จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้


โอ๊ยยย... ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่! เป็นกันมั้ยจ๊ะชาวออฟฟิศ (หรือชาวฟรีแลนซ์ที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ) อาการปวดเมื่อยมันเหมือนเพื่อนสนิทที่ตามติดไปทุกที่ บางทีก็คิดนะว่าร่างกายเรามันคงจะเบี้ยวๆ บูดๆ ไปแล้วแน่เลย ถึงได้ปวดได้เมื่อยขนาดนี้! แล้วไอ้ที่ฮิตๆ กันช่วงนี้อย่าง "จัดกระดูก" เนี่ย มันคืออะไรกันแน่? จะช่วยได้จริงเหรอ? หรือแค่เสียงดังกร๊อบแกร๊บแล้วก็จบ? วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องจัดกระดูกแบบหมดเปลือก จากประสบการณ์ตรง (และรวบรวมจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยไปโดนมา) พร้อมข้อควรรู้แบบภาษาบ้านๆ ที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย รับรองว่ามีทั้งสาระและเรื่องฮาๆ แน่นอนจ้า!
1. จัดกระดูกคืออะไร? เค้าทำอะไรกันแน่นะ?
เอาจริงๆ คำว่า "จัดกระดูก" เนี่ยมันก็เรียกกันติดปากตามสไตล์คนไทยนะจ๊ะ ชื่อจริงๆ ทางวิชาการเค้าเรียกกันว่า "ไคโรแพรคติก" (Chiropractic) หรือบางทีก็เรียกว่าการนวดจัดกระดูก. มันคือศาสตร์การแพทย์ทางเลือกอย่างหนึ่ง ที่เน้นการใช้มือ (หรือบางทีก็มีอุปกรณ์เสริมเล็กน้อย) เข้าไปปรับโครงสร้างกระดูกสันหลังและข้อต่อต่างๆ ในร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เหมือนช่างซ่อมรถที่จัดช่วงล่างให้ตรงเป๊ะนั่นแหละ!.
เป้าหมายหลักๆ ของการจัดกระดูกก็เพื่อ บรรเทาอาการปวดเมื่อย ที่เกิดจากความผิดปกติของกระดูก กล้ามเนื้อ และข้อต่อ เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ ไมเกรน หรืออาการชาตามแขนขาที่อาจเกิดจากการกดทับเส้นประสาท. เค้าเชื่อว่าถ้ากระดูกเราเรียงตัวถูกต้อง ระบบประสาทก็จะทำงานได้ดีขึ้น ร่างกายก็จะฟื้นฟูตัวเองได้จ้า.
ใครที่ทำ? ก็จะมีทั้ง นักไคโรแพรคติกโดยตรง ที่เค้าเรียนจบเฉพาะทางมาเลย และบางทีก็มีนักกายภาพบำบัดบางท่านที่อบรมด้านนี้มาด้วย. ส่วน "หมอพื้นบ้าน" ที่เน้นการดัด การตอกเส้น อันนั้นก็อาจจะจัดอยู่ในกลุ่มการแพทย์แผนไทยไป.
2. ประสบการณ์เข้าคลินิกจัดกระดูก: เตรียมตัวยังไง?
ครั้งแรกที่ไปนี่สารภาพเลยว่าตื่นเต้นมาก! จินตนาการไปต่างๆ นานาว่าเค้าจะหักจะดัดเราแรงแค่ไหนนะ? พอไปถึงส่วนใหญ่เค้าก็จะให้เรากรอกประวัติ ซักถามอาการแบบละเอียดสุดๆ. เค้าจะถามหมดว่าปวดตรงไหน ปวดเมื่อไหร่ มีอุบัติเหตุอะไรมาก่อนมั้ย. บางที่อาจมีการตรวจร่างกายเบื้องต้น หรือให้เราลองขยับท่าต่างๆ เพื่อดูว่ากระดูกเรามีปัญหาตรงไหน. บางเคสที่อาการซับซ้อนมากๆ เค้าอาจจะแนะนำให้ไป X-ray หรือ MRI เพิ่มเติมก่อน เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ว่าข้างในเป็นยังไง.
จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการ "จัด" หรือ "ดัด" นี่แหละ! เค้าจะให้เราอยู่ในท่าต่างๆ เช่น นั่ง นอนคว่ำ นอนหงาย แล้วคุณหมอ (หรือนักไคโรแพรคติก) ก็จะใช้มือออกแรงกด ดัด หรือดึงเบาๆ ตรงข้อต่อที่มีปัญหา. ตอนที่ดัดเนี่ยแหละที่เราจะได้ยินเสียง "กร๊อบ! แกร๊บ!" บางคนฟังแล้วฟิน บางคนฟังแล้วเสียวสันหลังวาบ! เสียงนี้เกิดจากฟองอากาศที่อยู่ในของเหลวรอบๆ ข้อต่อมันแตกออก ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะจ๊ะ (เค้าว่างั้น!).
ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งก็ไม่นานมากนะ ประมาณ 20 นาที ถึง 1 ชั่วโมง แล้วแต่เคส. หลังทำเสร็จบางคนอาจจะรู้สึกตึงๆ เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะรู้สึก ตัวเบาขึ้น โล่งขึ้น ทันที.
3. ใช้ง่ายไหม? มือใหม่ไปได้เลยเปล่า?
ถามว่าใช้ง่ายไหม... คือมันไม่ได้อยู่ที่เราใช้เนอะ มันอยู่ที่คุณหมอเค้าทำ! 555 แต่ในแง่ของการเข้ารับบริการ ถือว่า สะดวกนะ. เดี๋ยวนี้มีคลินิกจัดกระดูกเปิดเยอะแยะ. การจองคิวก็ง่าย ผ่านแอป ผ่านไลน์ก็ได้.
ส่วนเรื่องต้องเรียนรู้อะไรเยอะไหม... เราไม่ต้องเรียนรู้เทคนิคการดัดเองจ้า หน้าที่เราคือไปถึงคลินิก บอกอาการ แล้วก็ทำตามที่คุณหมอแนะนำ หลังทำเสร็จเค้าอาจจะแนะนำท่าบริหารง่ายๆ หรือวิธีปรับพฤติกรรมที่เราทำได้เองที่บ้าน อันนี้แหละที่เราต้องตั้งใจฟังและเอาไปทำต่อ!
ความง่ายในการใช้บริการคือ เราแค่หาคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีผู้เชี่ยวชาญจริงๆ แล้วก็ไปรับบริการได้เลย.
4. ผลลัพธ์และระยะเวลา: หายปวดเลยไหม? นานแค่ไหน?
อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตเลยเนอะว่า "ทำแล้วหายขาดเลยไหม?". ส่วนใหญ่แล้วการจัดกระดูกจะช่วย บรรเทาอาการปวด และทำให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นได้จริง. บางคนไปครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่าอาการปวดลดลง. มันช่วยเรื่องการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น ลดความตึงเกร็งของกล้ามเนื้อ.
แต่ถามว่าหายขาดถาวรเลยไหม... อันนี้อาจจะต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน และสาเหตุของอาการปวดด้วย. ถ้าอาการปวดเกิดจากพฤติกรรมแย่ๆ ในชีวิตประจำวัน (เช่น นั่งทำงานผิดท่า แบกของหนัก) การจัดกระดูกจะช่วยแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ. ถ้าเราไม่ปรับพฤติกรรม ต้นเหตุมันก็ยังอยู่ อาการก็อาจจะกลับมาได้อีก.
บางอาการที่ซับซ้อน เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทรุนแรง หรือกระดูกมีปัญหามากๆ อาจจะต้องทำหลายครั้ง หรือทำร่วมกับการรักษาอื่นๆ เช่น กายภาพบำบัด. คุณหมอส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำต่อเนื่องประมาณ 6-10 ครั้ง หรือตามที่เห็นสมควร. บางคนทำแล้วดีขึ้นมากจนไม่ต้องไปบ่อยๆ แล้ว.
5. ค่าใช้จ่าย: แพงไหม? คุ้มกับเงินที่เสียไปหรือเปล่า?
เรื่องเงินเรื่องใหญ่! ค่าใช้จ่ายในการจัดกระดูกนี่ก็ มีหลากหลายราคา เลยจ้า. ขึ้นอยู่กับคลินิก ชื่อเสียงของคุณหมอ และแพ็กเกจที่เลือก. ราคาต่อครั้งส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณหลักพันนะ ตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลายพันบาทต่อครั้ง.
บางคลินิกเค้าจะมีเป็นคอร์ส ซึ่งอาจจะดูแพงในครั้งแรกที่จ่าย แต่ถ้าหารต่อครั้งแล้วอาจจะถูกกว่าการไปทำทีละครั้งก็ได้.
ถามว่าคุ้มไหม... อันนี้ต้องดูที่ ผลลัพธ์ที่คุณได้รับ. ถ้าอาการปวดที่คุณเป็นมันทรมานมากๆ จนรบกวนชีวิตประจำวัน ทำงานไม่ได้ นอนไม่หลับ แล้วการจัดกระดูกช่วยให้อาการเหล่านั้นดีขึ้น ใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ. ลองเทียบกับค่าเสียโอกาสในการทำงาน หรือค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ดูก็ได้นะ. แต่ถ้าอาการไม่ได้รุนแรงมาก หรือเป็นแค่เมื่อยๆ เล็กน้อย การปรับพฤติกรรมหรือออกกำลังกายอาจจะคุ้มกว่าก็ได้.
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีอะไรเด็ด มีอะไรต้องระวัง?
ข้อดีของการจัดกระดูก:
- บรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เร็ว: หลายคนรู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ.
- ช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น: คลายความตึง ลดการยึดติดของข้อต่อ.
- ไม่ต้องใช้ยา ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ชอบกินยา หรือกลัวการผ่าตัด.
- ช่วยปรับบุคลิกภาพ: แก้ปัญหาหลังค่อม ไหล่ห่อได้ในบางกรณี.
- อาจช่วยเรื่องอาการอื่นได้: เช่น ไมเกรน ปวดศีรษะ.
ข้อเสียและข้อควรรู้:
- ไม่ได้เหมาะกับทุกคน/ทุกโรค: บางภาวะห้ามจัดกระดูกเด็ดขาด เช่น กระดูกพรุนรุนแรง, หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่มีอาการอ่อนแรง, ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ!.
- อาจไม่ได้หายขาดถาวร: ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ อาการอาจกลับมาได้.
- อาจมีอาการตึงหรือระบมเล็กน้อยหลังทำ: เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าปวดมากผิดปกติควรรีบแจ้งคุณหมอ.
- เสียง "กร๊อบแกร๊บ" อาจทำให้บางคนกลัว: แม้จะไม่เป็นอันตราย แต่ถ้ากลัวมากอาจจะไม่เหมาะ.
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง: ถ้าต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง.
- ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น: การทำโดยคนที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องอาจเป็นอันตรายได้.
7. เหมาะกับใคร? ไม่เหมาะกับใคร?
จัดกระดูกเหมาะกับ:
- ชาวออฟฟิศซินโดรมตัวยง: ปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง จากการนั่งนานๆ.
- คนที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อเรื้อรัง: ที่หาสาเหตุไม่เจอ หรือวิธีอื่นไม่ค่อยได้ผล.
- คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับท่าทาง: เช่น หลังค่อม.
- นักกีฬา: ที่ต้องการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ หรือปรับสมดุลร่างกาย.
- คนที่อยากดูแลสุขภาพโครงสร้างร่างกายโดยไม่ใช้ยา: เป็นทางเลือกหนึ่ง.
จัดกระดูกอาจไม่เหมาะ หรือต้องปรึกษาแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดก่อน ถ้าคุณ:
- มีภาวะกระดูกพรุนรุนแรง.
- มีอาการชา อ่อนแรง ที่แขนขา หรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ (อาจเป็นสัญญาณของเส้นประสาทถูกกดทับรุนแรง).
- มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด.
- มีการติดเชื้อที่กระดูกหรือข้อต่อ.
- มีมะเร็งที่กระดูกสันหลัง.
- เพิ่งได้รับอุบัติเหตุรุนแรงที่กระดูกสันหลัง.
- มีการเคลื่อนหรือหลุดของข้อต่อบางข้อ.
คำแนะนำในการตัดสินใจ: ถ้ามีอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง ลองปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อวินิจฉัยให้แน่ใจก่อนว่าเป็นอะไร จากนั้นค่อยพิจารณาว่าการจัดกระดูกเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับอาการของเราหรือไม่. ถ้าตัดสินใจจะทำ ให้เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาต ไม่ใช่แค่หมอนวดทั่วไปจ้า.
8. เทียบกับวิธีอื่น: นวด vs กายภาพ vs จัดกระดูก เลือกอะไรดี?
งงไปหมด! ปวดเหมือนกัน ทำไมมีหลายวิธีจัง? มาดูกันว่าแต่ละแบบต่างกันยังไง:
- นวดแผนไทย/นวดทั่วไป: เน้นคลายกล้ามเนื้อ ลดความเมื่อยล้า ให้ความผ่อนคลาย. ไม่ได้เน้นการปรับโครงสร้างกระดูกโดยตรง. เหมาะกับอาการเมื่อยตึงกล้ามเนื้อทั่วไป.
- กายภาพบำบัด: เป็นศาสตร์ที่เน้นการฟื้นฟูร่างกายด้วยการออกกำลังกาย การยืดเหยียด และใช้อุปกรณ์ต่างๆ. เค้าจะวิเคราะห์ปัญหาการเคลื่อนไหว แล้วออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล. บางทีอาจมีการดัดข้อต่อเบาๆ แต่ไม่เน้นเสียงกร๊อบแกร๊บเท่าไคโรแพรคติก. เหมาะกับการฟื้นฟูหลังบาดเจ็บ ผ่าตัด หรือมีปัญหาการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน.
- จัดกระดูก (ไคโรแพรคติก): เน้นการใช้มือดัด ดึง กด ที่ข้อต่อกระดูกสันหลังและส่วนอื่นๆ โดยมีเป้าหมายหลักคือการปรับการเรียงตัวของกระดูก. มักใช้รักษาอาการปวดที่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกและข้อต่อโดยตรง.
สรุป: ถ้าเมื่อยๆ อยากผ่อนคลาย ไปนวด. ถ้ามีปัญหาการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือต้องการโปรแกรมฟื้นฟูเฉพาะทาง ไปกายภาพบำบัด. ถ้าปวดเมื่อยเรื้อรัง คิดว่าน่าจะมาจากกระดูก ข้อต่อเคลื่อนผิดที่ และอยากลองวิธีที่ไม่ใช้ยา ไม่ผ่าตัด ลองพิจารณาจัดกระดูก แต่ต้องเลือกผู้เชี่ยวชาญนะจ๊ะ.
9. หาที่ไหนดี? มีโปรโมชั่นอะไรน่าสนใจ?
เดี๋ยวนี้คลินิกจัดกระดูกมีเยอะเลย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด. วิธีหาก็ง่ายๆ Search Google เลยจ้า หรือจะดูตามแอปจองบริการสุขภาพต่างๆ ก็มีให้เลือกเพียบ.
สิ่งสำคัญคือ ต้องเช็คความน่าเชื่อถือ ของคลินิกและผู้เชี่ยวชาญ. ดูว่าเค้ามีใบอนุญาตถูกต้องไหม. อ่านรีวิวจากคนอื่นที่เคยไปใช้บริการ. บางคลินิกมีคุณหมอที่จบจากต่างประเทศ หรือมีประสบการณ์นาน.
ส่วนเรื่องโปรโมชั่น... อันนี้แล้วแต่ช่วงเลยจ้า ลองเช็คตามเว็บไซต์คลินิกโดยตรง หรือตามแอปจองบริการต่างๆ. บางทีอาจมีส่วนลดสำหรับการทำครั้งแรก, แพ็กเกจแบบคอร์สที่ราคาต่อครั้งถูกลง, หรือโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ. บางที่อาจมีผ่อน 0% ด้วยนะ!.
ค่าใช้จ่ายครั้งแรกมักจะแพงกว่าครั้งต่อไปเล็กน้อย เพราะรวมค่าตรวจประเมินอาการด้วย.
10. บทสรุปและคำแนะนำ: ไปจัดดีไหมนะ?
จากการเม้าท์มอยทั้งหมดทั้งมวล ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายเรื้อรัง โดยเฉพาะที่คอ บ่า หลัง จากการใช้ชีวิตประจำวัน (นั่งนาน ยืนนาน ยกของ) แล้วลองวิธีอื่นๆ มาบ้างแล้วยังไม่ดีขึ้น การจัดกระดูกก็เป็นอีกหนึ่ง ทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ.
แต่ ย้ำอีกครั้งว่า! ต้องเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ทำโดยผู้เชี่ยวชาญจริงๆ. อย่าเห็นแก่ของถูกจนยอมไปทำกับคนที่ไม่ชำนาญ อันตรายนะจ๊ะ!.
ถ้าอาการปวดของคุณเข้าข่ายที่การจัดกระดูกน่าจะช่วยได้ และคุณยอมรับเรื่องค่าใช้จ่ายได้ ก็ แนะนำให้ลองดู. ครั้งแรกอาจจะรู้สึกแปลกๆ หรือเสียวเสียงกร๊อบแกร๊บหน่อย แต่หลายคนทำแล้วชีวิตดีขึ้นจริงๆ นะ.
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- ปรึกษาแพทย์ก่อน: โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจำตัว หรืออาการรุนแรง.
- เลือกคลินิกให้ดี: ดูรีวิว เช็คคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญ.
- สื่อสารกับคุณหมอ: บอกอาการให้ละเอียด ถามข้อสงสัยให้หมด.
- ปรับพฤติกรรมตัวเองด้วย: จัดกระดูกช่วยแก้ที่ปลายเหตุ แต่ถ้าไม่แก้ต้นเหตุ อาการก็กลับมาได้นะจ๊ะ! ออกกำลังกาย ยืดเส้น เปลี่ยนท่านั่งบ้างอะไรบ้าง สำคัญมาก!.
ใครเคยไปจัดกระดูกมาแล้วเป็นยังไงบ้าง? มาเล่าประสบการณ์ แชร์กันหน่อยนะจ๊ะ! อยากรู้ว่าเสียงกร๊อบแกร๊บของแต่ละคนมันฟินหรือมันเสียว? อิอิ
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?