Trek Emonda ALR 2018 ราคาล่าสุด จักรยานเสือหมอบ ดีไหมน่าซื้อไหม?

สวัสดีค่าเหล่านักปั่น (และว่าที่นักปั่น) ทุกคน! วันนี้จะพามาเจาะลึกรีวิวแบบบ้านๆ สไตล์เราเองกับเสือหมอบในตำนานอีกรุ่นอย่าง Trek Emonda ALR ปี 2018 ที่ถึงแม้จะออกมาหลายปีแล้ว แต่ความเก๋า คุณภาพ และราคาในตลาดมือสองตอนนี้เนี่ย บอกเลยว่ายังน่าจับตามองสุดๆ ใครที่กำลังเล็งหาเสือหมอบอลูมิเนียมหล่อๆ สักคันไว้ไปซิ่งออกกำลังกาย ขึ้นเขา ลงห้วย (อันนี้เว่อร์ไป) หรือแค่อยากได้ฟีลปั่นดีๆ ในงบที่ไม่บานปลาย มามะ! มาดูกันว่าเจ้า Emonda ALR 2018 ตัวนี้มันมีดียังไง น่าซื้อไหม แล้วจะไปงมหาจากที่ไหนได้บ้าง! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วปั่นตามมาเลยจ้า!

1. เจ้า Trek Emonda ALR 2018 นี่มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ เริ่มต้นที่มาที่ไปของเจ้าเสือหมอบตัวนี้กันก่อน Trek Émonda ALR เนี่ย จัดอยู่ในตระกูล Émonda ของแบรนด์ Trek ซึ่งเป็นแบรนด์จักรยานระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1976 โน่นแน่ะ เค้าขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตจักรยานคุณภาพสูง ทั้งเสือหมอบ เสือภูเขา และอื่นๆ อีกเพียบ

สำหรับ Émonda คือซีรีส์ที่ Trek สร้างมาเพื่อเน้นความ "เบา" เป็นหลัก โดยตั้งเป้าให้เป็นจักรยานที่เบาที่สุดในแต่ละช่วงราคา Émonda จะมีหลายระดับ ตั้งแต่เฟรมอลูมิเนียมไปจนถึงคาร์บอนตัวท็อปสุดๆ ซึ่งเจ้า Emonda ALR ที่เรากำลังจะคุยถึงเนี่ย ตัว "ALR" มันย่อมาจาก Aluminum Race ก็ชัดเจนเลยว่าเป็นเฟรมอลูมิเนียมเกรดแข่งขันนั่นเอง

รุ่นปี 2018 เค้าใช้เฟรมอลูมิเนียมเกรด Ultralight 300 Series Alpha Aluminum ซึ่งเป็นอลูมิเนียมที่ดีที่สุดของ Trek ในตอนนั้น ที่เด็ดคือเค้าใช้เทคโนโลยีเชื่อมแบบพิเศษที่เรียกว่า Invisible Weld Technology ทำให้รอยเชื่อมเนียนเรียบเหมือนเฟรมคาร์บอนเลยทีเดียว แถมยังแข็งแรงและใช้วัสดุน้อยลงด้วยนะ

กลุ่มผู้ใช้งานที่เหมาะกับ Emonda ALR ก็คือคนที่มองหาเสือหมอบน้ำหนักเบา ปั่นสนุก ปั่นขึ้นเขาได้ดี แต่ยังไม่อยากทุ่มงบไปกับเฟรมคาร์บอนตัวแพงๆ หรือคนที่อยากได้จักรยานที่ดูแลรักษาง่าย ทนทาน ลุยได้มากกว่าเฟรมคาร์บอนเปราะๆ เหมาะทั้งสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นกับรถดีๆ หรือคนที่อยากอัปเกรดจากคันเก่า

2. ราคาล่าสุด (ในตลาดไทย) เป็นยังไงบ้าง?

เนื่องจาก Trek Emonda ALR ปี 2018 เป็นรุ่นที่ออกมาหลายปีแล้ว การจะหาสินค้า "มือหนึ่ง" แบบค้างสต็อกอาจจะยังมีอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วในตลาดไทยที่เราจะเจอคือ จักรยานมือสอง จ้า ราคาจะขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย (เช่น ALR 4 หรือ ALR 5 ซึ่งสเปกชุดขับต่างกัน) สภาพของรถ และอุปกรณ์ที่ติดมาด้วยนะ

เท่าที่ลองสำรวจดูตามแหล่งต่างๆ ในไทย ราคา Trek Emonda ALR ปี 2018 มือสองเนี่ย เห็นมีตั้งแต่ประมาณ 20,000 ปลายๆ ไปจนถึง 30,000 กลางๆ บาท (฿) หรืออาจจะสูงกว่านั้นถ้าสภาพดีมากๆ หรือมีการอัปเกรดอะไหล่มาแล้ว อย่างใน Shopee ก็เคยเห็นมีร้านเอาตัวปี 2018 (ที่อาจจะเป็นของค้างสต็อกหรือมีตำหนิ) มาลดราคาเหลือประมาณ 35,500 บาท จากราคาเต็ม 51,500 บาทก็มีนะ ส่วนใน Kaidee ก็มีประกาศขายมือสองรุ่นปีใกล้เคียงกัน (เช่น ปี 2016) ในราคาประมาณ 27,500 บาท

แหล่งที่จะเจอเยอะๆ ก็หนีไม่พ้นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดฮิตอย่าง Shopee กับ Lazada ลองใช้คีย์เวิร์ด "Trek Emonda ALR มือสอง" หรือ "เสือหมอบ Trek Emonda ALR" ดูนะ นอกจากนี้ กลุ่มซื้อขายจักรยานมือสองใน Facebook ก็เป็นแหล่งใหญ่เลยที่เราจะได้เจอผู้ขายโดยตรง หรือตามร้านจักรยานมือสองเฉพาะทางในต่างจังหวัดก็อาจจะมีเข้ามาบ้างจ้า ส่วนร้านใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall เค้าอาจจะเน้นจักรยานแม่บ้านหรือพวกซิตี้ไบค์มากกว่า เสือหมอบจริงจังแบบนี้คงต้องไปตามร้านจักรยานโดยเฉพาะนะ ส่วนร้านไอทีอย่าง JIB หรือ Banana IT ก็ไม่เกี่ยวเลยจ้า อันนั้นเค้าขายคอม ขายมือถือโน่น! 😂

3. เปรียบเทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกัน

ถ้าเทียบกับเสือหมอบอลูมิเนียมเกรดแข่งขันในตลาดมือหนึ่งตอนนี้ หรือแม้แต่ตอนที่ Emonda ALR 2018 ออกใหม่ๆ เนี่ย ราคามือสองตอนนี้ถือว่า น่ารักกับเงินในกระเป๋ามากๆ เลยนะ

ตอนที่ออกใหม่ๆ Emonda ALR 5 ปี 2019 (รุ่นต่อจาก 2018 ซึ่งมีการปรับปรุงเฟรมให้ซ่อนสายได้) ราคาตั้งอยู่ที่ 52,500 บาท ส่วน Emonda ALR 4 Disc ปี 2020 ราคาตั้งประมาณ 49,900 บาท จะเห็นว่าราคามือสองของปี 2018 ที่อยู่ราวๆ 2-3 หมื่นปลายๆ เนี่ยถูกลงมาเยอะมากๆ!

ถ้าไปดูแบรนด์อื่นๆ ที่มีเสือหมอบอลูมิเนียมตัวท็อปเหมือนกัน เช่น Cannondale CAAD หรือ Specialized Allez (โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี Smartweld) ราคามือหนึ่งก็จะอยู่ในช่วงไล่เลี่ยกับ Emonda ALR ตอนออกใหม่ๆ ซึ่งแปลว่าราคามือสองของพวกนั้นก็จะอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับ Emonda ALR ปี 2018 นี่แหละ ดังนั้น ถ้าเทียบกับอลูมิเนียมตัวท็อปของแบรนด์อื่นในเจเนอเรชันเดียวกัน Trek Emonda ALR 2018 ก็ถือว่ามีราคาในตลาดมือสองที่ สมเหตุสมผล และ แข่งขันได้ เลยจ้า

ความคุ้มค่ามันอยู่ตรงที่เราได้เฟรมอลูมิเนียมน้ำหนักเบา คุณภาพดี ในราคาที่จ่ายน้อยกว่าซื้อรถใหม่ไปเยอะมากๆ

4. อุปกรณ์เสริมและบริการที่รวมมา

อันนี้แหละคือจุดที่ต้องพิจารณาดีๆ เวลาซื้อจักรยานมือสองนะจ๊ะ! สิ่งที่ "รวมมา" เนี่ยขึ้นอยู่กับผู้ขายเลยว่าเค้าจะให้มาแค่ไหน สิ่งที่เราควรเช็คและสอบถามให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อก็คือ:

• สภาพรถ: มีรอยขีดข่วน บุบ ร้าว หรือตำหนิตรงไหนบ้างไหม
• ชุดขับเคลื่อน: ปี 2018 ตัว ALR 5 จะมาพร้อมชุดขับ Shimano 105 ครบชุด ส่วน ALR 4 จะเป็น Shimano Tiagra เช็คดูว่ายังเป็นชุดเดิมครบไหม สภาพเป็นยังไง ใช้งานได้ปกติดีหรือเปล่า
• ล้อ: ปกติจะมากับล้อ Bontrager TLR (Tubeless Ready) เช็คสภาพล้อ ซี่ลวด ดุมล้อ
• ยาง: ติดรถมาจะเป็น Bontrager R1 เช็คว่ายางสภาพเป็นยังไง ดอกยางเหลือเยอะไหม ควรเปลี่ยนหรือยัง
• อุปกรณ์อื่นๆ: แฮนด์ สเต็ม หลักอาน เบาะ ติดรถมาเป็นของ Bontrager ลองดูสภาพและไซส์ว่าเข้ากับเราไหม
• บันได: ส่วนใหญ่รถใหม่จะไม่ได้แถมบันไดมาให้ แต่ผู้ขายมือสองบางคนอาจจะแถมบันไดธรรมดา หรือบันไดคลีทมาให้ด้วยก็มีนะ ลองสอบถามดู
• ไมล์/เซ็นเซอร์: เฟรม ALR มีที่ซ่อนเซ็นเซอร์ DuoTrap S ของ Bontrager ได้เรียบเนียนสวยงาม แต่ตัวเซ็นเซอร์ต้องซื้อเพิ่มเองนะ เช็คว่าผู้ขายมีแถมมาให้ไหม หรือต้องซื้อเพิ่ม
• ขากระติก: บางคนอาจจะแถมมาด้วย
• ประกัน: อันนี้สำคัญมากสำหรับคนไทยที่ค่อนข้างกังวลเรื่องซ่อม! สำหรับรถปี 2018 ประกันศูนย์ Trek หมดอายุแล้วแน่นอน จ้า แต่ถ้าซื้อจากร้านจักรยานมือสองบางร้าน เค้าอาจจะมี ประกันร้าน ให้สั้นๆ เช่น 7 วัน หรือ 1 เดือน ก็ต้องสอบถามเงื่อนไขดีๆ นะ ถ้าซื้อจากผู้ใช้โดยตรงคือไม่มีประกันเลย ต้องรับความเสี่ยงเองนะจ๊ะ
• ค่าขนส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะ นอกจากร้านจะจัดโปรฯ ส่งฟรี ก็ต้องดูเงื่อนไขดีๆ จ้า
• ของแถมอื่นๆ: บางทีผู้ขายใจดี อาจจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ให้ เช่น ไฟหน้า/หลัง ไฟติดหมวก หรืออื่นๆ อันนี้แล้วแต่ตกลงเลยจ้า

5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ

สำหรับจักรยานมือสองปี 2018 เนี่ย เราคงไม่ได้หวังโปรโมชั่นใหญ่โตจากศูนย์ Trek โดยตรงในช่วงเทศกาลแบบ 12.12 หรือสงกรานต์แบบสินค้าใหม่ๆ หรอกนะ 😂 แต่! ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสได้ราคาดีๆ เลยนะจ๊ะ

ถึงแม้ตัวรถจะเก่า แต่แพลตฟอร์มที่เราไปหาซื้ออย่าง Shopee หรือ Lazada เนี่ย เค้ามีโปรโมชั่นส่วนลด มีโค้ดส่งฟรีออกมาเรื่อยๆ เราสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้นะ สมมติเราเจอรถที่ถูกใจในร้านค้าบน Shopee ก็ลองเช็คดูว่าร้านนั้นมีโค้ดส่วนลดหน้าร้านไหม หรือเรามีโค้ดส่วนลดของ Shopee เองที่ใช้ได้กับสินค้านั้นๆ หรือเปล่า ยิ่งถ้าซื้อตรงกับช่วง Double Digit Sale อย่าง 11.11 หรือ 12.12 เนี่ย อาจจะมีโค้ดลดพิเศษที่ใช้ได้กับสินค้าเกือบทุกหมวดหมู่ รวมถึงหมวดกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้งด้วย ก็ช่วยประหยัดไปได้อีกนิดนึง!

คำแนะนำในการซื้อ:

• ถ้าไม่รีบใช้มากๆ รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์ แล้วค่อยเข้าไปส่องดู อาจจะเจอราคาดีกว่าเดิม หรือได้โค้ดส่วนลดเพิ่ม
• ถ้าซื้อจากผู้ขายโดยตรงในกลุ่ม Facebook หรือตามเว็บไซต์มือสองต่างๆ การต่อรองราคาก็เป็นเรื่องปกติในวัฒนธรรมไทยเราอยู่แล้วนะจ๊ะ ลองต่อราคาดูแต่อย่าโหดมากนะ เอาแบบที่ทั้งสองฝ่ายแฮปปี้ 😉
• ตรวจสอบสภาพรถให้ละเอียดที่สุด เท่าที่จะทำได้ก่อนตัดสินใจซื้อ ถ้าเป็นไปได้ควรนัดเจอเพื่อดูรถจริง ทดลองปั่น หรือให้ผู้ขายถ่ายรูป/วิดีโอทุกซอกทุกมุมให้ดู โดยเฉพาะจุดที่อาจจะเสียหายได้ง่าย เช่น รอยร้าวที่เฟรม (โดยเฉพาะรอบๆ คอและกะโหลก) สภาพชุดขับเคลื่อน ล้อ และเบรก
• เช็คประวัติผู้ขาย ถ้าซื้อออนไลน์ ดูรีวิวร้าน เครดิตผู้ขาย หรือถ้าซื้อจากกลุ่ม Facebook ก็ลองเช็คจากโพสต์เก่าๆ หรือประวัติการขาย

6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย

เท่าที่ลองไปอ่านรีวิวและพูดคุยในกลุ่มนักปั่นไทยเนี่ย ฟีดแบ็กสำหรับ Trek Emonda ALR (โดยรวมๆ ของเฟรมอลูมิเนียมซีรีส์นี้ รวมถึงปี 2018 ด้วย) ถือว่าค่อนข้างดีเลยนะ จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:

• น้ำหนักเบา: อันนี้คือจุดเด่นหลักของ Emonda เลย ผู้ใช้หลายคนบอกว่ามันเบามากๆ สำหรับเฟรมอลูมิเนียม ให้ฟีลลิ่งใกล้เคียงเฟรมคาร์บอนระดับเริ่มต้นเลย ทำให้ปั่นขึ้นเนิน ขึ้นเขาได้ดี
• เฟรมอลูมิเนียมคุณภาพดี: คนชอบเทคโนโลยี Invisible Weld Technology ที่ทำให้รอยเชื่อมเนียน สวยเหมือนคาร์บอน ดูไม่เหมือนอลูมิเนียมทั่วไป
• ความ Stiff: หลายคนชมว่าเฟรมมีความแข็งแรงดี ทำให้ปั่นแล้วพุ่ง ส่งกำลังได้ดี ยืนโยก ขึ้นเขาได้มั่นใจ
• องศาเฟรม (Geometry): รุ่น ALR ใช้ Geometry แบบ H2 ซึ่งเป็นแบบที่เน้นความสบาย ปรับท่านั่งได้ง่ายกว่า H1 ที่เป็นแบบรถแข่งเป๊ะๆ ทำให้เหมาะกับการปั่นระยะทางไกลๆ หรือปั่นออกกำลังกายทั่วไป
• คุ้มค่าราคา (มือสอง): เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ในราคาที่จ่ายไปในตลาดมือสอง ถือว่าคุ้มมากๆ ได้รถแบรนด์ดี คุณภาพระดับแข่งขันในราคาที่จับต้องได้
• ทนทาน ดูแลง่าย: ความเป็นเฟรมอลูมิเนียมทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการกระแทก หรือรอยต่างๆ เท่าเฟรมคาร์บอน ดูแลรักษาง่ายกว่า เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือปั่นลุยๆ หน่อย

ข้อสังเกตที่บางคนอาจจะพูดถึงคือความกระด้างของเฟรมอลูมิเนียม ซึ่งถึงแม้ Emonda ALR จะทำมาได้ดี แต่มันก็ยังคงมีความรู้สึกกระด้างกว่าเฟรมคาร์บอนอยู่บ้าง และรุ่นปี 2018 เฟรมยังไม่ซ่อนสายเกียร์/เบรก ซึ่งอาจจะดูไม่เรียบร้อยเท่ารุ่นใหม่ๆ แต่โดยรวมแล้วผู้ใช้ชาวไทยที่เน้นความคุ้มค่า น้ำหนักเบา ปั่นสนุก และความทนทาน มักจะพอใจกับ Emonda ALR จ้า

7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ

อย่างที่เกริ่นไปว่ารุ่นปี 2018 ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดมือสอง ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำก็คือ:

• แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่: เช่น Shopee และ Lazada เป็นแหล่งรวมผู้ขายทั้งร้านค้าและผู้ใช้ทั่วไป มีตัวเลือกเยอะ ข้อดีคือระบบการชำระเงินค่อนข้างปลอดภัย มีรีวิวร้านให้ดู และบางทีมีโค้ดส่วนลด ข้อเสียคือต้องพิจารณาสภาพจากรูปและรายละเอียดที่ผู้ขายให้มาให้ละเอียดที่สุด
• กลุ่มซื้อขายจักรยานมือสองใน Facebook: เป็นอีกแหล่งใหญ่มากๆ ที่คนลงขายจักรยานมือสองกันเอง ข้อดีคือมักจะได้คุยกับผู้ใช้โดยตรง สอบถามรายละเอียด หรือขอดูรูป/วิดีโอเพิ่มเติมได้ง่าย บางทีก็ได้ราคาดีกว่าร้าน ข้อควรระวังคือต้องระวังมิจฉาชีพ นัดเจอเพื่อดูรถจริงและจ่ายเงินจะปลอดภัยที่สุดจ้า
• เว็บไซต์ซื้อขายของมือสอง: เช่น Kaidee.com ก็เป็นอีกช่องทางในการประกาศขายจักรยานมือสอง ลองเข้าไปเช็คดูได้
• ร้านจักรยานมือสองเฉพาะทาง: อาจจะมีร้านจักรยานบางร้านที่รับซื้อขายจักรยานมือสอง ข้อดีคือสามารถไปดูรถจริง ลองคร่อม ลองปั่นได้ ได้รับคำแนะนำจากคนขายโดยตรง และบางร้านอาจจะมีประกันร้านให้ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อจากผู้ใช้โดยตรงเล็กน้อย

สำหรับช่องทางทางการของ Trek ในไทย ส่วนใหญ่จะเน้นขายรุ่นปัจจุบันนะจ๊ะ รุ่นปี 2018 คงหาจากร้านตัวแทนจำหน่ายที่เป็น Authorized Dealer โดยตรงได้ยากแล้ว นอกจากเค้าจะมีรถค้างสต็อกจริงๆ ซึ่งก็ต้องลองสอบถามดู

8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา

สรุปแล้ว Trek Emonda ALR ปี 2018 ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? บอกเลยว่า ถ้าเจอในสภาพดีและราคาที่เหมาะสม ถือว่าน่าซื้อมากๆ และ คุ้มค่าสุดๆ เลยจ้า!

มันเป็นจักรยานที่ให้ ประสิทธิภาพที่ดีเกินราคา ในตลาดมือสอง ได้เฟรมอลูมิเนียมน้ำหนักเบา คุณภาพระดับแข่งขัน พร้อมชุดขับเคลื่อนที่ดี (โดยเฉพาะ ALR 5 ที่ได้ Shimano 105 ทั้งชุด) ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่:

• งบประมาณจำกัด แต่ต้องการเสือหมอบที่ปั่นได้จริงจัง ปั่นสนุก
• ชอบการปั่นขึ้นเขา หรือต้องการรถที่เบาสำหรับการไต่เนิน
• อยากได้รถที่ทนทาน ดูแลง่าย และไม่ต้องกังวลมากเท่าเฟรมคาร์บอน
• เพิ่งเริ่มต้นปั่นเสือหมอบ และอยากได้รถที่ดีพอที่จะใช้ไปได้นานๆ ไม่ต้องอัปเกรดบ่อย
• ต้องการรถสำรอง สำหรับซ้อม หรือปั่นในวันที่สภาพถนนไม่เป็นใจ

ถ้าถามว่าควรซื้อรุ่น ALR 4 หรือ ALR 5 ดี? ถ้ามีงบถึง ALR 5 ก็จะคุ้มค่ากว่าหน่อย เพราะได้ชุดขับ Shimano 105 ซึ่งเป็นเกรดที่สูงกว่า Tiagra ของ ALR 4 และเป็นชุดขับยอดนิยมที่ประสิทธิภาพดี ใช้งานได้ยาวๆ แต่ถ้าเน้นประหยัดจริงๆ ALR 4 ก็ไม่ได้แย่อะไร ยังคงได้เฟรมตัวเดียวกันและคาแรคเตอร์รถที่เน้นความเบาเหมือนกัน แค่ชุดขับอาจจะต้องทำใจนิดนึง

ข้อที่ต้องย้ำอีกครั้งคือ การตรวจสอบสภาพรถเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำหรับการซื้อมือสอง เพราะจักรยานปี 2018 อายุอานามก็หลายปีแล้ว ย่อมมีการใช้งานและอาจจะมีร่องรอยบ้าง

สรุปสั้นๆ คือ ถ้าเจอ Trek Emonda ALR ปี 2018 ในสภาพดีๆ ในราคาที่จ่ายไหว อย่าลังเลเลยจ้า! มันคือเพื่อนคู่ใจที่พร้อมจะพาเราออกไปสนุกกับการปั่นได้อย่างคุ้มค่าแน่นอนจ้า! ขอให้ทุกคนได้รถที่ถูกใจ แล้วออกไปปั่นให้สนุกนะค๊า! บ๊ายบาย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• Trek Émonda ALR5 Disc จักรยานที่นักปั่นสายเขาเลือกใช้
• เจาะสเปค Emonda ALR4 | TREK | PROBIKE
• จักรยานเสือหมอบ Trek ปี 2021 มีอะไรดี? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร?
• Trek Emonda ALR Disc | #ในวิกฤตมีโอกาส ด้วยงบไม่ถึง 4 หมื่น ...
• รีวิวจักรยานเสือหมอบTREK Emonda Disc project one#สาครไบค์ทีม