นาฬิกา Rado มือสองของแท้: ราคาตลาดและข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ


สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องนาฬิกาหรูแบบเอื้อมถึงอย่าง นาฬิกา Rado มือสองของแท้ กัน ใครที่กำลังเล็งๆ อยากได้นาฬิกาดีๆ สักเรือนที่ดูดีมีสไตล์ แถมราคายังไม่แรงเท่าซื้อใหม่ มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึก รีวิวให้ฟังแบบหมดเปลือก แถมด้วยเคล็ดลับช้อปยังไงให้คุ้มค่า จนเพื่อนต้องเหลียวหลัง! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!
1. นาฬิกา Rado มันคืออะไรกันนะ?
เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า นาฬิกา Rado เนี่ยมันคือนาฬิกาอะไร? พูดง่ายๆ มันคือนาฬิกาจากแบรนด์สุดเก๋จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเค้าขึ้นชื่อมากๆ เรื่องการใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะ เซรามิกไฮเทค (High-Tech Ceramic) ที่ทั้งทนทานต่อรอยขีดข่วนและน้ำหนักเบา ใส่สบายมากๆ เลยจ้า แบรนด์ Rado เค้ามีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1917 โน่นแน่ะ! เค้าบุกเบิกเรื่องวัสดุศาสตร์ในการทำนาฬิกามาตลอด ทำให้ Rado ไม่ใช่แค่นาฬิกาบอกเวลา แต่เป็นเหมือนงานศิลปะที่อยู่บนข้อมือเราเลยทีเดียว เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากได้นาฬิกาที่ดู เรียบหรู มีดีไซน์เฉพาะตัว และ ทนทานใช้งานได้นาน ไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องรอยขนแมวเหมือนนาฬิกาโลหะทั่วไป ผู้ใช้ที่เหมาะก็มีตั้งแต่คนวัยทำงานที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ไปจนถึงคนที่ชื่นชอบแฟชั่นและนวัตกรรม บอกเลยว่า Rado มือสองของแท้เนี่ย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ในตลาดเมืองไทยของเราจ้า เพราะได้นาฬิกาคุณภาพระดับโลกในราคาที่จับต้องได้!
2. ราคา Rado มือสองในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ นาฬิกา Rado มือสองของแท้ เนี่ย ต้องบอกก่อนว่าราคาในตลาดมีความหลากหลายมากๆ จ้า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสุดๆ เช่น รุ่นนาฬิกา (รุ่นยอดฮิตอย่าง Rado Coupole, HyperChrome, Centrix, Captain Cook อะไรพวกนี้ ราคาก็จะต่างกันไป), สภาพนาฬิกา (ใหม่กริ๊บ มีรอยน้อย หรือมีรอยใช้งานมาบ้าง), ปีที่ผลิต, และที่สำคัญคือ มีอุปกรณ์ครบกล่องใบหรือไม่ (อันนี้มีผลกับราคามากๆ นะ!) ส่วนใหญ่แล้วตอนนี้เรามักจะเจอราคาประมาณ 1x,xxx - 5x,xxx บาท (฿) โดยประมาณนะ อันนี้คือราคาแบบคร่าวๆ สุดๆ เลยจ้า สำหรับรุ่นทั่วๆ ไป แต่ถ้ารุ่นลิมิเต็ดหรือหายาก ราคาก็อาจจะโดดไปกว่านี้เยอะเลย
ลองไปส่องตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ยอดฮิตในไทยดูสิ อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย จะมีร้านที่ขายนาฬิกามือสองเยอะมากๆ รวมถึงร้านที่นำเข้านาฬิกาแบรนด์เนมมือสองด้วย ลองใช้คีย์เวิร์ดว่า "Rado มือสอง", "Rado ของแท้ มือสอง" ดูนะ บางทีอาจจะเจอร้านที่เอาของเข้ามาแล้วตั้งราคาไว้เลย หรือบางทีก็ต้องทักไปสอบถามกับผู้ขายโดยตรง นอกจากนี้ ตามกลุ่มซื้อขายนาฬิกาแบรนด์เนมมือสองใน Facebook ก็เป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ
ส่วนร้านนาฬิกาใหญ่ๆ ในห้างอย่าง Central หรือ The Mall เนี่ย ส่วนใหญ่เค้าจะเน้นขายนาฬิกา Rado มือหนึ่งเป็นหลักนะ ราคาก็ตามป้ายเลยจ้า แต่ถ้าอยากหามือสองราคาดีๆ แหล่งออนไลน์หรือร้านนาฬิกามือสองเฉพาะทางจะตอบโจทย์กว่าจ้า
เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคานาฬิกามือหนึ่งจากต่างประเทศเนี่ย บางทีซื้อ Rado มือสองในไทยอาจจะดูคุ้มค่ากว่าเยอะเลยนะ เพราะไม่ต้องมาวุ่นวายเรื่องภาษีนำเข้าด้วยจ้า
3. แล้วเทียบกับแบรนด์อื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?
ถ้าให้เทียบกับนาฬิกาแบรนด์สวิสอื่นๆ ในระดับใกล้เคียงกัน หรือนาฬิกาที่ใช้วัสดุพิเศษคล้ายๆ กันเนี่ย Rado มือสอง ถือว่ามีราคาที่ เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ เอามากๆ เลยนะ ลองนึกภาพดูว่านาฬิกาแบรนด์หรูสวิสบางแบรนด์ มือสองก็ยังมีราคาสูงลิ่วเป็นแสน ในขณะที่ Rado มือสองสภาพดีๆ เราสามารถหาได้ในงบหมื่นปลายๆ จนถึงกลางๆ สี่ซ้าห้าหมื่นก็ได้รุ่นสวยๆ แล้ว! แน่นอนว่าแบรนด์อื่นๆ อาจจะมีจุดเด่นต่างกันไป บางแบรนด์เน้นประวัติศาสตร์ยาวนาน บางแบรนด์เน้นฟังก์ชันซับซ้อน แต่ถ้าเน้น ดีไซน์โดดเด่น วัสดุทนทานต่อรอยขีดข่วน ในงบที่ไม่บานปลาย Rado มือสองคือตัวเลือกที่ คุ้มค่า มากๆ เลยจ้า!
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
อันนี้แหละคือจุดที่ต้องเช็คให้ดีมากๆ เลยนะ เวลาซื้อ นาฬิกา Rado มือสอง เนี่ย เพราะสิ่งที่ได้มาอาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละร้านหรือแต่ละคนขายเลย สิ่งที่ควรเช็คเลยก็คือ:
- ตัวนาฬิกา: สภาพเป็นยังไง มีรอยเยอะมั้ย การทำงานของกลไกเป็นยังไง (เดินตรงมั้ย วันที่เปลี่ยนปกติหรือเปล่า)
- สายนาฬิกา: เป็นสายเดิมของ Rado มั้ย สภาพเป็นยังไง มีข้อสายสำรองให้ปรับความยาวได้หรือเปล่า
- กล่อง: มีกล่องเดิมๆ ของ Rado มาด้วยมั้ย
- ใบรับประกัน/ใบเซอร์: อันนี้สำคัญมาก! มีใบรับประกันจากศูนย์ Rado หรือใบรับรองความเป็นของแท้ (Certificate) มาด้วยหรือเปล่า ถ้ามีจะช่วยยืนยันว่าเป็นของแท้และมีผลต่อราคาขายต่อในอนาคตด้วยนะจ๊ะ
- คู่มือ: อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
- ประกัน: ส่วนใหญ่ Rado มือสองจะ หมดประกันศูนย์ แล้วนะจ๊ะ แต่บางร้านที่ขายอาจจะมี ประกันร้าน ให้เล็กๆ น้อยๆ สัก 30 วัน หรือ 90 วัน ก็ต้องลองสอบถามดู หรือถ้าซื้อกับผู้ใช้โดยตรง ก็อาจจะไม่มีประกันเลย ต้องทำใจนะจ๊ะ
- ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ร้านเลย บางร้านอาจจะมีแถมผ้าเช็ดนาฬิกา หรือกล่องใส่นาฬิกาเล็กๆ ให้ด้วย ลองสอบถามดูจ้า
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะ นอกจากร้านจะจัดโปรโมชั่น ส่งฟรี ก็ต้องลองดูเงื่อนไขดีๆ จ้า
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?
แน่นอนว่าถ้าอยากได้ของดีราคาโดน ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! ถึงแม้จะเป็นนาฬิกามือสอง แต่บางร้านค้าออนไลน์หรือผู้ขายรายย่อยก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทยนะ เช่น ช่วงปีใหม่ไทย (สงกรานต์), วันแม่ วันพ่อ, หรือช่วง Double Digit Sale ยอดฮิตอย่าง 11.11 (วันที่ 11 เดือน 11) และ 12.12 (วันที่ 12 เดือน 12) ที่ Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็มกันทุกปี! ช่วงนี้แหละที่อาจจะมีร้านค้าเอานาฬิกา Rado มือสองสภาพดีๆ มาลดราคา หรือมีโค้ดส่วนลดพิเศษให้ใช้ ก็ต้องหมั่นเข้าไปเช็ค เข้าไปส่องบ่อยๆ นะจ๊ะ
นอกจากนี้ ร้านค้าที่เป็น Official Store หรือร้านตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาอื่นๆ ใน Lazada หรือ Shopee เนี่ย ถึงแม้เค้าจะไม่ได้ขาย Rado มือสองโดยตรง แต่บางทีเค้าอาจจะมีโปรโมชั่นผ่อนชำระ 0% หรือส่วนลดบัตรเครดิตที่เอามาใช้กับการซื้อนาฬิกาจากร้านค้าเหล่านั้นได้ ก็ลองเข้าไปดูเป็นไอเดียได้นะ สรุปคือ ถ้าไม่รีบมากๆ รอช่วงโปรโมชั่น เนี่ย มีโอกาสได้ของดีราคาถูกลง หรือได้สิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมเยอะเลยจ้า!
6. คนไทยใช้ Rado มือสองแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวหรือตามเว็บบอร์ดต่างๆ ของคนไทยที่ใช้นาฬิกา Rado มือสองเนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ถือว่าดีเลยนะ จุดที่คนไทยชอบมากๆ เลยก็คือ:
- ความทนทานของวัสดุเซรามิก: อันนี้เป็นจุดเด่นที่หลายคนประทับใจสุดๆ ใส่มานานแค่ไหนก็ยังดูเหมือนใหม่ เพราะมันทนรอยขีดข่วนมากๆ ไม่ต้องมานั่งกังวลเหมือนนาฬิกาสแตนเลส
- ดีไซน์เรียบหรู ไม่ตกยุค: Rado หลายๆ รุ่นมีดีไซน์ที่คลาสสิกเหนือกาลเวลา ใส่ได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวเชย
- น้ำหนักเบา ใส่สบาย: เมื่อเทียบกับนาฬิกาที่ทำจากโลหะ เซรามิกจะมีน้ำหนักเบากว่า ทำให้ใส่ได้ทั้งวันไม่เมื่อยข้อมือ
- ราคาคุ้มค่า (ถ้าซื้อมือสอง): เมื่อเทียบกับคุณภาพ วัสดุ และชื่อชั้นของแบรนด์ระดับโลก การได้ Rado มือสองในราคาหลักหมื่นถือว่าคุ้มมากๆ ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
- ดูแลง่าย: วัสดุเซรามิกทำความสะอาดง่าย แค่เช็ดเบาๆ ก็เหมือนใหม่แล้ว
สรุปคือ คนไทยที่เคยใช้ Rado มือสองส่วนใหญ่จะแฮปปี้กับ ความทนทาน, ดีไซน์, ความสบายในการสวมใส่ และ ความคุ้มค่า ที่ได้เลยจ้า
7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าถ้าเน้นราคาดีๆ ต้องดูที่ ตลาดมือสอง นะจ๊ะ ช่องทางหลักๆ ที่น่าไปส่องก็คือ:
- แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่: เช่น Shopee และ Lazada อันนี้เป็นแหล่งรวมร้านค้าที่นำเข้านาฬิกาแบรนด์เนมมือสอง และผู้ขายรายย่อยเยอะมากๆ ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย และบางทีมีโค้ดส่วนลดหรือโปรโมชั่นส่งฟรีให้ใช้ด้วย แต่ข้อควรระวังคือเราไม่เห็นของจริง ต้องดูจากรูปและรายละเอียดที่ผู้ขายให้มา และต้องเช็คเครดิตร้าน ความน่าเชื่อถือ รวมถึงสอบถามประวัติและสภาพนาฬิกาให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ
- กลุ่มซื้อขายนาฬิกาแบรนด์เนมมือสองใน Facebook: กลุ่มเหล่านี้เป็นแหล่งที่ดีมากๆ ในการหานาฬิกามือสองนะ เพราะมักจะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองที่เอามาปล่อยต่อ บางทีจะได้ราคาดีกว่าซื้อจากร้าน แถมยังสามารถพูดคุย สอบถามรายละเอียด ขอดูรูป วิดีโอ หรือนัดเจอเพื่อเช็คของจริงจากผู้ขายได้โดยตรง (แนะนำให้นัดเจอในที่สาธารณะเพื่อความปลอดภัยนะ!) แต่ก็ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยนะ!
- ร้านนาฬิกามือสองโดยเฉพาะ: ในกรุงเทพฯ หรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ อาจจะมีร้านที่รับซื้อขายนาฬิกาแบรนด์เนมมือสองโดยเฉพาะ ข้อดีคือเราสามารถไป ลองจับ ลองใส่ ลองเช็คสภาพนาฬิกา ก่อนตัดสินใจซื้อได้เลย ได้เห็นของจริง ได้สอบถามข้อมูลกับคนขายโดยตรง ได้ความสบายใจมากกว่า แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์หรือซื้อกับผู้ใช้ด้วยกันเองเล็กน้อยนะ ลองเสิร์ชหาร้านเหล่านี้ดูจ้า
สำหรับช่องทาง Official ของ Rado ในไทย (ตามห้างใหญ่ๆ) จะเน้นขายแต่มือหนึ่งนะจ๊ะ ถ้าอยากได้มือสองต้องพึ่งพาช่องทางที่กล่าวมาข้างต้นเป็นหลักจ้า
8. สรุปแล้ว Rado มือสองน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า นาฬิกา Rado มือสองของแท้ ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า ถ้าคุณเป็นคนที่:
- มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้นาฬิกาแบรนด์สวิสคุณภาพดี มีชื่อเสียง
- ชื่นชอบดีไซน์ที่เรียบหรู โมเดิร์น และเป็นเอกลักษณ์
- ต้องการนาฬิกาที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน ใส่นานๆ แล้วยังดูใหม่
- ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและวัสดุศาสตร์ ในการผลิตนาฬิกา
- อยากได้นาฬิกาที่ใส่ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและโอกาสพิเศษ
Rado มือสองคือคำตอบเลยจ้า! มันเป็นนาฬิกาที่ คุ้มค่าเกินราคา (ในตลาดมือสองนะ) ให้ความรู้สึกหรูหรา ทนทาน และมีสไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นสะสมนาฬิกาแบรนด์เนม หรือคนที่มองหานาฬิกาเรือนเก่งที่ใส่ได้นานๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรอยง่ายๆ
ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี ก็ขึ้นอยู่กับงบและความชอบส่วนตัวเลยจ้า ถ้าเน้นความคลาสสิกเหนือกาลเวลา รุ่น Coupole หรือ Centrix ก็เป็นที่นิยม ถ้าชอบความสปอร์ตหน่อย Captain Cook ก็กำลังมาแรงเลย หรือถ้าชอบดีไซน์ที่ดูทันสมัยสุดๆ ลองดูรุ่น HyperChrome ก็ได้นะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการซื้อ Rado มือสองคือ การตรวจสอบสภาพและความเป็นของแท้ ให้ดีก่อนตัดสินใจนะจ๊ะ พยายามซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ หรือผู้ขายที่มีเครดิตดีๆ ถ้าเป็นไปได้ลองนัดเจอเพื่อเช็คของจริงจะดีที่สุดจ้า
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังตัดสินใจซื้อ นาฬิกา Rado มือสองของแท้ นะจ๊ะ ขอให้ได้นาฬิกาที่ถูกใจ ใส่สวยๆ เฮงๆ ปังๆ กันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- การดูของแท้ และการแยก รุ่นเก่า - ใหม่ RADO ราโด้
- วิธีดูนาฬิกา Rado ของแท้มือสองดูยังไง? | [EP.27] วิธีดูนาฬิกา Rado ...
- นาฬิกา RADO DIASTAR มือสอง คุณภาพดีและราคาถูก
- เคล็ดลับเซียน! ดูนาฬิกา Rado ปลอมกับแท้ ดูยังไง? วิธีดูราโด้ ไดสตา ...
- วิธีดูนาฬิกา Rado ของแท้มือสอง ดูยังไง? สอนดูราโด้มือสองของแท้ ...
แนะนำสำหรับคุณ
ไส้กรองน้ำ Lux Alva ราคาล่าสุด เปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
Ableton Push 2: ราคาล่าสุด ปี 2568 และรีวิวคอนโทรลเลอร์สำหรับทำเพลง
คาลิมบา (Kalimba) ราคาถูก เริ่มต้นกี่บาท? ยี่ห้อไหนดีสำหรับมือใหม่
รวมราคา Samsung Galaxy J Prime ทุกรุ่นฮิต (J2, J5, J7 Prime)
กระเป๋า Porter จากญี่ปุ่น: ราคาล่าสุด ปี 2568 รุ่นไหนยอดนิยม ซื้อที่ไหนดี?
หมวกเบสบอล LA Dodgers ราคาล่าสุด: ซื้อของแท้ได้ที่ไหน?