รีวิว LG 65UK6540PTD: ทีวีจอใหญ่ 4K HDR รุ่นนี้ยังน่าสนใจไหม?

สวัสดีค่าทุกคน! วันนี้จะมาเม้าท์มอยเรื่องทีวี๊ ทีวีจอใหญ่ยักษ์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดาวเด่น แล้วตอนนี้... ยังน่าสอยอยู่ไหมนะ? พระเอกของเราวันนี้คือ LG 65UK6540PTD ไซส์ 65 นิ้ว จอใหญ่สะใจที่มาพร้อม 4K HDR เมื่อหลายปีก่อน ใครที่กำลังมองหาทีวีใหม่ หรือเจอเจ้ารุ่นนี้ในตลาดมือสอง/ลดราคา แล้วเกิดคำถามในใจว่า "เอ๊ะ! มันยังโอเคอยู่รึเปล่า?" บทความนี้มีคำตอบให้แบบหมดเปลือกตามสไตล์คนเคยลองใช้จริง ไม่ต้องกลัวศัพท์เทคนิคปวดหัว เราจะรีวิวแบบบ้านๆ เข้าถึงง่าย อ่านเพลินๆ เหมือนนั่งคุยกับเพื่อนเลยค่า!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: รู้จัก LG 65UK6540PTD กันหน่อย
มาทำความรู้จักเจ้าทีวีจอเบิ้มตัวนี้กันก่อนค่ะ
แบรนด์: LG
รุ่น: 65UK6540PTD
ปีที่วางขาย: 2018
ช่วงราคาตอนเปิดตัว: ประมาณ 4-5 หมื่นบาท (ปัจจุบันน่าจะหาได้ถูกกว่านี้เยอะมาก หรืออาจจะอยู่ในตลาดมือสอง/สินค้าค้างสต็อก)
การวางตำแหน่งสินค้า: จัดว่าเป็นทีวีกลุ่ม Mid-range ถึง Upper-Mid-range ในยุคนั้น เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ทีวีจอใหญ่ คุณภาพดีระดับ 4K พร้อมฟังก์ชันสมาร์ททีวีแบบครบๆ
จุดเด่นหลักๆ (ในยุคนั้น):
- จอใหญ่ 65 นิ้ว ความละเอียด 4K ULTRA HD ภาพคมชัดระดับ 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ HDR แบบ Active HDR (HDR10 และ HLG) ช่วยให้ภาพมีมิติ สีสันสดใสขึ้น
- ระบบปฏิบัติการ WebOS + ThinQ AI ใช้งานง่าย สั่งงานด้วยเสียงได้ (พร้อม Magic Remote)
- ดีไซน์ขอบจอ Metal Frame ดูหรูหรา พรีเมียม
- ระบบเสียง DTS Virtual:X สร้างมิติเสียงรอบทิศทาง (จำลอง)
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: ใหญ่เต็มตา ดูแข็งแรง
ทีวีไซส์ 65 นิ้วนี่คือใหญ่สะใจจริงๆ ค่ะ ถ้าวางในห้องนั่งเล่นคือเต็มผนังแน่นอน ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ Metal Frame ขอบจอเป็นโลหะสีเงิน Brushed Metal ดูหรูหรา แข็งแรง ไม่ดูก๊องแก๊งเลยค่ะ
ขนาดและน้ำหนัก: ตัวเครื่องอย่างเดียวหนักประมาณ 26 กก. ถ้าใส่ขาก็ 27.5 กก. ขนาดกว้างประมาณ 1.45 เมตรนิดๆ ถือว่าใหญ่และหนักพอสมควร ต้องหาชั้นวางที่มั่นคง หรือถ้าจะแขวนผนังก็ต้องใช้ขายึดที่แข็งแรงและหาช่างที่ไว้ใจได้มาติดตั้งให้ค่ะ
สี: ตัวเครื่องหลักๆ เป็นสีดำด้าน ขอบและขาตั้งเป็นสีเงิน Brushed Metal
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: หลักๆ เลยก็จะมี Magic Remote (รีโมทมหัศจรรย์ที่ใช้ชี้ๆ คลิกๆ ได้), ถ่านสำหรับรีโมท, คู่มือใช้งาน (อาจจะเป็น CD ด้วยในยุคนั้น), และสายไฟ
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: 4K HDR ในปี 2018 ยังไหวไหม?
หัวใจหลักของทีวีก็คือคุณภาพของภาพนี่แหละค่ะ รุ่นนี้ให้ความละเอียดมาเต็มที่ 4K ULTRA HD (3840 x 2160) ซึ่งคมชัดกว่า Full HD ถึง 4 เท่า ในยุค 2018 ถือว่าดีมาก ภาพดูมีรายละเอียดชัดเจนค่ะ
เรื่องสีสัน รุ่นนี้มีเทคโนโลยี Active HDR รองรับ HDR10 และ HLG ซึ่งเป็นมาตรฐาน HDR ทั่วไป ทำให้เวลาดูคอนเทนต์ที่เป็น HDR เช่น หนัง ซีรีส์ใน Netflix หรือ YouTube ภาพจะดูมีมิติ ความสว่างและความมืดจะดูชัดเจนขึ้น สีสันสดใสกว่าเดิมค่ะ ลองดูซีรีส์ย้อนยุคภาพสวยๆ หรือสารคดีสัตว์โลกช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา คือเพลินเลยค่ะ เห็นขนสัตว์ชัดยันรูขุมขน (เวอร์ไป 😂)
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นทีวี LED แบบ Edge Lit (หลอดไฟ LED อยู่ที่ขอบจอ) อาจจะมีปัญหาเรื่องความสม่ำเสมอของแสง หรือที่เรียกว่า Backlight Bleeding หรือ Clouding ได้บ้าง โดยเฉพาะฉากที่มืดมากๆ อันนี้ก็เป็นข้อจำกัดของเทคโนโลยีจอ LED ในยุคนั้นค่ะ บางคนอาจจะสังเกตเห็นเป็นเหมือนแถบสว่างๆ หรือรอยด่างๆ บนจอได้ แต่ถ้าดูในห้องที่มีแสงสว่างปกติ หรือดูคอนเทนต์ที่มีสีสันหลากหลาย ก็อาจจะไม่ทันสังเกตค่ะ
สำหรับเรื่องการเคลื่อนไหว หน้าจอมี Refresh Rate 100Hz หรือค่า TruMotion TM100 ซึ่งช่วยให้ภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เช่น ฉากแอคชั่น กีฬา ดูไหลลื่นขึ้น ลดอาการภาพเบลอหรือกระตุกได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เท่าทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่มี Refresh Rate สูงกว่านี้ หรือมีเทคโนโลยี Motion Handling ที่ล้ำกว่าค่ะ
ส่วนเรื่องเสียง รุ่นนี้ให้ลำโพงมา 2.0 Ch กำลังขับ 20W พร้อมเทคโนโลยี DTS Virtual:X ซึ่งช่วยสร้างมิติเสียงรอบทิศทางแบบจำลอง ทำให้เสียงดูมีเวที กว้างขึ้น ฟังสนุกขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ถ้าอยากได้เสียงกระหึ่ม ดูหนังสะใจ แนะนำให้หา Soundbar มาต่อเพิ่มค่ะ
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: WebOS ใช้ง่ายจริงไหม?
LG ขึ้นชื่อเรื่องระบบปฏิบัติการ WebOS ที่ใช้งานง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รุ่นนี้ก็ใช้ WebOS (คาดว่าจะเป็นเวอร์ชัน 4.0 ที่ออกมาในปี 2018) ซึ่งมีหน้าตาเป็นแถบเมนูด้านล่าง เข้าถึงแอปต่างๆ หรือการตั้งค่าได้สะดวก รวดเร็ว
จุดเด่นของ LG คือมี Magic Remote ที่ใช้ชี้แล้วคลิกเหมือนเมาส์คอมพิวเตอร์ได้ ทำให้การเลือกเมนู การพิมพ์ค้นหา สะดวกมากๆ ค่ะ แถมยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน ThinQ AI ด้วย ซึ่งในยุคนั้นถือว่าว้าวมาก! บางแหล่งข้อมูลบอกว่ารองรับภาษาไทยด้วย ทำให้การค้นหาคอนเทนต์ง่ายขึ้นไปอีก เช่น "เปิด YouTube" หรือ "หาหนังตลกใน Netflix" (แต่การรองรับภาษาและการทำงานอาจจะขึ้นอยู่กับการอัปเดตซอฟต์แวร์ด้วยนะคะ)
แอปพลิเคชันหลักๆ อย่าง Netflix, YouTube, Web Browser มีมาให้ในเครื่องแล้ว และสามารถดาวน์โหลดแอปอื่นๆ เพิ่มเติมได้ผ่าน LG Content Store แอปยอดนิยมในไทยอย่างพวก Line TV (ถ้ายังมี), Monomax, iQIYI, WeTV หรือแอปของช่องทีวีต่างๆ อาจจะต้องเช็คว่ายังรองรับอยู่ไหมนะคะ เพราะเป็นทีวีรุ่นเก่าแล้ว อาจจะมีบางแอปที่หยุดพัฒนาบน WebOS เวอร์ชันนี้ไปแล้วก็ได้
โดยรวมแล้ว WebOS เป็นระบบที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ใช้ ไม่ซับซ้อนเกินไป มือใหม่ก็ใช้งานได้ไม่ยากค่ะ การเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือสาย LAN ก็ทำได้ง่าย มี Bluetooth ด้วยสำหรับต่อลำโพงหรือหูฟังไร้สาย
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ยังน่าลงทุนไหม?
สำหรับทีวี เรื่องแบตเตอรี่คงไม่ใช่ประเด็นหลักค่ะ แต่เรื่องการใช้พลังงาน รุ่นนี้เป็นทีวี LED ขนาด 65 นิ้ว ซึ่งก็ใช้พลังงานพอสมควรค่ะ การกินไฟจะขึ้นอยู่กับการตั้งค่าความสว่างและโหมดภาพที่เราเลือกดูด้วย แหล่งข้อมูลหนึ่งระบุว่าใช้พลังงานประมาณ $87.29 ต่อปี (น่าจะเป็นหน่วยพลังงาน ไม่ใช่บาท) ตามการทดสอบมาตรฐาน ซึ่งตัวเลขนี้อาจจะสูงหรือต่ำกว่าในความเป็นจริง ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละบ้านค่ะ เทียบกับทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ดีกว่า อาจจะกินไฟมากกว่าเล็กน้อย
ความคุ้มค่าในระยะยาวนี่แหละคือประเด็นสำคัญของทีวีรุ่นนี้ ด้วยความที่เป็นรุ่นปี 2018 อายุอานามก็ปาเข้าไป 6 ปีแล้ว ประกันศูนย์ 1 ปีคงหมดไปนานแล้ว ถ้าซื้อตอนนี้ก็ต้องรับความเสี่ยงเรื่องการซ่อมบำรุงเองค่ะ อะไหล่บางชิ้นอาจจะเริ่มหายากขึ้น หรือค่าซ่อมอาจจะแพง
แต่ถ้ามองในแง่ของราคาที่คาดว่าจะหาได้ในปัจจุบัน (ตลาดมือสอง หรือ clearance) ซึ่งน่าจะถูกลงมาเยอะมากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้คือจอใหญ่ 65 นิ้ว ความละเอียด 4K มี HDR มี Smart TV ใช้ดู Netflix, YouTube ได้สบายๆ ถ้างบจำกัดมากๆ และยอมรับความเสี่ยงเรื่องอายุการใช้งานได้ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของ "จอใหญ่ราคาเป็นมิตร" ค่ะ
6. ข้อดี-ข้อเสีย (แบบตรงไปตรงมา ไม่ป้ายยา!)
มาสรุปข้อดีข้อเสียให้เห็นภาพชัดๆ ค่ะ
ข้อดี:
- จอใหญ่ 65 นิ้วสะใจ ในราคาที่เข้าถึงง่าย (ในตลาดมือสอง/ลดราคาตอนนี้) เหมาะกับห้องนั่งเล่นขนาดกลางถึงใหญ่ ดูหนัง ดูบอลเต็มตามากๆ
- ความละเอียด 4K คมชัด ดูคอนเทนต์ความละเอียดสูงแล้วภาพสวย รายละเอียดดี
- รองรับ HDR (HDR10, HLG) ช่วยให้ภาพมีมิติและสีสันดีขึ้น
- ระบบ Smart TV WebOS ใช้งานง่าย พร้อม Magic Remote ที่ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะ
- รองรับแอปสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Netflix, YouTube
ข้อเสีย:
- เป็นทีวีรุ่นเก่าปี 2018 เทคโนโลยีภาพ/เสียงไม่ใหม่ล่าสุด อาจจะมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ๆ
- เทคโนโลยีจอ LED Edge Lit อาจมีปัญหาเรื่องแสงรั่ว/ความสม่ำเสมอของแสงในฉากมืด
- อายุการใช้งานและความเสี่ยงเรื่องการซ่อมบำรุง อะไหล่อาจหายาก หรือค่าซ่อมแพงหากเสีย
- WebOS อาจจะไม่ได้รับการอัปเดตเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ทำให้บางแอปใหม่ๆ อาจจะไม่รองรับ หรือฟังก์ชัน ThinQ AI อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่เท่ารุ่นใหม่
- พอร์ตเชื่อมต่ออาจไม่ใช่มาตรฐานล่าสุดทั้งหมด เช่น HDMI เป็นเวอร์ชัน 2.0 (รุ่นใหม่ๆ อาจจะเป็น 2.1 สำหรับฟีเจอร์เกมมิ่ง) USB เป็น 2.0
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหม?
จากข้อดีข้อเสียที่ว่ามา ทีวี LG 65UK6540PTD รุ่นนี้จะ เหมาะมากๆ กับ:
- คนที่งบประมาณจำกัด แต่อยากได้ทีวีจอใหญ่ 65 นิ้ว คุณภาพ 4K
- คนที่เน้นใช้งานดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรีส์ผ่านแอปสตรีมมิ่งเป็นหลัก ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์เกมมิ่งขั้นสูง หรือเทคโนโลยีภาพล้ำสุดๆ
- คนที่กำลังหาทีวีสำหรับห้องนั่งเล่น ห้องดูหนังรอง หรือเอาไปติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่ซีเรียสมาก เช่น ร้านกาแฟเล็กๆ หรือออฟฟิศที่ไม่เน้นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
- คนที่พอมีความรู้เรื่องทีวี หรือยอมรับความเสี่ยงเรื่องอายุการใช้งานได้
คำแนะนำในการซื้อ:
ถ้าเจอในราคาที่ดีมากๆ (ย้ำว่า "ดีมากๆ" เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัว) ในสภาพที่ยังใช้งานได้ปกติ และคุณรับความเสี่ยงเรื่องอายุการใช้งานได้ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในแง่ของขนาดจอและคุณภาพพื้นฐาน ค่ะ โดยเฉพาะถ้าเน้นแค่ดู Netflix, YouTube เป็นหลัก
แต่ถ้าคุณซีเรียสเรื่องคุณภาพของภาพที่ดีที่สุด (โดยเฉพาะความดำสนิทหรือความสม่ำเสมอของแสง), ต้องการฟีเจอร์ Smart TV ที่อัปเดตตลอด, ต้องการพอร์ตเชื่อมต่อล่าสุดสำหรับเล่นเกม หรือต้องการความสบายใจเรื่องการรับประกันระยะยาว แนะนำให้มองข้ามรุ่นนี้ไปพิจารณาทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่งบอาจจะสูงขึ้นอีกหน่อยแทนค่ะ
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: เทียบกับอะไรดีในยุคนี้?
การจะเทียบ LG 65UK6540PTD กับทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาในปี 2023-2024 โดยตรงคงไม่แฟร์นักค่ะ เพราะเทคโนโลยีไปไกลกว่ากันเยอะมาก ทั้งเรื่องชิปประมวลผล, เทคโนโลยีจอภาพ (Mini LED, QNED, OLED), มาตรฐาน HDR ที่รองรับ (Dolby Vision, HDR10+), ระบบ Smart TV เวอร์ชันใหม่, พอร์ต HDMI 2.1 สำหรับเกมเมอร์
แต่ถ้าจะเทียบในแง่ของ "ทีวี 65 นิ้ว ราคาประหยัด" ในปัจจุบัน คุณอาจจะได้ทีวีแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวท็อป แต่เป็นรุ่นเริ่มต้นหรือรุ่นกลางๆ ที่มีเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า 65UK6540PTD เล็กน้อย เช่น ได้จอ LED ที่มีการควบคุมแสงที่ดีขึ้น, ระบบ Smart TV ที่อาจจะลื่นไหลกว่า หรือรองรับแอปใหม่ๆ มากกว่า
ดังนั้น ถ้าเจอ 65UK6540PTD ในราคาที่ใกล้เคียงกับทีวี 65 นิ้วรุ่นเริ่มต้นของแบรนด์อื่นในปัจจุบัน อาจจะต้องชั่งใจดูดีๆ ค่ะ ว่าอยากได้ความพรีเมียมของดีไซน์และฟีเจอร์บางอย่างของรุ่น Mid-range ในอดีต (แต่ต้องแบกรับเรื่องอายุ) หรืออยากได้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่าและประกันที่เต็มปีกว่าในงบเท่ากัน
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: หาซื้อได้ที่ไหน?
อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้ออกมาตั้งแต่ปี 2018 ประกันศูนย์ 1 ปีน่าจะหมดไปนานแล้ว ดังนั้นถ้าซื้อตอนนี้ก็คือไม่มีประกันศูนย์แล้วค่ะ การบริการหลังการขายก็อาจจะต้องพึ่งศูนย์ซ่อมทั่วไป หรือร้านที่รับซ่อมทีวีโดยเฉพาะ ซึ่งอาจจะต้องลุ้นเรื่องค่าใช้จ่ายและอะไหล่
ช่องทางการซื้อ: เนื่องจากไม่ใช่รุ่นปัจจุบันแล้ว ช่องทางหลักๆ ที่อาจจะเจอ LG 65UK6540PTD วางขายอยู่ อาจจะเป็น:
- ตลาดมือสองออนไลน์: ตามกลุ่มซื้อขายทีวีมือสองใน Facebook, เว็บไซต์ Kaidee หรือแอปอื่นๆ ต้องเช็คสภาพให้ดีก่อนซื้อ
- ร้านค้าออนไลน์บางแห่งที่ยังมีสินค้าค้างสต็อก: ลองค้นหาใน Lazada, Shopee, JD Central (ถ้ายังมีสินค้าอยู่) อาจจะเป็นเครื่องใหม่ที่ตกรุ่นและนำมาลดราคา clearance
- ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าบางร้านที่อาจจะยังมีของเก่าอยู่
ถ้าเจอแบบสินค้าใหม่ลดราคาในร้านค้าออนไลน์ อาจจะได้โปรโมชั่นพวกโค้ดส่วนลด, เงินคืน, หรือตัวเลือกผ่อนชำระ 0% อยู่บ้างค่ะ แต่ต้องเช็คให้แน่ใจว่าเป็นสินค้าใหม่จริงๆ และยังมีประกันร้านให้บ้างไหม (ถ้ามี) เรื่องค่าจัดส่งสำหรับทีวี 65 นิ้วก็จะค่อนข้างสูง ต้องดูโปรโมชั่นดีๆ หรือเลือกร้านที่จัดส่งฟรีค่ะ ระยะเวลาจัดส่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ขายและบริษัทขนส่ง
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง! ควรซื้อไหม?
มาถึงบทสรุปสุดท้ายแล้วค่ะ สำหรับ LG 65UK6540PTD จอ 65 นิ้ว 4K HDR รุ่นปี 2018 นี้ จากที่รีวิวมาทั้งหมด:
ถ้าคุณคือนักช้อปสายคุ้ม งบจำกัดมากๆ แต่อยากได้ทีวีจอใหญ่ยักษ์ 65 นิ้ว พร้อมความละเอียด 4K และดู Netflix, YouTube ได้แบบไม่ติดขัด และเจอเจ้ารุ่นนี้ในราคาที่ "ถูกแสนถูก" ในตลาดมือสอง หรือเป็นของใหม่ค้างสต็อกที่ลดราคาแบบเทสุดๆ แถมยังทำใจยอมรับความเสี่ยงเรื่องอายุการใช้งานและการไม่มีประกันศูนย์ได้... รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของ "ขนาดต่อราคา" ค่ะ ได้จอใหญ่ไปดูบอลยูโร ดูซีรีส์เทศกาลยาวๆ นี่ก็คุ้มแล้ว!
แต่ถ้าคุณคาดหวัง:
- คุณภาพของภาพที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความดำและความสม่ำเสมอของแสง
- Smart TV ที่ลื่นไหลอัปเดตตลอด รองรับแอปใหม่ๆ ครบครัน
- ฟีเจอร์การเล่นเกมขั้นสูง (เช่น รองรับ HDMI 2.1, VRR)
- ความสบายใจเรื่องการรับประกันหลังการขายระยะยาว
แนะนำว่าให้มองหารุ่นอื่นที่เป็นรุ่นใหม่กว่านี้ค่ะ เพราะเทคโนโลยีทีวีพัฒนาไปไกลมากในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา รุ่นใหม่ๆ ในราคาที่อาจจะสูงขึ้นอีกนิดหน่อย (เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวของรุ่นนี้) จะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าในหลายๆ ด้านค่ะ
สรุปง่ายๆ: LG 65UK6540PTD ยังน่าสนใจ ถ้าซื้อในราคาที่ถูกมาก และคุณเน้นจอใหญ่เป็นหลัก ไม่ซีเรียสเรื่องเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และพร้อมรับความเสี่ยงเรื่องการซ่อมบำรุงค่ะ
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว Nutri Master Astaxanthin Plus: อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวและสายตา ได้ผลจริงไหม?
รีวิว Charlotte Tilbury Magic Cream: ครีมบำรุงผิวตัวดัง ผิวอิ่มฟู ฉ่ำโกลว์จริงไหม?
รีวิว Park Origin ทองหล่อ: คอนโดหรูใจกลางเมือง ชีวิตดี๊ดีสมราคาไหม?
รีวิว Nike Quest 2: รองเท้าวิ่งราคาเข้าถึงง่าย ใส่สบาย เหมาะกับวิ่งเบาๆ หรือใส่เดินไหม?
รีวิว โครงการ Pleno (AP): ทาวน์โฮม/บ้าน ทำเลดี ราคาเข้าถึงง่าย น่าซื้อไหม?
รีวิว Brother MFC-J3930DW: ปริ้นเตอร์ Inkjet พิมพ์งานใหญ่ ฟังก์ชันครบ
