logo

รีวิว Garmin Forerunner 45: นาฬิกาวิ่ง GPS ราคาเริ่มต้น ฟังก์ชันครบ เหมาะกับนักวิ่งมือใหม่ไหม

user avatar
ธนวัฒน์ อัครธนากุล·06/28/2025 14:19
点赞
รีวิว Garmin Forerunner 45: นาฬิกาวิ่ง GPS ราคาเริ่มต้น ฟังก์ชันครบ เหมาะกับนักวิ่งมือใหม่ไหม

โอ้โห! ใครๆ ก็อยากสุขภาพดีกันทั้งนั้น ยิ่งยุคนี้ที่เห็นคนลุกขึ้นมาวิ่งกันเต็มสวนสาธารณะ ไปวิ่งตามงานวิ่งต่างๆ ก็เยอะแยะไปหมด แล้วไอ้ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับนักวิ่ง (ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋า) ก็คือ "นาฬิกาวิ่ง GPS" นี่แหละ!

แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า... นาฬิกาวิ่งเดี๋ยวนี้มีสารพัดรุ่น สารพัดยี่ห้อ แล้วก็สารพัดราคามากเว่อร์! เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว โดยเฉพาะนักวิ่งมือใหม่ที่งบไม่เยอะมาก แต่อยากได้นาฬิกาดีๆ ไว้ช่วยไกด์การวิ่ง จะได้วิ่งถูกทาง วิ่งไม่หลง (ไม่ใช่หลงทางนะ แต่หลงโฟกัส) วันนี้เราเลยจะพามารู้จักกับนาฬิกาวิ่ง GPS ระดับเริ่มต้นตัวเด็ดที่หลายคนเล็งไว้ นั่นก็คือ Garmin Forerunner 45 นั่นเอง!

นาฬิกาตัวนี้เค้าว่ากันว่าฟังก์ชันครบครันพอตัวสำหรับนักวิ่งมือใหม่ แถมราคายังน่ารักน่าคบหา แล้วมันจริงมั้ย? เหมาะกับเราๆ ที่เพิ่งเริ่มออกสตาร์ทบนถนนนักวิ่งหรือเปล่า? ตามมาดูกันให้ชัดๆ เลยจ้า!


1. ภาพรวมของ Garmin Forerunner 45: มันคืออะไร?

เจ้าตัวนี้มาจากค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการ GPS อย่าง Garmin ซึ่งโด่งดังเรื่องความแม่นยำเรื่องตำแหน่งมากๆ รุ่นที่เราพูดถึงคือ Forerunner 45 (เค้ามีรุ่น 45S ด้วยนะ ตัวเล็กกว่าหน่อย ฟังก์ชันเหมือนกันเป๊ะ) เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 โน่นแน่ะ แต่ยังคงเป็นที่นิยมอยู่จนถึงตอนนี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะราคาน่ารักนี่แหละ! ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 7,990 บาท แต่ตอนนี้ไปส่องดูตามร้านออนไลน์อาจเจอราคาดีลเด็ดๆ ไม่ถึง 6,xxx บาทก็มี

เค้าวางตำแหน่งมาเลยว่าเป็นนาฬิกาวิ่ง GPS ระดับเริ่มต้น (Entry-Level) เหมาะกับคนที่อยากได้นาฬิกาที่จับ GPS ได้ มี Heart Rate วัดชีพจรได้ครบๆ โดยไม่ต้องพกมือถือไปวิ่งให้เกะกะ เหมาะมากๆ สำหรับนักวิ่งมือใหม่ หรือคนที่วิ่งออกกำลังกายทั่วๆ ไป

สรุปจุดเด่นแบบรวบรัด:

  • GPS ในตัว: ไม่ต้องพึ่งมือถือก็รู้ Pace, ระยะทาง, เวลา ได้เลย
  • วัด Heart Rate ที่ข้อมือ: ดูโซนหัวใจ วางแผนซ้อมได้ง่าย
  • รองรับ Garmin Coach: มีแผนการซ้อมฟรีจากโค้ชผู้เชี่ยวชาญในแอป ให้เราทำตามได้เลย ดีงามมากสำหรับมือใหม่
  • น้ำหนักเบา ใส่สบาย: วิ่งนานแค่ไหนก็ไม่รู้สึกถ่วง
  • ฟังก์ชันพื้นฐานครบ: นับก้าว, วัดแคลอรี่, ติดตามการนอน, วัดความเครียด, Body Battery ก็มีนะ
  • มีฟังก์ชันความปลอดภัย: Incident Detection ช่วยแจ้งเตือนฉุกเฉินได้ด้วย

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: กลมๆ มนๆ สไตล์ Garmin

ดีไซน์ของ Forerunner 45 เค้ามาแบบเรียบง่าย สไตล์สปอร์ต หน้าปัดทรงกลม (ต่างจากรุ่นเก่าๆ ที่เป็นเหลี่ยมๆ) วัสดุหลักเป็นพลาสติก ทำให้ตัวเรือนมีน้ำหนักเบามากๆ ใส่แล้วไม่รู้สึกว่าเป็นภาระข้อมือเลย ส่วนสายเป็นซิลิโคน ยืดหยุ่น ใส่สบาย และทำความสะอาดง่าย เหมาะกับใส่วิ่งเหงื่อท่วมสุดๆ

ขนาดหน้าจอ 1.04 นิ้ว ความละเอียด 208 x 208 พิกเซล เป็นจอแบบ MIP (Memory-in-Pixel) ข้อดีคือมองเห็นชัดเจนแม้แดดจ้า แถมยังประหยัดแบตฯ ด้วยนะ มีให้เลือกหลายสีอยู่เหมือนกัน ทั้งดำ, แดงลาวา หรือถ้าเป็นรุ่น 45S ที่ขนาดเล็กกว่าหน่อยก็มีสีม่วง สีขาวให้เลือก ขนาดตัวเรือนมี 2 ไซส์คือ 42mm (Forerunner 45) และ 39mm (Forerunner 45S) เลือกให้เหมาะกับขนาดข้อมือได้เลย

ในกล่องก็จะมีตัวนาฬิกา, สายชาร์จ USB (เฉพาะหัวชาร์จนะ ไม่มีอะแดปเตอร์), และคู่มือ อุปกรณ์เสริมอื่นๆ อย่างฟิล์มกันรอยหรือสายสำรองก็หาซื้อง่ายตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไป ราคาหลักสิบหลักร้อยเอง


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: วิ่งสนุกขึ้นเยอะ!

หัวใจหลักของนาฬิกาตัวนี้คืองานวิ่งเลยจ้า! พอออกไปวิ่งปุ๊บ เจ้า Forerunner 45 ก็พร้อมทำงานทันที! มันจะใช้ GPS ในตัว เพื่อจับสัญญาณ บอก Pace (ความเร็วในการวิ่ง), ระยะทางที่วิ่งไป, เวลาที่ใช้ไป ครบถ้วนเป๊ะ! ไม่ต้องพึ่งมือถือเลยอันนี้ดีมากๆ วิ่งได้อิสระสุดๆ

นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ข้อมือ (Wrist-based Heart Rate) ซึ่งเป็น Gen 3 ของ Garmin แล้วนะ ค่อนข้างแม่นยำพอสมควรสำหรับการวิ่งทั่วไป ทำให้เราสามารถดูได้ว่าตอนวิ่งหัวใจเราเต้นเท่าไหร่ อยู่ในโซนไหน จะได้คุมการซ้อมให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

สำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่ยังงงๆ ว่าจะซ้อมยังไงดี? เจ้าตัวนี้มีฟังก์ชัน Garmin Coach ที่โคตรจะดี! เราสามารถเข้าไปเลือกแผนการซ้อมในแอป Garmin Connect ได้เลยว่าจะซ้อมเพื่อวิ่งระยะ 5K, 10K หรือ Half Marathon แล้วแผนมันก็จะปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับเรา แถมยังส่งการซ้อมมาที่นาฬิกาด้วย เวลาวิ่งมันก็จะคอยบอกว่าต้องวิ่งเร็วเท่าไหร่ ช้าเท่าไหร่ พักเมื่อไหร่ คือมีโค้ชส่วนตัวอยู่บนข้อมือเลยอะ!

นอกจากวิ่งแล้ว ยังมีโหมดกีฬาอื่นๆ ให้เลือกพอสมควรนะ เช่น ปั่นจักรยาน (ในร่ม/กลางแจ้ง), ลู่วิ่ง, เดิน, คาร์ดิโอ, โยคะ ถึงจะไม่เยอะเท่ารุ่นแพงๆ แต่ก็ครอบคลุมกิจกรรมหลักๆ ที่คนทั่วไปชอบทำแล้วล่ะ


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่หายห่วง!

เรื่องความง่ายในการใช้งานต้องยกให้ Garmin เลย เค้าออกแบบมาให้ใช้ง่ายมากๆ สำหรับ Forerunner 45 นี่ใช้ปุ่มกดในการควบคุมทั้งหมด 5 ปุ่ม (ไม่มีหน้าจอสัมผัสนะ) ซึ่งตอนแรกอาจจะดูไม่คุ้น แต่พอใช้ไปสักพักจะรู้เลยว่ามันง่ายกว่าหน้าจอสัมผัสตอนมือเปียกเหงื่อมากๆ! กดแม่นยำ ไม่ต้องกลัวกดผิด

เมนูต่างๆ บนนาฬิกาออกแบบมาเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายว่าแต่ละปุ่มทำหน้าที่อะไร แถมยังรองรับภาษาไทยด้วยนะ! อันนี้ถูกใจคนไทยสุดๆ! การเชื่อมต่อกับแอป Garmin Connect บนมือถือก็ทำได้ง่ายๆ ผ่าน Bluetooth พอกลับมาจากการวิ่ง ข้อมูลก็จะซิงค์เข้าแอปให้ดูรายละเอียดต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติ แอป Garmin Connect นี่ก็ใช้งานง่าย มีข้อมูลให้ดูเพียบ ทั้งสถิติการวิ่ง, การนอน, ความเครียด, Body Battery ดูย้อนหลังได้หมด

ตอนใส่วิ่งก็เบาสบายมากๆ แทบไม่รู้สึกว่าใส่นาฬิกาอยู่เลย ตัวเรือนไม่หนาเทอะทะ ใส่ได้ทั้งตอนวิ่งและใส่ในชีวิตประจำวัน เสียงแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ดังรบกวน ตัวเครื่องไม่ร้อนเร็วเวลาใช้งานต่อเนื่อง


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: อึดใช้ได้เลย!

เรื่องแบตเตอรี่นี่เป็นอีกจุดเด่นของ Garmin เลย สำหรับ Forerunner 45 เค้าเคลมว่าใช้งานในโหมด Smartwatch ได้สูงสุด 7 วัน ถ้าเปิด GPS ต่อเนื่องสำหรับวิ่ง จะอยู่ได้ประมาณ 13 ชั่วโมง จากการใช้งานจริง ถ้าวิ่งวันละประมาณ 1 ชั่วโมง เปิด GPS ด้วย ก็อยู่ได้ประมาณ 3-4 วันสบายๆ ถือว่าอึดพอตัวเลยนะ ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ แตกต่างจาก Smartwatch ทั่วไปที่อาจจะต้องชาร์จทุกวัน

การชาร์จก็ใช้สายชาร์จเฉพาะของ Garmin ชาร์จไม่นานก็เต็มแล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายระยะยาวแทบไม่มีอะไรเลย นอกจากอาจจะต้องเปลี่ยนสายนาฬิกาเมื่อใช้ไปนานๆ ซึ่งก็หาง่าย ราคาไม่แพง

เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวที่ไม่ถึงหมื่นบาท (บางทีได้โปรฯ ถูกกว่านั้นอีก) กับฟังก์ชันที่ให้มา ทั้ง GPS ในตัว, HR วัดชีพจร, Garmin Coach, การติดตามกิจกรรม 24 ชม., ฟังก์ชันความปลอดภัย ถือว่า คุ้มค่ามากๆ สำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่อยากได้นาฬิกาที่เน้นฟังก์ชันวิ่งเป็นหลัก ถ้าไปดูนาฬิกาวิ่งยี่ห้ออื่นที่มี GPS ในตัว ส่วนใหญ่ราคาก็จะประมาณนี้ หรือแพงกว่านี้หน่อย


6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง?

ข้อดีเด็ดๆ ที่คนไทยน่าจะชอบ:

  • ราคาเข้าถึงง่าย: ไม่แพงจนเกินไปสำหรับนาฬิกาวิ่ง GPS
  • มี GPS ในตัว: วิ่งได้โดยไม่ต้องพกมือถือ เกะกะน้อยลงเยอะ
  • Garmin Coach ช่วยให้ซ้อมเป็นระบบ: เหมาะกับมือใหม่มากๆ มีโค้ชส่วนตัวคอยไกด์
  • น้ำหนักเบา ใส่สบาย: ใส่วิ่งนานๆ ไม่ปวดข้อมือ
  • แบตฯ อึดใช้ได้: ไม่ต้องชาร์จทุกวันให้วุ่นวาย
  • ใช้ง่าย เมนูภาษาไทย: ไม่ต้องปวดหัวกับการเรียนรู้ฟังก์ชัน

ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเลใจ:

  • ฟังก์ชันไม่โปรเท่ารุ่นพี่: ไม่มี Running Dynamics หรือเมตริกขั้นสูงอื่นๆ สำหรับนักวิ่งจริงจัง
  • หน้าจอความละเอียดไม่สูงมาก: อาจจะไม่ได้สวยงามฟรุ้งฟริ้งเท่า Smartwatch จอสีสดใส
  • วัสดุเป็นพลาสติกเป็นหลัก: อาจจะดูไม่พรีเมียมเท่านาฬิกาที่ใช้วัสดุโลหะ
  • โหมดกีฬามีจำกัด: ถ้าเล่นกีฬาหลากหลายมากๆ อาจจะไม่ครอบคลุม
  • ไม่มีเพลงในตัว/จ่ายเงิน: ต้องพกมือถือถ้าอยากฟังเพลง หรือใช้ Garmin Pay

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ควรตำไหม?

เจ้า Garmin Forerunner 45 ตัวนี้เหมาะมากๆ กับ:

  • นักวิ่งมือใหม่: ที่เพิ่งเริ่มต้นวิ่ง อยากได้นาฬิกามาช่วยวัดระยะทาง, Pace, หัวใจ และมีแผนซ้อมให้
  • คนที่อยากได้นาฬิกา GPS ราคาไม่แรง: งบไม่เยอะ แต่อยากได้ฟังก์ชันพื้นฐานครบๆ สำหรับวิ่ง
  • คนที่อยากวิ่งโดยไม่ต้องพกมือถือ: ตัวนาฬิกามี GPS ในตัวอยู่แล้ว
  • คนที่วิ่งเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายทั่วไป: ไม่ได้เน้นสถิติโปรๆ หรือฟังก์ชันหวือหวามากมาย

ถ้าคุณเข้าข่ายกลุ่มนี้ แล้วกำลังมองหานาฬิกาวิ่ง GPS ดีๆ สักเรือนในงบประมาณที่จำกัด... จัดไปเลยจ้า! ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นตามแอปส้ม แอปฟ้า หรือร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ มักจะมีลดราคาอยู่เรื่อยๆ จะได้ของถูกลงไปอีกนะ

แต่ถ้าคุณเป็นนักวิ่งที่ซ้อมจริงจังมาก ต้องการสถิติละเอียดๆ, ฟังก์ชันขั้นสูง, หรืออยากได้นาฬิกาที่หน้าจอสวยงาม ใส่เป็น Smartwatch ในชีวิตประจำวันได้แบบครบวงจร อาจจะต้องมองข้ามตัวนี้ไปเล่นรุ่นที่ราคาสูงกว่านี้ เช่น Forerunner 245 หรือรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Forerunner แทนนะ


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: มีตัวอื่นน่าสนอีกไหม?

ในตลาดนาฬิกาวิ่ง GPS ระดับเริ่มต้น ก็มีคู่แข่งอยู่บ้างเหมือนกันนะ เช่น:

  • Garmin Forerunner 55: เป็นรุ่นอัปเกรดต่อจาก Forerunner 45 ฟังก์ชันคล้ายๆ กัน แต่จะมีพวกคำแนะนำการออกกำลังกายรายวัน, ฟีเจอร์ PacePro (ช่วยไกด์ Pace ตอนวิ่งขึ้นเนิน), และแบตฯ อึดขึ้น ถ้ามีงบเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย ข้ามไป Forerunner 55 ก็ดีเลยนะ
  • Coros Pace 2: ตัวนี้ก็ราคาใกล้เคียง Forerunner 55 แต่ฟังก์ชันอาจจะโปรขึ้นมาอีกขั้นหน่อย มีโหมด Multisport สำหรับไตรกีฬาด้วย แบตฯ อึดสะใจมากๆ แต่หน้าตาเมนูอาจจะไม่ได้ใช้ง่ายเท่า Garmin สำหรับมือใหม่มากๆ
  • Smartwatch ทั่วไป (เช่น Apple Watch, Fitbit บางรุ่น): พวกนี้ก็มี GPS และวัด HR ได้เหมือนกัน แต่ฟังก์ชันเฉพาะทางสำหรับวิ่งอาจจะไม่เน้นเท่า Garmin แถมแบตฯ มักจะอยู่ได้ไม่นานเท่านาฬิกาวิ่งจริงจัง เหมาะกับคนที่อยากได้ Smartwatch ที่ใช้ได้หลากหลายกว่า แค่วิ่งเป็นกิจกรรมเสริม

สรุปคือ ถ้าเน้นวิ่งเป็นหลัก อยากได้นาฬิกา GPS ราคาเริ่มต้น ฟังก์ชันครบๆ ไม่ซับซ้อน Garmin Forerunner 45 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะถ้างบจำกัดจริงๆ


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี?

Garmin เป็นแบรนด์ใหญ่ที่เชื่อถือได้ เรื่องบริการหลังการขายค่อนข้างหายห่วง สินค้าที่ซื้อในไทยมักจะมาพร้อมการรับประกัน 1 ปี มีศูนย์บริการให้ติดต่อได้ ถ้าเจอปัญหาก็ส่งเคลมได้ตามเงื่อนไข

ส่วนช่องทางการซื้อนี่ง่ายมากๆ! เข้าไปดูได้เลยทั้งใน Lazada, Shopee หรือตามร้านค้าออนไลน์ของตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือร้านอุปกรณ์กีฬาใหญ่ๆ ช่วงนี้ราคาดีมากๆ เพราะมีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา, โค้ดส่วนลด, หรือบางทีก็มีของแถมเล็กๆ น้อยๆ บางร้านมีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% ด้วยนะ สะดวกสบายสุดๆ

การจัดส่งก็แล้วแต่ร้านค้าเลย ส่วนใหญ่มักจะส่งไวอยู่แล้ว ยิ่งถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล วันสองวันก็ได้ของแล้วจ้า


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!

จากที่รีวิวมาทั้งหมด ฟันธงเลยว่า Garmin Forerunner 45 เป็นนาฬิกาวิ่ง GPS ที่เหมาะกับนักวิ่งมือใหม่มากๆ หรือคนที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย และต้องการนาฬิกามาช่วยเก็บสถิติ ช่วยไกด์การซ้อมในราคาที่ไม่แรงจนเกินไป

ฟังก์ชันพื้นฐานสำหรับการวิ่งมีครบ ทั้ง GPS, HR, แถมยังมี Garmin Coach ที่เป็นเหมือนโค้ชส่วนตัวคอยช่วยเหลือ ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา แบตฯ อึดพอตัว แม้จะไม่มีฟังก์ชันโปรๆ เท่ารุ่นพี่ หรือ Smartwatch ฟรุ้งฟริ้ง แต่มันก็ทำในสิ่งที่นาฬิกาวิ่งพื้นฐานควรทำได้ดีมากๆ ในราคาที่เข้าถึงได้

ถ้าคุณกำลังมองหานาฬิกาวิ่งเรือกแรก งบประมาณจำกัด ไม่เน้นฟังก์ชันซับซ้อนอะไรมากมาย Garmin Forerunner 45 คือคำตอบ! ซื้อได้เลยไม่ต้องคิดเยอะ คุ้มแน่นอน!

แต่ถ้างบถึง อยากได้ฟังก์ชันที่มากกว่านี้หน่อย หรือเผื่อต่อยอดไปซ้อมจริงจังขึ้นในอนาคต อาจจะลองดู Garmin Forerunner 55 หรือรุ่นอื่นๆ ที่สูงขึ้นไปอีกขั้นนะจ๊ะ


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

นักวิ่งหน้าใหม่ หรือสายวิ่งเนิบๆ ที่กำลังมองหานาฬิกาวิ่งคู่ใจสักเรือน แต่เจอตัวเลือกเยอะจนตาลาย ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี? วันนี้เรามีนาฬิกาวิ่งตัวนึงมารีวิวให้ฟังกันแบบหมดเปลือก นั่นก็คือ Polar M200 รุ่นนี้ได้ยินว่าเป็นขวัญใจนักวิ่งมือใหม่ในตำ
รีวิว Polar M200 ภาษาไทย: นาฬิกาวิ่ง GPS วัดหัวใจ รุ่นเริ่มต้น สำหรับนักวิ่งมือใหม่ น่าใช้ไหม?
โอ้โหหห ตัวนี้แหละที่เห็นแล้วตาเป็นประกาย! สำหรับชาววิ่งสายงบน่ารัก ที่อยากได้นาฬิกาคู่ใจไว้จับระยะทาง วัดใจตัวเองเวลาออกไปวิ่ง แต่ก็ไม่อยากจ่ายแพงจนกระเป๋าฉีกใช่ไหมล่ะ? เจ้า Garmin Forerunner 45 นี่แหละคือคำตอบ! เห็นเค้าฮิตกันทั่วบ้านทั่วเ
รีวิว Garmin Forerunner 45 นาฬิกาวิ่ง GPS ฟังก์ชันครบ ราคาน่ารัก

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ้โห! วันนี้จะพาไปวาร์ปย้อนยุคกันที่ สวนคุณปู่ Life Museum แหม แค่ชื่อก็กินขาดแล้วป่ะ! หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้แว่วๆ โดยเฉพาะสายเที่ยว สายคาเฟ่ที่ชอบวิวปังๆ แต่สงสัยกันไหมว่าที่นี่มันมีอะไรดีนอกจากวิวสวยๆ? เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา หรือเป็
รีวิว สวนคุณปู่ สถานที่ท่องเที่ยว/ร้านอาหาร บรรยากาศย้อนยุค
โอ้โห! วันนี้จะมารีวิวซีรีส์ที่แค่ชื่อก็กินขาด แถมยังเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งในบ้านเราด้วยนะ กับเรื่อง "Clickbait" ที่เคลมว่าเป็นแนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบสุดๆ คำถามคาใจคือ...มันจริงเด๊ะ? แล้วมันจะทำให้เราอดหลับอดนอนดูยันเช้าเหมือนท
รีวิว Clickbait: ซีรีส์/ภาพยนตร์แนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบไหม?
หนีเมืองกรุงไปพักใจริมน้ำ! วันนี้เราจะพาไปส่อง "บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?" ที่พักที่ได้ยินชื่อแล้วต่อมอยากพักผ่อนริมน้ำก็พุ่งกระฉูด! หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ...พักบ้านเรือ มันจะโค
รีวิว บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?

บทความที่แนะนำ