฟรีแลนซ์ที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ) อาการปวดเมื่อยมันเหมือนเพื่อนสนิทที่ตามติดไปทุกที่ บางทีก็คิดนะว่าร่างกายเรามันคงจะเบี้ยวๆ บูดๆ ไปแล้วแน่เลย ถึงได้ปวดได้เมื่อยขนาดนี้! แล้วไอ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
ลมหนาวเอื่อยๆ เริ่มพัดมา (หรืออาจจะแค่มโนไปเองในบางวัน 🤣) ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีชมพูตอนเย็นๆ โอ๊ย...บรรยากาศมันชวนให้คิดถึงอะไรน้า... ใช่แล้ว! หมูจุ่มร้อนๆ น้ำซุปนัวๆ น้ำจิ้มรสเด็ด! ยิ่งถ้าได้มาอยู่เชียงใหม่ เมืองที่เต็มไปด้วยร้านอร่อย บรรยากา
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
โอ๊ยยย... เบื่อจริงจริ๊งงง! ปัญหาขนกวนใจเนี่ย ไม่ว่าจะขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ขนจิมิ สารพัดขนที่ทำให้เสียเซลฟ์ จะใส่บิกินี่ไปทะเลช่วงสงกรานต์ก็ไม่มั่นใจ จะยกแขนก็กลัวคนเห็นตอขน แถมบางทีโกน ถอน แว็กซ์ จนเป็นหนังไก่บ้าง ขนคุดบ้าง คันยุบยิบไปอีก!
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?

บทความที่แนะนำ