iPad Air 6 (รุ่นปี 2024/2025) ราคาล่าสุดในไทย เริ่มต้นเท่าไหร่?

สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องแท็บเล็ตตัวท็อปที่หลายคนรอคอยอย่าง iPad Air รุ่นล่าสุด (ที่เพิ่งเปิดตัวปี 2024 ไปหมาดๆ นี่แหละ!) กัน ใครที่กำลังเล็งๆ iPad ตัวใหม่ ดีไซน์สวย ฟังก์ชันครบครัน แถมยังราคาสบายกระเป๋ากว่าตัว Pro มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึกเรื่องราคาล่าสุดในไทยให้ฟังแบบหมดเปลือก แถมด้วยเคล็ดลับช้อปยังไงให้คุ้มค่า จนเงินในบัญชีสั่น! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!

1. ผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า iPad Air รุ่นล่าสุด นี่มันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันคือแท็บเล็ตตัวกลางจากค่าย Apple แบรนด์ระดับโลกจากอเมริกาที่ไม่มีใครไม่รู้จัก! Apple นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์สวยงามล้ำยุค ระบบใช้ง่าย และสเปกแรงๆ อยู่แล้วนะ ตัว iPad Air เนี่ยจะวางตำแหน่งอยู่ระหว่างรุ่นน้องสุดคุ้มอย่าง iPad ธรรมดา กับรุ่นพี่ใหญ่สายโปรอย่าง iPad Pro จ้า รุ่นล่าสุดที่ว่านี้ เค้าอัปเกรดมาใช้ชิป Apple M2 ซึ่งเป็นชิปตัวแรงมากๆ เทียบเท่ารุ่นพี่ Pro เมื่อก่อนเลยนะ ทำให้การทำงานต่างๆ ลื่นไหลปรื้ดปร้าด จะเล่นเกมหนักๆ ตัดต่อวิดีโอ ทำกราฟิก หรือทำงานเอกสาร เปิดหลายๆ แอปพร้อมกันก็ไม่มีสะดุด เหมาะมากๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน หรือใครก็ตามที่อยากได้แท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงไว้ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเพื่อความบันเทิง หรือทำงานจริงจัง ตัวนี้นี่แหละที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ในตลาดไทยตอนนี้เลยจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ iPad Air รุ่นล่าสุด (M2) เนี่ย ต้องบอกว่ารอบนี้ Apple ใจดี มีมาให้เลือกถึง 2 ขนาดหน้าจอเลยนะ คือ 11 นิ้ว กับ 13 นิ้ว ราคาเริ่มต้นก็จะต่างกันไปตามขนาดหน้าจอ ความจุ และรองรับ Cellular หรือไม่จ้า

ราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย (โดยประมาณ)

• iPad Air 11 นิ้ว (ชิป M2)

• รุ่น Wi-Fi: เริ่มต้นประมาณ 23,900 บาท (฿) สำหรับความจุ 128GB

• รุ่น Wi-Fi + Cellular: เริ่มต้นประมาณ 28,900 บาท (฿) สำหรับความจุ 128GB

• iPad Air 13 นิ้ว (ชิป M2)

• รุ่น Wi-Fi: เริ่มต้นประมาณ 29,900 บาท (฿) สำหรับความจุ 128GB

• รุ่น Wi-Fi + Cellular: เริ่มต้นประมาณ 34,900 บาท (฿) สำหรับความจุ 128GB

ราคาก็จะสูงขึ้นไปตามความจุที่มากขึ้นนะ มีให้เลือกตั้งแต่ 128GB, 256GB, 512GB ไปจนถึง 1TB เลย ส่วนช่องทางการซื้อเนี่ย สามารถหาซื้อได้ที่ Apple Store ออนไลน์ (thailand.apple.com) หรือ Apple Store สาขา Central World และ Iconsiam นอกจากนี้ก็มีร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียบเลยจ้า ทั้งค่ายมือถือใหญ่ๆ อย่าง AIS, True, Dtac หรือร้านอุปกรณ์ไอทีชื่อดังอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy รวมถึงห้างสรรพสินค้าอย่าง Central หรือตามร้านค้า Official บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada และ Shopee ก็มีให้เลือกซื้อนะจ๊ะ

ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับราคาในไทยเนี่ย Apple เค้าคิดมาแล้วจ้า ราคาที่ประกาศในไทยก็จะเป็นราคาสุทธิที่เราต้องจ่ายนั่นแหละ อาจจะมีบวกภาษีหรือค่าธรรมเนียมเล็กน้อยที่สะท้อนถึงต้นทุนต่างๆ ในการนำเข้ามาขายในบ้านเรานะจ๊ะ

3. แล้วเทียบกับรุ่นอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบกับแท็บเล็ตตัวอื่นๆ ในตลาดตอนนี้เนี่ย iPad Air รุ่นล่าสุด (M2) ถือว่าเป็นตัวที่น่าสนใจมากๆ ในช่วงราคานี้เลยนะ ถ้าเทียบกับ iPad ธรรมดา รุ่นล่าสุด ราคาเริ่มต้นจะถูกกว่าเยอะเลย แต่สเปกชิปก็จะด้อยกว่า (เป็นชิป A Series) เหมาะกับการใช้งานทั่วไปมากกว่า ส่วนถ้าเทียบกับ iPad Pro รุ่นล่าสุด (M4) อันนั้นสเปกจะแรงกว่าไปอีกระดับ ใช้ชิป M4 ใหม่ล่าสุด หน้าจอเป็นแบบ OLED ที่สวยกว่า แถมยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่เหนือกว่า แต่! ราคาก็จะโดดไปไกลมากๆ เลยจ้า เริ่มต้นนี่มีสามหมื่นปลายๆ ไปจนถึงห้าหกหมื่นนู่นเลย

หรือถ้าเทียบกับแท็บเล็ตฝั่ง Android อย่าง Samsung Galaxy Tab S Series รุ่นตัวท็อปๆ ราคาก็ใกล้เคียงหรืออาจจะสูงกว่า iPad Air นิดหน่อย ขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่น ซึ่งฝั่ง Samsung ก็มีข้อดีตรงที่มีปากกา S Pen มาให้ในกล่องเลย (iPad ต้องซื้อ Apple Pencil เพิ่มนะ!) และระบบ Android ที่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งมากกว่า

สรุปคือ iPad Air (M2) เนี่ย เป็นตัวที่ มีความคุ้มค่า อยู่ตรงกลางจ้า ได้สเปกแรงใกล้เคียงตัวโปรในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ระดับโปรขั้นสุด หรือมีงบประมาณจำกัดกว่าการซื้อรุ่น Pro จ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

อันนี้แหละที่ต้องทำความเข้าใจนิดนึงนะ สำหรับ iPad Air รุ่นล่าสุด ที่ซื้อในไทย สิ่งที่เราจะได้มาในกล่องหลักๆ ก็คือ:

• ตัวเครื่อง iPad Air
• สายชาร์จ USB-C

ใช่แล้วจ้า! หัวชาร์จ USB-C เค้าไม่แถมมาให้ในกล่องแล้วนะ! เราจะต้องหาซื้อหัวชาร์จเองนะจ๊ะ แนะนำให้ใช้หัวชาร์จ USB-C ที่รองรับ Power Delivery (PD) กำลังไฟ 20W ขึ้นไป เพื่อการชาร์จที่เร็วและเต็มประสิทธิภาพจ้า

ส่วนเรื่อง การรับประกัน อันนี้หายห่วงได้เลย เพราะ Apple เค้าให้การรับประกันแบบจำกัด (Limited Warranty) ระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่เราซื้อ สามารถนำเครื่องเข้าเคลมหรือซ่อมได้ที่ศูนย์บริการ Apple Authorized Service Provider ทั่วประเทศไทยเลยนะ ถ้าเครื่องมีปัญหาที่เกิดจากการผลิต อันนี้คนไทยให้ความสำคัญมากๆ อยู่แล้วเนอะ เรื่องประกันเนี่ย!

สำหรับ ค่าจัดส่ง ถ้าสั่งซื้อออนไลน์จาก Apple Store โดยตรง หรือจากร้าน Official บน Lazada/Shopee ส่วนใหญ่มักจะมีบริการ จัดส่งฟรี ให้ถึงบ้านเลยจ้า อันนี้ก็สะดวกมากๆ ไม่ต้องเดินทางไปซื้อเอง

ส่วน ของแถม อุปกรณ์เสริม คูปอง หรือโปรโมชั่นต่างๆ อันนี้จะขึ้นอยู่กับร้านค้าหรือช่วงเวลาที่เราซื้อเลยนะ บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นแถมฟิล์มกันรอย เคส หรือส่วนลดสำหรับการซื้อ Apple Pencil หรือ Magic Keyboard เพิ่มเติม บางทีซื้อกับค่ายมือถือ อาจจะมีโปรพ่วงกับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต หรือส่วนลดพิเศษ อันนี้ต้องคอยติดตามโปรโมชั่นของแต่ละร้านเลยจ้า

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

แน่นอนว่าถ้าอยากได้ของดีราคาโดน ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! ถึงแม้ Apple จะไม่ค่อยลดราคาเครื่อง iPad แบบตรงๆ บ่อยนัก แต่ร้านตัวแทนจำหน่ายต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์เค้ามักจะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ นะจ๊ะ

• ช่วง Double Digit Sale: อันนี้พลาดไม่ได้เลย! ช่วง 11.11, 12.12 ของ Lazada กับ Shopee เนี่ย เป็นช่วงที่ร้านค้าต่างๆ อัดโปรโมชั่นกันสุดๆ อาจจะมีส่วนลดพิเศษ โค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์ม หรือโปรโมชั่นผ่อน 0% ยาวๆ ให้ใช้
• ช่วงเทศกาลสำคัญของไทย: อย่าง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ บางทีร้านค้าต่างๆ ก็อาจจะมีจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อต้อนรับเทศกาลนะจ๊ะ
• ช่วงเปิดเทอม/Back to School: Apple มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาในช่วงนี้ ซึ่งมักจะได้ส่วนลดพิเศษสำหรับ iPad และ Mac รวมถึงอาจจะแถม AirPods ด้วย อันนี้คุ้มมากๆ สำหรับกลุ่มนักเรียนนะ!
• โปรโมชั่นจากร้านตัวแทนจำหน่าย: ร้านอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy หรือค่ายมือถือต่างๆ เค้าก็จะมีโปรโมชั่นของตัวเองออกมาเรื่อยๆ ทั้งส่วนลด ผ่อน 0% หรือแลกซื้ออุปกรณ์เสริมในราคาพิเศษ ก็ต้องคอยเช็คหน้าร้านหรือเว็บไซต์ของเค้าเป็นประจำนะจ๊ะ

สรุปคือ ถ้าไม่รีบมากๆ รอช่วงโปรโมชั่น เนี่ย มีโอกาสได้ราคาที่ดีขึ้น หรือได้ของแถมที่น่าสนใจกว่าเดิมเยอะเลยจ้า!

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวหรือคอมเมนต์ของคนไทยที่ได้สัมผัส iPad Air รุ่นล่าสุด (M2) เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ถือว่าดีมากๆ เลยนะ จุดที่คนไทยชอบมากๆ เลยก็คือ:

• ความแรงของชิป M2: หลายคนว้าวกับประสิทธิภาพที่ได้มากๆ เพราะมันแรงพอๆ กับรุ่น Pro ก่อนหน้านี้เลย เอาไปทำงานหนักๆ ได้สบายๆ
• ขนาดหน้าจอที่หลากหลาย: การที่มีตัวเลือก 13 นิ้วเข้ามา ทำให้คนที่อยากได้จอใหญ่ขึ้น แต่ไม่อยากไปรุ่น Pro ก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมา
• ดีไซน์ที่ยังคงความสวยงาม: iPad Air ดีไซน์เค้าสวย เพรียวบางอยู่แล้ว รอบนี้มีสีใหม่ๆ ให้เลือกด้วย ยิ่งถูกใจคนรุ่นใหม่
• รองรับ Apple Pencil Hover: อันนี้เป็นฟีเจอร์ที่มีในรุ่น Pro มาก่อน ช่วยให้วาดรูปหรือจดโน้ตได้ง่ายขึ้น แม่นยำขึ้น ถูกใจสายอาร์ตและนักเรียนแน่นอน
• ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสเปก: เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ในราคาเริ่มต้นที่สองหมื่นกลางๆ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า มากๆ เลยนะ

ส่วนจุดที่อาจจะต้องพิจารณาก็คือเรื่องที่ไม่ได้แถมหัวชาร์จมาให้ และหน้าจอยังเป็นแบบ Liquid Retina (IPS LCD) ไม่ใช่ OLED แบบรุ่น Pro ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความคาดหวังและงบประมาณของแต่ละคนจ้า

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำในการซื้อ iPad Air รุ่นล่าสุด (M2) ในไทยก็มีตามนี้เลยจ้า:

• Apple Store: ทั้งแบบออนไลน์ (thailand.apple.com) และหน้าร้าน (Central World, Iconsiam) เป็นช่องทางที่ชัวร์ที่สุด ได้ของแท้แน่นอน และสามารถใช้บริการหลังการขายได้สะดวก ข้อดีคือสามารถสั่งสลักชื่อบน iPad ได้ฟรีด้วยนะ!
• ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Apple Authorized Resellers): ร้านใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy หรือร้านค้าของค่ายมือถืออย่าง AIS Shop, True Shop, Dtac Shop ช่องทางเหล่านี้ก็เป็นของแท้ เชื่อถือได้ มีหน้าร้านให้ไปดูเครื่องจริง สัมผัสของจริงได้ พนักงานให้ข้อมูลได้ และมักจะมีโปรโมชั่นผ่อน 0% กับบัตรเครดิตต่างๆ ด้วย
• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่: เช่น Shopee และ Lazada โดยเฉพาะร้านค้าที่เป็น Official Store ของ Apple หรือร้านค้าของตัวแทนจำหน่ายที่มาเปิดบนแพลตฟอร์ม ข้อดีคือสะดวกมากๆ สั่งได้ทุกที่ทุกเวลา มีโปรโมชั่นหรือโค้ดส่วนลดบ่อยๆ และมีรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ ให้ดูประกอบการตัดสินใจ แต่ก็ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือมากๆ นะจ๊ะ ดูจากยอดขาย รีวิว และคะแนนร้านเป็นหลักจ้า

แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อ ลองเช็คราคาและโปรโมชั่นจากหลายๆ ที่ก่อนนะ บางทีแต่ละร้านอาจจะมีโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน ทำให้เราได้ราคาที่ดีที่สุดจ้า

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า iPad Air รุ่นล่าสุด (M2) น่าซื้อไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า ถ้าคุณเป็นคนที่:

• ต้องการแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูง ไว้ใช้งานหนักๆ ทั้งทำงานและความบันเทิง
• มีงบประมาณจำกัด กว่าการซื้อรุ่น Pro แต่ยังอยากได้สเปกที่แรงพอตัว
• ชอบดีไซน์สวยงาม พกพาง่าย มีให้เลือกหลายสี หลายขนาด
• เป็นแฟนคลับ Apple และต้องการอุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกับ iPhone หรือ Mac ได้อย่างราบรื่น
• ต้องการแท็บเล็ตที่รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil (รุ่นใหม่) และ Magic Keyboard ได้เต็มประสิทธิภาพ

เจ้า iPad Air (M2) คือคำตอบที่ลงตัวมากๆ เลยจ้า ได้ความแรงของชิป M2 ในราคาที่สมเหตุสมผล ถือเป็นรุ่นที่ คุ้มค่าคุ้มราคา สุดๆ ในไลน์อัพ iPad ตอนนี้เลยก็ว่าได้

ส่วนจะเลือกรุ่น 11 นิ้ว หรือ 13 นิ้ว ก็ขึ้นอยู่กับความชอบในการใช้งานเลยจ้า ถ้าเน้นพกพาสะดวก ไม่ใหญ่เทอะทะ 11 นิ้วก็พอแล้ว แต่ถ้าชอบจอใหญ่ๆ ไว้ดูหนัง ทำงาน หรือวาดรูปเต็มๆ ตา 13 นิ้วก็ตอบโจทย์กว่านะ ส่วนความจุ 128GB ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป เก็บรูป วิดีโอ แอปพลิเคชันได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบเก็บไฟล์เยอะๆ หรือลงแอปใหญ่ๆ เยอะๆ อาจจะต้องพิจารณาความจุที่มากขึ้นนะจ๊ะ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังตัดสินใจซื้อ iPad Air รุ่นล่าสุด นะจ๊ะ ขอให้ได้ iPad ที่ถูกใจ เอาไปใช้งานได้อย่างมีความสุขจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• iPad งบ 20000 บาท รุ่นไหนคุ้มสุดในปี 2025 [Back to School]
• ต้นปี2025 iPad Air6 ที่ราคาไม่ถึง 2หมื่น น่าซื้อมั้ย!? | อาตี๋รีวิว EP.2077
• iPad Buying Guide 2025 ซื้อไอแพดรุ่นไหนดีจากทุกรุ่นที่ขายอยู่ ...
• ชื้อ iPad Air 6 ในปี 2025 ยังน่าใช้ไหม
• รีวิว iPad 11 | คุ้มสุดสำหรับสายเรียน สายทำงานเบา ๆ ปี 2025 ใช้จริง ...