logo

ปากกาลดน้ำหนัก ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้

user avatar
จิราวรรณ มงคลธรรม·07/06/2025 20:13
点赞
ปากกาลดน้ำหนัก ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้

สวัสดีจ้าเพื่อนๆ ทุกคน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องที่กำลังเป็นกระแสสุดๆ ในวงการลดน้ำหนัก นั่นก็คือ ปากกาลดน้ำหนัก นั่นเอง! ได้ยินชื่อแล้วอาจจะสงสัยว่าเอ๊ะ มันคือปากกาที่เอาไว้เขียนแล้วน้ำหนักลดลงเหรอ? ฮ่าๆๆ ไม่ใช่จ้า มันเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่กำลังได้รับความสนใจมากๆ ในบ้านเราตอนนี้เลยนะ เพราะเค้าว่ากันว่าช่วยคุมหิว ลดน้ำหนักได้จริง แล้วเจ้าสิ่งนี้มันราคาเท่าไหร่กันนะ? มีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนจะไปสอยมาใช้? มาค่ะ! เราจะพาไปเจาะลึกแบบเข้าใจง่าย สไตล์คนไทย ไปลุยกัน!

1. เจ้าปากกานี้ มันคืออะไรกันแน่นะ?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับ ปากกาลดน้ำหนัก กันก่อนเลยนะ พูดง่ายๆ มันคืออุปกรณ์สำหรับฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังนี่แหละจ้า ไม่ใช่ปากกาเขียนหนังสือนะ! ข้างในบรรจุตัวยาที่ออกฤทธิ์คล้ายๆ ฮอร์โมนในร่างกายเราที่ชื่อว่า GLP-1 ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้มีหน้าที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น อิ่มนานขึ้น และลดความอยากอาหารลงได้นั่นเอง แบรนด์ที่คุ้นหูในไทยก็จะมีอย่าง Saxenda, Victoza หรือ Ozempic จ้า (แต่ Ozempic นี่จริงๆ ใช้รักษาเบาหวานนะ แต่ก็มีคนนำมาใช้เรื่องลดน้ำหนักด้วย) ส่วนอีกตัวที่มาแรงก็มี Mounjaro ซึ่งแต่ละตัวก็มีตัวยาและกลไกแตกต่างกันไปนิดหน่อย

เจ้าปากกานี้เหมาะกับใครน่ะเหรอ? หลักๆ เลยคือคนที่ น้ำหนักเกินมาตรฐาน หรือ เป็นโรคอ้วน มีค่า BMI ตั้งแต่ 27 หรือ 30 ขึ้นไป หรือคนที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักเกิน เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง และที่สำคัญคือคนที่ คุมอาหารและออกกำลังกายแล้วยังไม่ค่อยเห็นผล หรือ ควบคุมความอยากอาหารไม่ค่อยได้ กินจุกจิกเก่ง แต่! ขอย้ำตัวโตๆ ตรงนี้ว่าเจ้าปากกานี้มันคือ ยา นะจ๊ะ การใช้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะซื้อมาฉีดเองมั่วๆ ได้นะจ๊ะ ปรึกษาหมอก่อนเสมอ ปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ!

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง เริ่มต้นเท่าไหร่?

มาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ทุกคนอยากรู้! ราคาของ ปากกาลดน้ำหนักในไทย นี่มีความหลากหลายมากๆ เลยจ้า เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้ง ยี่ห้อของตัวยา, ปริมาณยาในปากกา, จำนวนด้ามที่ซื้อ และ สถานที่ที่ซื้อ ด้วย

จากที่ไปส่องๆ มาเนี่ย ราคาเริ่มต้นแบบต่อแท่ง (สำหรับตัวยาอย่างเดียว) ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท (฿) ต่อแท่ง อันนี้คือราคาเบื้องต้นนะ ยังไม่รวมค่าอื่นๆ จ้า

แต่ส่วนใหญ่แล้วตามคลินิกหรือโรงพยาบาล เค้ามักจะขายเป็น โปรแกรมลดน้ำหนัก ที่รวมค่าปากกา ค่าปรึกษาแพทย์ ค่าตรวจร่างกาย หรือบางทีก็มีโปรแกรมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ซึ่งราคาโปรแกรมพวกนี้ก็จะสูงขึ้นไปอีก เริ่มตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ไปจนถึง หลักหมื่นปลายๆ หรือเป็นแสน ก็มี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาโปรแกรมและบริการที่รวม

ถ้าเป็นยี่ห้อที่ราคาสูงขึ้นมาหน่อยอย่าง Mounjaro นี่ราคาต่อด้ามก็พุ่งไปถึง หลักหมื่นบาท เลยนะ อย่างขนาด 2.5 mg 1 ด้ามก็ราวๆ 25,000 บาท หรือขนาด 10 mg 1 ด้ามก็ 37,000 บาทเลยทีเดียว ยิ่งซื้อหลายด้ามต่อครั้งราคาก็อาจจะถูกลงเฉลี่ยต่อด้ามนะ

ส่วนตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย ก็มีคนเอามาขายเหมือนกันนะ แต่ต้องบอกเลยว่า ความเสี่ยงสูงมาก เพราะมันเป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ การซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถืออาจได้ของปลอม ไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้ผิดวิธีจนเกิดอันตรายได้

ร้านค้าปลีกทั่วไปอย่าง Central, Big C, The Mall คงไม่ได้มีขายนะจ๊ะ ส่วนร้านอุปกรณ์ไอทีแบบ JIB, Banana IT, Power Buy นี่คนละเรื่องเลยจ้า อันนั้นเค้าขาย Gadget อิเล็กทรอนิกส์โน่น! ฮ่าๆๆ

3. แล้วเทียบกับตัวอื่นในตลาดล่ะ ราคานี้โอเคไหม?

ถ้าให้เทียบกับวิธีการลดน้ำหนักแบบอื่นๆ เจ้า ปากกาลดน้ำหนัก นี่ถือว่ามีราคาสูงอยู่พอสมควรเลยนะ การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือใช้ยาลดน้ำหนักบางชนิดอาจมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ามาก อย่างไรก็ตาม ปากกาลดน้ำหนักเค้าเคลมว่ามีกลไกที่แตกต่างออกไปคือไปช่วยคุมฮอร์โมนหิวโดยตรง ทำให้ควบคุมตัวเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าสำหรับบางคน

เมื่อเทียบกับวิธีลดน้ำหนักทางการแพทย์อื่นๆ เช่น การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร หรือการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ปากกาลดน้ำหนักก็ยังมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่ามากนะ

แต่ถ้าเทียบกับยาลดน้ำหนักแบรนด์อื่นๆ หรือตัวยาอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ราคาของแต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกันไปอีก อย่าง Ozempic หรือ Victoza ก็จะมีราคาและข้อบ่งใช้ที่ต่างจาก Saxenda ส่วน Mounjaro ก็มีราคาสูงกว่าอย่างชัดเจน

ดังนั้น จะบอกว่าคุ้มค่ากว่าไหม คงต้องดูที่ ผลลัพธ์และความเหมาะสมกับแต่ละบุคคล และ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เป็นหลักจ้า ไม่ใช่แค่ดูที่ราคาอย่างเดียวนะ!

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีบริการหลังการขายไหม?

เวลาซื้อ ปากกาลดน้ำหนัก โดยเฉพาะจากคลินิกหรือโรงพยาบาล สิ่งที่จะได้มาหลักๆ ก็คือ ตัวปากกาที่บรรจุตัวยา นั่นแหละ โดย 1 ด้ามจะมีปริมาณยาที่ใช้ได้จำนวนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับขนาดยาที่แพทย์ประเมินให้ฉีดในแต่ละวัน

นอกจากตัวปากกาแล้ว ก็จะมี หัวเข็ม สำหรับเปลี่ยนในแต่ละครั้งที่ฉีดด้วย (หัวเข็มเล็กมากๆ แทบไม่เจ็บเลยนะ เค้าว่างั้น! ฮ่าๆ) บางที่อาจจะมีแถมอุปกรณ์อื่นๆ เช่น แผ่นแอลกอฮอล์สำหรับเช็ดก่อนฉีด

ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อเป็นโปรแกรมกับคลินิกหรือโรงพยาบาล อาจจะต้องเดินทางไปรับเอง หรือถ้ามีการจัดส่งก็ต้องสอบถามเงื่อนไขอีกทีนะ ถ้าซื้อออนไลน์ (ซึ่งไม่แนะนำอย่างแรง!) ก็จะมีค่าส่งตามปกติจ้า

สำหรับคนไทยที่ให้ความสำคัญกับการ รับประกัน และ บริการหลังการขาย เนี่ย การซื้อกับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือจะตอบโจทย์กว่ามากๆ เพราะเค้าจะมี แพทย์คอยดูแลและให้คำแนะนำตลอดการรักษา มีการติดตามผล มีที่ให้สอบถามเมื่อมีข้อสงสัยหรือเกิดผลข้างเคียง ซึ่งตรงนี้สำคัญกว่าการมีแค่ตัวปากกามากๆ นะจ๊ะ เพราะการใช้ยาตัวนี้มีข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

ส่วนเรื่อง ของแถม คูปอง หรือโปรโมชั่น เนี่ย อันนี้แล้วแต่คลินิกเลยจ้า บางทีซื้อเป็นแพ็กเกจใหญ่ๆ อาจจะได้ส่วนลดเฉลี่ยต่อด้ามถูกลง หรือมีโปรโมชั่นร่วมกับบริการอื่นๆ ของคลินิก ต้องลองสอบถามโปรโมชั่นของแต่ละที่ดูนะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม? มีโปรโมชั่นอะไรน่าสอย?

ถามว่ามีช่วงไหนที่ ปากกาลดน้ำหนัก มีโปรโมชั่นลดราคาเป็นพิเศษเหมือนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปไหม? อืมมม ต้องบอกว่ามันเป็น ยาทางการแพทย์ อะเนอะ โปรโมชั่นแบบลดกระหน่ำเหมือนช่วง 11.11 หรือ 12.12 ของ Lazada Shopee อาจจะไม่ได้มีแบบตรงๆ เป๊ะๆ ขนาดนั้นนะจ๊ะ

แต่! คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการก็มักจะมี จัดโปรโมชั่นของตัวเอง อยู่เรื่อยๆ นะ บางทีก็เป็นโปรโมชั่นต้อนรับปีใหม่ โปรโมชั่นช่วงกลางปี หรือโปรโมชั่นที่จัดร่วมกับบริการอื่นๆ ซึ่งโปรโมชั่นเหล่านี้อาจจะทำให้ราคาโปรแกรมโดยรวมถูกลง หรือได้จำนวนปากกามากขึ้นในราคาที่คุ้มค่าขึ้น

ช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทยอย่างสงกรานต์ หรือปีใหม่ ก็อาจจะมีคลินิกบางแห่งจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้าก็ได้นะจ๊ะ

ส่วนร้านค้าระดับแฟลกชิพบน Lazada หรือ Shopee (ถ้ามีอย่างเป็นทางการนะ ซึ่งสำหรับยาแบบนี้ยังไม่เห็นชัดเจน) ก็อาจจะมีส่วนลดหรือโค้ดพิเศษบ้าง แต่ย้ำอีกทีว่าการซื้อยาทางออนไลน์มีความเสี่ยงสูงมากๆ นะ!

สรุปคือ ถ้าอยากได้ราคาดีๆ ที่มาพร้อมกับความปลอดภัยและคำแนะนำจากแพทย์ แนะนำให้ ติดตามโปรโมชั่นของคลินิกหรือโรงพยาบาลที่สนใจ โดยตรงจะดีที่สุดจ้า!

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ? มีรีวิวเด็ดๆ ไหม?

จากที่ลองไปส่องๆ ตามกระทู้พันทิปหรือรีวิวตามเว็บไซต์คลินิกเนี่ย เสียงตอบรับจากคนไทยที่ใช้ ปากกาลดน้ำหนัก ก็มีหลากหลายนะ

จุดที่หลายคนพูดถึงในเชิงบวกก็คือ มันช่วย ควบคุมความหิวได้ดีจริง ทำให้กินอาหารน้อยลง ลดอาการกินจุกจิก ซึ่งนำไปสู่การ ลดน้ำหนักได้จริง เมื่อใช้ควบคู่กับการปรับพฤติกรรม บางคนบอกว่า ใช้งานง่าย สะดวก ในรูปแบบปากกา ฉีดเองได้

แต่ก็มีข้อที่ต้องพิจารณาเหมือนกันนะ หลายคนพูดถึงเรื่อง ผลข้างเคียง ที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงแรก เช่น คลื่นไส้ พะอืดพะอม ปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสีย ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัวได้

อีกจุดที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ คือเรื่อง ราคาที่ค่อนข้างสูง นะ บางคนมองว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้ แต่บางคนก็มองว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่หนักอยู่เหมือนกัน

เรื่อง ความทนทาน ของตัวปากกา (ที่เป็นแค่อุปกรณ์ฉีด) ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ผลลัพธ์ของตัวยามากกว่า ขนาดเล็กกะทัดรัดอันนี้จริง เพราะมันทำมาให้พกพาง่ายอยู่แล้ว

โดยรวมแล้ว รีวิวจากผู้ใช้ในไทยค่อนข้างไปในทางที่ดีเรื่อง ประสิทธิภาพในการคุมหิวและช่วยลดน้ำหนัก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกจ้า

7. อยากซื้อแล้ว ต้องไปหาซื้อที่ไหนดีล่ะ?

ช่องทางที่ แนะนำและปลอดภัยที่สุด ในการซื้อ ปากกาลดน้ำหนัก คือ โรงพยาบาลและคลินิกที่น่าเชื่อถือ และต้องซื้อ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

เหตุผลที่แนะนำช่องทางนี้ก็เพราะว่า:

  • แพทย์จะทำการ ตรวจประเมินร่างกาย ว่าเราเหมาะสมกับการใช้ยานี้หรือไม่
  • แพทย์จะ กำหนดปริมาณยาที่เหมาะสม กับแต่ละบุคคล
  • มีการ ติดตามผลการรักษา และปรับยาถ้าจำเป็น
  • สามารถ สอบถามข้อสงสัย หรือขอคำแนะนำเมื่อเกิดผลข้างเคียง
  • มั่นใจได้ว่าได้ ยาของแท้ มีคุณภาพ และจัดเก็บถูกต้องตามมาตรฐาน

คลินิกหรือโรงพยาบาลหลายแห่งมีโปรแกรมลดน้ำหนักที่รวมการใช้ปากกาลดน้ำหนักไว้ด้วย สามารถลองค้นหาคลินิกหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านที่มีบริการนี้ได้เลยจ้า

ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ ในไทยอย่าง Shopee หรือ Lazada เนี่ย ถึงแม้จะเจอคนเอามาขาย แต่ ไม่แนะนำให้ซื้อ เลยนะจ๊ะ เพราะความเสี่ยงสูงมากๆ ทั้งเรื่องยาปลอม ยาไม่ได้มาตรฐาน หรือการใช้ผิดวิธีที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ บริการหลังการขายหรือการรับประกันก็แทบไม่มีเลยถ้าซื้อจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ

ร้านขายยาบางร้านก็อาจจะมีขายยาตัวนี้ แต่ก็มักจะต้องมี ใบสั่งยาจากแพทย์ นะจ๊ะ

ดังนั้น ถ้าอยากใช้ปากกาลดน้ำหนักให้ปลอดภัยและได้ผลจริงๆ ไปปรึกษาแพทย์ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือเถอะนะ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด!

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ปากกาลดน้ำหนัก ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง และมีปัญหาในการควบคุมความหิวหรือการกิน

ถ้าถามว่าน่าซื้อไหม? ถ้าคุณ มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน มีปัญหาในการควบคุมอาหารอย่างมาก และ พร้อมที่จะลงทุน ในการดูแลสุขภาพ รวมถึง ยินยอมที่จะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เจ้าปากกานี้ก็เป็นตัวช่วยที่น่าสนใจมากๆ และมีแนวโน้มว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี

แต่ถ้า งบประมาณจำกัดมากๆ หรือ ยังไม่พร้อมที่จะต้องฉีดยา หรือ คิดว่าจะซื้อมาฉีดเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ แนะนำว่าอย่าเพิ่งเลยจะดีกว่านะจ๊ะ

สำหรับคนที่เหมาะสมมากๆ กับการใช้ปากกาลดน้ำหนัก คือผู้ที่มีค่า BMI สูง หรือมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักเกิน และต้องการตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพภายใต้การดูแลของแพทย์

ส่วนจะเลือกรุ่น (ยี่ห้อ) ไหนดีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และความเหมาะสมกับร่างกายและเป้าหมายของแต่ละคนเลยจ้า แพทย์จะเป็นผู้แนะนำสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้เอง

โดยสรุปแล้ว ปากกาลดน้ำหนักเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ทางออกสำหรับทุกคนนะจ๊ะ การตัดสินใจใช้ควรมาพร้อมกับข้อมูลที่ถูกต้อง การปรึกษาแพทย์ และความเข้าใจว่านี่คือยาที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังจ้า

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ ปากกาลดน้ำหนัก นะจ๊ะ ขอให้ทุกคนสุขภาพดีและมีความสุขกับการดูแลตัวเองจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค่าชาวช้อปปิ้งออนไลน์ที่น่ารักทุกคน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด นั่นก็คือ ไส้กรองน้ำ Lux Alva ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้น้ำดื่มของเราสะอาดใสปิ๊ง! ใครที่กำลังใช้เครื่องกรองน้ำ Lux Alva อยู่ หรือกำลังเล็งๆ จะเปลี่ยนไส้กรองใหม
ไส้กรองน้ำ Lux Alva ราคาล่าสุด เปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้ขอเอาใจสายโปรดิวเซอร์ สายทำเพลง หรือใครที่ฝันอยากมีสตูดิโอเล็กๆ เป็นของตัวเองที่บ้าน ด้วยการมาเม้าท์มอยถึงอุปกรณ์สุดปังที่ชื่อว่า Ableton Push 2 กันจ้า บอกเลยว่าเจ้านี่ไม่ใช่แค่คอนโทรลเลอร์ธรรมดา แต่มันคือเครื่องมือท
Ableton Push 2: ราคาล่าสุด ปี 2568 และรีวิวคอนโทรลเลอร์สำหรับทำเพลง
สวัสดีค่าาทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องเครื่องดนตรีจิ๋วแต่แจ๋วที่กำลังฮิตสุดๆ นั่นก็คือ คาลิมบา (Kalimba) นั่นเอง! ใครที่อยากลองเล่นดนตรีแต่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดี หรืออยากได้เครื่องดนตรีพกพาง่ายๆ ไว้ดีดเพลินๆ แก้เบื่อ มามุงทางนี้เลย
คาลิมบา (Kalimba) ราคาถูก เริ่มต้นกี่บาท? ยี่ห้อไหนดีสำหรับมือใหม่

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ