10 ดริปเปอร์ แบบไหนดี ปี 2025 ดริปง่าย กาแฟอร่อย


สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่น้องคอกาแฟทั้งหลาย! ☕️ ยุคนี้ใครไม่รู้จัก "กาแฟดริป" ถือว่าเอ้าท์สุดๆ แล้วนะจะบอกให้!
จากที่เมื่อก่อนเราอาจจะคุ้นเคยกับการเดินเข้าร้านคาเฟ่เก๋ๆ สั่งกาแฟแก้วโปรด เดี๋ยวนี้เทรนด์การชงกาแฟเองที่บ้าน หรือที่เรียกว่า Home Brewing กำลังมาแรงแซงทุกโค้ง ไม่ว่าจะ Work From Home หรืออยากหาอะไรทำเพลินๆ ในวันหยุดยาว การได้ลงมือดริปกาแฟเองกับมือมันให้ฟีลลิ่งที่เป็นสุขมากๆ เลยใช่ไหมล่ะครับ!
และหัวใจสำคัญของการดริปกาแฟให้อร่อย ก็หนีไม่พ้น "ดริปเปอร์" นี่แหละครับ! อุปกรณ์หน้าตาเรียบง่ายแต่มีดีกว่าที่คิด เพราะเจ้าตัวนี้แหละที่จะช่วยสกัดรสชาติและกลิ่นหอมๆ ของกาแฟออกมาให้เราได้ซู้ดปากฟินๆ ในทุกเช้า หรือทุกบ่ายที่ต้องการความสดชื่น
แต่ปัญหาโลกแตกคือ... ในตลาดตอนนี้มีดริปเปอร์ให้เลือกเยอะมากกกก ทั้งรูปทรง วัสดุ แบรนด์ ไหนจะของไทย ของนอก เต็มไปหมดจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี?! 🤯
ไม่ต้องกังวลใจไปครับ! ผมในฐานะนักดริปมือสมัครเล่นที่ผ่านการลองผิดลองถูกมาพอสมควร (เปลืองค่าเมล็ดกาแฟไปเยอะอยู่! 😂) วันนี้จะขออาสาพาเพื่อนๆ ไปเจาะลึกเรื่องดริปเปอร์ พร้อมแนะนำ 10 รุ่นเด็ดที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้ ที่รับรองว่าดริปง่าย กาแฟอร่อยโดนใจคอกาแฟไทยแน่นอน!
ตลาดดริปเปอร์ในไทย คึกคักแค่ไหนนะ?
ต้องบอกว่าตลาดอุปกรณ์กาแฟดริปในไทยนี่คึกคักสุดๆ เลยครับ! คนไทยหันมาสนใจการชงกาแฟเองที่บ้านมากขึ้น ไม่ใช่แค่สายฮิปสเตอร์เท่านั้น แต่รวมถึงคนทั่วไปที่อยากประหยัดเงิน หรืออยากควบคุมรสชาติกาแฟเอง
แบรนด์ดริปเปอร์ที่เห็นบ่อยๆ ในบ้านเราก็มีทั้งแบรนด์ดังจากต่างประเทศอย่าง Hario, Kalita, Chemex หรือ Melitta ซึ่งถือเป็นเจ้าตลาดมานาน นอกจากนี้ก็มีแบรนด์ทางเลือกอื่นๆ อย่าง Timemore หรือ Tiamo ที่เริ่มเข้ามาตีตลาดและได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ที่น่าสนใจคือเริ่มมีดริปเปอร์ฝีมือคนไทยดีไซน์เก๋ๆ ออกมาให้เห็นด้วยนะครับ
ช่องทางการซื้อขายก็หลากหลายสุดๆ จะเดินเข้าร้านอุปกรณ์กาแฟโดยเฉพาะ ร้านใหญ่ๆ อย่าง Boncafe หรือ Hillkoff ก็มีให้เลือกครบครัน หรือถ้าเป็นสายสะดวก ไม่ชอบออกจากบ้าน ก็ช้อปออนไลน์ได้สบายๆ บน Lazada กับ Shopee ที่มีดริปเปอร์แทบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อให้เลือกสรร แถมมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมกันตลอดปี!
พฤติกรรมผู้บริโภคไทยเวลาเลือกซื้อดริปเปอร์ก็มีหลายแบบครับ บางคนเน้นดีไซน์สวยๆ เอาไว้วางโชว์ หรือถ่ายรูปลงโซเชียล บางคนเน้นฟังก์ชัน ใช้ง่าย เหมาะกับมือใหม่ บางคนจริงจังกับรสชาติ ก็จะเลือกรุ่นที่ควบคุมตัวแปรการชงได้ละเอียดหน่อย และแน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังคงมองหาความคุ้มค่า "ของดี ราคาโดนใจ" เป็นหลักครับ
เลือกดริปเปอร์ยังไงให้ไม่เฟล?
ก่อนจะเสียเงินเปย์ดริปเปอร์ตัวใหม่ เรามาดูกันก่อนว่ามีปัจจัยอะไรที่เราควรพิจารณาบ้าง เพื่อให้ได้ดริปเปอร์ที่ตอบโจทย์สไตล์การดื่มของเราที่สุดครับ
ปัจจัย | สิ่งที่ควรพิจารณา |
---|---|
วัสดุ | เซรามิก/แก้ว: เก็บความร้อนดี ดีไซน์สวย แต่แตกง่าย |
พลาสติก: น้ำหนักเบา ทนทาน ราคาเป็นมิตร ควบคุมอุณหภูมิได้ดี (ตามคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญบางท่าน) | |
โลหะ (สแตนเลส/ทองแดง): ทนทาน เก็บความร้อนได้ดี (สแตนเลส) หรือนำความร้อนได้ดี (ทองแดง) ดีไซน์พรีเมียม | |
รูปทรงและดีไซน์ภายใน | ทรงกรวย (V-shape): ควบคุมการไหลของน้ำได้ละเอียด ดึงรสชาติซับซ้อนได้ดี เหมาะกับคนที่อยากควบคุมตัวแปรมากๆ |
ทรงคางหมู (Trapezoid): ใช้ง่าย เหมาะกับมือใหม่ ให้รสชาติคลาสสิก สมดุล | |
ทรง Flat Bottom: การไหลของน้ำสม่ำเสมอ ดึงความหวานและบอดี้กาแฟได้ดีขึ้น เหมาะกับทั้งมือใหม่และคนมีประสบการณ์ | |
ร่อง/สันดริปเปอร์: ช่วยเรื่องการไหลของน้ำและการระบายอากาศ มีผลต่อความเร็วในการดริป | |
ขนาด | มีหลายขนาดให้เลือก (เช่น 01, 02, 03 สำหรับ Hario หรือ 155, 185 สำหรับ Kalita) เลือdให้เหมาะกับปริมาณกาแฟที่เราชงต่อครั้ง (1-2 แก้ว, 2-4 แก้ว หรือมากกว่า) |
ความง่ายในการใช้งาน | บางรุ่นเหมาะกับมือใหม่ที่เทน้ำแบบไหนก็อร่อย บางรุ่นต้องอาศัยเทคนิคการเทน้ำที่แม่นยำหน่อย |
ความง่ายในการทำความสะอาด | บางรุ่นทำความสะอาดง่าย แค่ล้างน้ำเปล่า บางรุ่นอาจต้องใช้แปรงช่วยขัด |
ความสวยงาม/การพกพา | สำคัญกับสายคาเฟ่โฮมเมดหรือสายแคมปิ้ง ดริปเปอร์พับได้ หรือวัสดุน้ำหนักเบาจะตอบโจทย์กว่า |
ราคา | มีตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงหลักพันกลางๆ หรือสูงกว่านั้นสำหรับวัสดุพิเศษ |
ความพร้อมของกระดาษกรอง | ดริปเปอร์บางรุ่นใช้กระดาษกรองเฉพาะ เช็คด้วยว่ากระดาษกรองรุ่นนั้นหาซื้อง่ายในไทยไหม |
จัดไป! 10 ดริปเปอร์น่าสอย ปี 2025!
มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย! ผมคัดมาให้แล้ว 10 ดริปเปอร์ยอดนิยมในตลาดไทย ที่มีรีวิวดี และเหมาะกับคอกาแฟหลายสไตล์ครับ
1. Hario V60 (Plastic, Glass, Ceramic, Metal)
แบรนด์จากญี่ปุ่น ถือเป็นดริปเปอร์ทรงกรวยที่โด่งดังที่สุดในโลก! เป็นไอคอนของวงการกาแฟดริปเลยก็ว่าได้
- รุ่นเด่น: V60 ทุกวัสดุ (พลาสติก, แก้ว, เซรามิก, โลหะ) และขนาด (01, 02, 03)
- จุดเด่น: ดีไซน์ทรงกรวยและร่องวนด้านใน ช่วยให้ควบคุมการไหลของน้ำได้ละเอียด ดึงรสชาติและกลิ่นหอมๆ ของกาแฟออกมาได้เต็มที่ มีหลายวัสดุและขนาดให้เลือกตามความชอบและจำนวนแก้วที่ชง รุ่นพลาสติกน้ำหนักเบา ทนทาน และควบคุมอุณหภูมิได้ดีกว่าที่คิด
- ข้อเสีย: ต้องอาศัยเทคนิคการเทน้ำที่ค่อนข้างแม่นยำหน่อยถึงจะได้รสชาติที่ดีที่สุด กระดาษกรองเป็นทรงกรวยแหลม ใช้ร่วมกับแบรนด์อื่นที่รูปทรงต่างกันไม่ได้
- เหมาะกับ: คอกาแฟที่ชอบทดลองและควบคุมตัวแปรการชง คนที่ต้องการดริปเปอร์ที่ดึงเอกลักษณ์ของกาแฟ Specialty ออกมาได้ดี มีรุ่นพลาสติกที่เหมาะกับมือใหม่และราคาเป็นมิตรด้วย
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์กาแฟทั่วไป, ห้างสรรพสินค้าแผนกเครื่องครัว, Lazada, Shopee, ร้านออนไลน์ต่างๆ
- ช่วงราคา: หลักร้อยปลายๆ (พลาสติก) ถึงหลักพัน (แก้ว, เซรามิก, โลหะ)
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "ใช้ง่ายกว่าที่คิดเยอะ! ฝึกเทน้ำนิดหน่อยก็ได้กาแฟอร่อยแล้ว" "ชอบ V60 พลาสติกสุด เบา พกไปไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวแตก" "รุ่นเซรามิกสวยมาก วางโชว์ก็ดูดี"
2. Kalita Wave (Glass, Ceramic, Metal)
แบรนด์จากญี่ปุ่น คู่แข่งตลอดกาลของ Hario V60! โดดเด่นด้วยฐานแบนและรูระบายน้ำ 3 รู
- รุ่นเด่น: Wave Dripper (Glass, Ceramic, Stainless Steel) ทั้งขนาด 155 (1-2 แก้ว) และ 185 (2-4 แก้ว)
- จุดเด่น: ฐานแบนและรู 3 รู ช่วยให้การไหลของน้ำสม่ำเสมอ ทำให้ชงง่ายกว่า V60 ในระดับหนึ่ง เหมาะกับทั้งมือใหม่และคนที่ต้องการความสม่ำเสมอของรสชาติ ดึงความหวานและบอดี้ของกาแฟได้ดี มีดีไซน์คลาสสิก สวยงาม
- ข้อเสีย: ต้องใช้กระดาษกรอง Kalita Wave โดยเฉพาะเท่านั้น วัสดุบางรุ่นอาจมีราคาสูง
- เหมาะกับ: คนที่มองหาดริปเปอร์ที่ชงง่าย ได้รสชาติสม่ำเสมอ เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่อยากได้ผลลัพธ์ดีๆ โดยไม่ต้องฝึกเทน้ำเยอะ
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์กาแฟทั่วไป, ห้างสรรพสินค้า, Lazada, Shopee, ร้านออนไลน์ต่างๆ
- ช่วงราคา: หลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับวัสดุและขนาด
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "Kalita Wave ชงง่ายจริง ไม่ต้องเก่งก็ดริปอร่อยได้" "ชอบดีไซน์สแตนเลส สวย ทนทาน" "กาแฟที่ได้บอดี้ดี ชัดเจน"
3. Chemex (Glass)
แบรนด์จากอเมริกา ไม่ใช่แค่ดริปเปอร์ แต่เป็นงานศิลปะ! ดีไซน์สวยงามเหนือกาลเวลา ทำจากแก้วชิ้นเดียว พร้อมปลอกไม้คาดกลาง
- รุ่นเด่น: Classic Series ขนาดต่างๆ (3, 6, 8, 10 cups)
- จุดเด่น: ดีไซน์สวยงามมาก เป็นได้ทั้งอุปกรณ์ชงและของตกแต่งบ้าน ใช้กระดาษกรอง Chemex โดยเฉพาะที่มีความหนาเป็นพิเศษ ช่วยกรองน้ำมันและตะกอนออก ทำให้ได้กาแฟที่รสชาติคลีน ใส บอดี้ไม่หนัก
- ข้อเสีย: แตกง่าย (เป็นแก้วทั้งชิ้น) ต้องใช้กระดาษกรอง Chemex ราคาค่อนข้างสูงและหาซื้อยากกว่ากระดาษกรองทั่วไป ทำความสะอาดยากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่แยกส่วนได้
- เหมาะกับ: คนที่เน้นดีไซน์สวยงาม ชอบกาแฟที่รสชาติคลีน ใส ไม่หนักบอดี้ ผู้ที่ชงกาแฟปริมาณหลายแก้วต่อครั้ง
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์กาแฟ Specialty บางแห่ง, ร้านค้าออนไลน์นำเข้า
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณพันปลายๆ ถึงหลายพัน ขึ้นอยู่กับขนาดและรุ่น
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "สวยจนไม่กล้าใช้! 😂" "ชอบกาแฟจาก Chemex รสชาติสะอาดมาก" "เหมาะกับกาแฟคั่วอ่อน"
4. Melitta (Plastic, Ceramic, Glass)
แบรนด์จากเยอรมนี ต้นตำรับดริปเปอร์และกระดาษกรอง! รูปทรงคางหมูอันเป็นเอกลักษณ์
- รุ่นเด่น: 1x1, 1x2, 1x4 series ทั้งแบบพลาสติกและเซรามิก
- จุดเด่น: เป็นดริปเปอร์ทรงคางหมูที่ใช้งานง่ายมากๆ เหมาะกับมือใหม่สุดๆ รูระบายน้ำมีขนาดเล็ก ทำให้การไหลของน้ำช้าลง ช่วยให้กาแฟสกัดได้เต็มที่ แม้จะเทน้ำไม่สม่ำเสมอ กระดาษกรองทรงคางหมูหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง
- ข้อเสีย: ควบคุมตัวแปรการชงได้ไม่ละเอียดเท่าทรงกรวย อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการดึงคาแร็กเตอร์กาแฟ Specialty ซับซ้อนๆ
- เหมาะกับ: มือใหม่หัดดริป คนที่ต้องการความง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้กาแฟรสชาติมาตรฐานที่ดีในทุกแก้ว
- ช่องทางซื้อ: ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอุปกรณ์กาแฟ, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: หลักร้อย (พลาสติก) ถึงพันต้นๆ (เซรามิก)
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "ซื้อง่าย ใช้สะดวก เหมาะกับชงกินเองที่บ้านทุกวัน" "ตัวนี้แหละดริปเปอร์ตัวแรกที่ใช้ ชงง่าย ไม่ยุ่งยากเลย"
5. Timemore Crystal Eye Dripper (Plastic - PCTG, Glass)
แบรนด์จากจีน มาแรงในกลุ่มคนรักกาแฟดีไซน์สวยงาม ฟังก์ชันครบครัน
- รุ่นเด่น: Crystal Eye Dripper ขนาด 01 (1-2 cups) และ 02 (2-4 cups) มีทั้งวัสดุ PCTG (พลาสติกใส) และแก้ว รุ่น B75 (ทรง Basket) ก็เป็นที่นิยม
- จุดเด่น: ดีไซน์สวยงามเหมือนคริสตัล มีโครงสร้างภายในที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ (Three Layer Design) ช่วยควบคุมการไหลของน้ำให้สม่ำเสมอ ลดปัญหาการอั้นของน้ำ ทำให้สกัดกาแฟได้สมดุล รุ่น B75 ช่วยดึงความหวานและบอดี้ได้ดี วัสดุ PCTG ทนทาน น้ำหนักเบา เก็บความร้อนได้ดี
- ข้อเสีย: ต้องใช้กระดาษกรองเฉพาะของ Timemore เองเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด (แต่บางรุ่นก็ใช้ร่วมกับ V60/Kinto ได้)
- เหมาะกับ: คนที่มองหาดริปเปอร์ดีไซน์สวย ไม่เหมือนใคร อยากได้อุปกรณ์ที่ช่วยให้การสกัดกาแฟง่ายและสม่ำเสมอมากขึ้น ทั้งมือใหม่และคนมีประสบการณ์
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์กาแฟ Specialty, Lazada, Shopee, ร้านค้าออนไลน์ต่างๆ
- ช่วงราคา: หลักร้อยปลายๆ ถึงพันกลางๆ
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "สวยมากกกก ตั้งไว้เฉยๆ ก็ดูดี" "ใช้แล้วรู้สึกว่าควบคุมการไหลของน้ำได้ง่ายขึ้น กาแฟที่ได้รสชาติดี สม่ำเสมอ" "รุ่น B75 ดึงความหวานกาแฟได้ชัดเจนดี"
6. Tiamo Dripper (Ceramic, Glass, Metal)
แบรนด์จากไต้หวัน มีอุปกรณ์กาแฟหลากหลายประเภท ดริปเปอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
- รุ่นเด่น: Dripper เซรามิก/แก้ว/สแตนเลส ทรง V-shape และทรงอื่นๆ
- จุดเด่น: ราคาเข้าถึงง่าย มีวัสดุและรูปทรงให้เลือกหลากหลาย คุณภาพดีเหมาะสมกับราคา บางรุ่นดีไซน์คล้าย Hario V60 ทำให้ใช้กระดาษกรอง V60 ทั่วไปได้
- ข้อเสีย: ชื่อเสียงแบรนด์อาจจะไม่แข็งเท่า Hario หรือ Kalita
- เหมาะกับ: ผู้เริ่มต้นที่อยากลองชงกาแฟดริปในงบประมาณจำกัด หรือคนที่มองหาดริปเปอร์สำรอง วัสดุหลากหลาย
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์กาแฟ, Lazada, Shopee, ร้านออนไลน์ต่างๆ
- ช่วงราคา: หลักร้อยต้นๆ ถึงหลักร้อยปลายๆ
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "ราคาดีมาก คุณภาพเกินราคา" "เหมาะกับมือใหม่จริงๆ ลองผิดลองถูกได้สบายใจ" "มีหลายสีให้เลือก สวยดี"
7. Origami Dripper (Ceramic)
แบรนด์จากญี่ปุ่น ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เหมือนการพับกระดาษโอริกามิ
- รุ่นเด่น: Origami Dripper S (1-2 cups) และ M (2-4 cups)
- จุดเด่น: ดีไซน์สวยงามมากกกก เป็นเซรามิกเนื้อดี สีสันน่ารักสดใส ร่องที่เยอะและลึก ช่วยเรื่องการไหลของน้ำและอากาศได้ดี ทำให้ควบคุมการสกัดได้ง่ายขึ้น สามารถใช้ร่วมกับกระดาษกรองได้หลายแบบ ทั้งทรงกรวย (V60) และทรง Flat Bottom (Kalita Wave) เพียงแค่เปลี่ยนฐานรอง
- ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูงกว่าดริปเปอร์เซรามิกทั่วไป ต้องซื้อฐานรองแยก (ส่วนใหญ่จะขายเป็นเซ็ตพร้อมฐาน)
- เหมาะกับ: คนที่เน้นดีไซน์ ชอบอุปกรณ์กาแฟที่สวยงาม เป็นของสะสมได้ อยากได้ดริปเปอร์ที่ยืดหยุ่น ใช้กับกระดาษกรองได้หลายแบบ
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์กาแฟ Specialty, ร้านค้าออนไลน์นำเข้า
- ช่วงราคา: พันต้นๆ ถึงพันกลางๆ (เฉพาะดริปเปอร์)
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "น่ารักมาก เห็นแล้วใจละลาย" "ดริปง่ายกว่าที่คิด ร่องช่วยให้น้ำไหลดี" "ชอบที่ใช้กระดาษกรองได้หลายแบบ คุ้มดี"
8. Munieq Tetra Drip (Plastic, Metal)
แบรนด์จากญี่ปุ่น ดริปเปอร์พับได้ น้ำหนักเบา พกพาสะดวกสุดๆ
- รุ่นเด่น: Tetra Drip 01P (พลาสติก) และ 02S (สแตนเลส)
- จุดเด่น: พับเก็บได้เล็กมากๆ น้ำหนักเบา เหมาะกับการพกพาไปแคมปิ้ง เดินป่า หรือเดินทางสุดๆ ทนทาน ใช้งานง่าย
- ข้อเสีย: ต้องใช้กระดาษกรองทรงกรวย (V60) ขนาดเล็กหน่อย วัสดุอาจจะดูไม่พรีเมียมเท่ารุ่นอื่นๆ ที่เป็นเซรามิกหรือแก้ว
- เหมาะกับ: สายแคมปิ้ง สายท่องเที่ยว คนที่ต้องการดริปเปอร์ที่พกพาสะดวกที่สุด
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์ Outdoor, ร้านอุปกรณ์กาแฟบางแห่ง, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: หลักร้อยปลายๆ ถึงพันต้นๆ
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "ตัวเล็กมาก พกไปไหนสบายกระเป๋าเลย" "เหมาะกับคนชอบเที่ยวนอกบ้าน" "ใช้ง่าย ทนทานดี"
9. Clever Dripper (Plastic)
แบรนด์จากอเมริกา/ไต้หวัน ลูกผสมระหว่างการแช่ (Immersion) และการดริป (Pour-over)
- รุ่นเด่น: Clever Dripper Classic (ทรงคางหมู) ขนาดใหญ่
- จุดเด่น: ชงง่ายมากๆ แค่ใส่กาแฟ เติมน้ำร้อน ปิดฝา แช่ไว้สักพัก แล้ววางบนแก้ว น้ำกาแฟก็จะไหลลงมาอัตโนมัติ ควบคุมรสชาติได้ง่าย ได้กาแฟที่บอดี้ค่อนข้างดี มีวาล์วที่ก้นดริปเปอร์ ป้องกันน้ำหยดเลอะเทอะ
- ข้อเสีย: ดีไซน์อาจจะไม่สวยงามเท่าดริปเปอร์อื่นๆ ทำจากพลาสติกเป็นหลัก ต้องใช้กระดาษกรองทรงคางหมู
- เหมาะกับ: มือใหม่สุดๆ ที่อยากได้กาแฟอร่อยง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เทคนิคเยอะ คนที่ชอบกาแฟบอดี้แน่นๆ ไม่ติดเปรี้ยวมาก
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์กาแฟ, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: หลักร้อยปลายๆ
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "ง่ายจริง อะไรจริง! คนไม่เคยดริปก็ชงอร่อยได้" "ได้กาแฟรสชาติดี สม่ำเสมอทุกครั้ง" "สะดวกมาก ไม่ต้องยืนเฝ้าตอนดริป"
10. ดริปเปอร์เซรามิกฝีมือคนไทย (ODZ Dripper, etc.)
แบรนด์ไทย เริ่มมีดริปเปอร์ดีไซน์สวย คุณภาพดี ผลิตโดยคนไทยออกมา
- รุ่นเด่น: ODZ Dripper และแบรนด์เซรามิกอื่นๆ ที่ผลิตดริปเปอร์
- จุดเด่น: ดีไซน์สวยงาม เป็นงาน Hand Paint หรือ Hand Made ทำให้แต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ใช้วัสดุเซรามิกคุณภาพดี บางรุ่นออกแบบมาให้มี Flow Rate ที่น่าสนใจ
- ข้อเสีย: อาจจะยังหาซื้อยากกว่าแบรนด์แมสทั่วไป ราคาอาจจะสูงกว่า (เนื่องจากเป็นงานฝีมือ)
- เหมาะกับ: คนที่มองหาดริปเปอร์ดีไซน์พิเศษ ไม่เหมือนใคร อยากสนับสนุนสินค้าไทย หรือคนที่ชื่นชอบงานเซรามิก/งานฝีมือ
- ช่องทางซื้อ: ร้านกาแฟ Specialty บางแห่ง, ร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์โดยตรง, IG/FB ของผู้ผลิต
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณพันปลายๆ ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับดีไซน์และความซับซ้อน)
- รีวิวผู้ใช้งานไทย: "สวยมาก คุ้มค่ากับราคาที่เป็นงานทำมือ" "ดีไซน์เก๋ ไม่ซ้ำใคร" "ดริปออกมาได้กาแฟรสชาติดีด้วยนะ"
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนอยากดริปกาแฟ!
Q: มือใหม่จริงๆ ควรเริ่มจากดริปเปอร์แบบไหนดีคะ/ครับ?
A: ถ้าเน้นง่าย สะดวก ไม่ต้องคิดเยอะ แนะนำ Melitta หรือ Clever Dripper เลยครับ ชงง่าย ได้กาแฟอร่อยชัวร์ๆ ถ้าอยากลองแบบทรงกรวย แนะนำ Hario V60 พลาสติก หรือ Kalita Wave ครับ ฝึกนิดหน่อยก็เก่งแล้ว
Q: ดริปเปอร์วัสดุไหนให้รสชาติต่างกันไหม?
A: ผู้เชี่ยวชาญบางท่านบอกว่าวัสดุมีผลต่ออุณหภูมิระหว่างการสกัด ซึ่งอาจส่งผลต่อรสชาติเล็กน้อยครับ เช่น เซรามิก/โลหะที่อุ่นก่อนใช้ จะช่วยรักษาอุณหภูมิได้ดีกว่า แต่สำหรับมือใหม่หรือคนทั่วไป อาจจะยังไม่รู้สึกถึงความต่างมากนัก เลือกวัสดุที่ชอบเรื่องดีไซน์และความทนทานเป็นหลักก็ได้ครับ
Q: ซื้อดริปเปอร์ใน Lazada/Shopee ไว้ใจได้แค่ไหน มีของปลอมไหม?
A: แบรนด์ดังๆ อย่าง Hario หรือ Kalita มีโอกาสเจอของปลอมได้ครับ ทางที่ดีควรเลือกซื้อจากร้านค้า Official Store ของแบรนด์นั้นๆ โดยตรง หรือร้านค้าที่มีรีวิวดี มีหน้าร้านจริงจะปลอดภัยกว่าครับ
Q: กระดาษกรองหาซื้อยากไหม ราคาแพงหรือเปล่า?
A: กระดาษกรองทรงกรวย (V60) และทรงคางหมู (Melitta) หาซื้อง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านออนไลน์ทั่วไป ราคาไม่แพงครับ แต่ถ้าเป็นกระดาษกรองเฉพาะรุ่นอย่าง Kalita Wave หรือ Chemex อาจจะต้องซื้อตามร้านอุปกรณ์กาแฟโดยเฉพาะ หรือร้านออนไลน์ที่ขายสินค้านำเข้า ซึ่งอาจมีราคาสูงกว่าและหาบางยากกว่าหน่อยครับ
Q: ดริปเปอร์แบบพกพาเหมาะกับการใช้งานจริงไหม?
A: เหมาะมากๆ ครับสำหรับสายท่องเที่ยว แคมปิ้ง อย่าง Munieq Tetra Drip นี่พับเล็กจิ๋ว พกใส่กระเป๋าได้สบายๆ เลยครับ คุณภาพกาแฟที่ได้ก็ดีกว่ากาแฟซองสำเร็จรูปเยอะครับ
สรุปจ้า! เลือกดริปเปอร์ให้ฟิน ตามสไตล์เรา!
เห็นไหมครับว่าโลกของดริปเปอร์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด! มีตัวเลือกมากมายให้เราได้เลือกสรรตามความชอบ สไตล์ และงบประมาณในกระเป๋า
- ถ้า งบน้อย หรือเป็นมือใหม่สุดๆ ลองดู Melitta, Clever Dripper หรือ Tiamo รุ่นพลาสติก/เซรามิกเริ่มต้นครับ
- ถ้าอยากได้ ดริปเปอร์ยอดนิยม ฝึกง่าย ได้ผลลัพธ์ดี ต้อง Hario V60 (โดยเฉพาะรุ่นพลาสติก) หรือ Kalita Wave เลยครับ
- ถ้าเน้น ดีไซน์สวยงาม เป็นของตกแต่งได้ และชอบกาแฟรสชาติ คลีนๆ ใสๆ ไปที่ Chemex หรือ Origami Dripper ครับ
- ถ้าเป็น สายเดินทาง แคมปิ้ง เน้นพกพาสะดวก Munieq Tetra Drip คือคำตอบครับ
- ถ้าอยากได้ ดริปเปอร์ดีไซน์พิเศษ ไม่เหมือนใคร สนับสนุนสินค้าไทย ลองมองหา ดริปเปอร์เซรามิกฝีมือคนไทย ดูครับ
ไม่ว่าคุณจะเลือกดริปเปอร์แบบไหน สิ่งสำคัญคือการได้ทดลอง ได้สนุกกับการชงกาแฟด้วยตัวเอง และได้ดื่มกาแฟแก้วโปรดที่ถูกใจในทุกๆ วันครับ อย่าลืมใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดี และบดกาแฟให้เหมาะกับดริปเปอร์แต่ละแบบด้วยนะครับ จะช่วยให้กาแฟอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก!
มาเม้าท์มอยกันหน่อย! ดริปเปอร์ตัวโปรดของคุณคืออะไร?
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คอกาแฟครับ! ตอนนี้ใช้ดริปเปอร์รุ่นไหนกันอยู่บ้าง? ชอบไม่ชอบตรงไหน มาแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความรู้กันได้เลยนะครับ คอมเมนต์บอกกันหน่อยว่าดริปเปอร์ตัวไหนคือลูกรักของคุณ! 👇
หรือถ้าใครอ่านแล้วโดนใจ อยากได้พิกัดร้าน หรือลิงก์แหล่งซื้อดริปเปอร์รุ่นที่สนใจแบบด่วนๆ พิมพ์คำว่า "จัดลิงก์ด่วนจ้า!" มาได้เลย เดี๋ยวผมจะรวบรวมมาแปะให้เป็นพิเศษ! แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า ขอให้มีความสุขกับการดริปกาแฟนะครับ! 👋
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว เหล้า Beehive: วิสกี้รสชาติดี ราคาเป็นมิตร น่าลองไหม?
รีวิวล่าสุด Canon EOS M50: กล้อง Mirrorless ยอดฮิต ยังน่าใช้ไหมในปี 2024?
Mpow M5 รีวิว: หูฟังไร้สายราคาเบา คุณภาพเสียงเป็นยังไง?
รีวิว The Common Saladaeng: แหล่งแฮงค์เอาท์สุดชิค ใจกลางสาทร มีอะไรน่าสนใจบ้าง?
รีวิว Copycat Killer (ซีรีส์ Netflix): ดราม่าอาชญากรรมสุดเข้มข้น ห้ามพลาด!
Rebalance Clinic รีวิว: ทำสวยที่นี่ดีไหม? ครบวงจรเรื่องผิวและหัตถการ