TP-Link TL-WN7200ND ราคาล่าสุดปี 2025: ตัวรับสัญญาณแรง


สวัสดีวัยรุ่นและวัยเก๋าที่รักความแรงของสัญญาณเน็ตทุกคน! วันนี้เราจะมาคุ้ยแคะแกะเกาอุปกรณ์ตัวนึงที่อาจจะเป็นฮีโร่ในมุมอับของบ้านใครหลายคน นั่นก็คือ TP-Link TL-WN7200ND หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ตัวรับสัญญาณ Wi-Fi แรงๆ" นั่นแหละ! ใครที่เคยมีปัญหาสัญญาณเน็ตอ่อนแอ อ่อนไหวยิ่งกว่าความสัมพันธ์แบบ Friend Zone ต้องมาอ่านเลยจ้า เพราะเจ้าตัวนี้อาจจะเป็นทางออกที่คุณกำลังตามหาอยู่!
1. เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไร ทำไมต้องมี?
เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับพระเอกของเรากันก่อน TP-Link TL-WN7200ND มันคือ Wireless USB Adapter หรือภาษาชาวบ้านก็คือ "ตัวรับสัญญาณ Wi-Fi แบบเสียบ USB" นั่นเองค่ะพี่น้อง! แต่ความไม่ธรรมดาของมันอยู่ตรงที่มันเป็นแบบ High Power หรือ "กำลังส่งสูง" ซึ่งหมายความว่ามันสามารถรับสัญญาณ Wi-Fi ได้แรงกว่า ไกลกว่า และทะลุทะลวงสิ่งกีดขวาง (เช่น ผนังบ้านสุดที่รักของเรา) ได้ดีกว่าตัวรับสัญญาณ Wi-Fi ที่ติดมากับโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ หรือพวกตัว USB เล็กๆ จิ๋วๆ ทั่วไป คิดภาพตามนะว่าเหมือนเราอัพเกรดหูทิพย์ให้คอมพิวเตอร์ของเราจากหูแมวกลายเป็นหูช้างที่รับได้ทุกความถี่ที่กระจายอยู่ในอากาศ!
เหมาะกับใครน่ะเหรอ? ก็เหมาะกับทุกคนที่มีปัญหาเหล่านี้เลยจ้า:
- ใช้ PC ตั้งโต๊ะที่ไม่มี Wi-Fi ในตัว
- ใช้โน้ตบุ๊กเก่าแล้วตัวรับสัญญาณ Wi-Fi มันไม่ค่อยแรง
- นั่งทำงาน/เล่นเกมอยู่มุมบ้านที่สัญญาณ Wi-Fi เราเตอร์ไปไม่ถึง หรือไปถึงแบบอ่อนๆ
- อยากได้สัญญาณที่นิ่งกว่า เสถียรกว่า เวลาดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมออนไลน์
ส่วนแบรนด์ TP-Link เนี่ย เค้าเป็นแบรนด์ระดับโลกจากประเทศจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค ไม่ว่าจะเป็นเราเตอร์, สวิตช์, ตัวขยายสัญญาณต่างๆ เค้ามีผลิตภัณฑ์หลากหลายมาก และที่สำคัญคือคุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ ทำให้เป็นที่นิยมมากๆ ทั้งในไทยและทั่วโลกจ้า.
2. ราคาล่าสุดปี 2025 ในตลาดไทยเท่าไหร่กันนะ?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอย! สำหรับ TP-Link TL-WN7200ND เนี่ย ต้องบอกก่อนว่าน้องเป็นรุ่นที่ออกมาสักพักใหญ่ๆ แล้วนะ อาจจะไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุดปิ๊งๆ แต่ความเก๋าก็ยังอยู่! ในปี 2025 นี้ ราคาในตลาดไทยก็ยังพอหาได้อยู่จ้า ส่วนใหญ่จะเจอตามร้านค้าออนไลน์มากกว่าร้านใหญ่ๆ ทั่วไปนะ
ราคาคร่าวๆ ที่เห็นตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดฮิตอย่าง Lazada และ Shopee จะอยู่ประมาณ ฿300 - ฿650 บาท โดยประมาณนะ ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามผู้ขาย โปรโมชั่น หรือว่าสินค้าเป็นมือหนึ่งค้างสต็อก หรือมือสองสภาพดี บางทีก็อาจจะเจอตามร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ออนไลน์ หรือร้านเล็กๆ ด้วย
ส่วนร้านใหญ่ๆ สายไอทีอย่าง JIB หรือ Banana IT เนี่ย รุ่นนี้อาจจะไม่ค่อยมีวางขายเป็นสินค้าใหม่แล้วนะ เพราะเค้าจะเน้นรุ่นใหม่ๆ ที่รองรับ Wi-Fi มาตรฐานสูงกว่านี้มากกว่า แต่ก็ลองเช็คดูเผื่อมีค้างสต็อก หรือมีโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนห้างอย่าง Central, Big C, The Mall อันนี้อาจจะหายากหน่อย เพราะเค้าจะเน้นสินค้าคอนซูเมอร์ที่หลากหลายกว่า
เทียบกับราคาตอนเปิดตัวสมัยก่อน หรือราคาในต่างประเทศตอนนี้ก็ถือว่าราคาลงมาเยอะแล้ว ทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นเยอะเลยจ้า
3. แล้วถ้าเทียบกับตัวอื่นในตลาดล่ะ?
ถ้าให้เทียบกับ Wireless USB Adapter ตัวอื่นๆ ในตลาดที่มีราคาใกล้เคียงกันเนี่ย เจ้า TP-Link TL-WN7200ND มีจุดเด่นที่ชัดเจนมากๆ เลยคือเรื่อง กำลังส่งที่แรงกว่า ถ้าเป็นพวก USB Adapter ตัวเล็กๆ ที่ราคาถูกมากๆ อาจจะอยู่ที่ 200-300 บาทเหมือนกัน แต่พวกนั้นมักจะรับสัญญาณได้ไม่ดีเท่าตัวนี้ ยิ่งถ้าบ้านมีผนังกั้นเยอะๆ หรืออยู่ห่างจากเราเตอร์มากๆ เจ้า WN7200ND จะโชว์พลังได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่ข้อจำกัดของมันคือ มันเป็นมาตรฐาน Wi-Fi N150 ซึ่งเป็นมาตรฐานเก่าแล้ว ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ก็คือ 150Mbps ถ้าเทียบกับ Wireless USB Adapter รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นมาตรฐาน AC หรือ AX ซึ่งให้ความเร็วหลักร้อยถึงพัน Mbps ได้เนี่ย ความเร็วของ WN7200ND ก็จะสู้ไม่ได้เลยนะ แต่แน่นอนว่ารุ่นใหม่ๆ พวกนั้นราคาก็จะพุ่งไปหลักพันบาทขึ้นไป
ดังนั้น ถ้าเทียบกันแล้ว TP-Link TL-WN7200ND เหมาะกับคนที่เน้น ความแรงของสัญญาณและระยะทาง มากกว่าความเร็วสูงสุดแบบสุดๆ ในราคาที่โคตรคุ้มค่า เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการความเร็วสูงปรี๊ด แต่ต้องการสัญญาณที่นิ่งและไปได้ไกลกว่าเดิมมากๆ จ้า
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
เวลาซื้อ TP-Link TL-WN7200ND มาเนี่ย สิ่งที่เราจะได้มาหลักๆ ก็จะมี:
- ตัวอุปกรณ์ TL-WN7200ND: หน้าตาเป็นแท่งๆ หน่อย มีช่องสำหรับต่อเสา
- เสาอากาศแบบถอดได้ (Detachable Antenna) ขนาด 5dBi: อันนี้แหละตัวช่วยเพิ่มความแรง
- สาย USB Extension Cable ยาว 1.5 เมตร: ช่วยให้เราขยับตำแหน่งตัวรับสัญญาณไปไว้ในจุดที่รับสัญญาณได้ดีที่สุด
- แผ่นไดรเวอร์ (Resource CD): อาจจะมีมาให้สำหรับ Windows รุ่นเก่าๆ แต่ส่วนใหญ่ Windows รุ่นใหม่ๆ อาจจะหาไดรเวอร์ออนไลน์ง่ายกว่า หรือเสียบแล้วใช้ได้เลย
- คู่มือติดตั้งแบบคร่าวๆ (Quick Installation Guide)
เรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะจ๊ะ เว้นแต่ร้านนั้นจะมีโปรโมชั่นส่งฟรี ก็ต้องดูเงื่อนไขให้ดีๆ
ส่วนเรื่อง การรับประกัน อันนี้สำคัญกับคนไทยมากๆ เพราะเราห่วงเรื่องเคลม ห่วงเรื่องซ่อมใช่ไหมล่ะ? สำหรับ TP-Link ในไทย ส่วนใหญ่จะมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งให้การรับประกันค่อนข้างดีนะ รุ่นนี้ถึงแม้จะเป็นรุ่นเก่า แต่อาจจะยังมีการรับประกันเหลืออยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับร้านและล็อตที่นำเข้ามา บางทีอาจจะมีการรับประกันจากร้านค้าเอง (ประกันร้าน) หรือถ้าโชคดีอาจจะเจอร้านที่ยังมีการรับประกันศูนย์เหลืออยู่บ้าง (อันนี้ต้องเช็คดีๆ) ลองสอบถามผู้ขายก่อนซื้อนะจ๊ะ โดยทั่วไปอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค TP-Link เคยให้ประกัน Lifetime ด้วยซ้ำไปสำหรับบางรุ่น แต่สำหรับรุ่นเก่าๆ แบบนี้อาจจะต้องเช็คเงื่อนไขปีล่าสุดกับผู้ขายอีกทีนะ
ของแถม/โปรโมชั่นพิเศษ อันนี้แล้วแต่ร้านเลยจ้า บางทีอาจจะมีแถมสายแลน หรือคูปองส่วนลดเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องลองส่องๆ ดูนะ
5. ช่วงไหนน่าซื้อ มีโปรโมชั่นอะไรน่าสอยบ้าง?
ถ้าอยากได้ TP-Link TL-WN7200ND ในราคาที่คุ้มค่าสุดๆ ก็ต้องเล็งช่วง โปรโมชั่น เลยจ้า! ถึงแม้จะเป็นรุ่นเก่า แต่ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada และ Shopee เค้าก็มีจัดโปรโมชั่นลดราคาเกือบตลอดทั้งปีอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ที่คนไทยชอบช้อปกัน เช่น:
- ช่วง Double Digit Sale: 11.11, 12.12 อันนี้คือมหกรรมลดราคาแห่งชาติ จัดหนักจัดเต็ม ลดเยอะจริงจัง!
- ช่วง Payday Sale: ช่วงเงินเดือนออก ปลายเดือน ต้นเดือน ก็มักจะมีโค้ดส่วนลดออกมาให้ใช้
- เทศกาลไทย: อย่างช่วง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ก็มีโปรโมชั่นรับเทศกาลนะ
นอกจากนี้ ร้านค้าที่เป็น Official Store ของ TP-Link เอง (ถ้ายังมีสำหรับรุ่นนี้) หรือร้านค้าไอทีที่เป็นตัวแทนจำหน่ายบน Lazada/Shopee ก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาเฉพาะร้านออกมาด้วย แนะนำให้กดติดตามร้านพวกนี้ไว้เลย จะได้ไม่พลาดดีลเด็ดๆ จ้า
สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มากนัก การ รอซื้อช่วงโปรโมชั่น ช่วยประหยัดไปได้อีกหลายบาทเลยนะ
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
แอบไปส่องๆ รีวิวจากผู้ใช้จริงในไทยมาแล้ว ส่วนใหญ่จะเทคะแนนให้ TP-Link TL-WN7200ND ในเรื่องของ ความแรงของสัญญาณ นี่แหละ! คำยอดฮิตที่เจอคือ "สัญญาณดีขึ้นมาก", "ดูดสัญญาณได้ไกลขึ้น", "เน็ตไม่หลุดง่ายเหมือนเดิม" อะไรประมาณนี้ แสดงว่าเรื่องกำลังส่งแรงนี่ของจริง ไม่ได้โม้!
นอกจากนี้ คนไทยยังชอบตรงที่มัน ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ถือว่า คุ้มค่า สุดๆ สำหรับการแก้ปัญหาสัญญาณ Wi-Fi อ่อนแอในจุดอับต่างๆ ติดตั้งก็ง่าย ส่วนใหญ่เสียบแล้ว Windows ก็หาไดรเวอร์เจอเลย หรือถ้าไม่เจอก็ใช้แผ่นที่แถมมา (สำหรับ Windows เก่า) หรือดาวน์โหลดจากเว็บ TP-Link ได้ไม่ยาก
บางคนก็อาจจะติเรื่องที่เป็นมาตรฐาน N150 ซึ่งความเร็วไม่สูงมาก แต่ถ้าความต้องการหลักคือระยะทางและความเสถียรมากกว่าความเร็วระดับ Gigabit รุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ได้สบายๆ จ้า
7. จะไปหาซื้อเจ้าตัวนี้ได้จากที่ไหนดี?
สำหรับ TP-Link TL-WN7200ND ในปี 2025 เนี่ย ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำให้ไปส่องก็คือ:
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่: Shopee และ Lazada คือแหล่งรวมที่ใหญ่ที่สุด มีร้านค้าเยอะมาก ทั้งร้านค้าไอทีโดยตรง และผู้ขายรายย่อย สามารถเปรียบเทียบราคา อ่านรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ ได้ง่าย มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อด้วยนะ ข้อดีคือสะดวก ไม่ต้องเดินทาง มีโปรโมชั่นบ่อยๆ แต่ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือนะจ๊ะ
- ร้านค้าออนไลน์ของตัวแทนจำหน่ายไอที: ร้านค้าไอทีใหญ่ๆ ในไทยอย่าง JIB หรือ Advice บางทีอาจจะมีหน้าร้านออนไลน์ที่ยังมีสินค้าเก่าๆ ค้างสต็อกอยู่บ้าง ลองเข้าไปเช็คดูนะ
- กลุ่มซื้อขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มือสองใน Facebook: บางทีอาจจะเจอคนนำมาปล่อยต่อในราคาดีมากๆ แต่ก็ต้องระวังและตรวจสอบผู้ขายให้ดีก่อนตัดสินใจนะ
ส่วนร้านค้าปลีกแบบเดินเข้าไปซื้อเลยอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy, Central, Big C, The Mall อย่างที่บอกไปตอนต้น อาจจะหาสินค้าใหม่รุ่นนี้ได้ยากแล้วนะจ๊ะ เน้นช่องทางออนไลน์จะง่ายกว่าเยอะเลย
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใครที่สุด?
ฟันธงไปเลยว่า TP-Link TL-WN7200ND ในปี 2025 นี้ ยังน่าซื้ออยู่มากๆ เลยจ้า ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้:
- สัญญาณ Wi-Fi ที่บ้านอ่อนแอในบางจุด
- ต้องการตัวรับสัญญาณที่เสียบแล้วสัญญาณแรงขึ้นทันตาเห็น
- มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้อุปกรณ์มาแก้ปัญหา Wi-Fi ได้จริง
- ไม่ได้ต้องการความเร็ว Wi-Fi สูงสุดๆ แต่เน้นระยะทางและความเสถียร
เจ้าตัวนี้แหละคือฮีโร่ของคุณ! มันเป็นโซลูชั่นที่ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพในการรับสัญญาณที่แรงกว่าตัวอื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน เหมาะสุดๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษา คนทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในมุมอับ หรือใครก็ตามที่อยากให้สัญญาณ Wi-Fi ไปถึงทุกซอกทุกมุมของบ้านโดยไม่ต้องลงทุนซื้อ Mesh Wi-Fi ราคาแพงๆ
สรุปคือ ถ้าเจอปัญหา Wi-Fi กากๆ ในราคาที่จ่ายได้สบายๆ TP-Link TL-WN7200ND เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากๆ เลยจ้า แต่ถ้าบ้านคุณใช้เน็ตความเร็วสูงมากๆ (เช่น 500Mbps หรือ 1Gbps) แล้วอยากได้ความเร็วเต็มๆ บนอุปกรณ์ที่รับได้ด้วย อาจจะต้องมองหารุ่นใหม่ๆ ที่รองรับ Wi-Fi AC หรือ AX แทนนะ แต่ถ้าเน้นความแรงและความเสถียรในระยะไกล เจ้านี่แหละตัวเด็ด!
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหาตัวช่วยให้สัญญาณ Wi-Fi แรงขึ้นนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนมีสัญญาณเน็ตที่แรงเฟร่อ ใช้ชีวิตออนไลน์ได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด ไม่หัวร้อนกันถ้วนหน้าจ้า! ไปละน้า บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ไส้กรองน้ำ Lux Alva ราคาล่าสุด เปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
Ableton Push 2: ราคาล่าสุด ปี 2568 และรีวิวคอนโทรลเลอร์สำหรับทำเพลง
คาลิมบา (Kalimba) ราคาถูก เริ่มต้นกี่บาท? ยี่ห้อไหนดีสำหรับมือใหม่
รวมราคา Samsung Galaxy J Prime ทุกรุ่นฮิต (J2, J5, J7 Prime)
กระเป๋า Porter จากญี่ปุ่น: ราคาล่าสุด ปี 2568 รุ่นไหนยอดนิยม ซื้อที่ไหนดี?
หมวกเบสบอล LA Dodgers ราคาล่าสุด: ซื้อของแท้ได้ที่ไหน?