อัปเดตล่าสุด! ราคา iPad Air 6 (ไอแพด แอร์ 6) ในไทย ซื้อที่ไหนคุ้มสุด?

สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องแกดเจ็ตสุดฮอตที่หลายคนกำลังเล็งๆ อยู่ นั่นก็คือ iPad Air 6 (ไอแพด แอร์ 6) นั่นเอง! บอกเลยว่ารุ่นนี้เค้าออกมาเขย่าวงการแท็บเล็ตไม่เบา เพราะอัปเกรดมาแบบจัดเต็ม แล้วราคาในไทยล่ะเป็นยังไง ซื้อที่ไหนถึงจะคุ้มสุดๆ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้แบบหมดเปลือก พร้อมเคล็ดลับฉบับคนไทยใจถึงแต่กระเป๋าตังค์เบา! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วตามมาดูกันเลย!

1. เจ้า iPad Air 6 นี่มันคืออะไรกันนะ? เหมาะกับใคร?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักเจ้า iPad Air 6 กันก่อนเลย รุ่นนี้เป็นแท็บเล็ตตัวท็อปจาก Apple ที่วางตำแหน่งอยู่ระหว่าง iPad รุ่นธรรมดา กับ iPad Pro ตัวแรงสุดๆ พูดง่ายๆ คือมันคือรุ่นที่ เน้นความบางเบา (ตามชื่อ Air นั่นแหละ) แต่ ประสิทธิภาพไม่เบา เลยนะจ๊ะ! เค้ามาพร้อมชิปตัวแรงอย่าง Apple M2 ที่ยกมาจากรุ่นพี่อย่าง iPad Pro เลยนะตัวเธอ! ทำให้มันทำงานได้เร็วแรง ทำอะไรก็ลื่นปรื๊ด ไม่ว่าจะเล่นเกมกราฟิกหนักๆ, ตัดต่อวิดีโอ, ทำงานเอกสาร, หรือเปิดแอปพร้อมกันหลายๆ อย่าง ก็สบายหายห่วง

ทีเด็ดอีกอย่างคือรอบนี้เค้ามีมาให้เลือกถึง 2 ขนาด คือ 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว แถมยังย้ายกล้องหน้ามาอยู่แนวนอนแล้วด้วย! ตอบโจทย์สายวิดีโอคอล เรียนออนไลน์ ประชุมออนไลน์สุดๆ ส่วนเรื่องแบรนด์ Apple นี่ไม่ต้องพูดเยอะเนอะ รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นแบรนด์ระดับโลก คุณภาพคับแก้ว ดีไซน์สวย พรีเมียมสุดๆ

แล้วใครล่ะที่เหมาะกับเจ้าตัวนี้? บอกเลยว่าหลากหลายมาก!

• นักเรียนนักศึกษา: เหมาะมากสำหรับจดโน้ต เรียนออนไลน์ ทำรายงาน
• คนทำงาน: พกพาง่าย ทำงานนอกสถานที่สะดวก ต่อคีย์บอร์ดได้เหมือนโน้ตบุ๊กย่อมๆ
• สายสร้างสรรค์: วาดรูป แต่งรูป ตัดต่อวิดีโอ ด้วยชิป M2 ที่แรงขึ้น
• คนทั่วไป: ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล เล่นเกม หรือจะใช้อ่านอีบุ๊กก็สบายตา ด้วยหน้าจอ Liquid Retina ที่สวยงาม

สรุปคือ ถ้าอยากได้แท็บเล็ตแรงๆ บางเบา พกพาสะดวก ทำได้เกือบทุกอย่างในชีวิตประจำวัน เจ้า iPad Air 6 นี่แหละตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? มีกี่รุ่นให้เลือก?

มาถึงเรื่องสำคัญที่หลายคนอยากรู้ที่สุด! ราคาเจ้า iPad Air 6 ในไทยเนี่ย บอกเลยว่ามีหลายราคา หลายรุ่นให้เลือกจนตาลายได้เหมือนกันนะจ๊ะ เค้ามีทั้งรุ่น Wi-Fi อย่างเดียว กับรุ่นใส่ซิม (Wi-Fi + Cellular) แล้วก็มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 128GB ไปจนถึง 1TB เลยทีเดียวเชียว!

ราคาเริ่มต้นคร่าวๆ (อาจมีบวก/ลบ นิดหน่อยแล้วแต่ร้านและโปรโมชั่นนะ):

• รุ่น 11 นิ้ว Wi-Fi: เริ่มต้นที่ ฿19,900 - ฿21,900 (สำหรับ 128GB)
• รุ่น 11 นิ้ว Wi-Fi + Cellular: เริ่มต้นที่ ฿27,900 (สำหรับ 128GB)
• รุ่น 13 นิ้ว Wi-Fi: เริ่มต้นที่ ฿25,900 - ฿28,900 (สำหรับ 128GB)
• รุ่น 13 นิ้ว Wi-Fi + Cellular: เริ่มต้นที่ ฿34,900 (สำหรับ 128GB)

ยิ่งความจุเยอะ ราคาก็ยิ่งพุ่งนะจ๊ะ 1TB นี่ราคาเกือบ 5 หมื่นก็มี! ลองเช็คราคาตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy, Central Online, หรือจะดูในมาร์เก็ตเพลสใหญ่ๆ อย่าง Lazada กับ Shopee ก็มีให้เลือกเยอะเลย บางทีราคาในออนไลน์อาจจะมีโปรโมชั่นดีๆ ด้วยนะ

ส่วนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับราคาต่างประเทศ อันนี้ไม่ต้องไปปวดหัวมากจ้า ราคาที่ตั้งในไทยมันก็คำนวณมาให้แล้วว่าอยู่ในเรตประมาณนี้ อาจจะมีส่วนต่างบ้างเล็กน้อยตามการบวกภาษีและค่าขนส่งต่างๆ เนอะ

3. เทียบกับรุ่นอื่นล่ะ คุ้มค่าน่าโดนแค่ไหน?

ถ้าให้เทียบกับแท็บเล็ตตัวอื่นในตลาด เจ้า iPad Air 6 เนี่ย ถือเป็นตัวที่อยู่ตรงกลางที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ ถ้าเทียบกับ iPad รุ่นธรรมดา (Gen 10) ราคาจะสูงกว่าพอสมควร แต่ก็ได้ความแรงของชิป M2 ที่ใหม่กว่าเยอะ (Gen 10 ใช้ A14) ได้จอ Liquid Retina ที่ดีกว่า และรองรับ Apple Pencil Pro รุ่นใหม่ด้วย ถ้าเน้นใช้งานพื้นฐาน ไม่ได้ใช้แอปหนักๆ iPad Gen 10 ก็เพียงพอในงบที่ประหยัดลงมา แต่ถ้าอยากได้ความแรง เผื่อใช้งานได้หลากหลายขึ้นในอนาคต iPad Air 6 ตอบโจทย์กว่า

ส่วนถ้าเทียบกับ iPad Pro รุ่นล่าสุด (M4) อันนั้นคือตัวท็อปสุด แรงสุด จอดีสุด (มี ProMotion 120Hz, ความสว่างสูงกว่า) มีกล้องหลังเพิ่มมา มี LiDAR มี Face ID ซึ่งราคาก็โดดไปไกลมากกก ถ้าไม่ได้เป็นสายโปรที่ต้องใช้ฟังก์ชันพวกนั้นจริงๆ หรือไม่ได้ทำงานที่เน้นกราฟิกหนักสุดๆ แบบมืออาชีพจ๋าๆ การเลือก iPad Air 6 ก็ถือว่า คุ้มค่ากว่าในแง่ราคา แต่ยังได้ประสิทธิภาพที่เรียกว่า "แรงเหลือเฟือ" สำหรับคนส่วนใหญ่เลยนะ

เทียบกับแท็บเล็ตฝั่ง Android ตัวท็อปๆ อย่าง Samsung Galaxy Tab S Series ราคาก็สูสีกัน บางรุ่นอาจจะถูกกว่าหรือแพงกว่านิดหน่อย ฟังก์ชันก็คล้ายๆ กัน แต่ระบบปฏิบัติการคนละแบบ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครถนัดใช้ฝั่งไหนมากกว่าเนอะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาในกล่องบ้าง? ประกันเป็นยังไง?

ปกติแล้วถ้าซื้อ iPad Air 6 เครื่องใหม่ จากร้านตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ ในกล่องก็จะมี:

• ตัวเครื่อง iPad Air 6
• สายชาร์จ USB-C
• อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 20 วัตต์ (ส่วนใหญ่รุ่นใหม่ๆ ก็จะแถมมานะ)

พวกอุปกรณ์เสริมเทพๆ อย่าง Apple Pencil Pro หรือ Magic Keyboard นี่ต้องซื้อแยกนะจ๊ะ ไม่ได้รวมมาในกล่อง แต่เจ้า iPad Air 6 เค้าก็รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์พวกนี้ได้อย่างเต็มที่เลย ทำให้ทำงานได้คล่องตัวขึ้นเยอะ

เรื่อง การรับประกัน นี่คนไทยเราซีเรียส! บอกเลยว่าซื้อ iPad Air 6 เครื่องใหม่จากร้านทางการหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต จะมีการรับประกันมาตรฐานจาก Apple ให้ 1 ปี ถ้ามีปัญหาสามารถเคลมหรือส่งซ่อมที่ศูนย์บริการ Apple หรือร้านตัวแทนได้ทั่วประเทศเลย ส่วนใครที่อยากอุ่นใจยาวๆ ก็สามารถซื้อ AppleCare+ เพิ่มได้นะ จะได้ขยายระยะเวลาการรับประกัน และคุ้มครองกรณีเครื่องตกจอแตก หรืออุบัติเหตุอื่นๆ ด้วย อันนี้แนะนำเลยสำหรับคนที่ค่อนข้างซุ่มซ่าม หรือใช้งานสมบุกสมบันหน่อยๆ

ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์จากเว็บ Apple โดยตรง หรือจากร้านใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ก็จะ ส่งฟรี นะจ๊ะ แต่ถ้าซื้อจากร้านย่อยใน Lazada/Shopee อาจจะมีค่าส่งเพิ่ม หรือมีโปรโมชั่นส่งฟรีเมื่อยอดถึงกำหนด ก็ต้องลองเช็คเงื่อนไขดูดีๆ ก่อนกดสั่งนะจ๊ะ

ของแถมหรือโปรโมชั่นอื่นๆ อันนี้แล้วแต่ร้านเลย บางทีอาจจะมีแถมฟิล์มกันรอย เคส หรือมีส่วนลดเมื่อซื้อพร้อม Apple Pencil หรือ Magic Keyboard ก็ต้องคอยสอดส่องโปรโมชั่นของแต่ละร้านเอาเองนะ

5. มีโปรโมชั่นช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษบ้าง?

ถ้าเป็นคนใจเย็น รอได้ ไม่รีบใช้มากนัก บอกเลยว่าการซื้อ iPad Air 6 ในช่วงที่มี โปรโมชั่นใหญ่ๆ นี่แหละคือโอกาสทอง! ประเทศไทยเรานี่มีเทศกาลลดราคาบ่อยมากกกก โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada และ Shopee ที่จัดหนักจัดเต็มกันทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นช่วง Double Digit Sale ยอดฮิตอย่าง 9.9, 10.10, 11.11, 12.12 หรือจะเป็นช่วงเทศกาลไทยๆ อย่าง สงกรานต์, ปีใหม่ ที่ร้านค้าต่างๆ ก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา หรือแจกโค้ดส่วนลดพิเศษ

นอกจากนี้ ร้านค้าทางการ (Official Store) หรือร้านตัวแทนจำหน่ายใหญ่ๆ อย่าง iStudio, Studio 7, Banana IT, JIB, Power Buy บน Lazada หรือ Shopee ก็มักจะมีโปรโมชั่นร่วมด้วยนะ บางทีก็เป็นส่วนลดเงินสด บางทีก็เป็นโค้ดลดเพิ่ม หรือโปรผ่อน 0% ยาวๆ

คำแนะนำคือ ถ้าจะซื้อช่วงโปรโมชั่น ให้ กดใส่ตะกร้าไว้ก่อน เลย พอถึงวันจริง ราคาจะปรับลดลง หรือมีโค้ดส่วนลดให้เก็บ ก็รีบกดซื้อให้ไว ก่อนของจะหมดหรือโค้ดจะหมดนะจ๊ะ!

6. คนไทยใช้แล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงนะ?

จากที่ส่องๆ ดูตามรีวิวต่างๆ ของคนไทยที่ได้ลองใช้ iPad Air 6 (M2) มาบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะแฮปปี้กับประสิทธิภาพที่ได้มากๆ นะ จุดที่คนไทยมักจะชอบและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:

• ความแรงของชิป M2: อันนี้คือไฮไลท์เลย! หลายคนบอกว่าลื่นไหลสุดๆ ทำงานหนักๆ ได้สบาย ไม่ค้าง ไม่กระตุก
• หน้าจอสวย: จอ Liquid Retina สีสันสดใส คมชัด ดูหนัง ดูรูป หรือทำงานกราฟิกก็ฟิน
• กล้องหน้าแนวนอน: อันนี้โดนใจสายวิดีโอคอลมากๆ เพราะใช้งานได้ถนัดขึ้นเยอะ
• น้ำหนักเบา พกง่าย: ยังคงคอนเซ็ปต์ Air พกไปไหนมาไหนสะดวก ไม่เป็นภาระ
• แบตเตอรี่อึด: ใช้งานได้ตลอดวัน ไม่ต้องคอยชาร์จบ่อยๆ
• รองรับ Apple Pencil Pro: ใครเป็นสายจด สายวาด บอกเลยว่าฟังก์ชันใหม่ๆ ของ Pencil Pro มันดีจริงๆ!

ส่วนข้อสังเกตที่บางคนอาจจะพูดถึงคือเรื่องที่ ยังไม่มีจอ ProMotion 120Hz เหมือน iPad Pro ทำให้การเลื่อนหน้าจออาจจะไม่ได้ลื่นไหลเท่ารุ่นพี่ใหญ่ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ การใช้งานทั่วไปก็ถือว่าลื่นพอแล้วนะ ไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้น

โดยรวมแล้ว ฟีดแบ็กของคนไทยกับ iPad Air 6 ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะในแง่ของ ประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับราคา เมื่อเทียบกับ iPad Pro จ้า

7. จะไปหาซื้อได้ที่ไหนดีล่ะ?

สำหรับช่องทางการซื้อ iPad Air 6 ในไทยเนี่ย มีให้เลือกเยอะเลยจ้า สะดวกแบบไหนก็จัดไปตามนั้นเลย:

• Apple Store Online (ประเทศไทย): ช่องทางนี้ชัวร์สุด ได้ของแท้แน่นอน มีบริการสลักชื่อฟรีด้วยนะ บางทีก็มีโปรโมชั่นผ่อน 0% หรือ Trade In เครื่องเก่าได้เครดิต
• ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: เช่น Studio 7, iStudio by SPVi, BaNANA, JIB, Power Buy, Central, The Mall พวกนี้ก็ไว้ใจได้ ได้ของแท้ มีประกันศูนย์ ข้อดีคือไปดูเครื่องจริงได้ ลองจับลองเล่นก่อนตัดสินใจซื้อ บางทีก็มีโปรโมชั่นหน้าร้าน หรือโปรโมชั่นผ่อนกับบัตรเครดิตต่างๆ ด้วยนะ
• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่: อย่าง Lazada และ Shopee เป็นแหล่งรวมร้านค้าเยอะมากๆ ทั้งร้าน Official Store ของแบรนด์เอง และร้านตัวแทนจำหน่าย ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ ราคาแข่งขันสูง หาโปรโมชั่นได้ง่าย มีโค้ดส่วนลด มีระบบจ่ายเงินที่หลากหลาย และมีบริการเก็บเงินปลายทางด้วย แต่ต้องเลือกซื้อกับร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ หรือเป็นร้านค้าทางการนะจ๊ะ
• ร้านค้าของผู้ให้บริการเครือข่าย: เช่น AIS, True, Dtac บางทีเค้าก็มีโปรโมชั่นซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจที่ราคาถูกลง หรือมีโปรโมชั่นผ่อนยาวๆ ลองเช็คกับค่ายที่ใช้อยู่ดูก็ได้

เลือกช่องทางที่สะดวกและมั่นใจที่สุดเลยจ้า

8. สรุปแล้ว iPad Air 6 น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว! ถามว่า iPad Air 6 น่าซื้อไหม? บอกเลยว่า น่าซื้อมากๆ ถ้าคุณกำลังมองหาแท็บเล็ตที่ ประสิทธิภาพสูง แต่ ราคาไม่แรงเท่าตัวท็อป มันเป็นเหมือนลูกครึ่งที่ลงตัวมากๆ ระหว่าง iPad รุ่นธรรมดา กับ iPad Pro

เหมาะกับใคร? เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องที่แรงพอจะทำงาน เรียน สร้างสรรค์ หรือเล่นเกมหนักๆ ได้อย่างสบายๆ อยากได้ความบางเบา พกพาสะดวก และอยากใช้งานร่วมกับ Apple Pencil Pro หรือ Magic Keyboard ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สำหรับใครที่งบประมาณถึง iPad Air 6 นี่คือตัวเลือกที่ คุ้มค่า สุดๆ ในปีนี้แล้วจ้า! ส่วนจะเลือกรุ่น 11 นิ้ว หรือ 13 นิ้ว, Wi-Fi หรือ Cellular, ความจุเท่าไหร่ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานส่วนตัวเลย ถ้าเน้นพกพาบ่อยๆ 11 นิ้วก็เหมาะ ถ้าชอบจอใหญ่ๆ ดูหนัง เล่นเกม ทำงานเต็มตา 13 นิ้วก็จัดไป ส่วนความจุ ถ้าแค่ดูหนังฟังเพลง เล่นโซเชียล 128GB ก็อาจจะพอ แต่ถ้าเก็บรูปเยอะ ลงแอปเยอะ ทำงานวิดีโอ ก็ขยับความจุไปเลยจ้า จะได้ไม่ต้องมานั่งลบไฟล์ทีหลังให้เสียอารมณ์

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อ iPad Air 6 ของทุกคนนะจ๊ะ ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ แล้วสนุกกับการใช้งานไอแพดคู่ใจกันทุกคนเลยจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• [spin9] คลิปเดียวเคลียร์! ปี 2024 ซื้อ iPad รุ่นไหนดี?
• 1 สัปดาห์หลังใช้ iPad Air 6 - เทียบ Air5 และ Pro M2
• iPad Air 6 vs iPad Pro M2 งบ 20000 เลือกรุ่นไหนดี ???
• iPad Buying Guide 2025 ซื้อไอแพดรุ่นไหนดีจากทุกรุ่นที่ขายอยู่ ...
• iPad น่าซื้องบ 20000 มือหนึ่งและมือสอง [ต้นปี 2025]