รีวิว Olay Day Cream: ครีมบำรุงกลางวัน สูตรไหนดี? เหมาะกับผิวแบบไหน? [อัปเดตล่าสุด]

โอ้โหหห! เรื่องครีมบำรุงผิวหน้าเนี่ย สารภาพมาซะดีๆ ว่าใครกำลังงงเป็นไก่ตาแตกกับไลน์สินค้า Olay Day Cream บ้างคะ? คือเห็นเต็มเชลฟ์ ทั้งวัตสัน บุ๊ทส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือแม้แต่ในออนไลน์อย่าง Lazada Shopee นี่ละลานตาไปหมด! สูตรไหนดี? อันไหนเหมาะกับผิวเรา? ใช้แล้วจะแพ้มั้ย? คำถามสารพัดผุดขึ้นมาในหัวรัวๆ ไม่ต่างจากเห็นโค้ดส่วนลด 11.11 แล้วใจสั่นอยากกดให้หมด! 😂

ไม่ต้องกังวลค่ะซิส! วันนี้เราจะมาไขความกระจ่างเรื่อง Olay Day Cream กันแบบหมดเปลือก สไตล์ภาษาบ้านๆ เข้าใจง่าย อ่านแล้วเก็ทเลยว่าสูตรไหนคือเนื้อคู่ที่ตามหา! เตรียมจิบชาเย็น (หรือกาแฟก็ได้ไม่ว่ากัน) แล้วมาเม้าท์เรื่องผิวๆ ไปด้วยกันเลย!

1. ภาพรวมแบรนด์และผลิตภัณฑ์: รู้จัก Olay Day Cream ให้มากขึ้น!

ก่อนจะพุ่งตัวไปช้อป เรามาทำความรู้จัก Olay คร่าวๆ กันก่อนค่ะ Olay เป็นแบรนด์สกินแคร์ระดับโลกที่อยู่คู่คนไทยมานานมากกกก ตั้งแต่รุ่นคุณแม่ คุณยายก็ว่าได้ จุดเด่นคือเป็นสกินแคร์คุณภาพดี หาง่าย ราคาเข้าถึงง่าย และมีไลน์สินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ปัญหาผิวเกือบทุกรูปแบบ

สำหรับ Day Cream หรือครีมบำรุงกลางวันของ Olay เนี่ย เขาก็มีหลายสูตร หลายไลน์ให้เลือกเลยค่ะ ที่ฮิตๆ ในไทยก็จะมีหลักๆ อยู่ 3 ไลน์ใหญ่ๆ คือ

• Regenerist (สูตรสีแดง): ตัวท็อปเรื่องลดเลือนริ้วรอย ผิวกระชับ
• Total Effects (สูตรสีทอง/ขาว): ตัวดังในตำนาน จัดการ 7 ปัญหาผิวในหนึ่งเดียว
• Natural White / White Radiance (สูตรสีขาว/ชมพู): เน้นเรื่องผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ

ช่วงราคา: ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงหลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงพันกลางๆ ค่ะ แต่! ขีดเส้นใต้ตรงนี้เลยว่า Olay เขาจัดโปรโมชั่นบ่อยมากกกก! เพราะงั้นมักจะเจอราคาดีงามตามเทศกาลช้อปปิ้งต่างๆ ในไทยเสมอ

ตำแหน่งในตลาด: ถือเป็นสกินแคร์กลุ่ม Mass Market ที่เน้นประสิทธิภาพที่จับต้องได้ ไม่ได้ต้องจ่ายแพงเว่อร์วัง แต่ส่วนผสมหลายตัวนี่สู้แบรนด์เคาน์เตอร์ได้สบายเลยนะเอ้อ!

จุดเด่นหลักๆ (รวมๆ ของหลายสูตร):

• มีส่วนผสมตัวเด็ดอย่าง Niacinamide (วิตามิน B3) เกือบทุกสูตร ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ เสริมเกราะป้องกันผิว
• หลายสูตรมีสารกันแดดในตัว (SPF 15, SPF 24) ปกป้องผิวจาก UV ได้ในขั้นตอนเดียว
• ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นเป็นหลัก ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สุขภาพดี
• มีสูตรที่เน้นแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด ทั้งริ้วรอย จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ
• หาซื้อง่ายม้ากกกกก มีขายแทบทุกที่!

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบง่าย แต่ดูโปร!

แพ็กเกจจิ้งของ Olay Day Cream ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบกระปุกแก้ว หรือกระปุกพลาสติก มีฝาปิดมิดชิด สีของกระปุกมักจะบอกถึงไลน์สินค้า เช่น แดงคือ Regenerist, ขาว/ทองคือ Total Effects, ขาว/ชมพูคือ Natural White/White Radiance

การออกแบบ: โดยรวมดูเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาอลังการ แต่ก็ดูน่าเชื่อถือ เป็นสไตล์คลาสสิกของแบรนด์นี้เลย

วัสดุ: กระปุกบางรุ่นเป็นแก้ว ให้ความรู้สึกหนักแน่น ดูพรีเมียม (แต่ระวังตกแตกนะ!) บางรุ่นเป็นพลาสติกน้ำหนักเบา พกพาง่าย

ขนาด: ไซส์มาตรฐานที่ฮิตๆ คือ 50 กรัม บางสูตรมีไซส์เล็กแบบซองขายในร้านสะดวกซื้อด้วยนะ อันนั้นเหมาะมากกับการพกไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ หรือเอาไว้ทดลองใช้ก่อนซื้อกระปุกใหญ่

เหมาะกับวางไว้ที่ไหน: วางบนโต๊ะเครื่องแป้งก็สวยงามเข้าได้กับทุกสไตล์ หรือจะเก็บในตู้เย็นสำหรับบางคนที่ชอบครีมเย็นๆ ก็สดชื่นดี (แต่อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะ ไม่ได้จำเป็น)

อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ปกติก็มีแค่ตัวกระปุกครีมกับกล่องกระดาษนี่แหละจ้า ไม่มีไม้พายตักมาให้ ต้องใช้นิ้วหรือหาไม้พายเล็กๆ มาตักเองเพื่อความสะอาดนะจ๊ะสาวๆ

3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: แต่ละสูตรปังยังไง?

มาถึงหัวใจหลักของการรีวิว! เราจะมาดูกันว่า Olay Day Cream แต่ละไลน์เขาเน้นเรื่องอะไร แล้วเหมาะกับผิวแบบไหน โดยจะเน้นที่สูตร Day Cream ยอดฮิตนะ

✨ Olay Regenerist Micro-Sculpting Cream (กระปุกแดง):

• เน้นเรื่อง: ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย, ผิวกระชับเต่งตึง, ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
• ส่วนผสมเด่น: Niacinamide, Amino-Peptides Complex, Hyaluronic Acid
• เหมาะกับ: คนที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวไม่กระชับ ต้องการการบำรุงที่เข้มข้นขึ้น ดูแลปัญหาผิวแก่ก่อนวัย
• เนื้อสัมผัส: ส่วนใหญ่เนื้อจะเข้มข้นกว่าไลน์อื่น แต่ก็พยายามทำให้ซึมไว ไม่เหนอะหนะ (บางสูตร Regenerist Whip จะเนื้อเบาแบบมูส คุมมันได้ด้วย)
• ฟีลหลังใช้: รู้สึกผิวชุ่มชื้น อิ่มฟูขึ้นทันทีที่ทา ใช้ต่อเนื่องจะรู้สึกว่าผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
• มีสารกันแดด: บางสูตร Day Cream มี SPF เช่น SPF 30 ใน Regenerist Whip UV

✨ Olay Total Effects 7 in 1 Day Cream (กระปุกทอง/ขาว):

• เน้นเรื่อง: แก้ปัญหาผิว 7 ประการในหนึ่งเดียว! (ริ้วรอย, สีผิวไม่สม่ำเสมอ, จุดด่างดำ, ผิวหยาบ, ผิวแห้ง, ผิวหมองคล้ำ, รูขุมขนกว้าง)
• ส่วนผสมเด่น: VitaNiacin Complex (Niacinamide, Pro-Vitamin B5, Vitamin E), สารสกัดจากชาเขียว
• เหมาะกับ: คนที่ต้องการครีมที่ดูแลผิวแบบครบวงจร ไม่ได้มีปัญหาผิวเด่นชัดแค่เรื่องเดียว หรือสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มใช้สกินแคร์ดูแลริ้วรอยและปัญหาผิวหลายๆ อย่างพร้อมกัน เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง (มีสูตร Gentle สำหรับผิวแพ้ง่ายด้วย)
• เนื้อสัมผัส: เนื้อครีมจะอยู่กลางๆ ไม่ได้หนักเท่า Regenerist แต่ก็ให้ความชุ่มชื้นได้ดี บางสูตรมี SPF 15
• ฟีลหลังใช้: ผิวดูชุ่มชื้น สดใสขึ้น ใช้ต่อเนื่องจะรู้สึกว่าผิวดูเรียบเนียนขึ้น จุดด่างดำดูจางลงเล็กน้อย

✨ Olay Natural White / White Radiance Day Cream (กระปุกขาว/ชมพู):

• เน้นเรื่อง: ผิวขาวกระจ่างใส, ลดเลือนจุดด่างดำ, สีผิวสม่ำเสมอ
• ส่วนผสมเด่น: Niacinamide (Vitamin B3), Pro-Vitamin B5, Vitamin E, สารสกัดจากมัลเบอร์รี่ (White Radiance บางสูตรมีส่วนผสมที่เน้นความกระจ่างใสเป็นพิเศษ เช่น PearlOptics Science)
• เหมาะกับ: คนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ รอยสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ ต้องการให้ผิวดูเปล่งปลั่ง มีออร่า
• เนื้อสัมผัส: เนื้อจะค่อนข้างบางเบา ซึมซาบง่ายกว่าสองไลน์บน มักมี SPF 24 หรือ SPF 15
• ฟีลหลังใช้: รู้สึกสบายผิว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ใช้ต่อเนื่องจะรู้สึกว่าผิวดูใสขึ้น จุดด่างดำดูจางลง

ภาพประกอบ (ถ้ามี): ถ้ามีรูป Texture ครีมแต่ละสูตร หรือรูปก่อนใช้-หลังใช้ก็จะดีมาก แต่ถ้าไม่มีก็บรรยายให้เห็นภาพได้ค่ะ (เช่น เนื้อเบาเหมือนเจลลี่ / เนื้อเข้มข้นแต่เกลี่ยง่าย)

4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ทาแล้วเป็นไง?

เรื่องการใช้งาน Olay Day Cream นี่ถือว่า ใช้ง่ายม้ากกกกก! ไม่ต้องมีความรู้เรื่องสกินแคร์เยอะแยะ แค่เปิดฝา ตัก (หรือบีบจากซอง) แล้วก็ทาลงบนผิวหน้าและลำคอตอนเช้าหลังล้างหน้าและลงโทนเนอร์/เซรั่มได้เลย

• ใช้ง่ายมั้ย? ง่ายมาก! เหมือนทาครีมทั่วไป
• ต้องเรียนรู้อะไรเยอะมั้ย? ไม่เลยค่ะ แค่เลือกสูตรที่เหมาะกับผิวเราก็พอ
• เนื้อสัมผัส: ส่วนใหญ่ซึมไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะกวนใจ โดยเฉพาะสูตร Natural White หรือพวกเนื้อแบบ Whip สูตร Regenerist อาจจะเข้มข้นนิดนึงแต่ก็ยังเกลี่ยง่าย
• ทาแล้วเป็นไง: ส่วนใหญ่ให้ฟีลสบายผิว บางเบาสำหรับสูตรเน้นใส หรือชุ่มชื้นกำลังดีสำหรับสูตรลดริ้วรอย หลายสูตรมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สไตล์ Olay ซึ่งอันนี้แล้วแต่คนชอบนะ บางคนก็ว่าหอมดี บางคนอาจจะไม่ค่อยปลื้มกลิ่นเท่าไหร่
• ใช้กับเมคอัพได้มั้ย: จากประสบการณ์และรีวิวหลายๆ ที่ ครีม Olay Day Cream ส่วนใหญ่ลงก่อนแต่งหน้าได้โอเคเลยค่ะ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเป็นขุย หรือทำให้เมคอัพเยิ้มเพิ่ม (แต่สำหรับคนผิวมันมากๆ อาจจะต้องเลือกสูตรที่คุมมันโดยเฉพาะ หรือทาในปริมาณที่พอเหมาะ)

5. ความคุ้มค่าในระยะยาว: ใช้ได้นานแค่ไหน? จ่ายเท่าไหร่?

ครีม Olay Day Cream ขนาด 50 กรัม เนี่ย ถ้าใช้ทุกเช้าปริมาณพอเหมาะ (ประมาณเหรียญบาท) ก็ใช้ได้ประมาณ 1-2 เดือนเลยนะ ถือว่าค่อนข้างนาน เมื่อเทียบกับราคาที่ไม่แรงมาก (โดยเฉพาะช่วงโปรโมชั่น)

• ระยะเวลาใช้งาน: ประมาณ 1-2 เดือนต่อกระปุก 50 กรัม
• ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ถือว่าคุ้มค่าเลยค่ะ ถ้าซื้อช่วงโปร ราคาจะยิ่งดีงามไปอีก
• เทียบกับของที่ราคาใกล้เคียง: ในกลุ่มสกินแคร์ drugstore ด้วยกัน Olay ถือว่ามีส่วนผสมที่น่าสนใจและให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างชัดเจน เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป จัดว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ
• การบำรุงรักษา/การดูแล: ไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ แค่เก็บในอุณหภูมิห้องปกติ เลี่ยงแสงแดด ปิดฝาให้สนิทหลังใช้ก็พอค่ะ

สรุปง่ายๆ คือ จ่ายน้อย แต่ได้เยอะ! นี่แหละสไตล์ Olay Day Cream ที่ทำให้ครองใจสาวไทยมาตลอด

6. ข้อดี-ข้อเสีย: มาดูกันแบบตรงไปตรงมา!

ไม่มีอะไรเพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกเนอะ Olay Day Cream ก็เหมือนกัน มาดูข้อดีข้อเสียกันแบบแฟร์ๆ

ข้อดี:

• หาง่ายม้ากกกกก: มีขายทุกที่จริงๆ!
• ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋า: โดยเฉพาะช่วงโปร คุ้มสุดๆ!
• มีหลายสูตรให้เลือก: ตอบโจทย์ปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งริ้วรอย ความกระจ่างใส หรือแบบ All-in-One
• ส่วนผสมน่าสนใจ: มี Niacinamide เป็นตัวชูโรงในหลายสูตร และมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิวได้ดี
• หลายสูตรมีสารกันแดด: สะดวก จบในขั้นตอนเดียว

ข้อเสีย:

• กลิ่นอาจจะแรงไปสำหรับบางคน: กลิ่นหอมสไตล์ Olay เป็นเอกลักษณ์ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ
• แพ็กเกจแบบกระปุก: ต้องใช้นิ้วตัก อาจจะไม่ถูกสุขอนามัยเท่าที่ควร (ถ้าไม่ใช้ไม้พาย)
• บางสูตรเนื้ออาจจะหนักไปสำหรับผิวมันมากๆ: โดยเฉพาะสูตร Regenerist เข้มข้นจริงจัง
• ผลลัพธ์อาจจะต้องใช้เวลา: การลดเลือนริ้วรอยหรือจุดด่างดำต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ
• ส่วนผสมบางตัว (เช่น น้ำหอม) อาจก่อการระคายเคืองในผิวที่แพ้ง่ายมากๆ: ถึงจะมีสูตร Gentle แต่คนที่ผิวเซนซิทีฟสุดๆ อาจจะต้องทดสอบก่อน

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีมั้ย?

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังลังเลว่าจะซื้อสูตรไหนดี หรือเหมาะกับเรามั้ย มาดูคำแนะนำนี้เลยค่ะ

• เหมาะกับใคร:
  • นักศึกษา/วัยทำงานเริ่มต้น: ที่ต้องการสกินแคร์คุณภาพดี ราคาไม่แรง เริ่มต้นดูแลผิวแบบจริงจัง แนะนำ Total Effects หรือ Natural White/White Radiance
  • คนที่มีปัญหาริ้วรอย/ผิวไม่กระชับ: วัย 30+ หรือคนที่กังวลเรื่องสัญญาณแห่งวัย พุ่งไปที่ Regenerist เลยค่ะ
  • คนที่มีปัญหาจุดด่างดำ/ผิวหมองคล้ำ: เน้น Natural White หรือ White Radiance เพื่อผิวกระจ่างใส
  • คนที่อยากได้ All-in-One จบในกระปุกเดียว: Total Effects คือคำตอบ
  • คนที่ชอบซื้อของคุ้มๆ ช่วงโปร: เตรียมตัวรอสอย Olay ได้เลย!
• เหมาะกับการใช้งานแบบไหน: ใช้เป็นครีมบำรุงหลักตอนเช้าได้เลยค่ะ หลายสูตรมีกันแดดในตัวก็สะดวกดีสำหรับวันสบายๆ หรือวันที่ไม่ได้ออกแดดจัดมาก ถ้าออกแดดหนักๆ ก็ควรทากันแดดเพิ่มนะจ๊ะ
• ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า? ถ้าไม่ได้รีบมาก แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นจะคุ้มกว่ามาก! Olay ชอบจัดโปรลดราคาแรงๆ หรือมีของแถมดีๆ ช่วง Double Digit Days (เช่น 8.8, 9.9, 10.10, 11.11, 12.12) หรือช่วงเทศกาลใหญ่ๆ อย่างสงกรานต์ ปีใหม่ รอสอยช่วงนั้นรับรองว่าฟิน!

8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (อันนี้แถมให้!)

ถ้าจะเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เช่น Nivea, Garnier หรือ Pond's Olay ก็ถือว่ามีไลน์สินค้าที่หลากหลาย และมีสูตรที่เน้นส่วนผสมที่active ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะ Niacinamide ที่ใส่มาในความเข้มข้นที่คาดหวังผลได้ ถ้าเทียบกับไลน์อื่นๆ ของ Olay เอง Regenerist จะเน้นเรื่อง Anti-aging ชัดเจนสุด ส่วน Total Effects จะเป็น Multi-tasker ทำได้หลายอย่างในกระปุกเดียว Natural White/White Radiance ก็เน้นความกระจ่างใสเป็นหลัก

ถามว่าคุ้มค่าที่จะอัปเกรดจาก Natural White ไป Total Effects หรือจาก Total Effects ไป Regenerist ไหม? ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของเราค่ะ ถ้ากังวลเรื่องริ้วรอยชัดเจน Regenerist ก็ตอบโจทย์กว่า แต่ถ้ายังไม่ได้มีปัญหาเยอะ Total Effects หรือ Natural White ก็เพียงพอแล้ว

9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ช้อปที่ไหนดี ได้โปรอะไรบ้าง?

เรื่องบริการหลังการขายสำหรับสกินแคร์ทั่วไปอาจจะไม่ชัดเจนเท่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ Olay เป็นแบรนด์ใหญ่ มีมาตรฐานค่ะ ถ้าสินค้ามีปัญหาจากการผลิต สามารถติดต่อร้านค้าที่ซื้อหรือตัวแทนจำหน่ายได้เลย

ช่องทางการซื้อ:

• ร้านสะดวกซื้อ (7-11, FamilyMart ฯลฯ): มีแบบซองขาย เหมาะกับการลองหรือพกพา
• ซูเปอร์มาร์เก็ต/ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Tops, Big C, Lotus's): มีสินค้าครบไลน์ หาง่าย
• ร้านเพื่อสุขภาพและความงาม (Watsons, Boots): มีสินค้าครบ โปรโมชั่นเยอะมากกกก มักมีโปรซื้อ 1 แถม 1 หรือลดราคาพิเศษ
• ออนไลน์แพลตฟอร์ม (Lazada, Shopee): Official Store ของ Olay ในแพลตฟอร์มพวกนี้โปรแรงสุด! ทั้งลดราคา คูปองส่วนลด โค้ดส่งฟรี Cashback มีให้เก็บตลอดปี โดยเฉพาะช่วง Double Digit Days หรือแคมเปญใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์ม แนะนำให้กดติดตามร้านค้าไว้เลยค่ะ
• ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ (ถ้ามี): เข้าไปดูในเว็บไซต์ Olay ประเทศไทยได้ค่ะ บางทีก็มีโปรโมชั่นพิเศษเหมือนกัน

โปรโมชั่นล่าสุด: ต้องเช็คหน้าร้านหรือในออนไลน์ช่วงที่จะซื้อนะคะ เพราะโปรเปลี่ยนบ่อยมาก แต่ส่วนใหญ่ Olay จะลดราคาบ่อย และมักมีโปรเด็ดๆ ช่วงกลางเดือนและปลายเดือน หรือตามเทศกาลช้อปปิ้งค่ะ

ตัวเลือกผ่อนชำระ/คูปอง/เงินคืน: ช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee มักจะมีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ มีคูปองส่วนลดจากร้านค้าและจากแพลตฟอร์มให้เก็บ และบางทีก็ได้ Cashback คืนมาด้วย

ระยะเวลาจัดส่ง: ถ้าสั่งออนไลน์ในไทย ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลา 1-3 วันทำการค่ะ ค่าจัดส่งแล้วแต่ร้านและโปรโมชั่น ส่วนใหญ่ถ้าซื้อถึงยอดที่กำหนดก็ได้ส่งฟรีค่ะ

10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!

หลังจากรีวิวแบบจัดเต็ม (แถมเม้าท์มอยไปเรื่อย) ก็มาถึงบทสรุปค่ะ! Olay Day Cream ถือเป็นครีมบำรุงกลางวันที่น่าสนใจมากๆ ตัวเลือกหนึ่งในตลาดสกินแคร์บ้านเรา ด้วยความที่ หาซื้อง่าย คุณภาพดีในราคาเข้าถึงง่าย และมีสูตรที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวได้หลากหลาย

• เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น: มาก! ถ้าเพิ่งเริ่มใช้สกินแคร์ หรืออยากหาครีมดีๆ สักตัวที่ไม่ต้องคิดเยอะ Olay เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจค่ะ
• ควรซื้อไหม? ถ้าปัญหาผิวของคุณตรงกับความสามารถของสูตรใดสูตรหนึ่งของ Olay Day Cream และอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ ควรซื้อเลยค่ะ!

คำแนะนำเฉพาะ:

• สำหรับวัยรุ่น/วัย 20 ต้นๆ ที่เน้นผิวใส ชุ่มชื้น มีกันแดด: เริ่มต้นที่ Olay Natural White หรือ White Radiance ได้เลย
• สำหรับวัย 20 ปลายๆ - 30+ ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยเล็กๆ และปัญหาผิวอื่นๆ ร่วมด้วย: Olay Total Effects คือเพื่อนซี้ของคุณ
• สำหรับคนที่กังวลเรื่องริ้วรอยชัดเจน ผิวไม่กระชับ ต้องการการบำรุงขั้นสุด: จัด Olay Regenerist ไปเลย ไม่ผิดหวัง
• สำหรับคนผิวแพ้ง่าย: ลองมองหา Olay Total Effects สูตร Gentle หรือทดสอบกับท้องแขนก่อนใช้จริงบนหน้า
• ไม่ว่าจะเลือกสูตรไหน: อย่าลืม! ทาครีมกันแดดเพิ่มถ้าต้องออกแดดจัดๆ นะคะ และที่สำคัญสุดๆ คือ ซื้อช่วงโปรโมชั่นจะได้ราคาดีที่สุด!

หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้สาวๆ หนุ่มๆ เลือก Olay Day Cream ที่ใช่สำหรับผิวตัวเองได้ง่ายขึ้นนะคะ มีคำถามอะไรอีก หรือใช้สูตรไหนแล้วดี ไม่ดี ยังไง มาเม้าท์กันต่อได้เลยน้าาา!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• คู่หูช่วยต้านผิวแก่! เดย์ครีมและไนท์ครีม จาก Olay Olay Total Effect 7...
• ลองใช้ครีมซองโอเลย์ 7 วัน ผลที่ได้คือ..... | #JellStory
• รีวิวครีม Olay Regenerist คืนผิวเด็ก
• รีวิว Olay กระปุกแดง ช่วยเรื่องริ้วรอยได้จริง
• เดย์ครีมลดริ้วรอย สูตรจาก OLAY