logo

รีวิว Klipsch The One II ลำโพงบลูทูธ เสียงดี ดีไซน์วินเทจ

user avatar
พิมพ์ชนก บุญยืน·07/08/2025 11:59
点赞
รีวิว Klipsch The One II ลำโพงบลูทูธ เสียงดี ดีไซน์วินเทจ

สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมารีวิวลำโพงตัวเก๋า ดีไซน์โคตรคลาสสิก แต่เสียงนี่ทันสมัยสุดๆ นั่นก็คือ Klipsch The One II นั่นเอง! หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ Klipsch อยู่แล้วว่าเป็นแบรนด์ลำโพงระดับตำนานจากอเมริกาที่มีมานานกว่า 70 ปี เห็นหน้าตาแบบนี้แล้วจะบอกว่าเสียงดีจริงไหม? เหมาะกับห้องสไตล์ไหน? แล้วใช้งานง่ายอย่างที่คิดหรือเปล่า? วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือก สไตล์เม้าท์มอยกับเพื่อนสาว ไม่มีกั๊กจ้า!


1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: หน้าตาผู้ดี เสียงก็ต้องเลิศ!

ลำโพง Klipsch The One II เนี่ย แค่เห็นก็รู้เลยว่าไม่ได้มาเล่นๆ ดีไซน์กินขาดจริงๆ ค่ะ

แบรนด์: Klipsch (คลีปช์) แบรนด์เก่าแก่จากอเมริกา
รุ่น: The One II
ปีที่วางขาย: เป็นรุ่นอัปเกรดจาก The One
ช่วงราคา: ประมาณ 11,xxx - 12,xxx บาท (เจอโปรดีๆ อาจมีต่ำกว่านี้อีกนะ)

ตำแหน่งในตลาด: ลำโพงบลูทูธแบบตั้งโต๊ะ ดีไซน์พรีเมียม เหมาะกับคนรักเสียงเพลงที่ชอบความคลาสสิก ไม่เน้นพกไปไหนมาไหนบ่อยๆ

จุดเด่นที่ต้องรู้:

  • ดีไซน์วินเทจสุดคลาสสิก: ไม้จริงผสมผสานโลหะหมุนๆ (Spun-copper) สวยงามมาก
  • เสียงดีตามสไตล์ Klipsch: ขับเสียงแบบ 2.1 พร้อม Bi-amplified ให้เสียงเคลียร์ เบสแน่นเกินตัว
  • เชื่อมต่อง่าย: มีทั้ง Bluetooth 4.0 และช่อง AUX 3.5mm
  • กำลังขับ 60 วัตต์: ให้เสียงดังฟังชัดเต็มห้อง
  • ขนาดกำลังดี: วางตรงไหนก็ไม่เกะกะมาก (แต่ก็ไม่ได้เล็กจิ๋วขนาดพกใส่กระเป๋านะ!)

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: สวยจนต้องเหลียวหลัง!

ยอมรับเลยว่า Klipsch The One II เนี่ย หน้าตาคือจุดขายอันดับต้นๆ เลยค่ะ วัสดุเค้าใช้ ไม้จริง (Real Wood Veneer) นะ ไม่ใช่พลาสติกทำลายไม้ธรรมดาๆ สัมผัสดีมาก ปุ่มปรับเสียงกับสวิตช์เปิด-ปิดก็เป็นแบบหมุนๆ ทำจากโลหะสีทองแดง (Spun-copper) ให้ฟีลวินเทจแบบจัดเต็ม ดูแพง ดูมีราคา

ขนาด: ประมาณ 32.2 x 15.5 x 13.3 เซนติเมตร
น้ำหนัก: ประมาณ 3.86 กิโลกรัม
สีที่มีให้เลือก: สี Walnut (ไม้สีน้ำตาล) และสี Matte Black (ดำด้าน)

ด้วยความที่ไม่หนักมาก และขนาดกำลังดี ทำให้ยกย้ายสะดวก จะวางไว้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องทำงานก็ได้หมด เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้หลายสไตล์ โดยเฉพาะสไตล์โมเดิร์นวินเทจนี่เข้ากันสุดๆ ด้านใต้มีฐานรองที่แข็งแรง ช่วยลดการสั่นสะเทือน

อุปกรณ์ในกล่อง: มีสายไฟ, สาย AUX 3.5mm, และคู่มือการใช้งาน (ซึ่งเอาจริงๆ ไม่ต้องอ่านก็ใช้งานได้ง่ายมาก!)


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: เสียงดีจนขนลุก!

มาถึงเรื่องสำคัญที่สุดของลำโพง นั่นก็คือ เสียง! Klipsch The One II มาพร้อมไดรเวอร์เสียงแบบ 2.1 Channel มีดอก Full Range 2.25 นิ้ว สองดอก และ Subwoofer 4.5 นิ้ว หนึ่งดอก แถมยังเป็นระบบ Bi-amplified ที่เค้าปรับจูนเสียงมาอย่างดีตามสไตล์ Klipsch

ลองเปิดเพลงฟังปุ๊บ... โอ้โห! เสียงดีเกินคาดมากค่ะ! เสียงร้องชัดเจน พุ่งออกมาจากลำโพง เบสเป็นลูกๆ ไม่บวม ฟังสนุกมาก ไม่ว่าจะแนว Pop, Rock, Jazz หรือเพลงไทยเก่าๆ ก็ฟังเพลิน คือฟังแล้วรู้สึกถึงมิติของเพลง เหมือนนักร้องมายืนร้องอยู่ตรงหน้ายังไงยังงั้นเลย

กำลังขับ: 60 วัตต์ เปิดในห้องทั่วไปนี่ดังเหลือเฟือ อาจจะถึงขั้นเกรงใจข้างห้องได้เลย

นอกจากฟังเพลงแล้ว เอามาดูหนัง ดูซีรีส์ก็ดีงามนะ เสียงพูดชัดเจน เอฟเฟกต์เสียงมาครบ ทำให้การดูหนังที่บ้านฟินขึ้นเยอะค่ะ


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ง่ายกว่าปอกกล้วย!

เรื่องความง่ายในการใช้งาน ให้ 10 เต็ม 10 เลยค่ะ! ปุ่มควบคุมมีแค่ 3 อัน คือ ปุ่มเปิด/ปิด, ปุ่ม Source (เลือกแหล่งสัญญาณ) และปุ่ม Volume แบบหมุนๆ คือต่อให้ไม่เก่งเทคโนโลยีก็ใช้ได้สบายๆ ค่ะ

การเชื่อมต่อ Bluetooth: เปิดลำโพง กดปุ่ม Source เลือก Bluetooth แล้วก็กดหาชื่อ "Klipsch The One II" ในมือถือหรือแท็บเล็ต ง่ายๆ แค่นี้ก็พร้อมฟังเพลงแล้ว สัญญาณนิ่ง เสถียร ไม่มีหลุดง่ายๆ

การเชื่อมต่อ AUX: เสียบสาย 3.5mm เข้ากับช่อง AUX ที่หลังลำโพง แล้วอีกด้านก็เสียบเข้ากับมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นอื่นๆ ง่ายพอๆ กับ Bluetooth เลยค่ะ

ตัวลำโพงไม่ได้มีแอปพลิเคชันควบคุมเฉพาะ ไม่มีหน้าจอแสดงผลซับซ้อน เน้นความเรียบง่าย คลาสสิกตามดีไซน์เลยค่ะ


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: เสียบปลั๊กชัวร์สุด!

ข้อนี้ต้องบอกตรงๆ ว่า Klipsch The One II เป็นลำโพงแบบเสียบปลั๊กไฟบ้าน ค่ะ ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ดังนั้นจะยกไปเปิดริมสระ เปิดในสวนสาธารณะนี่ไม่ได้นะจ๊ะ ต้องหาปลั๊กไฟเท่านั้น!

ใช้ไฟ AC 100-240V ได้ทั่วโลก แค่หาหัวแปลงปลั๊กให้ตรงกับเต้าเสียบในไทยก็พอ

เรื่องความคุ้มค่าในระยะยาว ถือว่าน่าลงทุนค่ะ ด้วยวัสดุที่ดูแข็งแรงทนทาน การประกอบดีเยี่ยม บวกกับชื่อเสียงของแบรนด์ Klipsch ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเสียงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน แม้ราคาจะไม่ได้ถูกที่สุดเมื่อเทียบกับลำโพงบลูทูธทั่วไปในตลาด แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพเสียง วัสดุ และดีไซน์ที่ได้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ


6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีรักก็มีเกลียด (นิดหน่อย)!

มาสรุปแบบแฟร์ๆ ทั้งข้อดีและข้อเสียกันค่ะ

ข้อดี:

  • ดีไซน์สวยงามคลาสสิก: วางตรงไหนก็ดูดี เหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนึง
  • คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม: เสียงร้องชัด เบสแน่น ฟังสนุกทุกแนวเพลง
  • ใช้งานง่ายมากๆ: ควบคุมด้วยปุ่มหมุนๆ ไม่ซับซ้อน
  • วัสดุพรีเมียม แข็งแรงทนทาน: ทำจากไม้จริงและโลหะ
  • กำลังขับสูง: เสียงดังฟังชัดเต็มห้อง

ข้อเสีย:

  • ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว: ต้องเสียบปลั๊กไฟตลอดเวลา ไม่เหมาะกับการพกพาไปใช้นอกบ้าน
  • ราคาค่อนข้างสูง: เมื่อเทียบกับลำโพงบลูทูธทั่วไปในตลาด
  • ไม่มีฟังก์ชัน Smart Speaker: ไม่รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะ (Voice Assistant)
  • ไม่มีแอปพลิเคชันปรับ EQ: ไม่สามารถปรับแต่งเสียงตามความชอบได้ละเอียด
  • เสียงเบสอาจจะบวมนิดๆ ในบางเพลง: ถ้าฟังในห้องที่ไม่ได้ปรับอะคูสติกมาดีๆ

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยไหม? หรือรอโปรดี?

Klipsch The One II เหมาะกับ:

  • คนรักเสียงเพลงที่ชอบดีไซน์วินเทจ: วางไว้ในบ้านแล้วสวยงามมากๆ
  • คนที่เน้นฟังเพลงในบ้าน/ในห้อง: ไม่ได้เน้นพกพาไปข้างนอก
  • คนที่ต้องการลำโพงเสียงดีจริงจัง: คุณภาพเสียงคุ้มราคาแน่นอน
  • คนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก: ใช้งานง่ายมาก

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน: เน้นใช้ฟังเพลงในบ้าน เป็นลำโพงหลักในห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน ใช้ดูหนังฟังเพลงบนคอมพิวเตอร์ หรือเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นแผ่นเสียง (ผ่านช่อง AUX)

ควรซื้อเลยไหม?: ถ้าคุณกำลังมองหาลำโพงตั้งโต๊ะดีไซน์สวย เสียงดี ไว้ฟังในบ้าน แล้วงบถึง รุ่นนี้ก็น่าจัดเลยค่ะ ไม่ผิดหวังเรื่องคุณภาพเสียงแน่นอน

ควรรอช่วงโปรโมชั่นไหม?: ราคากลางๆ ของรุ่นนี้อยู่ที่หมื่นต้นๆ ซึ่งบางช่วง เช่น ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ หรือโปรโมชั่น 11.11, 12.12 อาจจะมีส่วนลดหรือของแถมพิเศษ ถ้าไม่รีบมาก ลองเช็คโปรโมชั่นตามร้านค้าออนไลน์ดูก่อนก็ได้ค่ะ อาจจะได้ราคาดีกว่าเดิม


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: มีคู่แข่งไหมเนี่ย?

ในตลาดลำโพงบลูทูธดีไซน์วินเทจก็มีหลายแบรนด์ค่ะ แต่ถ้าเทียบกับ Klipsch The One II ที่เน้นดีไซน์คลาสสิกจ๋าๆ คุณภาพเสียงดีแบบ Audiophile Entry Level และการใช้งานที่เรียบง่าย ก็อาจจะไปเทียบกับรุ่นอย่าง Marshall Stanmore หรือ Acton แต่ละแบรนด์ก็จะมีเอกลักษณ์เสียงและดีไซน์ต่างกันไป ลองไปลองฟังเสียงจริง เปรียบเทียบดีไซน์ที่ชอบอีกทีจะดีที่สุดค่ะ

ถ้าเทียบกับรุ่นพี่รุ่นน้องในแบรนด์ Klipsch เอง ก็มี Klipsch The Three II ที่ดีไซน์คล้ายกัน แต่ขนาดใหญ่กว่า กำลังขับมากกว่า และอาจจะมีฟังก์ชันเชื่อมต่อเยอะกว่า (อย่างช่อง Phono สำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือ USB Audio) ถ้าเน้นคุณภาพเสียงและฟังก์ชันแบบจัดเต็มขึ้นไปอีก The Three II ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนมั่นใจสุด?

Klipsch The One II ที่ขายในไทยส่วนใหญ่จะเป็น สินค้าประกันศูนย์ไทย 1 ปี มีปัญหาอะไรก็เข้าศูนย์บริการในไทยได้เลยค่ะ

ช่องทางการซื้อยอดนิยม:

  • ร้านค้าออนไลน์: Shopee, Lazada มักจะมีร้าน Official Store หรือร้านตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ข้อดีคือมีโปรโมชั่นบ่อย ทั้งลดราคา, โค้ดส่วนลด, ส่งฟรี, หรือผ่อน 0%
  • ร้านค้าเครื่องเสียงโดยเฉพาะ: ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านเครื่องเสียงใหญ่ๆ ข้อดีคือได้ไปลองฟังเสียงจริง สัมผัสตัวเครื่องก่อนตัดสินใจซื้อ

ก่อนซื้อออนไลน์ อย่าลืมเช็คชื่อร้าน, คะแนนรีวิว, และนโยบายการรับประกัน/คืนสินค้าให้ดีนะคะ โดยรวมแล้วการซื้อผ่านช่องทางที่มีการรับประกันศูนย์ไทยก็ค่อนข้างมั่นใจได้ค่ะ


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟังแล้วฟิน ต้องจัดไหม?

ถ้าถามว่า Klipsch The One II น่าซื้อไหม? ขอฟันธงเลยว่า น่าซื้อมาก! โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนรักเสียงเพลง ชอบดีไซน์วินเทจคลาสสิกที่วางตรงไหนก็สวยงาม และเน้นใช้งานในบ้านเป็นหลัก

คุณภาพเสียงที่ได้อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม ฟังเพลินได้นานๆ เบสดี เสียงร้องชัด ดีไซน์สวยงามพรีเมียม ใช้งานก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แต่อย่าลืมว่าน้องเค้าต้องเสียบปลั๊กตลอดนะจ๊ะ ไม่ใช่ลำโพงพกพาออกไปปาร์ตี้ข้างนอกได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาลำโพงตั้งโต๊ะตัวแรก หรืออยากอัปเกรดจากลำโพงตัวเก่าที่เสียงยังไม่โดนใจ Klipsch The One II เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ ค่ะ ลองไปหาฟังเสียงจริงดู แล้วจะรู้ว่าทำไมหลายคนถึงหลงรักลำโพงตัวนี้!


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีครับเพื่อนๆ สายจอย สายตื๊ดดดด! 👋 เชื่อว่าในยุคที่ชีวิตต้องการสีสัน ต้องการเพลงคลอเคล้า ไม่ว่าจะทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้กระทั่งจัดปาร์ตี้เล็กๆ ในบ้าน หรือพกพาไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวๆ ไอเทมที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ "ลำโพง" นี่แหละครับ!แล
10 ลำโพง SONY รุ่นไหนดี ปี 2025 เสียงเอกลักษณ์ เบสทรงพลัง
สวัสดีครับเพื่อนๆ สายตี้ สายแคมป์ หรือสายชิลล์อยู่บ้านทุกคน! 👋 ยุคนี้ถ้าไม่มีลำโพงบลูทูธดีๆ ไว้เปิดเพลงสร้างบรรยากาศ ชีวิตมันเหมือนขาดอะไรไปใช่ไหมล่ะ? จะไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ หรือแค่นั่งทำงานเงียบๆ แล้วอยากได้เสียงเพลงคลอเบาๆ หรือเบสแน่นๆ ให้
10 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เบสแน่น เสียงกระหึ่ม
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวแก๊ดเจ็ตและสายตี้ทุกท่าน! 👋 ในยุคที่เสียงเพลงคือเพื่อนคู่ใจ ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ทำงานบ้าน ออกกำลังกาย หรือจะไปปาร์ตี้เล็กๆ กับเพื่อนฝูง ไอเทมที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ลำโพงบลูทูธ นั่นเอง!ลำโพงบลูทูธยุคนี้ไม่ใช่แค่ส่งเสียงดั
10 ลำโพงบลูทูธ เสียงดี ราคาไม่แพง ปี 2025 เสียงดี คุ้มราคา

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ้โห! วันนี้จะพาไปวาร์ปย้อนยุคกันที่ สวนคุณปู่ Life Museum แหม แค่ชื่อก็กินขาดแล้วป่ะ! หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้แว่วๆ โดยเฉพาะสายเที่ยว สายคาเฟ่ที่ชอบวิวปังๆ แต่สงสัยกันไหมว่าที่นี่มันมีอะไรดีนอกจากวิวสวยๆ? เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา หรือเป็
รีวิว สวนคุณปู่ สถานที่ท่องเที่ยว/ร้านอาหาร บรรยากาศย้อนยุค
โอ้โห! วันนี้จะมารีวิวซีรีส์ที่แค่ชื่อก็กินขาด แถมยังเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งในบ้านเราด้วยนะ กับเรื่อง "Clickbait" ที่เคลมว่าเป็นแนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบสุดๆ คำถามคาใจคือ...มันจริงเด๊ะ? แล้วมันจะทำให้เราอดหลับอดนอนดูยันเช้าเหมือนท
รีวิว Clickbait: ซีรีส์/ภาพยนตร์แนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบไหม?
หนีเมืองกรุงไปพักใจริมน้ำ! วันนี้เราจะพาไปส่อง "บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?" ที่พักที่ได้ยินชื่อแล้วต่อมอยากพักผ่อนริมน้ำก็พุ่งกระฉูด! หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ...พักบ้านเรือ มันจะโค
รีวิว บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?

บทความที่แนะนำ