logo

ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT: อัปเดตปี 2568 และวิธีคิดค่าบริการ

user avatar
พิมพ์ชนก บุญยืน·07/08/2025 02:47
点赞
ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT: อัปเดตปี 2568 และวิธีคิดค่าบริการ

สวัสดีจ้าพี่น้อง! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องใกล้ตัวมากๆ ในชีวิตประจำวันของชาวกรุงและปริมณฑล นั่นก็คือ ค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT นั่นเอง! ใครที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีม่วง สีเหลือง หรือสีชมพูอยู่เป็นประจำ มาอัปเดตข้อมูลปี 2568 กันหน่อยเร็ววว รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเข้าใจเรื่องค่ารถไฟฟ้ามากขึ้น จะได้วางแผนเที่ยว วางแผนเดินทางได้อย่างสบายใจ สบายกระเป๋ามากขึ้นจ้า

1. รถไฟฟ้า MRT มันคืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

เอาล่ะ สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคย (มีด้วยเหรออออ!) รถไฟฟ้า MRT หรือ Mass Rapid Transit เนี่ย มันก็คือระบบขนส่งมวลชนทางราง (พูดง่ายๆ คือรถไฟนั่นแหละ) ที่ช่วยให้เราเดินทางไปไหนมาไหนในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็วปรู๊ดปร๊าด ไม่ต้องทนรถติดให้หัวเสีย เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่นักเรียนนักศึกษา พนักงานออฟฟิศ ไปจนถึงผู้สูงอายุ หรือนักท่องเที่ยวก็ใช้กันเยอะแยะไปหมด ประวัติของ MRT สายแรก (สายสีน้ำเงิน) ก็เปิดมานานพอสมควรแล้วนะ ตั้งแต่ปี 2547 นู่นแน่ะ ตอนนี้ก็ขยายไปหลายสาย หลายเส้นทางมากๆ ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ทั่วกรุงเลยทีเดียว


2. ราคาค่าโดยสารปี 2568 เป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด! สำหรับค่าโดยสาร MRT อัปเดตปี 2568 เนี่ย ต้องบอกว่ามีการปรับปรุงมาเรื่อยๆ นะ โดยเฉพาะสายสีน้ำเงินที่มีการปรับราคาตามสัญญาสัมปทานทุก 2 ปี สำหรับอัตราค่าโดยสารสายสีน้ำเงิน ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ถึง 2 กรกฎาคม 2569 จะเริ่มต้นที่ 17 บาท สำหรับสถานีแรก และสูงสุดที่ 45 บาท สำหรับการเดินทางไกลๆ หรือหลายสถานี

ส่วนวิธีคิดค่าบริการ MRT หลักๆ เค้าจะคิดตามจำนวนสถานีที่เราเดินทางผ่านจ้า ยิ่งเดินทางหลายสถานีก็ยิ่งแพงขึ้นตามลำดับ แต่จะมีเพดานสูงสุดกำหนดไว้ ลองดูคร่าวๆ ตามจำนวนสถานีแบบเต็มราคาสำหรับบุคคลทั่วไปนะ:

  • 1 สถานี: 17 บาท
  • 2 สถานี: 20 บาท
  • 3 สถานี: 22 บาท
  • ...
  • 11 สถานี: 42 บาท
  • 12 สถานีขึ้นไป: 45 บาท (สูงสุด)

ซึ่งอัตรานี้เป็นราคาสำหรับบุคคลทั่วไปนะจ๊ะ นักเรียน/นักศึกษา (อายุไม่เกิน 23 ปี) จะได้ส่วนลด 10% และ เด็ก (สูง 91-120 ซม. อายุไม่เกิน 14 ปี) กับผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ได้ลดไปเลย 50%!

สำหรับสายอื่นๆ อย่างสายสีม่วง ตอนนี้ยังมีโปรโมชั่นไม่เกิน 20 บาทตลอดสายอยู่ ส่วนสายสีเหลืองกับสีชมพู ก็มีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นและสูงสุดแตกต่างกันไป แต่ก็คิดตามจำนวนสถานีเหมือนกันจ้า

เรื่องราคานี้ไม่มีเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซนะจ๊ะ เพราะนี่คือค่าเดินทาง ไม่ใช่สินค้าที่จะไปกดใส่ตะกร้าใน Lazada หรือ Shopee ได้เนอะ! ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่เกี่ยว เพราะเราใช้เงินบาทจ่ายจ้า


3. แล้วเทียบกับรถขนส่งอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบค่าโดยสาร MRT กับระบบขนส่งอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ก็ต้องบอกว่า MRT เนี่ยเป็นตัวเลือกที่เร็วและค่อนข้างตรงเวลา เมื่อเทียบกับรถเมล์ที่อาจจะเจอรถติดมหาโหด ส่วนเรื่องราคานั้น MRT อาจจะแพงกว่ารถเมล์อยู่แล้วเป็นปกติ แต่ก็ถูกกว่าการนั่งแท็กซี่ หรือ Grab แน่นอน (โดยเฉพาะช่วงรถติดๆ เนี่ย MRT คือฮีโร่!)

ถ้าเทียบกับ BTS ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าอีกระบบในกรุงเทพฯ ค่าโดยสารก็มีช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่โครงสร้างการคิดราคาและส่วนต่อขยายอาจจะแตกต่างกันไป ทำให้บางการเดินทางนั่ง MRT อาจจะถูกกว่า หรือบางการเดินทางนั่ง BTS อาจจะถูกกว่าก็ได้ ต้องลองคำนวณดูเป็นเส้นทางไป

โดยรวมแล้ว MRT ถือเป็นตัวเลือกการเดินทางที่คุ้มค่าในแง่ของความเร็วและความสะดวก โดยมีราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับความรวดเร็วที่เราได้รับ แต่บางทีถ้าเดินทางแค่ไม่กี่สถานี หรือมีโปรโมชั่นรถเมล์ฟรี การนั่งรถเมล์ก็อาจจะประหยัดกว่านะจ๊ะ


4. ซื้อตั๋วแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

อันนี้ก็ตรงตัวเลยจ้า! จ่ายค่าโดยสาร MRT ก็เพื่อแลกกับการเดินทางจากสถานีต้นทางไปยังสถานีปลายทางที่เราเลือก สิ่งที่เราได้มาไม่ใช่สินค้าเป็นชิ้นเป็นอันนะจ๊ะ แต่เป็นสิทธิ์ในการใช้บริการรถไฟฟ้าในช่วงระยะทางที่จ่ายไปนั่นเอง

เวลาซื้อตั๋วเที่ยวเดียวเราก็จะได้เป็นเหรียญโดยสาร (Token) มา ซึ่งเหรียญนี้แหละคือ "อุปกรณ์เสริม" ของเรา เอาไว้แตะผ่านประตูอัตโนมัติเข้า-ออกสถานี ถ้าใช้บัตรเติมเงิน MRT Plus หรือบัตรอื่นๆ ที่รองรับ (เช่น บัตร EMV Contactless, บัตรเครดิต/เดบิตบางประเภท, หรือบัตรแรบบิทสำหรับบางสาย) ตัวบัตรนั่นแหละก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนตั๋วของเรา แค่แตะเข้าแตะออก สะดวกสุดๆ

ส่วนเรื่องค่าขนส่ง (ของตั๋ว?!) ประกัน ของแถม คูปอง... อันนี้ไม่มีนะจ๊ะ เพราะมันคือบริการขนส่งมวลชน ไม่ใช่การซื้อของออนไลน์เนอะ


5. มีช่วงไหนน่าซื้อตั๋วเป็นพิเศษมั้ย?

MRT เองก็มีโปรโมชั่นออกมาบ้างนะจ๊ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบของบัตรโดยสารรายเดือนหรือรายสัปดาห์ (Pass) ซึ่งถ้าเราเดินทางบ่อยๆ ในเส้นทางเดิม การซื้อ Pass จะคุ้มค่ากว่าการซื้อตั๋วเที่ยวเดียวมากๆ อย่างเช่น บัตรเติมเที่ยวสำหรับสายสีน้ำเงิน ถ้าซื้อแบบ 50 เที่ยว เฉลี่ยแล้วจะตกเที่ยวละประมาณ 25 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาเต็มเยอะเลย

ส่วนโปรโมชั่นช่วงเทศกาลแบบ 12.12 หรือสงกรานต์ ที่ลดราคาสินค้ากันกระหน่ำ อันนั้นจะเป็นสำหรับร้านค้าทั่วไปจ้า ไม่ได้มีผลกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าโดยตรงนะ แต่บางทีอาจจะมีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ให้ส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนเมื่อเติมเงินหรือใช้จ่ายค่าโดยสาร MRT อันนี้ก็ต้องคอยติดตามข่าวสารจากทาง MRT หรือพาร์ทเนอร์ที่ร่วมรายการนะจ๊ะ

นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีสำหรับปี 2568 คือนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายสำหรับระบบรถไฟฟ้าหลายสาย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้เต็มรูปแบบภายในเดือนกันยายน 2568 โดยต้องลงทะเบียนผ่านแอปฯ "ทางรัฐ" ก่อนนะจ๊ะ ถ้าโปรนี้มาเต็มตัว การเดินทางก็จะถูกลงไปอีกเยอะเลย!


6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากที่ได้ยินได้ฟังมานะ เรื่องค่าโดยสาร MRT เนี่ย คนไทยส่วนใหญ่ก็มองว่ามันเป็นตัวช่วยในการเดินทางที่ดีมากๆ ทั้งในแง่ของความรวดเร็วตรงเวลาที่ช่วยให้เราไปถึงที่หมายได้ตามแผน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดเลย โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน เช้า-เย็น เนี่ย MRT คือที่พึ่งของคนเมืองจริงๆ

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องราคา ก็มีบางส่วนที่รู้สึกว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ ยิ่งถ้าต้องเดินทางหลายสถานี หรือต้องเปลี่ยนเส้นทาง ค่าใช้จ่ายต่อวันก็อาจจะสูงอยู่ อย่างที่บางคนบอกว่าค่าเดินทางต่อวันอาจจะเกิน 20% ของค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ยังคงเลือกใช้ MRT เพราะความคุ้มค่าในแง่ของเวลาที่ประหยัดไปได้ ซึ่งบางทีเวลาก็มีค่ามากกว่าเงินนะจ๊ะ


7. แล้วจะไปซื้อตั๋ว/จ่ายค่าโดยสารได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

การจ่ายค่าโดยสาร MRT ทำได้หลายช่องทางเลยจ้า สะดวกสบายสุดๆ ไปเลย!

  • ห้องออกบัตรโดยสารที่สถานี: อันนี้เป็นช่องทางคลาสสิกสุดๆ เข้าไปที่ห้องขายตั๋ว บอกสถานีปลายทางกับเจ้าหน้าที่ จ่ายเงิน ได้เหรียญหรือตั๋วมา จบ!
  • เครื่องออกบัตรโดยสารอัตโนมัติ: สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องคุยกับใคร แค่จิ้มๆ เลือกสถานี จ่ายเงิน (รับทั้งเหรียญและธนบัตรบางประเภท) ก็ได้เหรียญมาแล้ว
  • ใช้บัตรเติมเงิน MRT Plus: ถ้ามีบัตรนี้อยู่แล้วก็แค่เติมเงินเข้าไป แล้วเอาบัตรแตะที่ประตูได้เลย สะดวกสุดๆ
  • ใช้บัตรเครดิต/เดบิตแบบ EMV Contactless: อันนี้ก็ฮิตมากๆ แค่เอาบัตรที่รองรับมาแตะที่ประตูได้เลย ไม่ต้องซื้อตั๋ว ไม่ต้องเติมเงินในบัตร MRT เลย
  • ใช้แอปพลิเคชันต่างๆ: บางแอปพลิเคชันก็มีบริการเติมเงินบัตร MRT หรือสามารถใช้ QR Code ในการเดินทางได้ด้วยนะ
  • บัตรแรบบิท: ใช้ได้กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู

ช่องทางเหล่านี้เป็นช่องทางทางการทั้งหมด ไม่ต้องไปหาซื้อตามร้านค้าปลีกทั่วไปเหมือนซื้อของนะจ๊ะ! การบริการหลังการขายสำหรับตั๋วรถไฟฟ้าก็คือการดูแลระบบการเดินรถให้เป็นปกติ และการช่วยเหลือผู้โดยสารที่สถานีจ้า


8. สรุปแล้วคุ้มค่าน่าใช้บริการไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงช่วงสรุปแล้ว! ถามว่าค่าโดยสาร MRT คุ้มค่าไหม? ถ้ามองในแง่ของความรวดเร็วที่ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะมากๆ ในเมืองที่รถติดแสนสาหัสอย่างกรุงเทพฯ ก็ต้องบอกว่า คุ้มค่ามากๆ เลยจ้า

MRT เหมาะมากๆ สำหรับ:

  • คนที่ต้องเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วน: ไม่อยากเสียเวลาบนถนน MRT คือคำตอบ
  • คนที่ต้องการความแน่นอนในการเดินทาง: MRT มีตารางเวลาที่ค่อนข้างแน่นอน ช่วยให้วางแผนได้ง่าย
  • คนที่เดินทางในเส้นทางที่ MRT ผ่าน: ถ้าเส้นทางที่เราไป MRT ไปถึง ก็สะดวกสุดๆ แล้ว
  • นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ: ได้ส่วนลดพิเศษ ทำให้ค่าเดินทางถูกลงไปอีก

สำหรับใครที่งบประมาณจำกัดมากๆ หรือเส้นทางไม่ได้เร่งรีบอะไร การใช้รถเมล์ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่านะจ๊ะ แต่ถ้าเน้นความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา MRT คือเพื่อนคู่ใจที่ดีเลย! โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายอย่างเต็มรูปแบบในปี 2568 นี้ การเดินทางด้วย MRT ก็จะยิ่งคุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นไปอีกนะเนี่ย!

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนในการวางแผนการเดินทางด้วย MRT ในปี 2568 นี้นะจ๊ะ เดินทางปลอดภัย สะดวกสบายกันทุกคนเลย!


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค่าชาวช้อปปิ้งออนไลน์ที่น่ารักทุกคน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด นั่นก็คือ ไส้กรองน้ำ Lux Alva ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้น้ำดื่มของเราสะอาดใสปิ๊ง! ใครที่กำลังใช้เครื่องกรองน้ำ Lux Alva อยู่ หรือกำลังเล็งๆ จะเปลี่ยนไส้กรองใหม
ไส้กรองน้ำ Lux Alva ราคาล่าสุด เปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้ขอเอาใจสายโปรดิวเซอร์ สายทำเพลง หรือใครที่ฝันอยากมีสตูดิโอเล็กๆ เป็นของตัวเองที่บ้าน ด้วยการมาเม้าท์มอยถึงอุปกรณ์สุดปังที่ชื่อว่า Ableton Push 2 กันจ้า บอกเลยว่าเจ้านี่ไม่ใช่แค่คอนโทรลเลอร์ธรรมดา แต่มันคือเครื่องมือท
Ableton Push 2: ราคาล่าสุด ปี 2568 และรีวิวคอนโทรลเลอร์สำหรับทำเพลง
สวัสดีค่าาทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องเครื่องดนตรีจิ๋วแต่แจ๋วที่กำลังฮิตสุดๆ นั่นก็คือ คาลิมบา (Kalimba) นั่นเอง! ใครที่อยากลองเล่นดนตรีแต่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดี หรืออยากได้เครื่องดนตรีพกพาง่ายๆ ไว้ดีดเพลินๆ แก้เบื่อ มามุงทางนี้เลย
คาลิมบา (Kalimba) ราคาถูก เริ่มต้นกี่บาท? ยี่ห้อไหนดีสำหรับมือใหม่

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ