รีวิว Olaplex No. 3 Hair Perfector: ทรีทเมนต์บำรุงผมเสียจากการทำเคมี ได้ผลจริงไหม?


สวัสดีค่าทุกคน! วันนี้เมย์มีไอเทมเด็ดที่อยากเมาท์ให้ฟังม้ากกก โดยเฉพาะสาวๆ ที่ผ่านสมรภูมิเคมีมาเยอะ ไม่ว่าจะทำสี ดัด ยืด ฟอก จนผมกรอบเป็นไม้กวาด! เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Olaplex No. 3 Hair Perfector มาบ้างแหละ ตัวดังที่เคลมว่าช่วยชีวิตผมเสียจากการทำเคมีได้จริง วันนี้เมย์เอามาลองให้ดูเองค่ะว่ามันจึ้งจริงไหม? จะรอดหรือจะร่วง มาดูกันเลย!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: Olaplex No. 3 คืออะไรกันแน่?
ถ้าจะให้พูดง่ายๆ Olaplex No. 3 ไม่ใช่ครีมนวด ไม่ใช่มาสก์บำรุงผมแบบทั่วๆ ไปนะ แต่มันคือทรีตเมนต์เข้มข้นที่ออกแบบมาเพื่อ "ซ่อมแซมพันธะแกนผม" ที่มันขาดสะบั้นจากการทำเคมีหนักๆ นี่แหละค่ะ
แบรนด์: OLAPLEX
รุ่น: No. 3 Hair Perfector
ประเภท: ทรีตเมนต์ก่อนสระผม (Pre-Shampoo Treatment)
ช่วงราคา: ประมาณ 1,200 – 1,500 บาท (ขวด 100 ml)
ตำแหน่งในตลาด: ทรีตเมนต์กู้ชีพผมเสียระดับซาลอนที่เอามาทำเองที่บ้านได้ เหมาะกับคนผมพังจากการทำเคมีหนักๆ หรือโดนความร้อนบ่อยๆ
จุดเด่นหลักๆ:
- กู้ผมเสียจากการทำเคมี: ช่วยเชื่อมพันธะในแกนผมที่ขาดให้กลับมาแข็งแรง
- ลดผมขาดร่วง เปราะบาง: ทำให้ผมยืดหยุ่นและทนทานขึ้น
- ผมนุ่มลื่น เงางามขึ้น: เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ในบางคน
- ใช้ได้กับทุกสภาพผม: ไม่ว่าจะผมตรง ผมหยักศก หรือผมผ่านการทำสี
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: ขวดเล็กๆ แต่พลังแน่น
มาดูที่หน้าตาแพ็กเกจจิ้งกันบ้าง Olaplex No. 3 มาในขวดพลาสติกสีขาวขนาดพอดีมือ ไซส์ 100 ml ดูมินิมอล สะอาดตา หัวขวดเป็นแบบหมุนเปิดเท ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก วัสดุขวดดูแข็งแรงทนทาน พกพาสะดวกอยู่นะคะ ถ้าต้องเดินทางก็ใส่กระเป๋าไปได้ ไม่หกเลอะเทอะ
ในกล่องมีแค่ขวดผลิตภัณฑ์อย่างเดียว ไม่มีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ค่ะ
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ลงลึกถึงแกนผมที่พัง!
ตัวนี้เค้าบอกให้ใช้ก่อนสระผม ตอนผมหมาดๆ นะคะ เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อครีมข้นๆ สีขาว กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนเลยค่ะ
วิธีใช้ก็ง่ายๆ แบ่งผมเป็นช่อๆ แล้วชโลม Olaplex No. 3 ให้ทั่วตั้งแต่โคนจรดปลาย เน้นช่วงที่เสียมากๆ บางคนแนะนำให้หวีเพื่อให้ทั่วถึง แล้วก็ทิ้งไว้ อย่างน้อย 10 นาที หรือถ้าผมเสียหนักๆ จะทิ้งไว้นานกว่านั้นก็ได้ค่ะ แต่เค้าว่าไม่จำเป็นต้องทิ้งข้ามคืนนะ
ตอนหมักจะรู้สึกเหมือนเนื้อครีมเคลือบผมไว้ ไม่ได้ซึมหายไปเลยค่ะ พอครบเวลาก็ไปล้างออก จากนั้นก็สระผมและนวดผมตามปกติได้เลย
ผลลัพธ์ที่รู้สึกได้ทันทีหลังล้างออก: ผมจะรู้สึกนุ่ม ลื่นขึ้นทันทีเลยค่ะ! คือตอนล้าง Olaplex ออกเนี่ย ผมมันจะนุ่มๆ ลื่นๆ ตั้งแต่ยังไม่ใช้แชมพูเลยนะ
ผลลัพธ์หลังสระและเป่าแห้ง: ผมที่เคยแห้งๆ สากๆ มันดูมีชีวิตชีวาขึ้น! คือไม่ได้กลับมาเป็นผมสาวบริสุทธิ์เหมือนไม่เคยทำเคมีใดๆ มาก่อนเลยซะทีเดียว แต่มันดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยค่ะ ผมที่เคยพันกันหวียาก มันหวีง่ายขึ้น ความกระด้างลดลง รู้สึกว่าผมแข็งแรงขึ้น ไม่เปราะขาดง่ายเหมือนเดิม
ส่วนผสมหลักที่ทำให้มันเทพขนาดนี้คือ Bis-Aminopropyl Diglycol Dimaleate ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Olaplex ที่ไปช่วยเชื่อมพันธะไดซัลไฟด์ในแกนผมที่เสียให้กลับมาเหมือนเดิมได้
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใช้ง่ายเหมือนมาสก์ผมทั่วไป
เรื่องความง่ายในการใช้งาน บอกเลยว่าไม่ซับซ้อนค่ะ ทำเองที่บ้านได้สบายมาก ไม่ต้องมีสกิลอะไรพิเศษ แค่แบ่งผม ชโลม ทิ้งไว้ แล้วล้างออก
ตัวเนื้อครีมเกลี่ยง่าย ไม่ไหลเยิ้ม ไม่เหนอะหนะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายดีค่ะ
ใช้คู่กับแชมพู/ครีมนวดอื่นๆ ที่ใช้อยู่ได้เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ Olaplex ทั้งไลน์ก็ได้ (แต่ถ้าใช้ทั้งไลน์ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น)
ความถี่ในการใช้ แนะนำให้ใช้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับผมเสียปานกลาง แต่ถ้าผมเสียหนักมากจริงๆ สามารถใช้ได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงแรกได้ค่ะ
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ลงทุนเพื่อผมสุขภาพดี
Olaplex No. 3 ขนาด 100 ml ราคาประมาณ 1,200 - 1,500 บาท ซึ่งอาจจะดูแรงเมื่อเทียบกับทรีตเมนต์หรือมาสก์ผมทั่วๆ ไป
แต่ด้วยความที่เป็นทรีตเมนต์แบบล้างออก ใช้แค่สัปดาห์ละครั้ง (หรือ 2-3 ครั้งถ้าผมเสียหนัก) ขวดนึงก็ใช้ได้นานพอสมควรค่ะ ขึ้นอยู่กับความยาวและความหนาของผม ถ้าผมไม่ยาวมาก ขวดนึงอาจจะใช้ได้เป็นเดือนเลยนะ
เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งเป็นการซ่อมแซมจากภายในจริงๆ ไม่ใช่แค่เคลือบภายนอก และถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายในการไปทำทรีตเมนต์ที่ซาลอน Olaplex No. 3 ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ เหมือนเรายกซาลอนมาไว้ที่บ้าน
ในระยะยาว ถ้าใช้เป็นประจำ ผมจะแข็งแรงขึ้น การแตกหักลดลง ก็เท่ากับประหยัดเงินค่าตัดปลายผมเสียๆ ไปได้เยอะเลยค่ะ
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีทั้งเรื่องน่ารักและเรื่องที่ต้องพิจารณา
ข้อดี:
- กู้ผมเสียจากการทำเคมีได้จริง: อันนี้คอนเฟิร์ม! ผมแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ลดการแตกหักของเส้นผม: ผมขาดน้อยลง หวีง่ายขึ้น
- ทำให้ผมนุ่มลื่น เงางาม: สัมผัสได้ถึงความแตกต่างหลังใช้
- ใช้ง่าย ทำเองที่บ้านได้: ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน
- เหมาะกับผมทุกประเภท: ไม่ว่าจะผมตรง ผมหยักศก หรือผมที่ผ่านการทำสารเคมี
ข้อเสีย:
- ราคาสูงกว่าทรีตเมนต์ทั่วไป: เป็นการลงทุนที่ต้องคิดนิดนึง
- ปริมาณน้อย: ขวด 100 ml อาจจะหมดไวสำหรับคนผมยาว/หนามาก
- ไม่ได้ให้ความชุ่มชื้น: เน้นซ่อมแกนผมเป็นหลัก ถ้าผมแห้งมาก อาจต้องใช้คู่กับมาสก์เพิ่มความชุ่มชื้น
- ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป: ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายของผมแต่ละคน
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรมีติดบ้าน?
Olaplex No. 3 เหมาะมากๆ สำหรับ:
- คนที่ทำสีผม ฟอกสีผมบ่อยๆ
- คนที่ดัด ยืดผมเป็นประจำ
- คนที่ชอบทำผมด้วยความร้อนสูงๆ (ไดร์เป่าผม, เครื่องหนีบ, เครื่องม้วน)
- คนที่มีปัญหาผมเปราะขาดง่าย ผมไม่มีน้ำหนัก
- คนที่อยากบำรุงผมให้แข็งแรงก่อน/หลังทำเคมี
ถ้าถามว่าควรซื้อเลยไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่มีปัญหาผมเสียจากการทำเคมีตามลิสต์ด้านบน เมย์เชียร์ให้ลองเลยค่ะ! โดยเฉพาะช่วงที่ผมกำลังพังๆ ตัวนี้ช่วยได้เยอะจริงๆ
ส่วนเรื่องช่วงเวลาซื้อ แนะนำให้ลองดูตามแอปช้อปปิ้งออนไลน์ช่วงมีโปรโมชั่นใหญ่ๆ เช่น Lazada, Shopee, Central Online อาจจะมีส่วนลดหรือของแถมที่ทำให้คุ้มค่ามากขึ้นค่ะ
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: คู่แข่งมีไหม?
จริงๆ ในตลาดก็มีผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าช่วยเรื่องแกนผมคล้ายๆ Olaplex เหมือนกันนะคะ เช่น K18 หรือทรีตเมนต์อื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยี Bond-Building
ความแตกต่างหลักๆ: Olaplex No. 3 เป็นทรีตเมนต์ก่อนสระ และเน้นไปที่การเชื่อมพันธะในแกนผมโดยเฉพาะ ในขณะที่บางแบรนด์อาจจะเป็นแบบ Leave-in หรือเน้นส่วนผสมอื่นๆ เช่น เคราติน
ถ้าเทียบกับ K18 ซึ่งเป็นอีกตัวดังที่เน้นเรื่องซ่อมแกนผมเหมือนกัน K18 จะเป็นแบบ Leave-in ใช้หลังสระ และราคาค่อนข้างสูงกว่า Olaplex บางรีวิวบอกว่า K18 อาจจะให้ผลลัพธ์ที่เห็นชัดกว่าในเคสที่ผมเสียหนักมากๆ แต่ Olaplex No. 3 ก็เป็นตัวเริ่มต้นที่ดีและราคาย่อมเยากว่าค่ะ
ถ้าเทียบกับทรีตเมนต์มาสก์ผมทั่วไป Olaplex No. 3 จะทำงานลึกกว่ามากค่ะ มาสก์ทั่วไปมักจะเน้นให้ความชุ่มชื้นและเคลือบผมภายนอก แต่ Olaplex เข้าไปซ่อมโครงสร้างข้างใน
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ช้อปที่ไหนดี?
Olaplex เป็นแบรนด์ระดับโลก การรับประกันสินค้าปกติจะเป็นไปตามเงื่อนไขของผู้ขายหรือร้านค้าที่เราซื้อค่ะ
ช่องทางการซื้อที่สะดวกและหาได้ง่ายในไทยคือ:
- ออนไลน์: Shopee, Lazada, Central Online, Sephora Online, Konvy และร้านค้าพรีออเดอร์ต่างๆ ข้อดีคือมีโปรโมชั่น ส่วนลด คูปอง ส่งฟรีให้เลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาง่าย แต่ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ระวังของปลอมนะคะ
- ออฟไลน์: Sephora ทุกสาขา ข้อดีคือได้เห็นของจริง มั่นใจว่าเป็นของแท้ แต่ราคาอาจจะไม่ลดเท่าออนไลน์
ลองเช็คโปรโมชั่นตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ดูนะคะ บางทีมีโปรคู่กับ Olaplex No. 0 หรือ No. 8 ซึ่งเป็นตัวอื่นๆ ในไลน์ที่ใช้เสริมกันได้ค่ะ
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ซื้อค่ะ! ถ้า...
หลังจากที่ได้ลองใช้ Olaplex No. 3 มาสักพัก เมย์กล้าพูดเลยว่าสำหรับคนที่มีปัญหาผมเสียจากการทำเคมีแบบหนักหนาสาหัส ตัวนี้คือไอเทมกู้ชีพที่ควรมีติดบ้านจริงๆ ค่ะ!
มันไม่ได้ทำให้ผมกลับไปเป็นผมเวอร์จิ้น 100% แต่ช่วยฟื้นฟูให้ผมที่กำลังจะตุยจากสารเคมี กลับมามีชีวิตชีวา แข็งแรง และดูสุขภาพดีขึ้นได้จริงๆ ค่ะ
ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาผมแห้ง กรอบ เปราะ ขาดง่าย จากการทำสี ดัด ยืด ฟอก แนะนำให้ลอง Olaplex No. 3 เลยค่ะ! มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพผมในระยะยาว ดีกว่าต้องมานั่งตัดผมที่เสียทิ้งบ่อยๆ
แต่ถ้าผมคุณไม่ได้เสียจากการทำเคมีมากนัก หรือเสียแค่ปลายๆ จากความร้อนนิดหน่อย อาจจะลองใช้ทรีตเมนต์หรือมาสก์ผมที่เน้นความชุ่มชื้นดูก่อนก็ได้ค่ะ Olaplex No. 3 จะเห็นผลชัดที่สุดกับผมที่ผ่านสมรภูมิเคมีมาจริงๆ นะคะ
ส่วนใครที่งบถึงและอยากจัดเต็ม จะลองใช้คู่กับ No. 0 ก่อนลง No. 3 หรือใช้ No. 8 มาสก์เพิ่มความชุ่มชื้นหลังสระก็ได้ค่ะ
สุดท้ายนี้... ถ้าเงินในกระเป๋าพร้อมและผมกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากสารเคมี จิ้ม Olaplex No. 3 ลงตะกร้าได้เลยค่ะ! แล้วผมคุณจะรักคุณมากขึ้นแน่นอน!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- OLAPLEX no.3 ใช้ยังไง ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด? + mini review ...
- REVIEW Olaplex no.0 & no.3 ไอเท็มเพื่อฟื้นคืนชีวิตให้ผมเสียกลับ ...
- "รีวิว" OLAPLEX No.3,No.6,No.7 ช่วยกู้ผมได้ไหม ผมเป็นวุ้นต้องทำ ...
- Nadia's Review [EP10] รีวิว! กู้ผมเสียจากการยืด ดัด ย้อม ฟอก ด้วย ...
- คัดมาแล้ว ! Top 5 Treatment บำรุงผม ถูกยันแพง ผมแห้งเสีย ผมทำสี ...
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว MX10 Android TV Box: กล่องทีวีดูหนังฟังเพลง รุ่นเล็ก ราคาประหยัด ดีพอไหม?
Fresh Black Tea Mask รีวิว: มาส์กหน้าใส ฟูอิ่ม เห็นผลในครั้งแรก?
เที่ยวโตเกียวเดือนตุลาคม: อากาศดีไหม? มีงานอะไรน่าเที่ยว? เตรียมตัวยังไง?
รีวิว Nike Quest 2: รองเท้าวิ่งราคาเข้าถึงง่าย ใส่สบาย เหมาะกับวิ่งเบาๆ หรือใส่เดินไหม?
รีวิว Park Origin ทองหล่อ: คอนโดหรูใจกลางเมือง ชีวิตดี๊ดีสมราคาไหม?
รีวิว Brother MFC-J3930DW: ปริ้นเตอร์ Inkjet พิมพ์งานใหญ่ ฟังก์ชันครบ