10 The Ordinary ตัวไหนดี ปี 2025 แก้ปัญหาผิว ส่วนผสมเข้มข้น


สวัสดีครับเพื่อนๆ สายสกินแคร์ที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตก! 🐔 วงการบิวตี้เนี่ยหมุนไวเว่อร์ แถมมีผลิตภัณฑ์ออกมาใหม่เยอะจนตามไม่หวาดไม่ไหว โดยเฉพาะแบรนด์ที่เน้นส่วนผสมเพียวๆ ราคาเป็นมิตรอย่าง The Ordinary เนี่ย ฮิตในไทยแบบฉุดไม่อยู่จริงๆ ครับ
แต่พอฮิตมากๆ มันก็มาพร้อมกับปัญหาโลกแตกคือ... ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี? ตัวไหนเหมาะกับผิวเรา? ตัวไหนแก้ปัญหาตรงจุด? เพราะ The Ordinary เขามีไลน์สินค้าที่เน้นส่วนผสมเดี่ยวๆ หรือผสมน้อยๆ แถมชื่อก็ดูเป็นเคมีไปหมด! อ่านแล้วมึนตึ้บ!
ไม่ต้องกังวลไปครับ! วันนี้ผมจะมาเป็นไกด์ส่วนตัว พาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 10 ตัวเด็ดจาก The Ordinary ที่ฮิตติดลมบนและช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ ได้ตรงจุดสุดๆ แถมอัปเดตปี 2025 แล้วด้วยนะ รับรองว่าอ่านจบปุ๊บ จะเลือกซื้อใช้เองก็ได้ หรือจะป้ายยาเพื่อนต่อก็เริ่ด!
ตลาด The Ordinary ในไทย ฮอตแค่ไหน ทำไมใครๆ ก็ใช้?
บอกเลยว่า The Ordinary นี่เข้ามาเขย่าวงการสกินแคร์ในไทยแบบจริงจังมากครับ ด้วยคอนเซ็ปต์ "Clinical formulations with integrity" หรือ "สูตรทางคลินิกที่ซื่อสัตย์" ที่เน้นส่วนผสมคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นขวัญใจคนไทยไปอย่างรวดเร็ว
ในไทย The Ordinary เป็นแบรนด์นำเข้าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ไม่ได้มีแบรนด์ท้องถิ่นที่ทำแนวทางนี้มาแข่งแบบตรงๆ ส่วนใหญ่คนไทยจะรู้จักและเริ่มใช้จากรีวิวในโซเชียลมีเดีย บล็อกเกอร์ หรือยูทูปเบอร์ต่างๆ ที่แนะนำกันปากต่อปาก จนกลายเป็นกระแสว่า "ของมันต้องมี"
พฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยเน้นความคุ้มค่า และเปิดรับสกินแคร์ที่เน้นส่วนผสมที่ "เห็นผลจริง" ไม่ต้องมีแพ็กเกจจิ้งหรูหรามากนัก The Ordinary ตอบโจทย์ตรงนี้สุดๆ ครับ ทำให้ช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee กลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมที่มีร้านค้าทั้ง Official Store และร้านหิ้วเยอะแยะไปหมด นอกจากนี้ยังหาซื้อได้ตามร้านบิวตี้ชั้นนำอย่าง Sephora และ EVEANDBOY ด้วย
ปัญหาผิวที่คนไทยเจอบ่อยๆ ทั้งสิว ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และความมันจากอากาศร้อนชื้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่าง Niacinamide, AHA/BHA หรือ Alpha Arbutin ของ The Ordinary ได้รับความนิยมเป็นพิเศษครับ
เลือก The Ordinary ตัวไหนดี? ต้องดูอะไรบ้าง?
ก่อนจะพุ่งตัวไปตำ เรามาดูปัจจัยสำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์ The Ordinary ที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของเรากันดีกว่าครับ เพราะอย่างที่บอก แบรนด์นี้เขาเน้นส่วนผสม ต้องเข้าใจผิวตัวเองและส่วนผสมให้ดีถึงจะใช้แล้วเห็นผล แถมปลอดภัยด้วยนะ!
- รู้จักสภาพผิวและปัญหาผิวตัวเอง: ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวแพ้ง่าย เป็นสิว มีจุดด่างดำ ริ้วรอย หรือผิวหมองคล้ำ? ลิสต์ปัญหาที่อยากแก้มาเลยครับ
- ศึกษา "ส่วนผสม" สำคัญ: The Ordinary เขามีส่วนผสมหลากหลาย แต่ละตัวก็แก้ปัญหาต่างกัน เช่น Niacinamide ช่วยเรื่องสิว คุมมัน ลดรอยแดง AHA/BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว Vitamin C ช่วยเรื่องความกระจ่างใส Retinoids ช่วยเรื่องริ้วรอยและสิว Peptides ช่วยเรื่องความกระชับ
- ดู "ความเข้มข้น" ให้เหมาะสม: บางส่วนผสมมีหลายความเข้มข้น เช่น Lactic Acid มี 5% และ 10% Retinol มีตั้งแต่ 0.2% ไปจนถึง 1% ถ้าไม่เคยใช้ active ingredients มาก่อน ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำๆ ก่อนเสมอ เพื่อให้ผิวปรับตัว และลดความเสี่ยงในการระคายเคืองครับ
- ตรวจสอบ "วิธีการใช้" และ "ข้อควรระวัง": แต่ละผลิตภัณฑ์มีวิธีใช้ที่ต่างกัน ใช้เช้าหรือเย็น? ทาก่อนหรือหลังเซรั่มตัวอื่น? ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง? อันนี้สำคัญมาก! เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Vitamin C บริสุทธิ์ (L-Ascorbic Acid) ไม่ควรใช้พร้อมกับ Niacinamide หรือกลุ่ม Peptides กลุ่ม Retinoids ก็ไม่ควรใช้พร้อมกับ Direct Acids (AHA/BHA)
- ดู "รีวิว" จากผู้ใช้ในไทย: สภาพอากาศและปัจจัยแวดล้อมในไทยอาจส่งผลต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างจากประเทศอื่น การอ่านรีวิวจากคนไทยด้วยกันในกลุ่มรีวิวต่างๆ, Pantip, หรือในแพลตฟอร์มช้อปปิ้งจะช่วยให้เห็นภาพผลลัพธ์และข้อควรระวังได้ชัดเจนขึ้นครับ
- เช็ค "แหล่งที่ซื้อ" และ "ราคา": The Ordinary มีของปลอมระบาดเยอะมากกกก! ควรซื้อจากร้านค้าทางการที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เช่น Official Store ใน Shopee/Lazada, Sephora, EVEANDBOY เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นของแท้ ราคาอาจแตกต่างกันไปตามโปรโมชั่น ลองเปรียบเทียบดูก่อนซื้อครับ
ปักหมุด! 10 The Ordinary ตัวเด็ด ปี 2025 ที่คนไทยปลื้ม!
มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย! นี่คือ 10 ผลิตภัณฑ์จาก The Ordinary ที่ฮิตสุดๆ ในไทย และตอบโจทย์ปัญหาผิวได้หลากหลาย พร้อมข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ
1. Niacinamide 10% + Zinc 1%
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: เซรั่มเบสน้ำ ตัวดังตลอดกาล เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายคนนึกถึง The Ordinary มีส่วนผสมหลักคือ Niacinamide (วิตามินบี 3) 10% และ Zinc PCA 1%
- แก้ปัญหา: ลดปัญหาสิว ลดการอักเสบ ควบคุมความมันบนใบหน้า ลดรอยแดงจากสิว กระชับรูขุมขน และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
- ข้อดี: เนื้อบางเบา ซึมง่าย ราคาเข้าถึงง่ายมาก ช่วยให้ผิวโดยรวมแข็งแรงขึ้นได้ดี
- ข้อเสีย: บางคนอาจมีอาการระคายเคืองเล็กน้อยในช่วงแรก หรือรู้สึกยิบๆ และอาจเกิดปัญหากับการลงผลิตภัณฑ์ตัวอื่นต่อ (pilling)
- เหมาะกับใคร: ผิวมัน เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้าง มีรอยแดงจากสิว หรือผิวที่เกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 3xx - 5xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "ใช้แล้วสิวผดลดลง หน้ามันน้อยลงจริง!", "ตัวนี้ลูกรักเลย ช่วยเรื่องรอยแดงได้ดีมาก", "บางทีก็เป็นขุยๆ เวลาลงตัวอื่นต่อ แต่ผลลัพธ์ถือว่าคุ้มราคา".
2. Hyaluronic Acid 2% + B5
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: เซรั่มเติมน้ำให้ผิวสูตรเบสน้ำ มี Hyaluronic Acid หลายโมเลกุลขนาด ช่วยส่งน้ำเข้าสู่ผิวได้ลึกหลายระดับ และมี Vitamin B5 ช่วยปลอบประโลมและเสริมการทำงานของเกราะป้องกันผิว
- แก้ปัญหา: ผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย ผิวไม่เรียบเนียน และริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้น
- ข้อดี: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟูทันทีหลังใช้ เนื้อบางเบา ซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะ (ในสูตรปรับปรุงใหม่) ใช้ได้กับทุกสภาพผิว
- ข้อเสีย: บางคนยังรู้สึกว่าเนื้อค่อนข้างเหนียวเหนอะหนะอยู่บ้าง (ในสูตรเก่า)
- เหมาะกับใคร: ทุกสภาพผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนผิวแห้งหรือขาดน้ำ
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 4xx - 6xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "ผิวอิ่มน้ำขึ้นทันที แต่งหน้าติดทนขึ้นเยอะ!", "ใช้คู่กับ Niacinamide คือดีงาม ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้น", "เนื้อดีขึ้นกว่าสูตรเก่าเยอะ ไม่เหนียวแล้ว".
3. AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: มาสก์ผลัดเซลล์ผิวแบบล้างออก มีความเข้มข้นของ AHA สูงถึง 30% และ BHA 2% มีสีแดงโดดเด่น
- แก้ปัญหา: ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีสิวอุดตัน รอยสิว และผิวไม่เรียบเนียน ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างรวดเร็ว
- ข้อดี: เห็นผลชัดเจนเรื่องความกระจ่างใสและผิวเรียบเนียนตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ช่วยลดสิวอุดตันได้ดี
- ข้อเสีย: มีความเข้มข้นสูงมาก อาจทำให้เกิดการระคายเคือง แสบ แดง ลอกได้ง่ายมาก ไม่เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือมีสิวอักเสบ ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและจำกัดเวลา (ไม่เกิน 10 นาที) และห้ามโดนแดดเด็ดขาดหลังใช้ (สำคัญมากสำหรับแดดเมืองไทย!)
- เหมาะกับใคร: ผิวที่ไม่บอบบาง มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีสิวอุดตัน และต้องการการผลัดเซลล์ผิวแบบเร่งด่วน (ใช้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง)
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้ (บางครั้งอาจจะ Out of Stock)
- ช่วงราคา: ประมาณ 6xx - 8xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "มาสก์เลือดตัวดัง ใช้แล้วหน้าใสปิ๊งทันที!", "แสบยิบๆ ตอนใช้ แต่ล้างออกแล้วหน้านุ่มมาก", "ตัวนี้แรงจริง ต้องใช้ระวังๆ ห้ามลืมทากันแดดเด็ดขาด!".
4. Glycolic Acid 7% Toning Solution
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวที่มี Glycolic Acid (AHA) 7% ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
- แก้ปัญหา: ผิวหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ และช่วยทำความสะอาดผิวหลังล้างหน้า ช่วยให้สกินแคร์ตัวอื่นซึมได้ดีขึ้น สามารถใช้กับผิวกายเพื่อลดขนคุด รอยดำด้าน ได้ด้วย
- ข้อดี: เป็น AHA ที่โมเลกุลเล็ก ซึมง่าย ใช้ได้หลากหลาย ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ปริมาณเยอะ คุ้มค่า
- ข้อเสีย: อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด บางคนอาจรู้สึกยิบๆ หรือระคายเคืองได้ โดยเฉพาะช่วงแรกที่ใช้
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนทุกวันหรือวันเว้นวัน ผิวไม่บอบบางมาก มีปัญหาผิวหมองคล้ำหรือไม่เรียบเนียน
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 6xx - 8xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "เป็นโทนเนอร์ที่ใช้เช็ดหลังล้างหน้า สะอาดสดชื่นดี", "ใช้กับข้อศอก หัวเข่าที่ด้านๆ คือเวิร์คมาก!", "ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น".
5. Alpha Arbutin 2% + HA
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: เซรั่มเบสน้ำสำหรับลดเลือนจุดด่างดำ มี Alpha Arbutin 2% และ Hyaluronic Acid เป็นส่วนผสมหลัก
- แก้ปัญหา: จุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
- ข้อดี: เป็นส่วนผสมที่ช่วยเรื่องจุดด่างดำโดยเฉพาะ ทำงานได้ดีกับรอยหลังการเกิดสิว อ่อนโยนกว่ากลุ่มผลัดเซลล์ผิว ใช้ได้ทุกวัน
- ข้อเสีย: อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลชัดเจน บางคนอาจรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อย
- เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหารอยสิว จุดด่างดำ ฝ้า กระ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 5xx - 7xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "รอยสิวจางลงไวขึ้นเยอะ!", "ใช้หมดไปหลายขวดแล้ว จุดด่างดำดูจางลงจริง แต่ต้องใช้ต่อเนื่อง", "เนื้อซึมง่ายดี".
6. Lactic Acid 10% + HA
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: เซรั่มผลัดเซลล์ผิวกลุ่ม AHA ที่มีความอ่อนโยนกว่า Glycolic Acid มี Lactic Acid 10% และ Hyaluronic Acid
- แก้ปัญหา: ผิวหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน มีรอยสิวเล็กๆ ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน พร้อมให้ความชุ่มชื้นไปด้วย
- ข้อดี: อ่อนโยนกว่า Glycolic Acid เหมาะกับคนที่ผิวค่อนข้างแห้งหรือเพิ่งเริ่มต้นใช้ AHA ช่วยให้ผิวนุ่ม เรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้น
- ข้อเสีย: ยังคงทำให้ผิวไวต่อแสงแดดได้ ต้องใช้กันแดดเสมอ อาจเกิดอาการยิบๆ ได้บ้างในช่วงแรก
- เหมาะกับใคร: คนที่อยากผลัดเซลล์ผิว แต่ผิวค่อนข้างแห้งหรือ sensitive กว่าคนที่ใช้ Glycolic Acid ได้ดี
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 5xx - 7xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "เป็น AHA ที่อ่อนโยนกว่าตัวสีแดงเยอะ ใช้ได้เรื่อยๆ", "ช่วยให้ผิวดูไบรท์ขึ้น รอยสิวจางลงนิดหน่อย", "ผิวแพ้ง่ายลองตัวนี้ก่อน AHA 30% ได้เลย".
7. Multi-Peptide + HA Serum (ชื่อเดิม "Buffet")
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: เซรั่มรวม Peptides หลายชนิด ผสมกับ Hyaluronic Acid เป็นสูตรที่ช่วยดูแลปัญหาผิวหลายด้านในขวดเดียว (Buffet สมชื่อ!)
- แก้ปัญหา: สัญญาณแห่งวัยต่างๆ ทั้งริ้วรอยตื้นๆ ความหย่อนคล้อย ผิวขาดความกระชับ และผิวขาดความชุ่มชื้น
- ข้อดี: ช่วยให้ผิวโดยรวมดูอิ่มฟู กระชับขึ้น และเรียบเนียนขึ้น ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ง่าย (แต่ควรเลี่ยงกลุ่ม Vitamin C บริสุทธิ์ และ Direct Acids)
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าเซรั่มส่วนผสมเดี่ยวๆ ตัวอื่นของแบรนด์ บางคนอาจรู้สึกเหนอะหนะหรือไม่เห็นผลชัดเจนเท่าที่คาดหวัง
- เหมาะกับใคร: คนที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย ต้องการเซรั่มที่ดูแลผิวแบบองค์รวม ให้ความชุ่มชื้นและช่วยเรื่องความกระชับ
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,xxx - 1,xxx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "ใช้แล้วผิวเด้งๆ ดูอิ่มฟูขึ้น", "รู้สึกว่าผิวแน่นขึ้นเล็กน้อย ใช้ดีแต่ราคาสูงไปหน่อย", "เป็นเซรั่มที่ใช้ง่าย ลงก่อนแต่งหน้าได้ดี".
8. Salicylic Acid 2% Solution (หรือ Salicylic Acid 2% Masque)
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: Salicylic Acid (BHA) เป็นกรดที่ละลายในน้ำมันได้ดี จึงสามารถซึมเข้าไปทำความสะอาดในรูขุมขนที่มีน้ำมันอุดตันได้ดี มีทั้งแบบเซรั่ม (Solution) และแบบมาสก์ (Masque)
- แก้ปัญหา: สิวอุดตัน สิวเสี้ยน รูขุมขนกว้าง และความมันบนใบหน้า
- ข้อดี: ช่วยเคลียร์ปัญหาสิวอุดตันได้ดีเยี่ยม ควบคุมความมันได้ แบบมาสก์เห็นผลเร็วในการดูดซับความมันและสิ่งสกปรก
- ข้อเสีย: อาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองได้ โดยเฉพาะแบบ Solution ที่เข้มข้น ควรใช้เฉพาะจุดหรือใช้แบบมาสก์เป็นครั้งคราวสำหรับผิวบอบบาง ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด (แม้จะเป็น BHA ก็ควรระวังแดด)
- เหมาะกับใคร: คนที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวเสี้ยน รูขุมขนกว้าง และผิวมัน
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 4xx - 7xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "มาสก์โคลนตัวนี้คือที่สุด สิวผด สิวอุดตันยุบเร็วมาก!", "ใช้แบบ Solution เฉพาะจุดสิวอุดตัน ดีมากค่ะ", "ช่วยให้สิวเสี้ยนตรงจมูกน้อยลง".
9. Ascorbic Acid 8% + Alpha Arbutin 2%
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: เซรั่มเนื้อออยล์บางเบาที่รวมพลัง Vitamin C รูปแบบ Ascorbic Acid 8% และ Alpha Arbutin 2%
- แก้ปัญหา: ความหมองคล้ำ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ข้อดี: เป็นการรวมตัวของส่วนผสมยอดฮิตเรื่องความกระจ่างใส เนื้อสัมผัสแบบออยล์เบาๆ ให้ความชุ่มชื้นไปในตัว
- ข้อเสีย: Ascorbic Acid ค่อนข้างไม่เสถียร อาจเปลี่ยนสีได้เร็ว อาจรู้สึกยิบๆ ได้บ้างในช่วงแรกที่ใช้ มีส่วนผสมของน้ำมัน อาจไม่เหมาะกับผิวมันมากๆ
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการเน้นเรื่องความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และผิวไม่มันมาก
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 6xx - 8xx บาท
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "ใช้แล้วหน้าดูไบรท์ขึ้นจริงๆ", "เนื้อเป็นออยล์แต่ไม่เหนอะหนะมาก ซึมดี", "ช่วยเรื่องรอยสิวจางๆ ได้ดี".
10. Granactive Retinoid 2% Emulsion (หรือ Retinoids ความเข้มข้นอื่นๆ)
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: กลุ่มผลิตภัณฑ์ Retinoids (อนุพันธ์วิตามินเอ) มีหลายรูปแบบและความเข้มข้นให้เลือก ตั้งแต่ Granactive Retinoid ซึ่งอ่อนโยนกว่า ไปจนถึง Retinol เข้มข้น
- แก้ปัญหา: ริ้วรอย ร่องลึก จุดด่างดำ สิว และช่วยปรับปรุงสภาพผิวโดยรวมให้เรียบเนียนขึ้น
- ข้อดี: เป็นส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าช่วยเรื่อง anti-aging และปัญหาสิวได้จริง Granactive Retinoid มีความอ่อนโยนกว่า Retinol ทั่วไป ทำให้ระคายเคืองน้อยลง
- ข้อเสีย: อาจทำให้ผิวระคายเคือง แห้ง แดง ลอกได้ โดยเฉพาะช่วงแรกที่ใช้และในความเข้มข้นสูง ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมาก ต้องใช้เฉพาะกลางคืนและทากันแดดตอนเช้าอย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการดูแลปัญหาเรื่องริ้วรอย จุดด่างดำ หรือปัญหาสิวที่ค่อนข้างเรื้อรัง (ควรเริ่มจากความเข้มข้นน้อยๆ ก่อน)
- ช่องทางการซื้อในไทย: Sephora, EVEANDBOY, Official Store บน Shopee/Lazada, ร้านพรีออเดอร์ที่เชื่อถือได้
- ช่วงราคา: ประมาณ 5xx - 8xx บาท (ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น)
- รีวิวผู้ใช้งานในไทย: "ใช้ Retinoid แล้วรู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น สิวอุดตันน้อยลง", "ริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นขึ้นนิดหน่อย แต่ต้องใช้ต่อเนื่อง", "ช่วงแรกๆ ผิวแห้งลอกนิดหน่อย แต่ทนใช้เพราะอยากได้ผล".
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนไทย!
Q: ผิวแพ้ง่ายใช้ The Ordinary ได้ไหม? ตัวไหนดี?
A: The Ordinary มีผลิตภัณฑ์ที่เน้นส่วนผสมเข้มข้น อาจไม่เหมาะกับผิวที่แพ้ง่ายมากๆ ทุกตัวครับ แต่ถ้าอยากลอง แนะนำให้เริ่มจากตัวที่อ่อนโยนก่อน เช่น Hyaluronic Acid 2% + B5 หรือ Niacinamide 10% + Zinc 1% (ทดลองใช้เฉพาะจุดเล็กๆ ก่อน) หรือกลุ่ม AHA ที่อ่อนโยนอย่าง Lactic Acid 5% (ถ้าหาได้) หรือ 10% และควรทำ Patch Test หรือทดสอบอาการแพ้ที่ท้องแขนก่อนใช้บนใบหน้าเสมอ!
Q: ซื้อ The Ordinary ในไทยที่ไหนของแท้ชัวร์?
A: เพื่อความปลอดภัยจากของปลอม ควรซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยเท่านั้นครับ เช่น Sephora, EVEANDBOY หรือ Official Store บน Shopee และ Lazada หลีกเลี่ยงร้านค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือร้านที่ขายราคาถูกผิดปกติ
Q: ตัวไหนของ The Ordinary ช่วยเรื่องรอยสิว จุดด่างดำได้ดีที่สุด?
A: ตัวเด่นๆ คือ Alpha Arbutin 2% + HA ครับ ใช้ได้ทุกวันเพื่อลดรอยสิว จุดด่างดำ หรือถ้าอยากได้แบบผลัดเซลล์ผิวเร็วๆ ก็ใช้ AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution อาทิตย์ละครั้ง (ถ้าผิวแข็งแรงพอ) หรือ Glycolic Acid 7% Toning Solution หรือ Lactic Acid 10% + HA ก็ช่วยได้เช่นกัน
Q: จำเป็นต้องใช้ The Ordinary หลายๆ ตัวพร้อมกันไหม?
A: ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกตัวครับ! The Ordinary เน้นให้เราเลือกใช้ส่วนผสมที่ตรงกับปัญหาผิวจริงๆ การใช้หลายตัวเกินไป หรือใช้ Active Ingredients หลายตัวพร้อมกัน อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย ควรเริ่มจาก 1-2 ตัวก่อน เมื่อผิวปรับตัวได้แล้วค่อยๆ เพิ่มทีละตัว และต้องศึกษาคู่ส่วนผสมที่ห้ามใช้ร่วมกันด้วยนะครับ
Q: อากาศร้อนๆ แบบเมืองไทย ใช้ The Ordinary ตัวไหนได้บ้าง?
A: ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของ The Ordinary เป็นเบสน้ำ เนื้อค่อนข้างบางเบา เหมาะกับอากาศร้อนชื้นในไทยครับ ตัวที่เหมาะเป็นพิเศษคือกลุ่มคุมมัน ลดสิว เช่น Niacinamide 10% + Zinc 1% กลุ่มให้ความชุ่มชื้นแต่ไม่เหนอะหนะอย่าง Hyaluronic Acid 2% + B5 หรือกลุ่มผลัดเซลล์ผิวที่ช่วยให้ผิวดูสะอาด ไม่อุดตัน เช่น Glycolic Acid 7% Toning Solution หรือ Salicylic Acid 2% Solution
สรุปส่งท้าย เลือก The Ordinary ให้ปัง ในปี 2025!
เป็นยังไงบ้างครับ หวังว่าลิสต์ 10 ตัวเด็ดจาก The Ordinary และข้อมูลต่างๆ จะช่วยให้เพื่อนๆ ที่กำลังเล็งๆ แบรนด์นี้อยู่ ตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่ได้ง่ายขึ้นนะครับ หัวใจสำคัญคือ ต้องรู้จักผิวตัวเอง ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ และใช้ให้ถูกวิธี!
- ถ้า งบจำกัด และมีปัญหาสิว รอยแดง ผิวมัน เริ่มที่ Niacinamide 10% + Zinc 1% เลยครับ คุ้มสุด!
- ถ้าผิว แห้งขาดน้ำ อยากได้ผิวอิ่มฟู ต้อง Hyaluronic Acid 2% + B5
- ถ้าอยากให้ผิว กระจ่างใส ลดจุดด่างดำ เน้น Alpha Arbutin 2% + HA หรือถ้าผิวแข็งแรงหน่อย ลอง AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution อาทิตย์ละครั้ง
- ถ้ามี ริ้วรอย เริ่มต้นที่ Granactive Retinoid Emulsion ความเข้มข้นน้อยๆ หรือ Multi-Peptide + HA Serum
ข้อควรระวังสุดๆ ในสภาพอากาศเมืองไทยและกับการใช้ Active Ingredients:
- กันแดดคือสิ่งจำเป็นที่สุด! โดยเฉพาะเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว (AHA/BHA) หรือ Retinoids เพราะผิวจะไวต่อแสงแดดมาก แดดเมืองไทยแรงจัด ใช้ทุกวัน ห้ามขาดครับ!
- อย่าใช้เยอะเกินไป หรือผสมมั่วซั่ว! ค่อยๆ เริ่มทีละตัว ทีละความเข้มข้น สังเกตอาการผิวตัวเอง ถ้ามีอาการระคายเคือง แสบ แดง ลอก ควรหยุดใช้หรือลดความถี่ลง
- ระวัง "ของปลอม" ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะครับ ของถูกและดีมีอยู่จริง แต่อย่าเสี่ยงกับของปลอมที่อาจทำร้ายผิวเราในระยะยาว
จำไว้ว่า สกินแคร์ไม่ใช่ยาวิเศษ ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอถึงจะเห็นผล และผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ!
มาแชร์ประสบการณ์ หรือมีคำถามเพิ่มเติม มาเม้าท์กัน!
เพื่อนๆ คนไหนเคยใช้ The Ordinary ตัวไหนแล้วปัง หรือใช้แล้วพัง? มีเคล็ดลับการใช้ตัวไหนอยากบอกต่อ? หรือมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ The Ordinary ตัวอื่นๆ คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยนะครับ!
ถ้าใครอยากได้พิกัดร้านค้าออนไลน์ Official ในไทย หรือแหล่งรวมโปรโมชั่นเด็ดๆ พิมพ์คำว่า "ชี้เป้าหน่อย!" มาได้เลยครับ เดี๋ยวผมรวบรวมมาให้เป็นพิเศษจ้าาา! หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการดูแลผิวด้วย The Ordinary นะครับ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า! สวัสดีครับ! 👋
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา Toyota Sparky รถตู้เล็ก: มือสองหายาก น่าเก็บสะสม
รีวิว Nike Quest 2: รองเท้าวิ่งราคาเข้าถึงง่าย ใส่สบาย เหมาะกับวิ่งเบาๆ หรือใส่เดินไหม?
ราคา iPhone 4 ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
รีวิว Adare Garden Pool Villas Pattaya: พูลวิลล่าส่วนตัว บรรยากาศดีจริงไหม?
10 ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี ปี 2025 เสียงทรงพลัง ดีไซน์คลาสสิก
รวมพิกัด ร้านกระเบื้อง ราคาถูก คุณภาพดี สำหรับรีโนเวทบ้าน