ราคาโปรแกรม GstarCAD อัปเดตล่าสุด ซื้อแบบไหนคุ้มที่สุด


สวัสดีค่า เหล่าคนทำงานสายออกแบบ เขียนแบบ ก่อสร้าง สถาปนิก วิศวกรทั้งหลายยย! วันนี้เราจะมาเมาท์มอยเรื่องโปรแกรมเขียนแบบตัวนึงที่กำลังมาแรงแซงโค้ง แถมราคาน่ารักน่าคบหา นั่นก็คือ GstarCAD นั่นเอง! ใครที่กำลังมองหาโปรแกรมเขียนแบบดีๆ แต่ก็แอบมองงบในกระเป๋าไปด้วย มาอ่านต่อกันเลยจ้า เพราะเราจะพาไปเจาะลึกว่าเจ้า GstarCAD นี่มันคืออะไร มีกี่แบบ ราคาเท่าไหร่ ซื้อที่ไหนคุ้มสุดๆ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!
1. GstarCAD คืออะไร ทำไมหลายคนเล็งอยู่?
มาเริ่มกันที่คำถามแรก โปรแกรม GstarCAD นี่มันคืออะไรกันนะ? พูดง่ายๆ มันคือโปรแกรมเขียนแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ที่เค้าพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนโปรแกรมเขียนแบบตัวดังอย่าง AutoCAD นั่นแหละจ้า มาจากค่าย Gstarsoft ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี เจ้า GstarCAD เนี่ย เค้าเคลมเลยว่าหน้าตาอินเทอร์เฟซและคำสั่งต่างๆ เหมือนกับ AutoCAD มากๆ ทำให้คนที่คุ้นเคยกับ AutoCAD อยู่แล้ว สามารถย้ายมาใช้ GstarCAD ได้สบายๆ แทบไม่ต้องเรียนรู้ใหม่เลยทีเดียว
แล้วใครเหมาะกับโปรแกรมนี้บ้างล่ะ? ก็แน่นอนว่าเป็นวิศวกร สถาปนิก นักออกแบบ หรือใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบ เขียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง สถาปัตยกรรม งานเครื่องกล งานไฟฟ้า หรืองานออกแบบทั่วไป เพราะ GstarCAD เค้ามีฟังก์ชันที่จำเป็นครบครัน รองรับไฟล์ DWG/DXF ได้อย่างสมบูรณ์ แถมยังมีเครื่องมือพิเศษต่างๆ ที่ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นด้วยนะ
2. ราคา GstarCAD ในไทย อัปเดตล่าสุดเท่าไหร่กันนะ?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด! ราคาของ GstarCAD ในประเทศไทย หลักๆ จะมีให้เลือก 2 แบบลิขสิทธิ์ใหญ่ๆ คือแบบ ซื้อขาด (Perpetual License) และแบบ รายปี (Subscription License) ซึ่งแต่ละแบบก็มีรุ่น Standard (เน้น 2D) และ Professional (รองรับ 2D และ 3D) ให้เลือกอีกทีนะ
จากข้อมูลที่หามาได้ (ณ ช่วงกลางปี 2567) ราคาคร่าวๆ ในตลาดไทยจะเป็นประมาณนี้จ้า:
- GstarCAD Standard - Perpetual License (ซื้อขาด): ราคาเริ่มต้นประมาณ 25,400 - 24,900 บาท (฿) (ไม่รวม VAT)
- GstarCAD Professional - Perpetual License (ซื้อขาด): ราคาเริ่มต้นประมาณ 42,800 บาท (฿) (ไม่รวม VAT)
- GstarCAD Standard - Subscription License (รายปี): ราคาเริ่มต้นประมาณ 7,200 - 6,990 บาท (฿) ต่อปี (ไม่รวม VAT)
- GstarCAD Professional - Subscription License (รายปี): ราคาเริ่มต้นประมาณ 13,900 บาท (฿) ต่อปี (ไม่รวม VAT)
ราคานี้เป็นราคาคร่าวๆ ที่เจอตามเว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าออนไลน์นะ ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่อย่าง Lazada หรือ Shopee เองอาจจะไม่ได้ขายลิขสิทธิ์แท้โดยตรง แต่จะมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือร้านไอทีใหญ่ๆ เช่น Thaiware Shop หรือร้านอื่นๆ เข้ามาขายเอง ร้านค้าไอทีอย่าง JIB หรือ Banana IT อาจจะเน้นสินค้า Hardware มากกว่า แต่ก็ลองสอบถามดูได้ ส่วน Power Buy อาจจะมีซอฟต์แวร์บ้างแต่ GstarCAD อาจจะต้องหาจากตัวแทนจำหน่ายโดยตรงจะชัวร์กว่าจ้า
เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับราคานานาชาติ ก็เป็นเรื่องปกติที่ราคาในไทยอาจจะมีการบวกค่าต่างๆ เข้าไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว GstarCAD ยังถือว่ามีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าโปรแกรม CAD ตัวท็อปในตลาดมากๆ เลยนะ!
3. เทียบราคากับโปรแกรมอื่นแล้วเป็นไง?
จุดเด่นที่ทำให้ GstarCAD น่าสนใจมากๆ เลยก็คือเรื่อง ราคาที่คุ้มค่ากว่า เมื่อเทียบกับโปรแกรม CAD ตัวอื่นๆ ในตลาด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ AutoCAD เค้าบอกว่าราคาถูกกว่าถึง 5-8 เท่าเลยทีเดียว ลองคิดดูว่าถ้าเป็น AutoCAD แบบเช่าใช้รายปี ราคาต่อปีก็ค่อนข้างสูงเลยนะ แต่ GstarCAD มีทั้งแบบรายปีที่ราคาเป็นมิตร และแบบซื้อขาดที่จ่ายครั้งเดียวใช้ได้ยาวๆ ทำให้ช่วยองค์กรหรือบุคคลธรรมดาอย่างเราๆ ประหยัดงบประมาณด้านซอฟต์แวร์ไปได้เยอะมากๆ
ดังนั้น ถ้าคุณต้องการโปรแกรมเขียนแบบที่มีฟังก์ชันครบ ใช้งานง่ายเหมือน AutoCAD แต่มีงบประมาณจำกัด หรืออยากลงทุนครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีพ GstarCAD ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยจ้า
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
เวลาซื้อ GstarCAD สิ่งที่คุณจะได้รับหลักๆ เลยคือ ลิขสิทธิ์การใช้งานโปรแกรม จ้า ซึ่งรูปแบบการส่งมอบก็มีหลายแบบ เช่น ส่งเป็น License Key ทางอีเมล หรือบางทีถ้าเป็นแบบซื้อขาดอาจจะมี USB Dongle มาให้ด้วยเพื่อควบคุมการใช้งาน อันนี้แล้วแต่ร้านและประเภทลิขสิทธิ์นะ
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่มักจะมาพร้อมกับการซื้อ (โดยเฉพาะจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ) ก็คือ:
- บริการหลังการขาย: คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ! ตัวแทนจำหน่าย GstarCAD ในไทยมักจะมีบริการซัพพอร์ตต่างๆ เช่น ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ (Hotline), รีโมทผ่านคอมพิวเตอร์ (Remote Desktop), แชทออนไลน์, หรือตอบอีเมล บางที่อาจจะมีบริการ On-Site ด้วยนะ (อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
- การรับประกัน: ส่วนใหญ่จะเป็นการรับประกันว่าซอฟต์แวร์เป็นลิขสิทธิ์แท้ 100% และใช้งานได้ตามที่ระบุไว้
- อัปเกรดเวอร์ชัน: บางครั้งการซื้อแบบซื้อขาดอาจจะแถม Free Upgrade เวอร์ชั่นถัดไปให้ด้วย หรือถ้าเป็นแบบรายปีก็จะได้อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ตลอดอยู่แล้ว
- อบรมการใช้งาน: ตัวแทนจำหน่ายบางแห่งมีบริการอบรมการใช้งานโปรแกรมให้ฟรี ทั้งแบบออนไลน์หรือที่ศูนย์อบรม ถือเป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ หรืออยากเรียนรู้ฟังก์ชันใหม่ๆ นะ
- ของแถม/โปรโมชั่นพิเศษ: บางช่วงอาจจะมีโปรโมชั่นแถมโปรแกรมเสริมอื่นๆ เช่น โปรแกรมแปลงไฟล์ PDF เป็น DXF หรือส่วนลดสำหรับคอร์สอบรม ต้องลองติดตามโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายดีๆ เลย
- ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อแบบกล่อง หรือ USB Dongle ส่วนใหญ่ตัวแทนจำหน่ายมักจะมีบริการจัดส่งฟรีทั่วไทยนะ แต่ถ้าเป็นแค่ License Key ก็จะส่งทางอีเมลอยู่แล้วจ้า
โดยรวมแล้ว การซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายในไทยค่อนข้างสบายใจเรื่องบริการหลังการขายและการซัพพอร์ตนะจ๊ะ
5. ช่วงไหนน่าซื้อที่สุด? โปรโมชั่นมีบ่อยไหม?
ถ้าอยากได้ GstarCAD ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด บอกเลยว่าต้องจับตาดูช่วง โปรโมชั่น ให้ดี! ตัวแทนจำหน่ายในไทยมักจะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ นะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญๆ หรือช่วงปลายปี เช่น:
- ช่วง Double Digit Sale: อย่าง 11.11 หรือ 12.12 บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโปรโมชั่นจากร้านค้าไอทีที่อาจจะมี GstarCAD ขายอยู่บ้าง)
- ช่วงเทศกาลไทย: อย่างปีใหม่ไทย (สงกรานต์) หรือช่วงกลางปี ปลายปี ก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษออกมานะ
- โปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายโดยตรง: อันนี้สำคัญสุด! ตัวแทนจำหน่ายมักจะมีโปรโมชั่นของตัวเองออกมาเรื่อยๆ เลย อย่างที่เห็นก็มีโปรโมชั่นลดราคา หรือแถมโปรแกรมเสริมอยู่บ่อยๆ ต้องหมั่นเข้าไปเช็คที่เว็บไซต์ของตัวแทนจำหน่าย หรือติดตามช่องทางโซเชียลมีเดียของเค้าไว้จ้า
ส่วนคำแนะนำในการซื้อ ถ้าไม่รีบใช้งานแบบด่วนจี๋ การ รอซื้อช่วงโปรโมชั่น ก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีมากๆ เลยนะ อาจจะได้ส่วนลด หรือของแถมที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่ากว่าเดิมเยอะเลยจ้า
6. คนไทยใช้แล้วว่ายังไงบ้าง?
เท่าที่ลองส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ดหรือรีวิวของคนไทย ส่วนใหญ่ผู้ใช้งาน GstarCAD ในไทยค่อนข้างพอใจกับโปรแกรมนี้เลยนะ จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:
- ใช้งานง่าย เหมือน AutoCAD: อันนี้เป็นเสียงส่วนใหญ่เลยจ้าว่าเมนูและคำสั่งคุ้นเคยมากๆ ทำให้ปรับตัวได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้ใหม่
- ราคาคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้และความสามารถของโปรแกรมในราคานี้ หลายคนบอกว่าคุ้มค่ามากๆ ช่วยประหยัดงบไปได้เยอะ
- รองรับไฟล์ DWG ได้ดี: สามารถเปิดไฟล์งานเก่าจาก AutoCAD ได้สบายๆ ไม่ต้องแปลงไฟล์ให้ยุ่งยาก
- มีคำสั่งพิเศษช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น: บางฟังก์ชันที่มีเฉพาะใน GstarCAD ช่วยให้ทำงานสะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม
แต่ก็มีบางความเห็นที่บอกว่า ถ้าไฟล์งานมีขนาดใหญ่มากๆ อาจจะมีอาการหน่วงบ้าง ซึ่งอันนี้ก็อาจจะต้องดูสเปกคอมพิวเตอร์ที่ใช้ด้วยนะจ๊ะ โดยรวมแล้ว ฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทยค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวก โดยเฉพาะเรื่อง ความคุ้มค่าและใช้งานง่าย จ้า
7. จะไปหาซื้อ GstarCAD ได้ที่ไหนบ้างนะ?
สำหรับช่องทางการซื้อ GstarCAD ในประเทศไทย ช่องทางที่แนะนำและมั่นใจได้ว่าได้ของแท้ มีบริการหลังการขาย ก็คือ:
- ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย: อันนี้ชัวร์สุดๆ ได้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แท้แน่นอน แถมมีบริการซัพพอร์ตครบวงจร ติดต่อได้โดยตรง มีเว็บไซต์และเบอร์โทรศัพท์ให้สอบถาม
- ร้านค้าไอทีออนไลน์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย: อย่าง Thaiware Shop หรือร้านอื่นๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับตัวแทนจำหน่าย ก็เป็นอีกช่องทางที่สะดวก สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้เลย
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ (ต้องเลือกร้านดีๆ): เช่น Shopee หรือ Lazada อาจจะมีร้านค้าบางร้านนำมาขาย แต่ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าให้ดีมากๆ ดูรีวิว สอบถามข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อป้องกันการได้ซอฟต์แวร์ปลอม หรือไม่มีบริการหลังการขายนะจ๊ะ
สำหรับร้านค้าปลีกไอทีทั่วไป อย่าง JIB, Banana IT, หรือ Power Buy อาจจะต้องลองสอบถามดู แต่ส่วนใหญ่อาจจะเน้นขาย Hardware หรือซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปมากกว่า CAD โดยเฉพาะนะจ๊ะ เน้นช่องทางที่เป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรง หรือร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือจะปลอดภัยที่สุดจ้า
8. สรุปแล้ว GstarCAD น่าซื้อไหม? ซื้อแบบไหนคุ้มสุด?
มาถึงบทสรุปแล้ว! ถามว่า GstarCAD น่าซื้อไหม? ตอบเลยว่า น่าซื้อมากๆ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการโปรแกรมเขียนแบบลิขสิทธิ์แท้ ที่มีประสิทธิภาพดี ใช้งานง่ายเหมือน AutoCAD แต่มีงบประมาณที่จำกัด
แล้วจะซื้อแบบไหนคุ้มที่สุดล่ะ? อันนี้ต้องพิจารณาจากลักษณะการใช้งานและงบประมาณของคุณเองจ้า:
- ถ้าเน้น ประหยัดงบในระยะสั้น และต้องการใช้งานแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เช่น โปรเจกต์สั้นๆ หรือมีงบแบบรายปี การเลือกแบบ Subscription License (รายปี) ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะราคาต่อปีไม่สูงมาก
- ถ้าต้องการ ใช้งานระยะยาว หรือไม่อยากมีค่าใช้จ่ายรายปีให้จุกจิก การเลือกแบบ Perpetual License (ซื้อขาด) คือคำตอบที่คุ้มค่าที่สุด! จ่ายครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีพ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวมากๆ
- ส่วนจะเลือกรุ่น Standard (2D) หรือ Professional (2D+3D) ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะงานของคุณ ถ้างานส่วนใหญ่เป็น 2 มิติเน้นๆ รุ่น Standard ก็เพียงพอและราคาประหยัดกว่า แต่ถ้ามีงาน 3 มิติด้วย หรือต้องการฟังก์ชันที่สูงขึ้น รุ่น Professional ก็ตอบโจทย์มากกว่าจ้า
โดยสรุปคือ GstarCAD แบบซื้อขาด (Perpetual License) มักจะเป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่าที่สุดในระยะยาว สำหรับคนที่ใช้งานโปรแกรมเขียนแบบเป็นประจำและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวนะจ๊ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ GstarCAD นะคะ ขอให้ทุกคนได้โปรแกรมที่ถูกใจ ทำงานได้อย่างราบรื่น ประหยัดงบ และสร้างสรรค์ผลงานเจ๋งๆ ออกมาได้เยอะๆ เลยค่า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ยา Roaccutane 20 mg: ราคาล่าสุด ปี 2568 และข้อควรระวังในการใช้
Zayn Hotel ราคาห้องพักล่าสุด 2024/2567 พร้อมโปรโมชั่นส่วนลด
รองเท้า Adidas Energy Boost ราคาล่าสุดปี 2025: ยังน่าวิ่งไหม?
Unicharm 3D Mask ราคาล่าสุดปี 2025: ซื้อยกกล่องถูกกว่า?
ราคาเครื่องตัดหญ้าสะพายบ่า รุ่น Mitsubishi TL43 ซื้อเครื่องยนต์เปล่าได้ไหม
ระบบ Hotel Lock (กลอนประตูดิจิทัล) ราคาติดตั้งเท่าไหร่? เลือกแบบไหนดี?