รถบรรทุก 4 ล้อกลาง ราคาถูก ปี 2025 มือหนึ่ง/มือสอง รุ่นไหนเหมาะขนของ?

สวัสดีพี่น้องชาวไทยหัวใจนักขนทุกคน! วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องรถคู่ใจสายแบก นั่นก็คือ รถบรรทุก 4 ล้อกลาง ที่กำลังเป็นที่นิยมมากๆ ในปี 2025 นี้ ทั้งมือหนึ่งมือสอง รุ่นไหนเด็ด รุ่นไหนโดน เหมาะกับงานขนของเราบ้าง มาดูกันแบบไม่มีกั๊ก!

1. รถบรรทุก 4 ล้อกลาง มันคืออัลไล? แล้วใครควรใช้?

เจ้ารถบรรทุก 4 ล้อกลางเนี่ย มันก็คือรถบรรทุกขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป พูดง่ายๆ คือมันอยู่ตรงกลางระหว่างรถกระบะคันเล็กๆ กับรถบรรทุก 6 ล้อคันเบ้อเริ่มนั่นแหละ. จุดเด่นของมันคือความคล่องตัวสูงม๊ากกก วิ่งเข้าซอยแคบๆ ได้สบายๆ แถมที่สำคัญคือ ส่วนใหญ่จดทะเบียนเป็นป้ายเขียว ไม่ติดเวลาวิ่งในเมือง! อันนี้แหละคือพระเอกของงานเลย เพราะพี่น้องสายส่งของในเมืองจะวิ่งได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่ากี่โมงแล้วจะโดนโบก. เหมาะสุดๆ สำหรับธุรกิจขนส่งสินค้าในเมือง หรือออกต่างจังหวัดใกล้ๆ บรรทุกของน้ำหนักไม่เกิน 4.5 ตัน. ยี่ห้อดังๆ ในตลาดก็หนีไม่พ้นพี่ใหญ่สายเลือดญี่ปุ่นอย่าง ISUZU และ HINO ที่คนไทยให้ความไว้วางใจมานานเรื่องความทนทานและการหาอะไหล่ง่าย. นอกจากนี้ก็มีค่ายอื่นๆ อย่าง FUSO หรือแบรนด์ไทยอย่าง Thai Rung ด้วยนะ.

2. ราคาค่าตัวในตลาดไทยเป็นไงบ้าง?

มาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ทุกคนอยากรู้! ราคาของรถบรรทุก 4 ล้อกลางเนี่ย มีตั้งแต่หลักแสนปลายๆ ไปจนถึงล้านกว่าบาทเลย ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ปี และสภาพนะ

ถ้าเป็น มือหนึ่งป้ายแดงปี 2025 พวกตัวฮิตๆ อย่าง ISUZU NLR 130 แรงม้า ราคาหัวแชสซีส์ (ยังไม่รวมตัวถัง) ก็จะเริ่มต้นประมาณ 1,023,000 บาท (฿) ขึ้นไป. ส่วน HINO 300 ATOM 4 ล้อเล็ก 136 แรงม้า ราคาเริ่มต้นก็ประมาณ 1,010,000 บาท (฿) หรือราคาชัสซีส์เปล่า 838,000 บาท (฿). ราคานี้ยังไม่รวมค่าต่อตัวถังที่เราต้องไปเลือกเองตามลักษณะงานนะ เช่น กระบะเหล็ก ตู้แห้ง ตู้เย็น หรือคอกสูง.

แต่ถ้าเป็น มือสอง อันนี้ราคาจะลงมาเยอะเลยจ้า มีตั้งแต่หลักแสนต้นๆ ยันกลางๆ เลยก็ได้. อย่าง ISUZU NKR 88HP มือสอง สภาพดีๆ พร้อมใช้ เจอราคาหลักแสนปลายๆ ก็มีนะ. ISUZU NLR 130 แรงม้า ปีใหม่หน่อยอย่างปี 2564 มือสองก็เห็นราคาประมาณ 775,000 บาท. ส่วน HINO มือสองรุ่นเก่าหน่อยอย่าง HINO XZU ปี 2563 ก็เจอราคาประมาณ 620,000 บาท. ต้องหมั่นส่องดีๆ ในแหล่งขายรถมือสองออนไลน์อย่าง TaladROD.com หรือ Truck2Hand.com นะ.

ส่วนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับราคานานาชาติ อันนี้สำหรับรถบรรทุกอาจจะไม่เหมือนสินค้าไอทีที่เปรียบเทียบง่ายๆ เพราะรถพวกนี้มักจะมีสเปกและตัวถังที่ปรับให้เข้ากับตลาดไทยโดยเฉพาะ ทำให้ราคาที่ขายในไทยมีความแตกต่างออกไปจ้า

3. เทียบราคากับตัวอื่นในตลาดแล้วเป็นไง?

ถ้าให้เทียบกับ รถกระบะธรรมดา ที่เอามาเสริมแหนบหรือต่อคอกเนี่ย รถบรรทุก 4 ล้อกลางพวก ISUZU NLR หรือ HINO 300 ATOM ถึงราคาหัวแชสซีส์จะสูงกว่า แต่เรื่องความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักรวม (GVW) ที่ทำได้ถึง 4.4 - 4.5 ตัน มันกินขาดเลยนะ. เทียบน้ำหนักบรรทุกได้เท่ากับรถปิคอัพ 2 คันเลยทีเดียว. แถมยังได้เรื่องความทนทานของช่วงล่างที่ออกแบบมาเพื่องานบรรทุกโดยเฉพาะ และที่สำคัญคือ ป้ายเขียววิ่งไม่ติดเวลา ซึ่งรถกระบะดัดแปลงส่วนใหญ่มักจะติดข้อจำกัดเรื่องเวลาวิ่งในบางพื้นที่นะ

ส่วนถ้าเทียบกับ รถบรรทุก 6 ล้อ แน่นอนว่า 6 ล้อบรรทุกได้เยอะกว่า หนักกว่า แต่ข้อเสียคือมันใหญ่เทอะทะกว่ามาก เข้าซอยยากกว่า และมีเวลาห้ามวิ่งที่เข้มงวดกว่ารถ 4 ล้อกลางเยอะเลย. ดังนั้น รถ 4 ล้อกลางจึงเป็นตัวเลือกที่อยู่ตรงกลางที่ลงตัวมากๆ สำหรับคนที่ต้องการบรรทุกของได้มากกว่ากระบะ แต่ยังต้องการความคล่องตัวและวิ่งไม่ติดเวลาในเมืองนะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง?

เวลาซื้อรถบรรทุก 4 ล้อกลาง โดยเฉพาะมือหนึ่ง สิ่งที่เราจะได้มาหลักๆ ก็คือ หัวแชสซีส์ หรือตัวรถเปล่าๆ นั่นแหละ. ส่วนตัวถังด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็นตู้แห้ง กระบะเหล็ก คอกสูง ตู้เย็น หรือแบบอื่นๆ เนี่ย เราต้องไปสั่งทำหรือซื้อเพิ่มเองตามลักษณะงานขนส่งของเรานะ. ศูนย์บริการรถบรรทุกส่วนใหญ่เค้าจะมีบริการหรือแนะนำอู่ต่อตัวถังให้ด้วย.

เรื่อง การรับประกัน อันนี้สำคัญ! รถบรรทุกมือหนึ่งส่วนใหญ่จะมีระยะเวลารับประกันจากศูนย์ฯ ให้ตามมาตรฐาน เช่น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางก็มีนะ. ส่วนมือสองก็แล้วแต่เต็นท์หรือผู้ขายเลย อาจจะมีประกันร้านให้เล็กน้อย หรือไม่มีเลยก็เป็นได้ ต้องสอบถามให้ชัดเจนนะจ๊ะ คนไทยอย่างเราเรื่องประกันนี่พลาดไม่ได้เลยจริงๆ!

ส่วนเรื่อง ของแถม โปรโมชั่น อันนี้ก็แล้วแต่ช่วงและแล้วแต่ดีลเลอร์เลย บางทีก็มีจัดโปรโมชั่นดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ยพิเศษ หรือผ่อนนานๆ. อาจจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ อย่างฟิล์มกรองแสง หรือส่วนลดอะไหล่ช่วงเข้าศูนย์บริการ ก็ต้องลองเจรจาหรือสอบถามโปรโมชั่นกับเซลล์ดูนะ

เรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อรถใหม่จากศูนย์ฯ มักจะมีการจัดการเรื่องส่งมอบรถให้ แต่ถ้าซื้อกับดีลเลอร์ที่อยู่ไกล หรือซื้อมือสอง อาจจะต้องมีการตกลงเรื่องค่าขนส่งกันอีกทีนะ

5. มีช่วงไหนน่าสอยเป็นพิเศษไหม?

เหมือนรถยนต์ทั่วไปนั่นแหละจ้า ถ้าอยากได้ข้อเสนอดีๆ ลองเล็งช่วง โปรโมชั่นพิเศษ ที่ดีลเลอร์รถบรรทุกเค้าจัดกันดูนะ. มักจะเป็นช่วงปลายปี หรือช่วงที่มีการกระตุ้นยอดขาย. โปรโมชั่นดาวน์ต่ำ ผ่อนนาน ดอกเบี้ยพิเศษ หรือส่วนลดอื่นๆ ก็มักจะมาในช่วงนี้แหละ. บางทีก็มีโปรโมชั่นเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญๆ หรือช่วงที่รถรุ่นใหม่ออกมาเพื่อเคลียร์สต็อกรุ่นเก่าก็มีนะ

ถ้าไม่รีบมาก ลองติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์หรือ Facebook Page ของดีลเลอร์รถบรรทุกยี่ห้อที่เราสนใจไว้ เพราะบางทีเค้าก็จะมีโปรโมชั่นอัปเดตตลอด. ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee อาจจะยังไม่ค่อยเป็นช่องทางหลักในการซื้อรถบรรทุกโดยตรงเท่าไหร่นะ แต่ก็อาจจะมีร้านที่ลงขายอุปกรณ์เสริมหรืออะไหล่บ้าง.

6. คนไทยใช้แล้วฟีดแบ็กเป็นไงบ้าง?

จากที่ได้ยินได้ฟังมาเนี่ย พี่น้องชาวไทยที่ใช้รถบรรทุก 4 ล้อกลาง ส่วนใหญ่เค้าจะปลื้มปริ่มกับความ คล่องตัว ของมันนี่แหละ. วิ่งในเมืองสะดวกสุดๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาห้ามวิ่ง. แถมยังบรรทุกของได้เยอะกว่ารถกระบะธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด.

แบรนด์ยอดฮิตอย่าง ISUZU และ HINO ก็ขึ้นชื่อเรื่องความ ทนทาน ใช้งานหนักได้หายห่วง. อะไหล่หาง่าย ศูนย์บริการก็มีเยอะทั่วประเทศ. เวลาซ่อมบำรุงก็สะดวกสบาย ทำให้ผู้ประกอบการสบายใจเรื่องต้นทุนในการดูแลรถนะ

บางคนก็บอกว่ารุ่นใหม่ๆ อย่าง ISUZU NLR Euro 5 Max ประหยัดน้ำมันขึ้น และไม่ต้องเติมน้ำยาบำบัดไอเสีย AdBlue แล้วด้วย ทำให้ลดต้นทุนไปได้อีก.

ส่วนฟีดแบ็กเรื่องมือสอง คนที่ซื้อได้รถสภาพดี ราคาไม่แรง ก็บอกว่าคุ้มค่ามากๆ สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจขนส่งนะ.

7. จะไปสอยได้จากช่องทางไหนดีล่ะ?

ช่องทางหลักๆ ในการซื้อรถบรรทุก 4 ล้อกลาง มีหลายแบบให้เลือกตามความสะดวกเลยจ้า:

• ศูนย์บริการหรือดีลเลอร์รถบรรทุกโดยตรง: อันนี้ชัวร์สุด ได้รถใหม่ป้ายแดง มีการรับประกันและบริการหลังการขายตามมาตรฐาน. สามารถเข้าไปดูรถจริง สอบถามข้อมูล เปรียบเทียบรุ่น ขอใบเสนอราคา และยื่นเรื่องไฟแนนซ์ได้ครบวงจร. มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ลองค้นหาศูนย์บริการใกล้บ้านดูนะ
• เต็นท์รถบรรทุกมือสอง: เป็นแหล่งรวมรถบรรทุกมือสองหลายยี่ห้อ หลายรุ่น หลายปี. มีรถให้เลือกเยอะ ราคาหลากหลาย สามารถเข้าไปดูสภาพรถจริงได้ แต่ต้องดูให้เป็น หรือพาผู้เชี่ยวชาญไปช่วยดูนะจ๊ะ เพราะสภาพรถมือสองแต่ละคันไม่เหมือนกัน
• แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับรถมือสอง: เว็บไซต์อย่าง TaladROD.com หรือ Truck2Hand.com เป็นแหล่งใหญ่ที่รวบรวมประกาศขายรถบรรทุกมือสองจากทั้งเต็นท์และเจ้าของโดยตรง. มีรถให้เลือกเยอะมากๆ สามารถเปรียบเทียบราคาและรายละเอียดเบื้องต้นได้สะดวก แต่ข้อเสียคือไม่เห็นรถจริง ต้องนัดหมายไปดู หรือถ้าอยู่ไกลอาจจะต้องใช้บริการขนส่งรถนะ
• กลุ่มซื้อขายรถบรรทุกในโซเชียลมีเดีย: ใน Facebook มีกลุ่มซื้อขายรถบรรทุกมือสองอยู่เยอะเหมือนกัน. เป็นอีกช่องทางที่เจอรถหลากหลาย อาจจะได้ดีลดีๆ จากผู้ขายโดยตรง แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายนะ

8. สรุปแล้วควรซื้อไหม? รุ่นไหนเหมาะกับใคร?

สรุปเลยว่า รถบรรทุก 4 ล้อกลางเนี่ย น่าซื้อมากๆ สำหรับคนที่ต้องการรถเพื่อการขนส่งโดยเฉพาะนะ! โดยเฉพาะถ้าธุรกิจของคุณเน้นการวิ่งในเมือง หรือขนส่งสินค้าที่ไม่หนักเกิน 4.5 ตัน และต้องการความคล่องตัวสูง และที่สำคัญคือ วิ่งไม่ติดเวลา! มันตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีกว่ารถกระบะทั่วไปแน่นอน.

• ถ้ามี งบเยอะหน่อย และต้องการความสบายใจ ได้รถใหม่ สภาพเต็มร้อย มีการรับประกันและบริการหลังการขายครบวงจร รุ่น ISUZU NLR Euro 5 Max หรือ HINO 300 ATOM มือหนึ่งปี 2025 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ. เลือกรุ่นย่อยและประเภทตัวถังให้เหมาะกับงานของเราได้เลย.
• ถ้า งบจำกัด แต่อยากได้รถบรรทุก 4 ล้อกลางมาใช้งานจริงๆ การมองหา รถมือสอง เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ. อาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหาหน่อย และต้องพิจารณาสภาพรถอย่างละเอียด แต่ก็มีโอกาสได้รถสภาพดีในราคาที่คุ้มค่ามากๆ. รุ่นยอดนิยมอย่าง ISUZU NKR หรือ NLR รุ่นปีก่อนๆ หรือ HINO XZU รุ่นเก่าหน่อย ก็ยังเป็นที่ต้องการในตลาดมือสองนะ.

ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสอง สิ่งสำคัญคือต้องเลือกประเภทตัวถังให้เหมาะกับสินค้าที่เราจะขนด้วยนะ. และอย่าลืมคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน และค่าประกันด้วยนะจ๊ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกรถบรรทุก 4 ล้อกลางคู่ใจในปี 2025 นี้นะทุกคน! ขอให้ได้รถที่ถูกใจ ขนของคล่อง ธุรกิจปังๆ รวยๆ เฮงๆ กันถ้วนหน้านะจ๊ะ!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• 🔖 รถ 4 ล้อใหญ่ประหยัดไป 300,000 Isuzu NLR 130 รถ 4 ล้อใหญ่ ...
• รถบรรทุก 4 ล้อ ที่คุ้มค่าตั้งแต่ราคา | Isuzu ELF ปี 16 NLR Truck
• รถบรรทุกมือสอง l รถบรรทุก 4 ล้อ NLR130 รถสวยพร้อมใช้งาน ไม่ ...
• รถบรรทุก 4 ล้อ ราคาเบาๆมาแล้ว
• เคล็ดลับตรวจสอบรถมือสองอย่างมืออาชีพ