ราคา Cherry MX Switch สำหรับ Mechanical Keyboard รุ่นต่างๆ สีไหนดี


สวัสดีค่าาา สายเกมเมอร์ สายทำงาน สายพิมพ์งานเอกสาร หรือใครก็ตามที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นชีวิตจิตใจ! วันนี้เราจะมาเม้าท์เรื่องอุปกรณ์คู่ใจที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือคีย์บอร์ดนั่นเอง! แต่ไม่ใช่คีย์บอร์ดธรรมดานะจ๊ะ วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงหัวใจของ Mechanical Keyboard ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง นั่นก็คือ Cherry MX Switch นั่นเองค่าาา
1. Cherry MX Switch มันคืออะไร มีดีตรงไหน แล้วทำไมต้องเป็นยี่ห้อนี้?
ถ้าเปรียบเทียบ Mechanical Keyboard เป็นรถแข่ง Cherry MX Switch ก็คือเครื่องยนต์สุดแรงที่ทำให้มันวิ่งฉิว กดมันส์ พิมพ์สนุกนั่นแหละ! เจ้าสวิตช์พวกนี้ไม่ใช่แค่ยางแป้นพิมพ์กะโหลกกะลาแบบคีย์บอร์ดทั่วไปนะ แต่มันคือกลไกเล็กๆ ที่อยู่ใต้ปุ่มแต่ละปุ่ม เวลาเรากดลงไป มันจะมีฟีลลิ่งเฉพาะตัว ทั้งเสียง ทั้งแรงต้าน ทั้งจังหวะการกด ที่ทำให้การพิมพ์งานหรือเล่นเกมมันฟินกว่าเดิมเยอะเลยล่ะ
แล้วทำไมต้อง Cherry MX? แบรนด์นี้เค้ามาจากเยอรมนีจ้า เป็นตัวท็อป ตัวพ่อในวงการนี้มาตั้งแต่ยุคแรกๆ เลยนะ (ตั้งแต่ปี 1983 นู่น!) เค้าขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน Reliability กดได้เป็นสิบล้านครั้งสบายๆ แถมยังมีสวิตช์ให้เลือกหลายแบบมากๆ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนใช้ ไม่ว่าจะเป็นสายเกมที่ต้องการความไว หรือสายพิมพ์ที่ชอบเสียงคลิ๊กมันส์ๆ หรือจะเอาแบบเงียบๆ นุ่มๆ ก็มีหมด ทำให้ Cherry MX กลายเป็นเหมือนมาตรฐานทองคำของวงการ Mechanical Keyboard ไปแล้ว ใครได้ลองก็มักจะติดใจในคุณภาพนะบอกเลย!
2. ราคา Cherry MX Switch ในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
จริงๆ แล้วส่วนใหญ่เวลาเราพูดถึงราคา Cherry MX Switch เรามักจะหมายถึงราคาของ Mechanical Keyboard ที่ใส่สวิตช์ Cherry MX มาจากโรงงาน เลยมากกว่านะ เพราะการซื้อสวิตช์เปล่าๆ มาเปลี่ยนเองหรือมาประกอบคีย์บอร์ดเองมันเป็นอีกขั้นของคนเล่นคีย์บอร์ดโดยเฉพาะเลย
ราคา Mechanical Keyboard ที่ใช้ Cherry MX Switch ในไทยนี่ก็มีตั้งแต่หลักพันกลางๆ ไปจนถึงหลายหมื่นบาทเลยจ้า ขึ้นอยู่กับแบรนด์ รุ่น วัสดุ และฟีเจอร์ต่างๆ ถ้าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ใช้ Cherry MX Red หรือ Brown สีคลาสสิกๆ หน่อย ก็อาจจะเจอที่ราคาประมาณ 3,000 - 6,000 บาท (฿) แต่ถ้าเป็นรุ่นเกมมิ่งตัวท็อป ฟีเจอร์แน่นๆ มีไฟ RGB อลังการ หรือวัสดุดีๆ อย่างอลูมิเนียม ก็อาจจะพุ่งไปถึง 8,000 - 15,000 บาท หรือแพงกว่านั้นก็ได้
ลองไปส่องดูตามร้านค้าออนไลน์ยอดฮิตในไทยได้เลย ทั้ง Lazada และ Shopee นี่มีเพียบ! มีหลายร้านที่ลงรายละเอียดไว้ชัดเจนว่าใช้ Cherry MX Switch สีอะไร หรือถ้าเป็นร้านค้า IT ใหญ่ๆ อย่าง JIB หรือ Banana IT เค้าก็มี Mechanical Keyboard หลายรุ่นให้เลือกเหมือนกันนะ แถมบางทีไปเดินดูก็ได้ลองกดของจริงด้วย ส่วน Power Buy อาจจะมีตัวเลือกน้อยกว่าหน่อยแต่ก็มีบางรุ่นให้เห็นนะ
ส่วนเรื่องส่วนต่างราคากับต่างประเทศเนี่ย ก็ต้องทำใจนิดนึง เพราะพอเข้ามาขายในไทยมันก็มีภาษี ค่าขนส่ง ค่าการตลาดต่างๆ ทำให้ราคาอาจจะสูงกว่าราคาตั้งในเว็บนอกอยู่บ้างเป็นเรื่องปกติจ้า
3. เทียบกับแบรนด์อื่นแล้ว ราคาคุ้มไหม?
ในตลาด Mechanical Keyboard ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ Cherry MX อย่างเดียวนะ ยังมีสวิตช์แบรนด์อื่นๆ อีกเพียบเลย เช่น Gateron, Kailh, Outemu, หรือแบรนด์ของคีย์บอร์ดเองอย่าง Razer, Logitech ก็มีสวิตช์ของตัวเอง ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัดในสเปกที่ใกล้เคียงกัน คีย์บอร์ดที่ใช้ Cherry MX Switch มักจะมีราคาสูงกว่าแบรนด์อื่นอยู่บ้าง
แต่ถามว่าคุ้มค่าไหม? สำหรับหลายๆ คนที่เคยใช้ Cherry MX มาแล้ว หรือคนที่ซีเรียสเรื่องฟีลลิ่งการกดและความทนทานมากๆ เค้าก็ยอมจ่ายส่วนต่างตรงนี้แหละ เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพและชื่อเสียงของ Cherry MX ที่สั่งสมมานาน ฟีลลิ่งการกดมันมีความเสถียรและเป็นมาตรฐานที่หลายๆ คนคุ้นเคย แต่ถ้าใครอยากลอง Mechanical Keyboard ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น สวิตช์แบรนด์อื่นๆ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะ บางแบรนด์ทำสวิตช์ออกมาได้ดีใกล้เคียง Cherry MX มากในราคาที่สบายกระเป๋ากว่าเยอะเลย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความชอบส่วนบุคคลเลยจ้า
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง ประกันเป็นยังไง?
เวลาซื้อ Mechanical Keyboard ที่ใช้ Cherry MX Switch ส่วนใหญ่สิ่งที่เราจะได้หลักๆ ก็คือตัวคีย์บอร์ดพร้อมสวิตช์ตามที่เราเลือกนั่นแหละ บางรุ่นอาจจะมีอุปกรณ์เสริมเล็กๆ น้อยๆ แถมมาให้ เช่น ที่ดึงคีย์แคป (Keycap Puller) หรือแปรงทำความสะอาด ส่วนสายเชื่อมต่อก็มักจะให้มาในกล่องอยู่แล้ว บางรุ่นเป็นสายถอดได้ทำให้สะดวกเวลาพกพาหรือเปลี่ยนสาย
เรื่องที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ ก็คือ การรับประกัน (Warranty) นี่แหละ! คีย์บอร์ด Mechanical ที่ใช้ Cherry MX ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันจากผู้จำหน่ายในไทย ซึ่งระยะเวลาก็แตกต่างกันไปแล้วแต่แบรนด์และรุ่นนะ ที่เจอบ่อยๆ ก็คือ 1 ปี หรือ 2 ปี แนะนำให้เช็คเงื่อนไขการรับประกันดีๆ ก่อนซื้อนะจ๊ะ ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง เช่น สวิตช์เสีย ปุ่มกดเบิ้ล หรืออาการอื่นๆ ส่วนใหญ่เค้าจะรับประกันความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานปกติ แต่ถ้าทำน้ำหกใส่ ทำตก หรือแกะแงะตัวคีย์บอร์ดเอง ประกันก็อาจจะขาดได้
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ก็มีบริการส่งฟรีให้ถ้าซื้อถึงยอดที่กำหนดนะ อย่าง Lazada หรือ Shopee นี่โปรส่งฟรีมีมาเรื่อยๆ เลยจ้า ของแถมอื่นๆ เช่น คีย์แคปแต่ง หรือที่รองข้อมือ ก็ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของร้านค้าในช่วงนั้นๆ ด้วยนะ ต้องคอยส่องดีๆ เลย!
5. ช่วงไหนมีโปรโมชั่นเด็ด น่าโดนบ้าง?
ถ้าถามหาช่วงเวลาทองในการช้อป Mechanical Keyboard ที่ใช้ Cherry MX Switch บอกเลยว่าต้องเป็นช่วง เทศกาลลดราคาใหญ่ๆ นี่แหละจ้า! ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ยอดฮิตอย่าง 11.11, 12.12 หรือช่วง วันเกิด Lazada/Shopee ที่เค้าจัดหนักจัดเต็มกันทุกปี นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลของไทยอย่าง สงกรานต์ ปีใหม่ หรือช่วง Back to School ก็อาจจะมีโปรโมชั่นจากร้านค้า IT หรือแบรนด์ต่างๆ ด้วยนะ
ร้านค้าที่เป็น Official Store หรือร้านใหญ่ๆ บน Lazada/Shopee มักจะมีส่วนลด หรือโค้ดส่วนลดพิเศษออกมาบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วง Mega Campaign บางทีมี Flash Sale หรือดีลพิเศษสำหรับสินค้าไอทีโดยเฉพาะด้วย การรอซื้อในช่วงโปรโมชั่นเหล่านี้มีโอกาสได้คีย์บอร์ดในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมเยอะเลยนะ คุ้มค่ามากๆ สำหรับคนที่ไม่ได้รีบใช้ทันทีจ้า
6. คนไทยใช้แล้วฟีดแบ็กเป็นยังไง ชอบสีไหนกันนะ?
จากที่เห็นตามกลุ่มรีวิว หรือกระทู้ต่างๆ ในไทย คนที่ใช้ Mechanical Keyboard ที่ใช้ Cherry MX Switch เนี่ย ส่วนใหญ่เค้าจะประทับใจในหลายๆ อย่างเลยนะ
- ความทนทาน: หลายคนบอกว่าใช้ได้นาน คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
- ฟีลลิ่งการกด: อันนี้คือจุดเด่นเลย แต่ละสีก็ให้ฟีลต่างกันไป ทำให้เลือกได้ตรงใจ
- คุณภาพงานประกอบ: คีย์บอร์ดที่ใช้ Cherry MX มักจะมาพร้อมกับงานประกอบที่ดี ใช้วัสดุมีคุณภาพ
ส่วนเรื่อง "สีไหนดี" อันนี้คือคำถามโลกแตกของคนจะเข้าวงการเลยจ้า! แต่ละสีมันมีคาแรคเตอร์ต่างกันไปนะ
- Cherry MX Red: สีแดงยอดฮิตของสายเกมเมอร์! เป็นสวิตช์แบบ Linear คือกดลงไปตรงๆ ไม่มีจังหวะสะดุด ไม่มีเสียงคลิ๊ก แรงต้านน้อย กดง่าย กดไว เหมาะกับการเล่นเกมที่ต้องรัวๆ เสียงจะค่อนข้างเงียบ (แต่ก็ยังดังกว่าคีย์บอร์ดยางนะ)
- Cherry MX Blue: สีฟ้าในตำนานของสายพิมพ์งาน! เป็นสวิตช์แบบ Clicky และ Tactile คือมีทั้งจังหวะสะดุดนิ้วตอนกดและมีเสียงคลิ๊กดังชัดเจน ฟีลลิ่งเหมือนพิมพ์ดีดโบราณ ได้ยินเสียงแล้วฟิน บอกเลยว่าพิมพ์สนุกมาก! แต่เสียงจะดังหน่อย ไม่เหมาะกับออฟฟิศเงียบๆ นะจ๊ะ
- Cherry MX Brown: สีน้ำตาล สวิตช์ลูกครึ่ง Best All-Purpose! เป็นสวิตช์แบบ Tactile มีจังหวะสะดุดตอนกดให้รู้ว่าปุ่มทำงานแล้ว แต่ไม่มีเสียงคลิ๊กดังเท่าสีฟ้า ฟีลลิ่งจะนุ่มนวลกว่าสีฟ้า เสียงเงียบกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการฟีลลิ่ง Tactile แต่ไม่ชอบเสียงดัง หรือใช้ทำงานในที่สาธารณะได้ดีกว่า เป็นตัวเลือกที่บาลานซ์ดี ทั้งเล่นเกมและพิมพ์งาน
นอกจาก 3 สียอดฮิตนี้ก็ยังมีสีอื่นๆ อีกนะ เช่น MX Black (คล้าย Red แต่แข็งกว่า), MX Speed Silver (คล้าย Red แต่ระยะกดสั้นกว่า ไวกว่า) แต่ 3 สีแรกนี่แหละคือสีหลักที่คนนิยมและหาซื้อง่ายสุดในไทยจ้า
7. จะไปหาซื้อ Cherry MX Switch ได้ที่ไหนบ้าง?
สำหรับในประเทศไทย ช่องทางหลักๆ ในการซื้อ Mechanical Keyboard ที่ใช้ Cherry MX Switch ก็มีหลายที่เลยจ้า
- แพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ๆ: Lazada และ Shopee คือแหล่งใหญ่เลย มีร้านค้า Official Store ของแบรนด์ต่างๆ หรือร้าน Gadget ที่นำเข้าคีย์บอร์ดมาขาย ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะมาก เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีโค้ดส่วนลด โปรโมชั่นเพียบ แถมส่งถึงบ้าน แต่ข้อเสียคือไม่ได้ลองของจริง ต้องดูจากรีวิวหรือข้อมูลที่ร้านให้มา
- ร้านค้า IT ชั้นนำ: อย่าง JIB หรือ Banana IT เค้าก็มีโซนเกมมิ่งเกียร์ มี Mechanical Keyboard หลายรุ่นให้เลือกนะ ข้อดีคือได้ไป ลองกด ลองจับ ดูฟีลลิ่งของสวิตช์แต่ละสีด้วยตัวเองได้เลย สอบถามพนักงานได้ มีหน้าร้านชัดเจนน่าเชื่อถือ แต่ตัวเลือกเฉพาะรุ่นหรือสวิตช์อาจจะไม่ได้เยอะเท่าออนไลน์
- ร้านขาย Mechanical Keyboard โดยเฉพาะ: เริ่มมีร้านแบบนี้มากขึ้นทั้งแบบออนไลน์และมีหน้าร้านในบางที่ ร้านพวกนี้มักจะมีตัวเลือกที่หลากหลายกว่า ทั้งคีย์บอร์ดแบรนด์ต่างๆ สวิตช์แยก คีย์แคป อุปกรณ์เสริมสำหรับคนที่อยาก Custom คีย์บอร์ดของตัวเองโดยเฉพาะ พนักงานจะมีความรู้เฉพาะทาง ให้คำแนะนำได้ดี
ส่วนร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Central หรือ Big C อาจจะมี Mechanical Keyboard ขายบ้าง แต่ตัวเลือกที่เป็น Cherry MX Switch อาจจะไม่เยอะเท่าร้าน IT เฉพาะทางนะ ราคาโดยรวมก็อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่องทาง แนะนำให้ลองเช็คราคาจากหลายๆ ที่ก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ
8. สรุปแล้ว Cherry MX Switch คุ้มค่าน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปแล้ว! ถามว่า Mechanical Keyboard ที่ใช้ Cherry MX Switch คุ้มค่าน่าซื้อไหม? บอกเลยว่า คุ้มค่ามากๆ ถ้าคุณให้ความสำคัญกับ:
- ฟีลลิ่งการกด: แต่ละสีมันมีเอกลักษณ์จริงๆ ลองแล้วจะรู้ว่าทำไมคนถึงติดใจ
- ความทนทาน: Cherry MX เค้าทนจริง ใช้ได้ยาวๆ ลืมเรื่องสวิตช์พังไปได้เลย
- คุณภาพและชื่อเสียง: ได้ใช้ของดี มีมาตรฐาน ไม่ต้องเสี่ยง
แล้วเหมาะกับใครล่ะ? เหมาะกับคนที่อยากอัพเกรดประสบการณ์การใช้งานคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นสายเกมเมอร์ที่ต้องการความแม่นยำและรวดเร็ว (แนะนำ Cherry MX Red หรือ Silver) หรือสายทำงานที่ต้องพิมพ์เยอะๆ ต้องการฟีลลิ่งที่ใช่ และความทนทาน (แนะนำ Cherry MX Blue ถ้าชอบเสียงดัง หรือ Brown ถ้าต้องการแบบเงียบลงมาหน่อย) หรือคนที่อยากเริ่มต้นเข้าสู่โลกของ Mechanical Keyboard แบบจริงจังไปเลย
ส่วนจะเลือกรุ่นสูงหรือรุ่นเริ่มต้น ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและฟีเจอร์ที่เราต้องการเลยจ้า ถ้าเพิ่งเริ่มต้น ลองดูรุ่นที่ใช้ Cherry MX Switch สีพื้นฐานอย่าง Red, Blue, Brown ในช่วงราคาเริ่มต้นก่อนก็ได้ แต่ถ้ามีงบถึง หรือต้องการฟีเจอร์เฉพาะทาง เช่น Macro, ไฟ RGB แบบจัดเต็ม, วัสดุพรีเมียม ก็ขยับไปดูรุ่นที่สูงขึ้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสีไหน รุ่นไหน ถ้าได้ลองกด Cherry MX Switch แล้ว รับรองว่าการพิมพ์หรือเล่นเกมของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแน่นอนจ้า!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ Mechanical Keyboard ที่ใช้ Cherry MX Switch ของทุกคนนะจ๊ะ ขอให้ได้คีย์บอร์ดคู่ใจที่ถูกใจทั้งฟีลลิ่งและราคาค่าาา! บ๊ายบาย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ผ้าเช็ดหน้า Burberry ของแท้: ราคาล่าสุด ปี 2568 รุ่นไหนนิยม? ซื้อที่ไหนดี?
Apple Watch Series 5 Nike: ราคาล่าสุด ปี 2568 และความต่างจากรุ่นธรรมดา
อัปเดตราคาเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ Acer ปี 2024/2567 รุ่นไหนน่าสนใจ?
รถมอเตอร์ไซค์ Honda Scoopy i S12 ราคาล่าสุด มือสองน่าซื้อไหม?
ราคาเครื่อง KESS V2 สำหรับ Remap กล่อง ECU รุ่น Master หรือ Slave ดี
ราคา iPhone 7 Plus มือสอง อัปเดตราคาล่าสุด ซื้อตอนนี้ยังคุ้มไหม