ราคา Kawasaki Ninja 300 ABS (มือหนึ่ง/มือสอง) สเปกน่าสนใจไหม ก่อนซื้อ


โย่วๆ สวัสดีวัยรุ่นสองล้อทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องมอเตอร์ไซค์สุดฮิตขวัญใจสายซิ่งมือใหม่และคนงบน่ารักกับ Kawasaki Ninja 300 ABS นั่นเอง! ใครที่กำลังมองหามอเตอร์ไซค์ทรงสปอร์ตเท่ๆ ขี่ง่าย ไม่แรงจนเกินไป แถมราคามือสองน่าคบหา มาทางนี้ด่วนๆ จ้า เราจะเจาะลึกทุกซอกทุกมุมให้ฟังกันแบบไม่มีกั๊ก!
1. เจ้า Ninja 300 ABS นี่มันคืออะไรกันนะ?
เอาล่ะ เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับเจ้ากบเขียวตัวนี้กันก่อนเลย Kawasaki Ninja 300 ABS เป็นมอเตอร์ไซค์แนว Sport Bike ขนาดกำลังดี ที่ผลิตโดยค่ายยักษ์เขียวจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Kawasaki ซึ่งเป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์ระดับตำนานที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรง ดีไซน์เฉียบคม และเทคโนโลยีที่จัดเต็มมาตลอดๆ เจ้า Ninja 300 ABS เนี่ยเค้าออกมาพักใหญ่แล้วนะ แต่ความนิยมไม่เคยแผ่วเลย! ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 300cc ที่ให้พละกำลังสนุกๆ ขี่ได้ทั้งในเมืองและออกทริปใกล้ๆ แถมยังมาพร้อมระบบเบรก ABS ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้อีกด้วยนะ! เหมาะมากๆ สำหรับคนที่เพิ่งจะขยับจากมอเตอร์ไซค์แม่บ้านหรือรถเล็กๆ แต่อยากได้ฟีลสปอร์ต หรือคนที่อยากได้มอเตอร์ไซค์ที่ขี่ง่าย คล่องตัว ไม่หนักจนเกินไป ใช้เป็นรถคู่ใจในชีวิตประจำวันก็สบาย หรือจะเอาไปออกทริปกับเพื่อนๆ ก็สนุกสุดๆ ในตลาดเมืองไทยเราเนี่ย เจ้า Ninja 300 ABS ถือเป็นรุ่นยอดฮิตตลอดกาลเลยก็ว่าได้จ้า
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? (มือหนึ่ง/มือสอง)
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุด นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ Kawasaki Ninja 300 ABS เนี่ย ถ้าเป็น มือหนึ่ง บอกเลยว่าตอนนี้หา ค่อนข้างยาก แล้วนะ เพราะ Kawasaki เค้าขยับไปเล่นตัว Ninja 400 แทนแล้วจ้า แต่ถ้าเจอสต็อกเก่าจริงๆ หรือเป็นรถปีเก่าค้างสต็อก อาจจะมีให้เห็นบ้าง ราคาตอนที่เป็นมือหนึ่งเนี่ยจะอยู่ประมาณ 180,000 - 195,000 บาท (฿) โดยประมาณนะ แล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละศูนย์ฯ ด้วย
แต่ที่ฮิตสุดๆ ในตอนนี้ก็คือตลาด มอเตอร์ไซค์มือสอง นั่นเอง! ราคาของเจ้า Ninja 300 ABS มือสองเนี่ยมีความหลากหลายมากๆ เลยจ้า ขึ้นอยู่กับ ปีที่ผลิต สภาพรถ เลขไมล์ และของแต่งที่ติดมา ส่วนใหญ่จะเจอราคาตั้งแต่ 70,000 - 130,000 บาท (฿) เลยนะ ยิ่งรถปีใหม่ๆ สภาพดีๆ เลขไมล์น้อยๆ ราคาก็จะขยับสูงขึ้นหน่อย แต่ถ้าเจอรถใช้งานมาเยอะหน่อย หรือเป็นปีเก่าๆ ราคาก็จะลงมาเยอะเลยจ้า
แหล่งที่จะไปส่องหาราคาหรือรถมือสองเนี่ย เพียบเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ขายรถมือสองชื่อดังอย่าง Kaidee.com, กลุ่มซื้อขายมอเตอร์ไซค์ใน Facebook Marketplace หรือตาม เพจ/กลุ่มซื้อขายมอเตอร์ไซค์ Bigbike มือสอง โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมี เต็นท์รถมอเตอร์ไซค์มือสอง ทั่วไปตามต่างจังหวัด หรือในกรุงเทพฯ ก็มีหลายที่เลย ลองขับรถเข้าไปดูหรือโทรสอบถามราคาก่อนได้จ้า สำคัญคือต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ดู ค่อยๆ เทียบราคาและสภาพรถนะจ๊ะ!
3. เทียบราคากับคู่แข่งในคลาสเดียวกันแล้วเป็นไง?
ถ้าให้เทียบราคากับมอเตอร์ไซค์ในคลาสเดียวกัน หรือรถทรงสปอร์ตพิกัดใกล้ๆ กันในตลาดมือสองเนี่ย เจ้า Kawasaki Ninja 300 ABS ถือว่ามีราคาที่ เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ อยู่ในกลุ่มต้นๆ เลยนะ คู่แข่งหลักๆ ที่มักถูกนำมาเทียบก็จะมีเช่น Yamaha YZF-R3 หรือ Honda CBR300R ซึ่งราคาในตลาดมือสองของรุ่นพวกนี้ก็จะใกล้เคียงกับ Ninja 300 เลยจ้า อยู่ในช่วงประมาณ 70,000 - 140,000 บาท แล้วแต่รุ่น ปี และสภาพรถ
ข้อดีของ Ninja 300 ที่คนมักจะพูดถึงคือเรื่อง ความนุ่มนวลของเครื่องยนต์ และ ความคล่องตัวในการขับขี่ ถึงแม้ตัวเลขแรงม้าอาจจะไม่สูงเท่า R3 แต่ก็ให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่สนุกและควบคุมง่าย ส่วน CBR300R เนี่ย ราคาอาจจะลงมาเยอะกว่านิดหน่อยในตลาดมือสอง แต่ฟีลลิ่งเครื่องยนต์ก็จะต่างออกไป
สรุปคือ ถ้ามองหารถสปอร์ตมือสองในงบไม่เกินแสนต้นๆ เจ้า Ninja 300 ABS เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในเรื่องของ ความคุ้มค่า และ ความนิยมในตลาด จ้า หาอะไหล่ ของแต่งก็ง่ายด้วยนะ
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ? (ถ้าซื้อมือสอง)
อันนี้เป็นจุดสำคัญมากๆ สำหรับการซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองนะจ๊ะ สิ่งที่จะได้มาเนี่ย ขึ้นอยู่กับผู้ขายล้วนๆ เลย สิ่งที่ควรเช็คและสอบถามให้ดีมีดังนี้:
- ตัวรถ: แน่นอนว่าต้องได้ตัวรถมา! เช็คสภาพภายนอก เครื่องยนต์ และระบบต่างๆ ให้ดี
- เอกสาร: ต้องได้ เล่มทะเบียน และ ชุดโอน มาครบถ้วนถูกต้องนะจ๊ะ ไม่งั้นยุ่งแน่!
- กุญแจ: ได้กี่ดอก? ปกติจะมี 2 ดอก
- คู่มือ/บุ๊คเซอร์วิส: ถ้ามีมาด้วยจะดีมากๆ แสดงว่าเจ้าของเดิมดูแลรถดี
- ของแต่ง: บางคันอาจจะมีของแต่งติดมา เช่น ท่อแต่ง ชิลด์หน้าแต่ง กันล้ม แฮนด์ หรืออื่นๆ ก็ต้องดูว่าชอบของแต่งนั้นๆ ไหม และเป็นของมีคุณภาพหรือเปล่า
- ยาง: เช็คสภาพยางด้วยนะ ว่ายังใช้งานได้อีกนานแค่ไหน ดอกยางเหลือเยอะไหม
- ประกัน: ส่วนใหญ่ มอเตอร์ไซค์มือสองจะไม่มีประกันศูนย์ แล้วนะ อาจจะมี ประกันร้าน ให้เล็กน้อย (เช่น 7 วัน หรือ 30 วัน) ก็ต้องสอบถามดู หรือถ้าซื้อกับเจ้าของโดยตรงก็คือไม่มีประกันเลยนะจ๊ะ ต้องรับความเสี่ยงเอง
- ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อรถข้ามจังหวัด ส่วนใหญ่จะมี ค่าบริการขนส่ง เพิ่มเติมนะ ต้องตกลงกับผู้ขายให้ดีจ้า แต่ถ้าซื้อในพื้นที่ใกล้เคียง อาจจะนัดเจอเพื่อดูรถและขับกลับเองได้
ส่วนของแถมหรือโปรโมชั่นพิเศษๆ เนี่ย ถ้าซื้อมือสองก็ต้องบอกว่า แทบจะไม่มี เลยจ้า นอกจากผู้ขายใจดีแถมหมวกกันน็อกเก่าๆ หรือถุงมือให้บ้างเล็กน้อย เน้นได้ตัวรถและเอกสารครบถ้วนก็พอแล้วนะ!
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย? โปรโมชั่นมีบ่อยแค่ไหน?
สำหรับมอเตอร์ไซค์มือสองอย่าง Kawasaki Ninja 300 ABS เนี่ย เรื่องโปรโมชั่นตามเทศกาลใหญ่ๆ แบบลดราคาจัดหนักเหมือนสินค้าไอทีอาจจะ ไม่ค่อยมี จ้า แต่อาจจะมีโปรโมชั่นจาก เต็นท์รถมือสอง บางที่ เช่น ลดราคาพิเศษช่วงปลายปี หรือฟรีค่าโอน (อันนี้ต้องลองสอบถามเป็นรายที่ไป)
แต่ถ้าพูดถึงช่วงที่น่าซื้อ อาจจะเป็นช่วงที่คน ปล่อยรถออกมาเยอะๆ เช่น ช่วงที่รุ่นใหม่ๆ ออกมา คนก็มักจะขายคันเก่าเพื่อไปซื้อคันใหม่ หรือช่วงที่คนต้องการใช้เงินด่วนๆ ก็อาจจะปล่อยรถในราคาที่ถูกลงหน่อย
ส่วนร้านค้าระดับแฟลกชิพบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada/Shopee เนี่ย เค้าจะเน้นขายรถมือหนึ่ง หรืออะไหล่ ของแต่งมากกว่านะ ไม่ใช่ช่องทางหลักในการซื้อรถมือสองทั้งคันจ้า
คำแนะนำคือ ถ้าเจอรถสภาพดี ราคาถูกใจ ที่สำคัญคือ เช็คสภาพรถและเอกสารครบถ้วน แล้ว ก็อย่ารอช้าจ้า จัดไปเลย! เพราะมอเตอร์ไซค์มือสองสภาพดีๆ ราคาดีๆ มักจะไปไวมากๆ นะ!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ? (จากรีวิวผู้ใช้งานจริง)
จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานจริงในไทยเนี่ย เสียงตอบรับเกี่ยวกับ Kawasaki Ninja 300 ABS ถือว่าค่อนข้างดีเลยนะ จุดที่คนไทยชอบและมักจะพูดถึงบ่อยๆ คือ:
- ขี่ง่าย คล่องตัว: เหมาะมากๆ สำหรับใช้ในเมือง รถไม่หนักจนเกินไป มุดง่ายในสภาพจราจรติดขัด
- เครื่องยนต์นุ่มนวล: หลายคนบอกว่าเครื่องยนต์ 2 สูบของ Ninja 300 ให้ฟีลลิ่งที่นุ่มนวลกว่าคู่แข่งบางรุ่น ขี่สบาย ไม่กระชาก
- ดีไซน์สวย สปอร์ต: ทรง Ninja ยังไงก็เท่! ดูเป็นสปอร์ตไบค์เต็มตัว ขับไปไหนคนก็มอง
- ประหยัดน้ำมันพอใช้ได้: สำหรับรถพิกัดนี้ ถือว่าไม่ได้กินน้ำมันดุร้ายจนเกินไป ขี่ใช้งานทั่วไปหรือออกทริปก็โอเค
- ดูแลรักษาง่าย อะไหล่หาง่าย: เนื่องจากเป็นรุ่นยอดนิยมในไทย ศูนย์บริการและร้านซ่อมทั่วไปสามารถดูแลได้ อะไหล่ทั้งแท้และเทียมมีให้เลือกเยอะ ราคาไม่แรง
- ราคาคุ้มค่า (มือสอง): เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปในตลาดมือสอง กับสิ่งที่ได้ (มอเตอร์ไซค์สปอร์ตพร้อม ABS) ถือว่าคุ้มสุดๆ
แต่ก็มีบางจุดที่บางคนอาจจะติบ้าง เช่น เบาะค่อนข้างแข็งเมื่อขี่นานๆ หรือช่วงล่างอาจจะไม่ได้หนึบเท่ารถสปอร์ตตัวพัน แต่โดยรวมแล้วคนไทยที่ใช้ Ninja 300 ABS ส่วนใหญ่จะแฮปปี้กับ ความคุ้มค่า ความคล่องตัว และ ความง่ายในการขับขี่และดูแลรักษา จ้า
7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าหลักๆ จะเป็นตลาด มอเตอร์ไซค์มือสอง นะจ๊ะ ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำคือ:
- เว็บไซต์ขายรถมือสอง: เช่น Kaidee.com, One2Car.com เข้าไปค้นหาคำว่า "Ninja 300" หรือ "นินจา 300" ได้เลย มีรถจากทั้งผู้ขายรายย่อยและเต็นท์รถให้เลือกเยอะมากๆ สามารถเปรียบเทียบราคาและดูรูปภาพเบื้องต้นได้ แต่แนะนำให้ไปดูรถจริงก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ
- กลุ่มซื้อขายใน Facebook: ค้นหากลุ่มที่เกี่ยวกับ "ซื้อขาย Bigbike มือสอง" หรือ "ซื้อขายมอเตอร์ไซค์ 300cc" ในไทย มักจะมีผู้ใช้รถด้วยกันเองนำรถมาลงขาย ข้อดีคือได้คุยกับเจ้าของโดยตรง อาจจะต่อรองราคาได้ง่ายกว่า แต่ก็ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยนะ!
- เต็นท์รถมอเตอร์ไซค์มือสอง: ลองหาข้อมูลเต็นท์รถใกล้บ้าน หรือเต็นท์ที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ ข้อดีคือสามารถไปดูรถจริง ลองคร่อม ลองสตาร์ทเครื่องได้เลย มีรถให้เลือกหลายคัน มีคนให้ข้อมูล และบางทีอาจจะมีบริการหลังการขายเล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วย
- ศูนย์บริการ Kawasaki (บางแห่ง): บางศูนย์อาจจะมีรถมือสองสภาพดีที่ลูกค้ามาเทิร์น หรือเป็นรถ Demo ขายอยู่บ้าง ลองโทรสอบถามดูได้ แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเน้นขายรุ่นใหม่ๆ เป็นหลักนะ
ช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย ส่วนใหญ่จะเน้นขายอะไหล่ ของแต่ง อุปกรณ์สำหรับมอเตอร์ไซค์มากกว่า ยังไม่ใช่ช่องทางหลักในการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ทั้งคันจ้า
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า Kawasaki Ninja 300 ABS มือสอง ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า ถ้าคุณเป็นคนที่:
- มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้มอเตอร์ไซค์ทรงสปอร์ตที่ดูดี ขี่สนุก
- เป็นมือใหม่หัดขี่ Bigbike อยากได้รถที่ขี่ง่าย ควบคุมง่าย ไม่แรงจนน่ากลัว
- ใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่อยากออกทริปใกล้ๆ บ้างเป็นครั้งคราว
- ชอบดีไซน์สปอร์ต และแบรนด์ Kawasaki
- ต้องการมอเตอร์ไซค์ที่มีระบบเบรก ABS เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
เจ้า Ninja 300 ABS เป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่า และ ตอบโจทย์ มากๆ เลยจ้า ด้วยราคาในตลาดมือสองที่เข้าถึงง่าย คุณภาพที่เชื่อถือได้ และความนิยมที่ทำให้หาอะไหล่หรือร้านซ่อมได้ไม่ยาก
ส่วนจะเลือกรุ่นสูงกว่าอย่าง Ninja 400 ดีไหม? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบและความต้องการเลยจ้า ถ้ามีงบเยอะขึ้น อยากได้พละกำลังมากกว่า เฟรมรถและช่วงล่างที่ใหม่กว่า ระบบสลิปเปอร์คลัตช์ที่ช่วยลดอาการล้อล็อกเวลาเปลี่ยนเกียร์กระทันหัน Ninja 400 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแน่นอน แต่ถ้าเน้นประหยัด งบไม่สูงมาก อยากได้รถที่ขี่ง่ายเป็นหลัก Ninja 300 ABS มือสองก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ ยอดเยี่ยม อยู่ดี!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเล็งๆ เจ้า Kawasaki Ninja 300 ABS อยู่นะจ๊ะ ขอให้ได้รถที่ถูกใจ ปลอดภัยทุกการเดินทางจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
สเปรย์ Cavilon: ราคาล่าสุด ปี 2568 ใช้ทำอะไร? ซื้อที่ไหนดี?
เครื่องเสียงรถยนต์ Groovy GR680+ ราคาเท่าไหร่? ฟังก์ชันครบครัน
เช็คราคา ส่งพัสดุไปต่างประเทศ ปี 2568: เปรียบเทียบบริษัทขนส่ง
ราคาผ้าแพร 7 สี สำหรับถวาย แก้บน ราคาต่อเมตร ราคาต่อผืน
หอพักราคาถูก สุขุมวิท 16 ปี 2025: เดินทางสะดวก
ราคา iPhone 5s มือสองล่าสุด ปี 2024/2567 น่าซื้อสะสมไหม?