Garmin Vivosmart HR รีวิว Pantip: สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ ฟังก์ชันครบครัน


สวัสดีค่าเพื่อนๆ ชาวแก๊งคนรักสุขภาพ (หรือกำลังจะรัก!) วันนี้เรามีแกดเจ็ตคู่ใจมารีวิวให้ฟังแบบหมดเปลือก นั่นก็คือ Garmin Vivosmart HR นั่นเอง! หลายคนคงเคยเห็นผ่านตาใน Pantip หรือตามรีวิวต่างๆ ใช่ไหมคะ สงสัยล่ะสิว่าเจ้านี่มันดียังไง ใส่แล้วชีวิตจะเปลี่ยนมั้ย? เหมาะกับเราหรือเปล่า? วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกซอกทุกมุมให้กระจ่าง พร้อมภาษาบ้านๆ สไตล์เม้าท์กับเพื่อน ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องใช้ศัพท์เทคนิคให้ปวดหัว ไปลุยกันเลย!
1. ภาพรวมสินค้า: รู้จักเจ้า Garmin Vivosmart HR กันก่อน
แบรนด์: Garmin (การ์มิน)
รุ่น: Vivosmart HR
ปีที่วางขาย: (เปิดตัวช่วงปลายปี 2015) จัดว่าเป็นรุ่นเก๋า แต่เก๋าแบบมีฟังก์ชันดีๆ ซ่อนอยู่
ช่วงราคาขาย: ตอนเปิดตัวก็มีราคาพอสมควร แต่ปัจจุบันถ้าหามือหนึ่งอาจจะยากหน่อย ส่วนใหญ่มือสองหรือลดราคาพิเศษก็มีให้เห็นบ้างในตลาดออนไลน์ ราคาน่ารักลงเยอะ!
ตำแหน่งในตลาด: เป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพระดับเริ่มต้นถึงกลาง เหมาะกับคนที่อยากได้ตัวช่วยดูแลตัวเองแบบจริงจังขึ้นมาหน่อย แต่ยังไม่อยากได้นาฬิกาอัจฉริยะเต็มรูปแบบ เน้นการติดตามกิจกรรมพื้นฐานและวัดชีพจรเป็นหลัก
จุดเด่นหลักๆ ที่ทำให้ต้องเหลียวมอง:
- วัดชีพจรที่ข้อมือได้ 24 ชั่วโมง: ไม่ต้องคาดอกให้รำคาญใจ
- กันน้ำ สบายใจเวลาโดนเหงื่อหรืออาบน้ำ: หรือจะใส่ว่ายน้ำเบาๆ ก็ยังไหว
- แจ้งเตือนจากมือถือเด้งที่ข้อมือ: ไม่พลาดทุกการสื่อสารสำคัญ
- หน้าจอสัมผัส มองเห็นชัดแม้อยู่กลางแดด: เช็คข้อมูลได้ทันที
- แบตเตอรี่อึดใช้ได้: ไม่ต้องชาร์จบ่อยให้เสียอารมณ์
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบง่าย ใส่ได้ทุกวัน
หน้าตาของ Garmin Vivosmart HR มาในแนวเรียบๆ คลีนๆ เป็นสายรัดซิลิโคน มีให้เลือกหลายสีอยู่เหมือนกันนะ (แล้วแต่ช่วงที่วางขายด้วย) ขนาดกำลังดี ไม่เทอะทะมาก
การออกแบบ: เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ มีปุ่มกด 1 ปุ่มด้านข้าง ที่เหลือควบคุมด้วยการสัมผัสหน้าจอ
วัสดุ: ส่วนใหญ่เป็นซิลิโคน ใส่สบาย ไม่ระคายเคืองผิว (แต่บางคนอาจจะมีผื่นถ้าใส่แน่นไปหรือไม่ทำความสะอาดนะ อันนี้แล้วแต่บุคคล)
ขนาดและน้ำหนัก: น้ำหนักเบามาก เหมือนไม่ได้ใส่ ใส่ติดข้อมือได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
สีที่มีให้เลือก: หลักๆ ก็มีดำ น้ำเงิน ม่วง (แต่ต้องเช็คกับร้านอีกที เพราะเป็นรุ่นเก่าแล้วสีอาจจะไม่ครบทุกสีเหมือนตอนเปิดตัว)
ความสะดวกในการพกพา: อยู่บนข้อมือตลอดเวลา ไม่ต้องพกให้วุ่นวาย
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: หลักๆ ก็มีตัวนาฬิกา, สายชาร์จแบบหนีบๆ (หน้าตาอาจจะแปลกๆ หน่อยสำหรับคนที่ไม่เคยใช้ Garmin รุ่นเก่า), คู่มือเริ่มต้นใช้งาน
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: วัดนู่นวัดนี่ ชีวิตดี๊ดี?!
มาถึงไฮไลท์! เจ้า Vivosmart HR มีดีอะไรบ้าง มาดูกันทีละอย่างเลย
วัดชีพจร (Heart Rate): อันนี้คือจุดเด่นเลย! มันวัดชีพจรเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งตอนพักผ่อน ตอนเดิน ตอนออกกำลังกาย ช่วยให้เราเห็นภาพรวมสุขภาพหัวใจได้ดี โดยเฉพาะชีพจรขณะพัก (Resting Heart Rate) ที่เป็นตัวชี้วัดความฟิตอย่างหนึ่ง เวลาออกกำลังกาย ก็ดูโซนหัวใจได้คร่าวๆ (แต่ถ้าเน้นความเป๊ะสำหรับการวิ่งจริงจังอาจจะต้องดูรุ่นที่สูงกว่านี้)
นับก้าว ระยะทาง แคลอรี่ ชั้นที่เดินขึ้น: ฟังก์ชันพื้นฐานที่สายรัดข้อมือสุขภาพต้องมี Vivosmart HR ทำได้ดีนะ มันนับก้าวเราตลอดวัน เดินไปไหนมาไหนรู้หมด เดินขึ้นบันไดก็รู้ (อันนี้เจ๋งดี!) แคลอรี่ที่เผาผลาญก็คำนวณให้คร่าวๆ ตามกิจกรรมและชีพจรของเรา มีเป้าหมายก้าวเดินปรับอัตโนมัติให้ท้าทายขึ้นด้วยนะ
ติดตามการนอนหลับ: ใส่นอนได้เลย มันจะบอกว่าเรานอนหลับลึก หลับตื้น ตื่นตอนไหนบ้าง ช่วยให้เราเห็นคุณภาพการนอนของตัวเองได้ (แต่ก็เป็นข้อมูลคร่าวๆ นะ ไม่ได้ละเอียดเหมือนเครื่องมือแพทย์)
Smart Notifications: อันนี้ชอบมาก! เวลาโทรศัพท์เข้า มีไลน์เข้า มีแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ มันจะเด้งมาที่ข้อมือเราเลย สั่นเตือนเบาๆ ไม่รบกวนคนอื่น สะดวกสุดๆ เวลาประชุม หรือตอนที่หยิบมือถือไม่สะดวก
Move IQ: มันฉลาดพอตัวนะ สามารถแยกแยะได้คร่าวๆ ว่ากิจกรรมที่เราทำอยู่คืออะไร เช่น เดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน โดยที่เราไม่ต้องกดเริ่มกิจกรรมเอง (แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลละเอียดๆ ควรกดเริ่มในโหมดออกกำลังกายนะ)
Move Bar: นั่งนานไปไม่ได้นะ! ถ้าเราอยู่นิ่งๆ นานเกินไป เจ้า Vivosmart HR จะสั่นเตือนและขึ้นแถบสีแดงๆ บอกให้ลุกไปขยับร่างกายบ้าง
ควบคุมเพลง: สามารถกดเล่น/หยุด เปลี่ยนเพลงที่กำลังเล่นบนมือถือได้จากที่ข้อมือเลย สะดวกดีเวลาออกกำลังกาย
ยกตัวอย่างสถานการณ์จริง: ใส่ไปเดินตลาดช่วงเช้า มันก็นับก้าว นับแคลอรี่ให้เรียบร้อย กลับมาดูสถิติในแอป Garmin Connect ได้เลย หรือตอนนั่งทำงานเพลินๆ จนลืมเวลา เจ้า Move Bar ก็เตือนให้ลุกไปยืดเส้นยืดสาย ทำให้เราไม่ติดเก้าอี้นานเกินไปค่ะ
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่ก็เอาอยู่!
ถามว่าง่ายมั้ย? บอกเลยว่า ใช้ง่ายมาก! ไม่ต้องเรียนรู้อะไรเยอะเลยจริงๆ
ระบบซอฟต์แวร์: หน้าจอเป็นระบบสัมผัส เลื่อนซ้ายขวาเพื่อดูข้อมูลต่างๆ ได้ง่าย มีปุ่มกดด้านข้างแค่ปุ่มเดียวไว้สำหรับเข้าเมนูหรือย้อนกลับ ตัวซอฟต์แวร์ในเครื่องอาจจะดูเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่เน้นใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
แอป Garmin Connect: หัวใจหลักอยู่ที่แอปบนมือถือตัวนี้แหละ ซิงค์ข้อมูลจากนาฬิกามาดูสถิติแบบละเอียดๆ ได้ ทั้งจำนวนก้าว คุณภาพการนอน กราฟชีพจร ตั้งค่าต่างๆ ของนาฬิกาได้ในแอปนี้เลย หน้าตาแอปเป็นมิตรกับผู้ใช้ แถมยัง รองรับภาษาไทย ด้วยนะ! ใช้กับแอปฟิตเนสอื่นๆ อย่าง Strava ก็ได้
เสียง: ไม่มีเสียงจ้า มีแค่ระบบสั่นเตือนเวลาแจ้งเตือนหรือ Move Bar ขึ้น
ร้อนเร็วมั้ย: ไม่ร้อนเลย ใส่ติดข้อมือได้สบายๆ ทั้งวัน
สบายเวลาสวมใส่: ตัวสายซิลิโคนนิ่มดีค่ะ ใส่สบาย น้ำหนักเบา แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเรือนมันนูนๆ ตรงเซ็นเซอร์วัดชีพจรด้านหลังนิดหน่อย ต้องลองปรับความแน่นของสายดูค่ะ
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: อึดใช้ได้เลย
ระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง: ตามสเปกบอกว่าอยู่ได้สูงสุด 5 วัน จากประสบการณ์ใช้งานจริง ถ้าเปิดฟังก์ชันวัดชีพจรตลอด เปิดแจ้งเตือน แบตก็อยู่ได้ราวๆ 4-5 วันนี่แหละ ถือว่าอึดใช้ได้เลยสำหรับสายรัดข้อมือที่วัดชีพจรได้ตลอดเวลา
ความเร็วในการชาร์จ: ชาร์จเต็มเร็วดีค่ะ ไม่ต้องรอนาน
ค่าใช้จ่ายระยะยาว: หลักๆ ก็มีแค่ค่าเปลี่ยนสายถ้าสายเก่าเสื่อม หรือสายชาร์จถ้าหาย/เสีย ตัวเครื่องค่อนข้างทนทาน ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกที่ต้องซ่อมแพงๆ
วิเคราะห์ความคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบัน (ถ้าหาซื้อได้ในราคาที่ลดลงมาจากตอนเปิดตัวเยอะๆ) ถือว่า คุ้มค่ามาก สำหรับคนที่อยากได้สายรัดข้อมือที่มีฟังก์ชันวัดชีพจร 24 ชั่วโมง แจ้งเตือนได้ และแบตอึด เพราะฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดูแลสุขภาพเบื้องต้นมีครบ
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีทั้งเรื่องฟินและเรื่องเฟลนิดๆ
ข้อดี (ที่คนไทยน่าจะชอบ):
- วัดชีพจรตลอดวันได้เลย: ดูแลสุขภาพหัวใจง่ายๆ
- กันน้ำ ใส่ลุยได้ไม่ต้องถอด: เหมาะกับอากาศร้อนๆ เหงื่อเยอะๆ หรือกิจกรรมทางน้ำเบาๆ
- แจ้งเตือนภาษาไทยมาครบ: ไม่พลาดไลน์ ไม่พลาดข้อความสำคัญ
- แบตอึด ไม่ต้องชาร์จบ่อย: ถูกใจสายลุย ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวัน
- ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน: คุณพ่อคุณแม่ หรือคนที่ไม่เก่งเทคโนโลยีก็ใช้ได้สบายๆ
ข้อเสีย (ที่อาจทำให้ลังเลใจ):
- หน้าจอขาวดำ ไม่ใช่จอสี: อาจจะไม่สวยงามเท่ารุ่นใหม่ๆ หรือสมาร์ทวอทช์จอสี
- ไม่มี GPS ในตัว (รุ่น HR ธรรมดา): ถ้าเน้นวิ่ง วัดระยะแบบเป๊ะๆ ต้องพกมือถือด้วย หรือไปหารุ่น Vivosmart HR+
- ดีไซน์เรียบๆ ไม่ได้แฟชั่นจ๋า: อาจจะไม่เหมาะกับคนที่เน้นดีไซน์สวยหรู
- เป็นรุ่นเก่าแล้ว: อาจจะไม่มีอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ เท่ารุ่นปัจจุบัน
- สายชาร์จเป็นแบบเฉพาะ: ถ้าหายคือต้องซื้อใหม่ อาจจะไม่สะดวกเท่า Type-C ที่ใช้ทั่วไป
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อดีมั้ยนะ?
เจ้า Garmin Vivosmart HR เหมาะกับใคร?
- คนที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลสุขภาพ อยากได้ตัวช่วยติดตามกิจกรรมพื้นฐาน
- คนที่อยากวัดชีพจรตัวเองตลอดทั้งวัน ทั้งตอนพักและตอนออกกำลังกาย
- คนที่อยากได้สายรัดข้อมือที่แจ้งเตือนจากมือถือได้ แต่ไม่อยากได้สมาร์ทวอทช์ฟังก์ชันเยอะเกินไป
- คนที่เน้นความอึดของแบตเตอรี่
- นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ หรือใครก็ได้ที่อยากขยับร่างกายมากขึ้น เพราะมีฟังก์ชันเตือนให้ลุกเดิน
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?
- ใส่ในชีวิตประจำวันทั่วไป ติดตามก้าวเดิน การเผาผลาญ
- ใส่ออกกำลังกายเบาๆ ถึงปานกลาง เช่น เดิน วิ่งบนลู่ คาร์ดิโอในยิม
- ใส่ติดตามคุณภาพการนอน
ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า?
ถ้าคุณเจอในราคาที่ดีมากๆ (เช่น มือสองสภาพดี หรือร้านเคลียร์สต็อก) แล้วฟังก์ชันพื้นฐานของมันตอบโจทย์ความต้องการของคุณที่เน้นการติดตามสุขภาพพื้นฐานและวัดชีพจร 24 ชม. + แจ้งเตือน ถือว่าน่าซื้อค่ะ แต่ถ้าคุณอยากได้ฟังก์ชันที่ทันสมัยกว่านี้ เช่น GPS ในตัว จอสี โหมดออกกำลังกายเฉพาะทางที่หลากหลายกว่า หรือฟีเจอร์สุขภาพขั้นสูงอย่างวัดออกซิเจนในเลือด (มีใน Vivosmart รุ่นใหม่ๆ) แนะนำให้ลองดูรุ่นอื่นที่ใหม่กว่านี้ หรือรอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแบรนด์ Garmin ก็ได้ค่ะ
8. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี โปรเพียบมั้ย?
เนื่องจากเป็นรุ่นเก่าแล้ว การรับประกันอาจจะต้องสอบถามกับร้านค้าที่ขายโดยตรงอีกที ส่วนใหญ่ถ้าร้านใหญ่ๆ หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการก็น่าจะยังดูแลเรื่องซ่อมบำรุงได้อยู่บ้างค่ะ
ช่องทางการซื้อ: ปัจจุบันถ้าหามือหนึ่งแบบง่ายๆ อาจจะต้องดูตามร้านออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Lazada, Shopee ค่ะ หรืออาจจะเจอตามร้านตัวแทนจำหน่าย Garmin ที่ยังมีสต็อกเหลืออยู่ ราคาในออนไลน์ช่วงโปรโมชั่นมักจะดีกว่าหน้าร้าน แถมบางทีมีโค้ดส่วนลดพิเศษ หรือโปรผ่อน 0% ด้วยนะ!
โปรโมชั่นล่าสุด: อันนี้ต้องคอยเข้าไปเช็คในแอป Lazada, Shopee ช่วงแคมเปญใหญ่ๆ เช่น 11.11, 12.12 หรือช่วงเทศกาลต่างๆ อาจจะมีโปรลดราคาเด็ดๆ โผล่มาค่ะ
ระยะเวลาการจัดส่งและค่าจัดส่ง: สั่งออนไลน์เดี๋ยวนี้ส่งไวมาก ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล บางทีวันเดียวถึงเลย ค่าส่งก็แล้วแต่ร้าน บางร้านมีโปรส่งฟรีด้วยนะ
9. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง! ซื้อไม่ซื้อ?
สรุปแล้ว Garmin Vivosmart HR เป็นสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพที่แม้จะเก่าแต่ก็ยังเก๋า! ฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นมีครบครัน โดยเฉพาะการวัดชีพจร 24 ชั่วโมง และการแจ้งเตือนจากมือถือ ที่สำคัญคือแบตอึดและใช้งานง่ายมากๆ
คำแนะนำขั้นสุดท้าย:
- ถ้าคุณกำลังมองหาสายรัดข้อมือเครื่องแรก เน้นติดตามกิจกรรมพื้นฐาน วัดชีพจรได้ แจ้งเตือนจากมือถือได้ และเจอรุ่นนี้ใน ราคาที่คุ้มค่ามากๆ (ย้ำว่าราคาดีๆ นะคะ) แนะนำให้ซื้อเลย! มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น
- แต่ถ้าคุณเน้นการออกกำลังกายจริงจัง ต้องการ GPS ในตัว โหมดกีฬาหลากหลาย หรือฟีเจอร์สุขภาพขั้นสูง ควรเพิ่มงบไปดูรุ่นอื่นที่ใหม่กว่านี้ เช่น Garmin Vivoactive HR+, Vivosmart รุ่นใหม่ๆ หรือตระกูล Forerunner ค่ะ
- ถ้าคุณไม่ได้รีบใช้ ลองรอดูช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ ในแพลตฟอร์มออนไลน์ อาจจะได้ราคาดีกว่าเดิมอีกเยอะเลย!
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ ใครใช้ Vivosmart HR อยู่ หรือเคยใช้ มาเล่าประสบการณ์ แชร์ทิปส์ หรือถามคำถามกันได้เลยนะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว เหล้า Beehive: วิสกี้รสชาติดี ราคาเป็นมิตร น่าลองไหม?
รีวิวล่าสุด Canon EOS M50: กล้อง Mirrorless ยอดฮิต ยังน่าใช้ไหมในปี 2024?
Mpow M5 รีวิว: หูฟังไร้สายราคาเบา คุณภาพเสียงเป็นยังไง?
รีวิว The Common Saladaeng: แหล่งแฮงค์เอาท์สุดชิค ใจกลางสาทร มีอะไรน่าสนใจบ้าง?
รีวิว Copycat Killer (ซีรีส์ Netflix): ดราม่าอาชญากรรมสุดเข้มข้น ห้ามพลาด!
Rebalance Clinic รีวิว: ทำสวยที่นี่ดีไหม? ครบวงจรเรื่องผิวและหัตถการ