10 โทนเนอร์ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 กระชับรูขุมขน ผิวใส


สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สายสกินแคร์ทุกคน! 👋 เคยไหมที่ยืนงงในดงโทนเนอร์? ขวดนั้นก็ว่าดี ขวดนี้ก็ว่าเด็ด โฆษณาก็ปัง รีวิวก็แน่น จนไม่รู้จะคว้าตัวไหนมาบูสต์ผิวให้ปังรับปี 2025 ดี โดยเฉพาะเรื่องปราบรูขุมขนกว้างๆ กับเสกผิวให้ดูกระจ่างใสเนี่ย ตัวไหนจะตอบโจทย์อากาศเมืองไทยและผิวคนไทยของเราได้จริง?
ในยุคที่มลภาวะเอย ฝุ่นเอย ความเครียดเอย รุมทำร้ายผิวแบบไม่พัก แถมเทรนด์ผิวใสไร้ที่ติก็ยังคงมาแรง ทำให้ โทนเนอร์ กลายเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ในรูทีนของใครหลายคน ไม่ใช่แค่น้ำใสๆ เช็ดทำความสะอาดผิวหลังล้างหน้าอีกต่อไปแล้วนะ แต่เค้ามีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยกู้ผิวได้หลายด้านเลย ทั้งปรับสมดุล ขจัดสิ่งสกปรกที่โฟมล้างหน้าอาจจะเก็บไม่หมด แถมยังมีส่วนผสมบำรุงที่ช่วยเรื่องสิว รูขุมขน จุดด่างดำ และความหมองคล้ำได้อีกด้วยครับ
แต่พอมีตัวเลือกเยอะจนลายตาแบบนี้ การจะเลือกโทนเนอร์ที่ใช่จริงๆ ที่ใช้แล้วเห็นผล ปลอดภัยกับผิว และคุ้มค่ากับเงินในกระเป๋า ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลยใช่ไหมล่ะ?
ไม่ต้องกังวลไปครับ! วันนี้ผมจะมาเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ผิว พาทุกคนไปเจาะลึกโลกของโทนเนอร์ในตลาดไทย พร้อมคัดมาให้เน้นๆ 10 ตัวเด็ดที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้ บอกเลยว่าอ่านจบแล้ว จะได้ไอเดียไปเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะกับผิวตัวเอง ช้อปได้อย่างมั่นใจ ไม่เฟลแน่นอน! 😉
ตลาดโทนเนอร์ในไทยคึกคักแค่ไหน? แล้วคนไทยชอบแบบไหนกันนะ?
ตลาดสกินแคร์ในไทยนี่เรียกว่าใหญ่และเติบโตต่อเนื่องจริงๆ ครับ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไง คนไทยก็ยังให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะผิวหน้า เพราะเชื่อว่าภาพลักษณ์ที่ดีจะส่งเสริมให้ทุกอย่างดีตามไปด้วย ธุรกิจสกินแคร์มีมูลค่าสูงถึงกว่า 1.2 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกเรื่อยๆ ในช่วงปี 2024-2025 นี้
สำหรับโทนเนอร์เองก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ได้รับความนิยมมากๆ ครับ ส่วนแบ่งตลาดสกินแคร์ส่วนใหญ่กว่า 84% เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าเลยทีเดียว แบรนด์ที่มีบทบาทในตลาดก็มีทั้งแบรนด์ไทยที่พัฒนาสูตรมาเพื่อผิวคนไทยโดยเฉพาะ และแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเกาหลี ญี่ปุ่น และฝั่งยุโรป/อเมริกาที่ได้รับความนิยมสูงครับ
พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยยุคใหม่ก็ฉลาดเลือกมากขึ้นครับ ไม่ได้ตัดสินใจซื้อแค่เพราะราคา โปรโมชั่น หรือพรีเซ็นเตอร์ดาราอีกต่อไปแล้ว แต่จะเน้นการ "ทำ Extended Research" หรือค้นหาข้อมูลเชิงลึกก่อนตัดสินใจซื้อถึง 57% เลยทีเดียว! ไม่ว่าจะเป็นการอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงในแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง Pantip, Facebook, Twitter, Instagram หรือดูรีวิวจากบล็อกเกอร์และยูทูปเบอร์ เปรียบเทียบส่วนผสมและคุณสมบัติ หรือเช็คราคาตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น Lazada และ Shopee ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตในการซื้อเครื่องสำอางออนไลน์ของคนไทย
ส่วนผสมที่คนไทยมองหาในโทนเนอร์ที่ช่วยเรื่องรูขุมขนและผิวใสก็มักจะเน้นไปที่กลุ่มสารผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA, BHA (Salicylic Acid), PHA ที่ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนและผลัดเซลล์ผิวเก่าที่อุดตันออกไป รวมถึงสารที่ช่วยปลอบประโลม ลดการอักเสบ และลดความมัน เช่น Tea Tree Oil, Witch Hazel, Centella Asiatica (ใบบัวบก) และ Niacinamide (Vitamin B3) ครับ
นอกจากนี้ คนไทยยังนิยมมองหาโทนเนอร์ที่ อ่อนโยน ปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน และสีสังเคราะห์ โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย
เลือกโทนเนอร์ยังไงให้ได้ผลดีที่สุด?
ก่อนจะพุ่งตัวไปช้อป มาดูกันก่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เราต้องพิจารณาในการเลือกโทนเนอร์คู่ใจของเราครับ
1. คุณสมบัติและส่วนผสม (The Real Deal!)
- ปัญหารูขุมขนกว้าง/สิว: มองหาส่วนผสมกลุ่ม AHA, BHA (Salicylic Acid), PHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขน หรือสารสกัดที่ช่วยลดความมันและต้านแบคทีเรีย เช่น Tea Tree Oil, Witch Hazel, สารสกัดเปลือกมังคุด
- ผิวหมองคล้ำ/จุดด่างดำ: เลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมช่วยเรื่องความกระจ่างใส เช่น Vitamin C, AHA, สารสกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว
- ผิวแห้งขาดน้ำ/แพ้ง่าย: เน้นโทนเนอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว มีส่วนผสมอย่าง Hyaluronic Acid, Glycerin, Centella Asiatica, Aloe Vera, Allantoin หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอมแรงๆ
2. สภาพผิวของเรา (Know Your Skin!)
- ผิวมัน/ผิวผสม: อาจจะเหมาะกับโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน เนื้อบางเบา ซึมง่าย
- ผิวแห้ง/ผิวขาดน้ำ: เลือกโทนเนอร์ที่เน้นเติมความชุ่มชื้น เนื้ออาจจะมีความข้นเล็กน้อย หรือเป็นเนื้อแบบเอสเซ้นส์
- ผิวแพ้ง่าย: สำคัญที่สุดคือต้องเลือกสูตรที่อ่อนโยน ปราศจากสารที่ก่อการแพ้ ผ่านการทดสอบการแพ้มาแล้ว
3. เนื้อสัมผัส (Texture Talk!)
- โทนเนอร์ส่วนใหญ่เป็นน้ำใสๆ ใช้เช็ดหรือตบเบาๆ
- บางชนิดอาจมีเนื้อกึ่งเจล หรือมีส่วนผสมบำรุงเข้มข้นคล้ายเอสเซ้นส์ เหมาะกับการตบเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
- แบบแผ่นโทนเนอร์แพดก็สะดวกมากๆ ใช้เช็ดและสามารถมาสก์เฉพาะจุดได้ด้วย
4. ชื่อเสียงและรีวิว (What People Say!)
- เช็คดูว่าแบรนด์น่าเชื่อถือไหม มีรีวิวจากผู้ใช้จริงในไทยเยอะแค่ไหน รีวิวใน Pantip, รีวิวในแอปช้อปปิ้ง (Lazada/Shopee), รีวิวจากบิวตี้บล็อกเกอร์ ช่วยในการตัดสินใจได้เยอะเลยครับ
5. ราคาและความคุ้มค่า (Bang for Your Buck!)
- โทนเนอร์มีหลายระดับราคา ตั้งแต่หลักร้อยต้นๆ ไปจนถึงหลักพันปลายๆ เลือกที่เหมาะกับงบประมาณของเรา แต่ก็อย่าลืมดูปริมาณและส่วนผสมเทียบกับราคาด้วยนะครับ
6. ช่องทางหาซื้อ (Where to Buy!)
- แบรนด์นั้นหาซื้อได้ง่ายในไทยไหม? มีเคาน์เตอร์ในห้างไหม? มีในร้าน Drugstore อย่าง Watsons, Boots, Eveandboy, Beautyrium ไหม? หรือหาซื้อออนไลน์ใน Lazada, Shopee ได้สะดวกหรือเปล่า? การหาซื้อง่ายก็เป็นปัจจัยสำคัญนะครับ
ปักหมุดช้อป! 10 โทนเนอร์ตัวเด็ด กระชับรูขุมขน ผิวใส ปี 2025
เอาล่ะ ได้เวลาแนะนำตัวท็อปที่เราคัดมาให้แล้วครับ! ลิสต์นี้เน้นโทนเนอร์ที่โดดเด่นเรื่องช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียน และปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น พร้อมแล้วไปดูกันเลย!
1. Some By Mi AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE TONER
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์จากเกาหลีที่ดังมากๆ ในเรื่องสกินแคร์รักษาสิวและปัญหาผิวต่างๆ
- สินค้ารุ่นเด่น: AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE TONER โทนเนอร์ขวดเขียวในตำนาน!
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: มีส่วนผสมของ AHA, BHA, PHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างอ่อนโยน ลดความมัน ลดสิวอุดตัน สิวอักเสบ และรอยแดง มี Tea Tree Extract และ Witch Hazel ช่วยปลอบประโลมผิวและกระชับรูขุมขน สูตรอ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ พาราเบน เห็นผลเรื่องสิวและผิวเรียบเนียนขึ้นภายใน 30 วัน (ตามชื่อ)!
- ข้อเสีย: อาจจะรู้สึกยิบๆ เล็กน้อยช่วงแรกสำหรับบางคนที่มีผิวบอบบางมากๆ
- เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหาสิว ผิวมัน รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน และต้องการโทนเนอร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดสิวได้จริง
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee, Eveandboy Online, Konvy
- ออฟไลน์: Eveandboy, Beautyrium, Watsons (บางสาขา)
- ช่วงราคา: ประมาณ 300-500 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นและขนาด)
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ใช้ตัวนี้แล้วสิวยุบไวมาก รอยแดงก็จางลงด้วย รูขุมขนดูเล็กลงนิดหน่อย ชอบมากค่ะ!" "เป็นโทนเนอร์กู้ผิวสิวผดของเราเลย ใช้มาหลายขวดแล้ว ไม่เปลี่ยนใจ"
2. Paula's Choice Skin Balancing Pore-Reducing Toner
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เวชสำอางชื่อดังจากอเมริกา ที่เน้นส่วนผสมที่เห็นผลและปราศจากสารก่อการระคายเคือง
- สินค้ารุ่นเด่น: Skin Balancing Pore-Reducing Toner โทนเนอร์ลูกรักของคนผิวมันรูขุมขนกว้าง
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ช่วยปรับสมดุลผิว ลดความมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกระชับรูขุมขนให้ดูเล็กลงอย่างชัดเจน มีส่วนผสมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิว ลดรอยแดง สูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีงานวิจัยรองรับส่วนผสม
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าโทนเนอร์ทั่วไปในท้องตลาดเล็กน้อย
- เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้างมากๆ และต้องการโทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขนอย่างตรงจุด
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Paulaschoice Thailand (เว็บไซต์หลัก), Lazada, Shopee, Sephora Online
- ออฟไลน์: Sephora
- ช่วงราคา: ประมาณ 900-1,100 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อตัวนี้เลย รูขุมขนตรงแก้มดูดีขึ้นจริงๆ ความมันบนหน้าลดลงเยอะมาก" "ใช้แล้วรู้สึกผิวสะอาดเกลี้ยงมาก ไม่แห้งตึงด้วย"
3. Kiehl's Calendula Herbal-Extract Toner Alcohol-Free
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เก่าแก่จากอเมริกา มีชื่อเสียงเรื่องส่วนผสมจากธรรมชาติ
- สินค้ารุ่นเด่น: Calendula Herbal-Extract Toner Alcohol-Free โทนเนอร์กลีบดอกคาเลนดูล่าในตำนาน
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: โดดเด่นเรื่องการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ ลดรอยแดงจากสิวและสิวผดได้ดีมากๆ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ อ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย ให้ความรู้สึกสดชื่นสบายผิว
- ข้อเสีย: อาจจะไม่ได้เน้นเรื่องการผลัดเซลล์ผิวหรือกระชับรูขุมขนโดยตรงเท่าบางตัวในลิสต์นี้ แต่ช่วยให้ผิวโดยรวมสมดุลและแข็งแรงขึ้น ซึ่งก็ส่งผลทางอ้อมต่อปัญหารูขุมขนได้
- เหมาะกับใคร: คนที่มีผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย เป็นสิวผด หรือต้องการโทนเนอร์ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Kiehl's Thailand (เว็บไซต์หลัก), Central Online, Lazada, Shopee
- ออฟไลน์: เคาน์เตอร์ Kiehl's ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,100-1,800 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาด)
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ผิวแพ้ง่ายมากๆ ใช้ตัวนี้แล้วไม่แพ้เลย สิวผดค่อยๆ หายไป ปลื้มมาก" "กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกคาเลนดูล่าทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ใช้แล้วผิวดูสุขภาพดีขึ้น"
4. Thayers Witch Hazel Toner (สูตรต่างๆ)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เก่าแก่จากอเมริกา มีชื่อเสียงเรื่องโทนเนอร์ Witch Hazel ที่อ่อนโยนและส่วนผสมจากธรรมชาติ
- สินค้ารุ่นเด่น: Witch Hazel Toner (สูตร Rose Petal, Lavender, Unscented) สูตร Rose Petal ได้รับความนิยมมาก
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ราคาเป็นมิตร ปริมาณเยอะ ใช้ได้นาน ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ ช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขนได้ดีระดับหนึ่ง สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน มีหลายสูตรให้เลือกตามความชอบ
- ข้อเสีย: สำหรับบางคนอาจจะยังรู้สึกว่าส่วนผสมของ Witch Hazel ทำให้ผิวแห้งได้เล็กน้อย
- เหมาะกับใคร: คนที่มองหาโทนเนอร์ราคาเบาๆ คุณภาพดี ช่วยปลอบประโลมผิว ควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขนแบบอ่อนโยน
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee, iHerb
- ออฟไลน์: Watsons, Boots, Eveandboy, Beautyrium
- ช่วงราคา: ประมาณ 400-700 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ขวดใหญ่ ใช้คุ้มมากค่ะ เช็ดหลังล้างหน้าแล้วรู้สึกสะอาดสดชื่นดี รูขุมขนดูจางลงนิดนึง" "ชอบสูตร Rose Petal กลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้แล้วผิวชุ่มชื้นดี ไม่แพ้"
5. Pixi Glow Tonic Exfoliating Toner
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์จากอังกฤษ โด่งดังจากโทนเนอร์ตัวนี้
- สินค้ารุ่นเด่น: Glow Tonic โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวตัวดัง
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: มี Glycolic Acid (AHA) 5% ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น ลดรอยสิว จุดด่างดำ ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ต้นเหตุของการเกิดสิว มีส่วนผสมปลอบประโลมผิวอย่างว่านหางจระเข้และโสม ไม่มีแอลกอฮอล์
- ข้อเสีย: อาจจะไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากๆ เพราะมีส่วนผสมของ AHA ที่ค่อนข้างเข้มข้น อาจจะรู้สึกยิบๆ ตอนใช้
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใส ลดรอยสิว จุดด่างดำ และมีปัญหาเรื่องการอุดตันของรูขุมขน
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Sephora Online, Lazada, Shopee
- ออฟไลน์: Sephora
- ช่วงราคา: ประมาณ 500-1,200 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาด)
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ใช้แล้วผิวดูใสขึ้น รอยสิวจางลงจริง แต่ช่วงแรกอาจจะยิบๆ หน่อย" "โทนเนอร์ตัวนี้ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น แต่งหน้าง่ายขึ้นเยอะเลย"
6. Eucerin Pro ACNE SOLUTION TONER
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เวชสำอางจากเยอรมนี ที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ
- สินค้ารุ่นเด่น: Pro ACNE SOLUTION TONER โทนเนอร์สำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: พัฒนามาเพื่อผิวเป็นสิวและผิวมันโดยเฉพาะ ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ลดการอุดตัน ปรับสมดุลผิว ควบคุมความมันส่วนเกิน ช่วยให้สิวแห้งและยุบตัวเร็วขึ้น ผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- ข้อเสีย: มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม อาจจะไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากๆ
- เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหาสิว ผิวมัน และต้องการโทนเนอร์ที่ช่วยลดสิวและควบคุมความมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Eucerin Thailand (เว็บไซต์หลัก), Watsons Online, Boots Online, Lazada, Shopee
- ออฟไลน์: Watsons, Boots, Eveandboy, Beautyrium, ร้านขายยาชั้นนำ
- ช่วงราคา: ประมาณ 700-900 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "เป็นโทนเนอร์สำหรับสิวที่ใช้ดีมาก สิวยุบไว ควบคุมความมันได้ดีเลย" "ซื้อจากร้านขายยา ใช้แล้วรู้สึกมั่นใจในคุณภาพ"
7. Plantnery Tea Tree First Toner
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ไทยที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติ และมีราคาเข้าถึงง่าย
- สินค้ารุ่นเด่น: Tea Tree First Toner โทนเนอร์ทีทรีตัวดัง
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: มีสารสกัด Tea Tree เข้มข้น ช่วยลดแบคทีเรีย P.Acnes สาเหตุของสิว ช่วยลดสิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวผด ควบคุมความมันส่วนเกิน มี Witch Hazel ช่วยกระชับรูขุมขน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ราคาถูกและดี หาซื้อง่ายมากๆ
- ข้อเสีย: กลิ่น Tea Tree อาจจะแรงสำหรับบางคน
- เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหาสิว ผิวมัน รูขุมขนกว้าง และต้องการโทนเนอร์ราคาน่ารักที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติและช่วยลดสิวได้จริง
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Plantnery (เว็บไซต์หลัก), Lazada, Shopee, Konvy
- ออฟไลน์: Watsons, Boots, Eveandboy, Beautyrium, ร้านค้าชั้นนำทั่วไป
- ช่วงราคา: ประมาณ 100-250 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ถูกและดีมีอยู่จริง! ใช้ตัวนี้แล้วสิวผดยุบ หน้ามันน้อยลงด้วย" "ชอบกลิ่น Tea Tree รู้สึกสะอาดดี ใช้มาหลายขวดแล้วค่ะ"
8. ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์จากเกาหลี ที่โด่งดังจากส่วนผสม Heartleaf (Houttuynia Cordata)
- สินค้ารุ่นเด่น: Heartleaf 77% Soothing Toner โทนเนอร์พี่จุน (ตามชื่อที่คนไทยเรียกติดปาก)
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: มีสารสกัด Heartleaf เข้มข้นถึง 77% ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบและลดสิวผดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง สูตรอ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ พาราเบน ซิลิโคน น้ำหอม เหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากๆ
- ข้อเสีย: ไม่ได้เน้นเรื่องการผลัดเซลล์ผิวโดยตรง แต่เน้นการปลอบประโลมและเสริมผิวให้แข็งแรง
- เหมาะกับใคร: คนที่มีผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย เป็นสิวผด หรือต้องการโทนเนอร์ที่เน้นการปลอบประโลมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee, Konvy
- ออฟไลน์: Eveandboy, Beautyrium (บางสาขา)
- ช่วงราคา: ประมาณ 400-700 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "โทนเนอร์พี่จุนช่วยชีวิตมาก ตอนผิวแพ้ๆ สิวผดขึ้นเยอะๆ ใช้ตัวนี้แล้วสงบลงจริงๆ" "เนื้อเบา ซึมง่าย ใช้แล้วผิวไม่เหนอะหนะเลย"
9. Fresh Rose Deep Hydration Facial Toner
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์พรีเมียมจากอเมริกา เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยเฉพาะดอกกุหลาบ
- สินค้ารุ่นเด่น: Rose Deep Hydration Facial Toner โทนเนอร์น้ำกุหลาบที่มีกลีบกุหลาบจริง
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สุขภาพดี ช่วยปลอบประโลมผิว มีส่วนผสมช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น กลิ่นหอมกุหลาบผ่อนคลาย
- ข้อเสีย: ราคาสูง
- เหมาะกับใคร: คนที่ผิวแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง หรือต้องการโทนเนอร์ที่เน้นความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี พรีเมียม
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Sephora Online, Central Online
- ออฟไลน์: เคาน์เตอร์ Fresh ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, Sephora
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,700-2,500 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาด)
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ชอบความพรีเมียมของแบรนด์นี้มาก ใช้แล้วผิวดูอิ่มน้ำ ชุ่มชื้นดี รูขุมขนดูตื้นขึ้นนิดหน่อย" "กลิ่นกุหลาบหอมมาก ใช้แล้วรู้สึกเหมือนทำสปาผิว"
10. LA GLACE Acne Care Daily Calming Pads
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่เป็นที่พูดถึงมากๆ ในออนไลน์
- สินค้ารุ่นเด่น: Acne Care Daily Calming Pads โทนเนอร์แพดสูตรสิวตัวฮิต
- วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย:
- ข้อดี: เป็นโทนเนอร์แบบแผ่น ใช้ง่าย สะดวกมากๆ สูตรดูแลผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคืองและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ มีส่วนผสมเอกสิทธิ์ของแบรนด์ ราคาเข้าถึงง่ายมากๆ เป็นแบรนด์ไทยที่น่าสนับสนุน
- ข้อเสีย: อาจจะยังไม่มีตัวเลือกสูตรอื่นๆ ให้เลือกมากนักเมื่อเทียบกับแบรนด์ใหญ่ๆ
- เหมาะกับใคร: คนที่มีผิวเป็นสิวและต้องการโทนเนอร์ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดสิว และใช้งานง่ายแบบโทนเนอร์แพด ในราคาสบายกระเป๋า
- ช่องทางการซื้อ:
- ออนไลน์: Lazada, Shopee, ช่องทางออนไลน์ของแบรนด์
- ออฟไลน์: Watsons (บางสาขา), Eveandboy (บางสาขา)
- ช่วงราคา: ประมาณ 300-500 บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน: "ชอบโทนเนอร์แพดมาก ใช้ง่าย หลังเช็ดแล้วรู้สึกสะอาด สิวผดลดลงจริง แบรนด์ไทยคุณภาพดี!" "ราคาถูกมาก ซื้อมาลองใช้ดู ไม่ผิดหวังเลยค่ะ"
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ฉบับผิวปัง!
Q: ระหว่างโทนเนอร์ Some By Mi กับ Plantnery อันไหนเหมาะกับคนเป็นสิวผิวมันมากกว่ากันคะ?
A: ทั้งสองตัวดังเรื่องลดสิวและเหมาะกับผิวมันครับ Some By Mi จะเน้นการผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA BHA PHA ชัดเจนกว่า ส่วน Plantnery จะเน้นเรื่อง Tea Tree ที่ช่วยฆ่าเชื้อสิวและ Witch Hazel ช่วยกระชับรูขุมขน ถ้าสิวอุดตันเยอะ รูขุมขนกว้างมากๆ อาจจะลอง Some By Mi ก่อนครับ แต่ถ้าเน้นปัญหาสิวอักเสบ สิวผด และผิวมันมากๆ Plantnery ก็ตอบโจทย์ แถมราคาน่ารักกว่าด้วยครับ
Q: ใช้โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวแล้วต้องทากันแดดไหมคะ?
A: จำเป็นมากๆ ครับ! ส่วนผสมในกลุ่ม AHA, BHA, PHA ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น หากไม่ทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ หรือระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะแดดเมืองไทยที่แรงไม่ปรานีใคร ทากันแดด SPF สูงๆ PA++++ ทุกวันตอนเช้า แม้จะอยู่บ้านก็ยังดีครับ!
Q: ซื้อโทนเนอร์ใน Lazada/Shopee ปลอมเยอะไหม? มีวิธีเช็คยังไงบ้าง?
A: มีโอกาสเจอของปลอมได้ครับ วิธีที่ดีที่สุดคือซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการของแบรนด์ (Official Store) บนแพลตฟอร์มนั้นๆ หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีผู้ติดตามเยอะ มีรีวิวดีๆ ก่อนซื้อให้ลองเช็ค Packaging ดูว่าเรียบร้อยดีไหม ตัวอักษรคมชัดหรือไม่ สีของผลิตภัณฑ์ผิดปกติหรือเปล่า ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ซื้อจากเคาน์เตอร์ในห้าง หรือร้าน Drugstore ที่ไว้ใจได้จะปลอดภัยที่สุดครับ
Q: โทนเนอร์แบบน้ำ กับแบบแพด ต่างกันยังไงคะ?
A: หลักๆ คือรูปแบบการใช้งานครับ แบบน้ำ ใช้เทใส่สำลีแล้วเช็ด หรือตบเบาๆ บนผิว ส่วน แบบแพด คือสำลีชุบโทนเนอร์มาแล้วในกระปุก พร้อมหยิบใช้ได้ทันที สะดวกมากๆ โดยเฉพาะเวลาเดินทาง หรืออยากมาสก์เฉพาะจุด คุณสมบัติของโทนเนอร์จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมในสูตรนั้นๆ มากกว่ารูปแบบครับ
สรุปแล้ว เลือกโทนเนอร์ตัวไหนดีให้ผิวปังในปี 2025?
การเลือกโทนเนอร์ที่ดีที่สุดในปี 2025 ที่ช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ผิวใสในแบบของเรา ก็ต้องกลับมาดูที่ สภาพผิว ปัญหาผิว และงบประมาณ ของเราเป็นหลักครับ
- ถ้า งบจำกัด เน้นคุ้มค่า และมีปัญหาสิวผิวมัน ลองดู Plantnery Tea Tree First Toner หรือ LA GLACE Acne Care Daily Calming Pads ครับ
- ถ้ามีปัญหา รูขุมขนกว้างมากๆ และผิวมัน อยากได้ตัวที่เห็นผลเรื่องกระชับรูขุมขนชัดๆ แนะนำ Paula's Choice Skin Balancing Pore-Reducing Toner ครับ
- ถ้า ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย เป็นสิวผด ต้องการการปลอบประโลม เน้นเสริมผิวให้แข็งแรง ต้องยกให้ Kiehl's Calendula Herbal-Extract Toner หรือ ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner ครับ
- ถ้าต้องการ ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยสิว จุดด่างดำ ให้ผิวดูไบรท์ขึ้น ลอง Some By Mi AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE TONER หรือ Pixi Glow Tonic ครับ
- ถ้าเน้น ผิวแห้งขาดน้ำ อยากได้ความชุ่มชื้นแต่ก็ช่วยกระชับรูขุมขนด้วย ลอง Fresh Rose Deep Hydration Facial Toner ครับ
จำไว้ว่าสิ่งสำคัญคือต้องเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของเราจริงๆ ครับ และที่สำคัญสุดๆ คือการ ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ และ อย่าลืมทากันแดด ในตอนเช้าเด็ดขาด โดยเฉพาะถ้าใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA/PHA เพื่อปกป้องผิวสวยๆ ของเราจากแสงแดดเมืองไทยนะครับ!
มาเม้าท์มอยกันหน่อย! ใช้โทนเนอร์ตัวไหนอยู่? ชอบไม่ชอบยังไง มาแชร์กัน! 👇
เป็นยังไงกันบ้างครับกับลิสต์โทนเนอร์ตัวเด็ดปี 2025 ที่เอามาฝ
ากกันวันนี้? หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อโทนเนอร์คู่ใจกันนะครับ เพื่อนๆ คนไหนกำลังใช้ตัวไหนอยู่ หรือมีตัวไหนนอกเหนือจากนี้ที่ใช้แล้วปังมากๆ อยากจะป้ายยาต่อ คอมเมนต์มาบอกกันได้เลยนะ!
หรือถ้าใครอ่านแล้วอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม อยากให้ช่วยเปรียบเทียบตัวไหนเป็นพิเศษ หรืออยากได้พิกัดร้านเด็ดๆ ที่มีโปรโมชั่นดีๆ ใน Lazada Shopee รบกวนพิมพ์คำว่า "ขอพิกัดโปรปัง!" เดี๋ยวผมจะรวบรวมข้อมูลมาอัปเดตให้เป็นพิเศษเลยจ้าาา! แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ! 👋
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?