โปรเจคเตอร์ ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? เลือกรุ่นไหนดีสำหรับดูหนัง/พรีเซนต์งาน?


สวัสดีค่าาา เพื่อนๆ ที่กำลังมองหาไอเทมเด็ดเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงหนังหรือห้องประชุมสุดปัง! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่อง โปรเจคเตอร์ นี่แหละค่ะ! อุปกรณ์ที่ไม่ได้มีไว้แค่ฉายสไลด์พรีเซนต์งานน่าเบื่อๆ อีกต่อไป แต่เค้าพัฒนาไปไกลมากจนเอามาดูหนังจอใหญ่ยักษ์แบบสะใจได้เลยนะเออ! ใครที่กำลังเล็งๆ อยู่ มาดูกันว่าเจ้าเครื่องนี้มันมีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วจะเลือกยังไงให้โดนใจและโดนเงินในกระเป๋าน้อยที่สุด! ไปลุยกันเลยจ้า!
1. โปรเจคเตอร์คืออะไร? เหมาะกับใครบ้างนะ?
เอาล่ะ เริ่มกันที่คำถามเบสิกสุดๆ โปรเจคเตอร์ (Projector) มันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันก็คือเครื่องฉายภาพนี่แหละค่ะ แทนที่จะดูบนจอทีวีขนาดจำกัด เราก็ใช้เจ้าเครื่องนี้ฉายภาพปึ้ง! ออกไปบนผนังหรือจอรับภาพ (Projector Screen) ให้ได้ภาพที่ใหญ่บิ๊กเบิ้มเหมือนอยู่โรงหนังยังไงล่ะ!
สมัยก่อนคนจะนึกถึงโปรเจคเตอร์ก็คงเป็นอาจารย์ฉายสไลด์สอนหนังสือ หรือไม่ก็ใช้พรีเซนต์งานในห้องประชุมใช่ไหมลคะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้วนะจ๊ะ! โปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ๆ เค้าทำมาเพื่อ ดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นเกม โดยเฉพาะเลย ภาพคมชัด สีสันสดใส แถมบางรุ่นมีลำโพงในตัว ต่อ WiFi ได้ มีระบบปฏิบัติการ Android ในตัว โหลดแอปดูหนังได้เลย ไม่ต้องต่ออุปกรณ์เสริมให้วุ่นวาย
แล้วใครเหมาะกับโปรเจคเตอร์บ้างล่ะ?
- คอหนัง คอซีรีส์: อยากได้ประสบการณ์ดูหนังจอใหญ่สะใจเหมือนอยู่โรงหนังในบ้านตัวเอง
- สายเกมเมอร์: อยากเล่นเกมบนจอใหญ่ๆ ให้เห็นรายละเอียดชัดๆ เต็มตา
- คนชอบจัดปาร์ตี้/กิจกรรม: เอาไว้ฉายหนัง เพลง หรือภาพบรรยากาศในงาน
- นักเรียน นักศึกษา คุณครู อาจารย์: ยังไงก็ต้องใช้พรีเซนต์งาน ทำสื่อการสอนอยู่แล้ว
- คนทำงานออฟฟิศ/ฟรีแลนซ์: ไว้พรีเซนต์งานให้ลูกค้า หรือใช้ประชุมภายใน
- คนที่มีพื้นที่จำกัดแต่อยากได้จอใหญ่: ติดทีวีจอใหญ่ๆ อาจจะเปลืองพื้นที่ แต่โปรเจคเตอร์ฉายขึ้นผนังได้เลย
ส่วนแบรนด์โปรเจคเตอร์ที่ดังๆ ในตลาดโลกและมีขายในไทยก็มีหลายแบรนด์เลยค่ะ ทั้งแบรนด์เก่าแก่อย่าง Epson, BenQ, ViewSonic หรือแบรนด์ใหม่ๆ ที่เน้นโปรเจคเตอร์พกพาอย่าง Wanbo, XGIMI, GOOJODOQ อะไรพวกนี้ก็กำลังมาแรงเหมือนกันนะ
2. ราคาในตลาดไทยเริ่มต้นเท่าไหร่? รุ่นไหนเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ ราคา นั่นเองค่ะ! ต้องบอกว่าราคาโปรเจคเตอร์ในไทยมีหลากหลายมากๆ ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนเลย ขึ้นอยู่กับสเปก ความละเอียด ความสว่าง ฟังก์ชันต่างๆ และแบรนด์ด้วยค่ะ
ถ้าเอาแบบ ราคาเริ่มต้นเบาๆ สำหรับดูหนังเล่นๆ ในห้องนอน หรือพรีเซนต์งานที่ไม่ต้องการความคมชัดสูงมาก อาจจะเริ่มที่ประมาณ 3,000 - 10,000 บาท (฿) นะคะ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็น Mini Projector หรือโปรเจคเตอร์ขนาดเล็ก ความละเอียดอาจจะยังไม่ใช่ Full HD แท้ๆ ความสว่างไม่สูงมาก เหมาะกับใช้ในที่มืดสนิทเป็นหลัก
ขยับขึ้นมาหน่อยสำหรับ ดูหนังจริงจังขึ้น หรือพรีเซนต์งานในห้องปกติ ราคาจะอยู่ประมาณ 10,000 - 30,000 บาท (฿) กลุ่มนี้เราจะเริ่มเจอความละเอียด Full HD หรือ WXGA ที่คมชัดขึ้น ความสว่างสูงขึ้น ดูในห้องที่มีแสงรำไรได้บ้าง เริ่มมีฟังก์ชัน Smart TV ในตัว หรือเชื่อมต่อไร้สายได้สะดวกขึ้นค่ะ
ส่วนถ้าเป็น โปรเจคเตอร์สำหรับโฮมเธียเตอร์ หรือใช้งานระดับโปร ที่เน้นความคมชัดสูงระดับ 4K ความสว่างมากๆ อายุหลอดภาพยาวนาน ฟังก์ชันจัดเต็ม ราคาจะขยับไปที่ 30,000 บาทขึ้นไป จนถึงหลักแสนบาท เลยค่ะ
แหล่งช้อปปิ้งในไทยก็มีเพียบเลยค่ะ ทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นเคยอย่าง Lazada และ Shopee ที่มีร้านค้าให้เลือกเยอะมากๆ ทั้งร้าน official ของแบรนด์และร้านตัวแทนจำหน่าย ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีชั้นนำอย่าง Power Buy, JIB, Banana IT ก็มีโปรเจคเตอร์ให้เลือกหลากหลายรุ่นค่ะ ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall บางสาขาก็มีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีโปรเจคเตอร์บางรุ่นวางขายอยู่เหมือนกันนะ
เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเนี่ย ถ้าเป็นแบรนด์ต่างประเทศ ราคาที่ขายในไทยส่วนใหญ่ก็จะมีการบวกค่าภาษี ค่าขนส่ง และกำไรของร้านเข้าไปอยู่แล้ว ทำให้ราคาอาจจะสูงกว่าราคาที่เห็นในเว็บไซต์ต่างประเทศบ้างเป็นเรื่องปกตินะคะ
3. เทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกัน เป็นยังไงบ้าง?
ถ้าให้เทียบโปรเจคเตอร์กับ "ทีวี" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ดูหนังเหมือนกันเนี่ย โปรเจคเตอร์จะได้เปรียบเรื่อง ขนาดจอที่ใหญ่กว่ามากๆ ในงบที่เท่ากัน สมมติว่างบเรามีสัก 15,000 บาท อาจจะได้ทีวี 4K ขนาดประมาณ 50-60 นิ้ว (อันนี้ราคาประมาณนะ) แต่ถ้าซื้อโปรเจคเตอร์ในงบเท่ากัน เราอาจจะได้โปรเจคเตอร์ Full HD ที่ฉายภาพได้ 100 นิ้วสบายๆ เลยค่ะ! แต่ข้อจำกัดของโปรเจคเตอร์คือเรื่องความสว่าง ถ้าใช้ในห้องสว่างมากๆ ภาพอาจจะไม่คมชัดเท่าทีวี และคุณภาพของสีดำหรือ Contrast อาจจะยังสู้ทีวีดีๆ ไม่ได้
ทีนี้มาดูการเทียบราคากับโปรเจคเตอร์แบรนด์อื่นบ้าง อย่างที่บอกว่ามีหลายระดับราคา อย่างโปรเจคเตอร์สำหรับพรีเซนต์งานเบสิกๆ อาจจะราคาไม่ถึงสองหมื่นบาท แต่ถ้าเป็น Mini Projector ดีๆ ที่มีฟังก์ชันครบครัน รองรับ Full HD หรือ 4K มี Smart TV ในตัว ก็อาจจะเริ่มต้นที่หมื่นกลางๆ หรือสองหมื่นกว่าบาทได้เหมือนกัน ก็ต้องดูที่สเปกและความต้องการใช้งานของเราเป็นหลักค่ะ
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีบริการอะไรให้บ้าง?
เวลาซื้อโปรเจคเตอร์เนี่ย สิ่งที่เรามักจะได้มาในกล่องก็จะมี ตัวเครื่องโปรเจคเตอร์ แน่นอน แล้วก็จะมี สายไฟ, สาย HDMI (สำหรับต่อคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นต่างๆ), รีโมทควบคุม บางรุ่นอาจจะมีแบตเตอรี่สำหรับรีโมทมาให้ด้วยนะ
ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่นๆ หรือบริการที่รวมมาก็แตกต่างกันไปตามร้านและโปรโมชั่นค่ะ
- ค่าจัดส่ง: ส่วนใหญ่ถ้าซื้อออนไลน์จากแพลตฟอร์มใหญ่ๆ หรือร้านค้าทางการ มักจะมีบริการ จัดส่งฟรี นะคะ แต่อาจจะมีเงื่อนไขขั้นต่ำในการสั่งซื้อ ก็ต้องลองเช็คดูตอนสั่งซื้อค่ะ
- การรับประกัน: อันนี้คนไทยเราค่อนข้างให้ความสำคัญเนอะ! โปรเจคเตอร์ส่วนใหญ่มีการรับประกันให้ค่ะ ระยะเวลาก็แล้วแต่แบรนด์และรุ่น ส่วนมากจะอยู่ที่ 1-3 ปี รายละเอียดการรับประกัน เช่น ครอบคลุมอะไรบ้าง ส่งซ่อมที่ไหน หรือมีบริการ Onsite Service หรือเปล่า ก็ต้องสอบถามกับร้านค้าหรือเช็คจากใบรับประกันให้ดีนะจ๊ะ
- ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ดวง เอ๊ย! แล้วแต่ช่วงและร้านเลยค่ะ บางร้านอาจจะมีแถม จอรับภาพ (Projector Screen) มาให้เลย หรือแถม สาย HDMI ที่ยาวขึ้น, ขาตั้งโปรเจคเตอร์, กระเป๋าใส่โปรเจคเตอร์ หรืออาจจะเป็น คูปองส่วนลด สำหรับการซื้อครั้งต่อไป ก็ต้องคอยส่องโปรโมชั่นดีๆ ค่ะ
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม?
ถ้าอยากได้โปรเจคเตอร์ในราคาที่คุ้มค่าสุดๆ ต้องบอกเลยว่าช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทอง! ประเทศไทยเรามีเทศกาลลดราคาบ่อยมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะช่วง Double Digit Sale สุดฮิตอย่าง 11.11 หรือ 12.12 เนี่ย Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็ม ลดกระหน่ำแทบทุกหมวดหมู่สินค้ารวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอที ช่วงนี้แหละที่เราจะได้เห็นโปรเจคเตอร์หลายๆ รุ่นลดราคาลงมาเยอะเลยค่ะ
นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทยอย่าง ปีใหม่ หรือ สงกรานต์ บางร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าก็มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษออกมาดึงดูดลูกค้าเหมือนกันนะ
ร้านค้าระดับ แฟลกชิพสโตร์ (Flagship Store) บน Lazada หรือ Shopee ซึ่งเป็นร้านทางการของแบรนด์โดยตรง มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ไม่ได้จัดแค่ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ เท่านั้น บางทีก็มีโปรโมชั่นประจำเดือน หรือ Flash Sale ย่อยๆ ก็ต้องหมั่นเข้าไปเช็คบ่อยๆ
สรุปคือ ถ้าไม่ได้รีบใช้มากๆ รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ หรือคอยติดตามข่าวสารจากร้านค้าทางการ จะช่วยให้เราได้โปรเจคเตอร์ในราคาที่ถูกลงไปอีกเยอะเลยจ้า!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มรีวิวต่างๆ ของคนไทยเนี่ย เสียงตอบรับเกี่ยวกับโปรเจคเตอร์ค่อนข้างหลากหลายค่ะ ขึ้นอยู่กับรุ่นและราคาที่ซื้อมา แต่จุดที่คนไทยมักจะพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:
- ความคุ้มค่ากับราคา: หลายคนมองว่าโปรเจคเตอร์ทำให้ได้จอใหญ่มากๆ ในงบที่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่าทีวีจอใหญ่ๆ บางคนซื้อมินิโปรเจคเตอร์หลักพันมาดูก็แฮปปี้แล้วสำหรับใช้ในห้องนอน
- ใช้งานง่าย สะดวก: โปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ๆ ติดตั้งไม่ยาก มีระบบปรับภาพอัตโนมัติ หรือเชื่อมต่อมือถือแบบไร้สายได้เลย ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นเยอะ
- ภาพสวย คมชัด (ขึ้นอยู่กับรุ่นและความสว่าง): ถ้าเลือกรุ่นที่มีความละเอียดและความสว่างเหมาะสมกับห้องที่ใช้ หลายคนก็พอใจกับคุณภาพของภาพที่ได้ แต่บางคนก็บอกว่าถ้าห้องไม่มืดจริง หรือเป็นรุ่นราคาถูกมากๆ ภาพก็อาจจะยังไม่คมชัดเท่าที่หวัง
- พกพาสะดวก: มินิโปรเจคเตอร์หลายรุ่นขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาไปใช้งานนอกบ้าน หรือย้ายไปมาระหว่างห้องได้สบายๆ
- เรื่องความทนทานและหลอดภาพ: คนไทยค่อนข้างให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานของหลอดภาพ และความทนทานของตัวเครื่อง ซึ่งโปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ๆ มักจะใช้หลอด LED หรือ Laser ที่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดแบบเก่ามาก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเปลี่ยนหลอดบ่อยๆ
โดยรวมแล้ว คนไทยที่ซื้อโปรเจคเตอร์มาใช้ส่วนใหญ่จะเน้นที่ ความคุ้มค่าในการได้จอใหญ่, ความสะดวกในการใช้งาน และ คุณภาพของภาพที่เหมาะสมกับราคา ค่ะ
7. แล้วจะไปหาซื้อโปรเจคเตอร์ได้ที่ไหนบ้าง?
ช่องทางการซื้อโปรเจคเตอร์ในไทยตอนนี้มีให้เลือกเยอะแยะเลยจ้า ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์:
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ในไทย: เช่น Lazada และ Shopee เป็นแหล่งรวมโปรเจคเตอร์หลากหลายแบรนด์ รุ่น และราคา มีทั้งร้านค้าทางการและร้านตัวแทนจำหน่าย ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีโค้ดส่วนลดและโปรโมชั่นบ่อยๆ ระบบการชำระเงินปลอดภัย และมักจะมีบริการจัดส่งฟรี แต่ข้อเสียคือไม่ได้เห็นของจริงก่อนซื้อ ต้องอาศัยดูจากรูป รายละเอียด และรีวิวจากผู้ใช้คนอื่นค่ะ
- ร้านค้าไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ: อย่าง Power Buy, JIB, Banana IT ข้อดีคือเราสามารถไปดู ลองจับ ลองเช็คสเปก หรือบางร้านอาจจะมีตัวเดโมให้ลองดูภาพก่อนตัดสินใจซื้อได้เลย ได้สอบถามข้อมูลจากพนักงานโดยตรง และมั่นใจเรื่องการรับประกันและบริการหลังการขายได้มากกว่าค่ะ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์เล็กน้อย
- ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือเว็บไซต์ของแบรนด์โดยตรง: บางแบรนด์อาจจะมีร้านค้าของตัวเอง หรือมีเว็บไซต์สำหรับขายสินค้าโดยตรง การซื้อจากช่องทางเหล่านี้มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน และมักจะได้รับบริการหลังการขายที่ดีตรงตามมาตรฐานของแบรนด์ค่ะ
- ห้างสรรพสินค้าทั่วไป: เช่น Central, Big C, The Mall บางสาขาอาจจะมีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำโปรเจคเตอร์มาวางขายด้วย แต่รุ่นและตัวเลือกอาจจะไม่เยอะเท่าร้านเฉพาะทางค่ะ
เรื่องความสอดคล้องของราคานั้น ส่วนใหญ่ราคาออนไลน์มักจะถูกกว่าหน้าร้านเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ นะคะ แต่การซื้อหน้าร้านก็ได้ความสบายใจเรื่องการได้เห็นของจริงและสอบถามข้อมูลได้เต็มที่ค่ะ
8. สรุปแล้ว โปรเจคเตอร์น่าซื้อไหม? เลือกรุ่นไหนดี?
มาถึงช่วงสรุปกันแล้วจ้า! ถามว่าโปรเจคเตอร์น่าซื้อไหม? ถ้าคุณอยากได้ประสบการณ์ ดูหนัง เล่นเกม หรือพรีเซนต์งานบนจอขนาดใหญ่มากๆ ในงบที่อาจจะประหยัดกว่าการซื้อทีวีจอใหญ่สุดๆ โปรเจคเตอร์ถือเป็นตัวเลือกที่ น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ!
แล้วจะเลือกรุ่นไหนดีล่ะ? อันนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับ ความต้องการและงบประมาณ ของเพื่อนๆ เลยค่ะ
- ถ้าเน้น ดูหนังเล่นๆ ในห้องนอนที่มืดสนิท หรือพกพาไปมาบ่อยๆ ไม่เน้นความคมชัดสูงสุด งบประมาณจำกัด ก็เลือกรุ่น Mini Projector ราคาเริ่มต้นหลักพัน ได้เลยค่ะ
- ถ้าเน้น ดูหนังจริงจังขึ้น อยากได้ภาพ Full HD คมชัด หรือใช้พรีเซนต์งานในห้องที่มีแสงรำไรบ้าง มีงบประมาณมากขึ้นมาหน่อย ก็มองหารุ่นราคาประมาณ หนึ่งหมื่นปลายๆ ถึงสองหมื่นต้นๆ ได้เลยค่ะ
- ถ้าต้องการ โฮมเธียเตอร์ระดับโรงหนัง ภาพคมชัดระดับ 4K สว่างมากๆ หรือใช้พรีเซนต์งานในห้องประชุมขนาดใหญ่ และมีงบประมาณสูง ก็ไปดูรุ่นราคาสามหมื่นบาทขึ้นไปได้เลยค่ะ ฟังก์ชันจัดเต็มแน่นอน
สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมคือ ความสว่าง (Lumen) ยิ่งค่าเยอะยิ่งสู้แสงได้ดี, ความละเอียด (Resolution) เลือกระดับ Full HD หรือ 4K ถ้าเน้นดูหนัง, ประเภทหลอดภาพ (LED, Laser) แบบใหม่จะอายุการใช้งานยาวนานกว่า, และ ฟังก์ชันเสริมต่างๆ เช่น มี Smart TV ในตัว, เชื่อมต่อไร้สายได้ไหม
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ที่กำลังเล็งโปรเจคเตอร์อยู่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ ขอให้ได้โปรเจคเตอร์ที่ถูกใจ ตรงกับการใช้งาน และดูหนัง ดูซีรีส์ พรีเซนต์งานกันอย่างมีความสุขเลยจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา Jeep Wrangler Rubicon: รถ Off-Road ในตำนาน พร้อมลุยทุกเส้นทาง
รวมราคาลิปสติก Lilybyred ทุกรุ่น สีสวยติดทน
ราคา iPhone 8 Plus ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
รองเท้า Agatha Paris สวยหรู คู่โปรดของคุณ: เช็คราคาล่าสุดที่นี่!
ราคา iPhone XR ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคา iPhone 4 ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025