รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?


ว่าด้วยเรื่องของการ "มูฟออน" เนี่ย พูดง่ายแต่ทำโคตรยาก! ยิ่งถ้าต้องมานั่งรื้อข้าวของเก่าๆ ที่มันเต็มไปด้วยเรื่องราว ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งที่อยากจำและอยากลืม แล้วถ้าข้าวของเหล่านั้นมันดันเป็นของ "แฟนเก่า" ล่ะ...เออ จะทำยังไงดี? วันนี้เราจะมาเมาท์มอยหอยสังข์กันถึงหนังไทยที่ว่าด้วยเรื่อง "การทิ้ง" ที่ไม่ได้ทิ้งแค่ของ แต่ทิ้งใจไว้กลางทางอย่างเรื่อง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ที่เชื่อว่าหลายคนดูแล้วคงมีจุกอกกันบ้างแหละ พร้อมแล้วมาดูกันว่าหนังเรื่องนี้จะประทับใจ (หรือประทับตรึงจนปวดใจ) แค่ไหน!
1. ภาพรวมของหนัง: ทิ้งแต่ไม่ลืม
ชื่อเรื่อง: ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (Happy Old Year)
ปีที่ฉาย: 2562
ผู้กำกับ: เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
นักแสดงหลัก: ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง (รับบท จีน), ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ (รับบท เอ็ม)
แนว: โรแมนติก ดราม่า
เรื่องย่อคร่าวๆ: จีน หญิงสาวที่กลับจากสวีเดน ตั้งใจจะรีโนเวทบ้านให้เป็นสไตล์มินิมอล โล่งๆ คลีนๆ เพื่อเปิดเป็นออฟฟิศ แต่การจะทำแบบนั้นได้ เธอต้องจัดการกับข้าวของรกรุงรังเต็มบ้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีข้าวของของ เอ็ม แฟนเก่าที่เธอทิ้งไปแบบไม่ลา การเผชิญหน้ากับข้าวของเหล่านั้น ทำให้เธอต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์และความรู้สึกผิดในอดีตที่ยังค้างคา
จุดเด่นที่เขาว่ามา:
- พล็อตเรื่องใกล้ตัว คนเคยมีแฟนเก่า (หรือเคยทิ้งใครไป) อินได้ไม่ยาก
- การแสดงที่สมจริง เป็นธรรมชาติ
- งานภาพและบรรยากาศคุมโทน มินิมอลแต่แฝงไปด้วยอารมณ์
- ให้ข้อคิดเรื่องการจัดการกับอดีตและความรู้สึก
2. เรื่องราวและปมประเด็น: แค่ทิ้งของ...มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?
หนังเปิดเรื่องมาด้วยบรรยากาศบ้านที่เต็มไปด้วยข้าวของกองมหึมา จีนที่เพิ่งกลับจากสวีเดนพร้อมไอเดียมินิมอลเต็มหัว ก็ลงมือลงแรง "ทิ้ง" อย่างไม่ใยดี อะไรไม่ใช้ รกเกะกะ คือทิ้งหมด! แต่เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ เพราะข้าวของแต่ละชิ้นดันมีความทรงจำผูกติดอยู่ โดยเฉพาะข้าวของของเอ็ม แฟนเก่าที่หายไปจากชีวิตเธอพักใหญ่ๆ แล้ว การที่จีนตัดสินใจเอาของเหล่านี้ไปคืน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีต ความรู้สึกผิดที่เธอไม่เคยได้ขอโทษ และการที่เธอต้องเห็นชีวิตของเอ็มที่ดูเหมือนจะ "มูฟออน" ไปแล้ว (หรือเปล่า?)
ปมหลักๆ ของเรื่องคือ การพยายามจะตัดขาดจากอดีตของจีนผ่านการทิ้งข้าวของ ซึ่งมันสะท้อนไปถึงความสัมพันธ์และผู้คนที่เธอเคย "ทิ้ง" ในชีวิต ไม่ใช่แค่เอ็ม แต่รวมถึงคนในครอบครัวและเพื่อนด้วย หนังชวนให้คิดว่าการทิ้งข้าวของมันต่างกับการทิ้งคนยังไง แล้วเราสามารถ "ทิ้ง" ความรู้สึกผิด หรือความทรงจำที่เจ็บปวดได้จริงๆ เหรอ?
3. ตัวละคร: คนที่อยากทิ้ง กับคนที่ถูกทิ้ง
จีน (ออกแบบ ชุติมณฑน์): ตัวละครหลักที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของเรื่อง เธอเป็นคนเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นกับการทำบ้านให้เป็นมินิมอลมากๆ จนบางทีก็ดูเย็นชา และไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึกคนรอบข้าง การแสดงของออกแบบในบทนี้คือดีมาก สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่ซับซ้อนของตัวละครที่ภายนอกดูแข็งๆ แต่ข้างในเต็มไปด้วยปมและความรู้สึกผิดได้เป็นอย่างดี
เอ็ม (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์): แฟนเก่าของจีนที่ดูเหมือนจะมูฟออนไปแล้ว แต่การกลับมาของจีนพร้อมกับข้าวของเก่าๆ ก็ทำให้ชีวิตที่ดูเหมือนจะนิ่งๆ ของเขาต้องปั่นป่วน ซันนี่แสดงบทนี้ได้ลึกซึ้ง ไม่ได้ดูเป็นพระเอกจ๋า แต่ดูเป็นคนธรรมดาที่มีอดีตที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย
นอกจากนี้ยังมีตัวละครสมทบอย่าง แม่ของจีน (อาภาศิริ นิติพน) และพี่ชาย (ถิรวัฒน์ โงสว่าง) ที่เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการสะท้อนปมในใจของจีน และเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว
4. การแสดง: น้อยแต่มาก...อารมณ์มาเต็ม!
ต้องบอกว่า "ฮาวทูทิ้งฯ" เป็นหนังที่นักแสดงทุกคนเอาอยู่จริงๆ ออกแบบคือแบกหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่าได้อย่างยอดเยี่ยม การแสดงของเธอไม่ได้หวือหวา แต่เน้นไปที่สายตา แววตา ท่าทาง ที่สื่ออารมณ์ข้างในที่เก็บงำเอาไว้ ส่วนซันนี่ก็มาในบทที่แตกต่างจากที่เคยเห็น ทำให้เห็นมุมการแสดงที่นิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงเสน่ห์เฉพาะตัวไว้ได้ ฉากที่ทั้งคู่เข้าด้วยกันคือดีงาม เคมีมันได้ ทั้งความอึดอัด ความทรงจำเก่าๆ มันฟุ้งเต็มจอไปหมด แม้แต่ตัวละครสมทบอย่างแม่ที่รับบทโดย อาภาศิริ นิติพน ก็สามารถสร้างอิมแพ็คให้กับเรื่องได้มากในฉากที่ออกมาไม่กี่ฉาก
5. ผู้กำกับและงานภาพ: มินิมอล สวยงาม แต่แอบเจ็บ
สไตล์ของเต๋อ นวพล คือชัดเจนมากในเรื่องนี้ ทั้งงานภาพที่เน้นความ "มินิมอล" โทนสีหม่นๆ คลีนๆ แต่กลับยิ่งขับเน้นอารมณ์ที่อึดอัดและเจ็บปวดออกมา การเลือกใช้เฟรมภาพแบบ 3:2 ทำให้ภาพดูแคบลง เหมือนบีบให้คนดูจดจ่ออยู่กับตัวละครและอารมณ์ที่พวกเขาสื่อสารออกมา บทสนทนาเป็นธรรมชาติ ไม่ได้หวือหวา แต่แฝงไปด้วยความหมายและคมคายตามสไตล์ผู้กำกับ บางฉากที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่การใช้ภาพและเสียงก็สามารถบิ้วอารมณ์คนดูให้รู้สึกตามไปด้วยได้
6. ดนตรีประกอบและเสียง: เงียบๆ แต่สะเทือน
ดนตรีประกอบในเรื่องนี้ไม่ได้เยอะ หรืออลังการ แต่มาในจังหวะที่พอเหมาะ พอดี ช่วยเสริมบรรยากาศของหนังให้ยิ่งดูหม่นและเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้มากขึ้น ส่วนเสียงต่างๆ ในหนังก็ถูกนำมาใช้ได้อย่างน่าสนใจ เช่น เสียงการทิ้งของลงถุงขยะ เสียงบรรยากาศในบ้านที่ดูเงียบเหงา เสียงเหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศและสื่อถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวของตัวละครได้ดี
7. ธีมหลัก: การทิ้ง การเก็บ และการก้าวต่อไป
ธีมหลักที่หนังพูดถึงอย่างชัดเจนคือเรื่องของ "การทิ้ง" และ "การเก็บ" ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่หมายถึงความทรงจำ ความรู้สึก และความสัมพันธ์ หนังชวนให้เราตั้งคำถามว่าการทิ้งข้าวของเก่าๆ จะช่วยให้เราลืมเรื่องราวในอดีตได้จริงๆ เหรอ? หรือบางทีการเก็บมันไว้ต่างหากที่ช่วยเตือนให้เราไม่ลืมว่าเราเคยผ่านอะไรมาบ้าง
นอกจากนี้ หนังยังพูดถึงเรื่องของ "การขอโทษ" และ "การให้อภัย" ทั้งการขอโทษคนอื่น และการให้อภัยตัวเองในสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดไป และแน่นอนว่ามันวนกลับมาที่เรื่องของการ "มูฟออน" ว่าจริงๆ แล้วการก้าวต่อไปในชีวิตมันต้องทำยังไงกันแน่?
8. จังหวะและตัดต่อ: เนิบๆ แต่ได้คิดตาม
จังหวะของหนังค่อนข้างเนิบช้าตามสไตล์หนังของเต๋อ นวพล ไม่ได้มีฉากหวือหวา หรือไคลแมกซ์ที่พีคสุดๆ แต่หนังจะค่อยๆ เล่า ค่อยๆ สะสมอารมณ์ไปเรื่อยๆ เหมือนภูเขาไฟที่รอวันปะทุ การตัดต่อก็ช่วยเสริมความรู้สึกอึดอัดและโดดเดี่ยวของตัวละครได้ดี แม้จะไม่ได้เร้าใจ แต่จังหวะที่เนิบช้านี้ก็ทำให้คนดูมีเวลาคิดตามเรื่องราว และซึมซับอารมณ์ของตัวละครได้อย่างเต็มที่
9. ข้อดี-ข้อเสีย: ชอบก็อิน ไม่ชอบก็มีงง
ข้อดี:
- พล็อตเรื่องโดนใจ ใกล้ตัวคนดูมากๆ
- การแสดงของนักแสดงทุกคนคือดีงาม โดยเฉพาะออกแบบ
- งานภาพสวย คุมโทน มินิมอล มีสไตล์
- บทสนทนาคมคาย ชวนให้คิดตาม
- ให้ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิต ความทรงจำ และความสัมพันธ์
ข้อเสีย:
- จังหวะหนังค่อนข้างเนิบช้า บางคนอาจรู้สึกเบื่อ
- เป็นหนังดราม่าหนักๆ ไม่มีโมเมนต์ฟีลกู๊ดจ๋าๆ
- บางประเด็นในเรื่องอาจไม่ได้ถูกคลี่คลายทั้งหมด ทิ้งให้คนดูคิดต่อเอง
- ไม่ใช่หนังที่เหมาะกับคนที่ชอบดูอะไรสนุกๆ เข้าใจง่าย
10. เหมาะกับใคร: คนที่กำลังจะทิ้ง...หรือคนที่เคยถูกทิ้ง
หนังเรื่องนี้ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่:
- กำลังอยู่ในช่วง "จัดระเบียบชีวิต" หรือบ้านช่อง
- กำลังเผชิญหน้ากับ "อดีต" หรือความทรงจำที่ยังค้างคา
- เคย "ทิ้ง" ใครไป หรือเคย "ถูกทิ้ง"
- ชอบหนังที่เน้นดราม่า เน้นการแสดง และมีสไตล์ภาพที่ชัดเจน
- ชอบหนังของเต๋อ นวพล อยู่แล้ว
อาจจะไม่เหมาะกับ:
- คนที่อยากดูหนังคลายเครียด เน้นความบันเทิง
- คนที่ชอบหนังที่มีพล็อตเรื่องซับซ้อน หรือมีฉากแอคชั่นเยอะๆ
- คนที่รู้สึกว่าการทิ้งของก็คือทิ้งไปสิ ไม่ต้องคิดเยอะ (อันนี้อาจจะดูแล้วหงุดหงิดตัวละครจีนนิดหน่อย)
11. สรุปท้ายรีวิว: หนังดีที่ดูแล้วจุก!
โดยรวมแล้ว "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" เป็นหนังไทยน้ำดีอีกเรื่องที่ทำออกมาได้น่าสนใจมากๆ แม้จังหวะจะเนิบช้าไปบ้าง แต่เนื้อหาและการแสดงของนักแสดงทุกคนคือเอาอยู่สุดๆ หนังชวนให้เรากลับมามองตัวเอง ย้อนคิดถึงอดีต และวิธีการจัดการกับความรู้สึกที่ยังค้างคาใจ มันไม่ใช่หนังที่ดูแล้วจะรู้สึกฟีลกู๊ด แต่เป็นหนังที่ดูแล้ว "จุก" และ "ได้คิด" ตาม
ถ้าคุณกำลังมองหาหนังที่สะท้อนชีวิตจริง สะท้อนความรู้สึกของคนเราในเรื่องการปล่อยวาง และการก้าวต่อไปข้างหน้า เรื่องนี้คือห้ามพลาด! แต่ถ้าอยากดูหนังสนุกๆ ขำๆ แนะนำให้ข้ามไปก่อนเลยจ้า
ดูจบแล้วเป็นยังไงกันบ้าง? มาคอมเมนต์แชร์ความรู้สึกกันได้นะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?