เช็คราคา iPad ล่าสุดทุกรุ่น (Mini, Air, Pro, Gen) ก่อนตัดสินใจซื้อ

สวัสดีจ้าเหล่าเพื่อนๆ ชาวไอทีและคนอยากได้ไอแพดแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่อง iPad แท็บเล็ตยอดฮิตตลอดกาลจาก Apple ที่ใครๆ ก็เล็งหามาไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะเอามาเรียน ทำงาน เล่นเกม หรือดูซีรีส์เพลินๆ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่...รุ่นมันเยอะเหลือเกิน แถมราคาก็มีหลายหลากจนเลือกไม่ถูก! ไม่ต้องกังวลจ้า วันนี้เราจะมาช่วยทุกคนเช็คราคาและทำความรู้จักไอแพดแต่ละรุ่นให้เข้าใจง่ายๆ สไตล์เป็นกันเอง พร้อมแล้ว ลุย!

1. iPad คืออะไร? ทำไมใครๆ ก็อยากได้?

พูดถึง iPad ก็ต้องนึกถึงแท็บเล็ตจากแบรนด์ Apple เค้าเลยเนอะ ต้นกำเนิดมาจากอเมริกา เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์สวยงาม ใช้งานง่าย และระบบนิเวศที่เชื่อมต่อกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็น iPhone, MacBook หรือ Apple Watch. iPad นี่ไม่ใช่แค่แท็บเล็ตธรรมดาๆ นะจ๊ะ มันคืออุปกรณ์สารพัดประโยชน์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสมาร์ทโฟนกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จะเอามาจดโน้ต วาดรูป แต่งเพลง ตัดต่อวิดีโอ หรือจะแค่ไถฟีด ดูหนังฟังเพลง ก็ทำได้แบบสบายๆ.

กลุ่มผู้ใช้ iPad ก็หลากหลายมากกก ตั้งแต่นักเรียนนักศึกษาที่เอามาเรียนออนไลน์ จดเลคเชอร์, คนทำงานที่ต้องการอุปกรณ์พกพาสำหรับพรีเซนต์งาน หรือตอบอีเมลนอกสถานที่ ไปจนถึงคนทั่วไปที่อยากได้อุปกรณ์เพื่อความบันเทิงในบ้าน จอใหญ่กว่ามือถือ พกพาง่ายกว่าโน้ตบุ๊กนั่นเอง

2. ช่วงราคา iPad ในตลาดไทย (อัปเดตล่าสุด!)

มาถึงหัวข้อสำคัญที่ทุกคนรอคอย! ราคา iPad ในไทยนี่มีหลายระดับมากๆ ขึ้นอยู่กับรุ่น ความจุ และการเชื่อมต่อ (Wi-Fi หรือ Wi-Fi + Cellular) นะจ๊ะ เรามาดูกันทีละรุ่นเลยดีกว่า:

• iPad รุ่นทั่วไป (iPad Gen): รุ่นนี้คือรุ่นเริ่มต้น ราคาเป็นมิตรที่สุด เหมาะกับน้องๆ นักเรียนนักศึกษา หรือคนที่ใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล
  - iPad (รุ่นที่ 11) ชิป A16 จอภาพ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว รุ่น Wi-Fi เริ่มต้นที่ ฿12,900 สำหรับ 128GB. รุ่น Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ ฿18,900 สำหรับ 128GB. มีตัวเลือกความจุสูงสุดถึง 512GB.
• iPad mini: ตัวเล็กพกพาง่าย เหมาะกับคนที่ชอบความคล่องตัว อ่านหนังสือ เล่นเกม
  - iPad mini (ชิป A17 Pro) จอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว รุ่น Wi-Fi เริ่มต้นที่ ฿17,900. รุ่น Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ ฿23,900.
• iPad Air: ตัวนี้อยู่ตรงกลางระหว่างรุ่นทั่วไปกับ Pro ได้ทั้งความแรงและความเบา เหมาะกับคนทำงานที่ต้องใช้แอปที่หนักขึ้นมาหน่อย หรือนักเรียนที่ต้องการจอใหญ่ขึ้น
  - iPad Air (M3) รุ่น 11 นิ้ว Wi-Fi เริ่มต้นที่ ฿21,900 (128GB). รุ่น 13 นิ้ว Wi-Fi เริ่มต้นที่ ฿28,900 (128GB). มีรุ่น Wi-Fi + Cellular และความจุสูงสุด 1TB ให้เลือกด้วยนะ
• iPad Pro: ตัวท็อปสุด แรงสุด เหมาะกับมืออาชีพที่ต้องใช้ทำงานหนักๆ กราฟิก ตัดต่อวิดีโอ
  - iPad Pro (M4) รุ่น 11 นิ้ว เริ่มต้นที่ ฿37,900 สำหรับ 256GB (Wi-Fi). รุ่น 13 นิ้ว เริ่มต้นที่ ฿49,900 สำหรับ 256GB (Wi-Fi). รุ่นนี้มีตัวเลือกความจุสูงสุดถึง 2TB เลยทีเดียว!

ราคาที่บอกมาเป็นราคาเริ่มต้นจาก Apple โดยตรงนะจ๊ะ ซึ่งร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่าง iStudio, Studio7, Banana IT, JIB, Power Buy หรือบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee, Central Online ก็จะมีราคาใกล้เคียงกัน แต่อาจจะมีโปรโมชั่น ส่วนลด หรือของแถมที่แตกต่างกันไป. ส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับราคาไทย ส่วนใหญ่ Apple จะกำหนดราคาในไทยไว้ค่อนข้างคงที่ อาจจะมีส่วนต่างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับทำให้ราคาพุ่งกระฉูดแบบน่าตกใจจ้า

3. เทียบราคากับแท็บเล็ตค่ายอื่น คุ้มไหมนะ?

ถ้าให้เทียบ iPad กับแท็บเล็ต Android ในตลาดไทย อย่าง Samsung Galaxy Tab หรือแบรนด์อื่นๆ ในสเปกที่ใกล้เคียงกันเนี่ย ต้องบอกว่า iPad มักจะมีราคาสูงกว่า เล็กน้อยถึงปานกลางเลยล่ะ. แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล, ระบบปฏิบัติการ iPadOS ที่เสถียร, คุณภาพของแอปพลิเคชันที่มีให้เลือกเยอะและเหมาะกับการทำงานมากกว่า (โดยเฉพาะสายสร้างสรรค์), และที่สำคัญคือ การอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ต่อเนื่องยาวนาน.

บางคนอาจจะมองว่าแท็บเล็ต Android ราคาถูกกว่า ฟังก์ชันก็ครบเหมือนกัน ทำไมต้องจ่ายแพงกว่า? อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการเลยจ้า ถ้าเน้นดูหนัง เล่นเกม ท่องเว็บเบาๆ แท็บเล็ต Android ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในราคาที่สบายกระเป๋ากว่า. แต่ถ้าต้องการอุปกรณ์ที่เน้นประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้หลากหลายจริงจัง หรืออยู่ในระบบนิเวศของ Apple อยู่แล้ว การเลือก iPad ก็จะตอบโจทย์มากกว่า และหลายคนมองว่ามันคือ ความคุ้มค่าในระยะยาว เพราะใช้งานได้นาน อัปเดตได้เรื่อยๆ และราคาขายต่อก็ยังดีอยู่จ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีประกันหรือเปล่า?

เวลาซื้อ iPad หลักๆ แล้วสิ่งที่ได้มาในกล่องก็จะมีตัวเครื่อง iPad, สายชาร์จ USB-C และอะแดปเตอร์แปลงไฟ (บางรุ่นอาจจะไม่มีอะแดปเตอร์มาให้แล้ว ต้องเช็คดีๆ!).

ส่วนเรื่องสำคัญมากๆ ที่คนไทยให้ความสำคัญสุดๆ ก็คือ การรับประกัน! Apple ให้การรับประกันแบบจำกัดระยะเวลา 1 ปี สำหรับ iPad ทุกเครื่อง. ถ้าอยากได้ความคุ้มครองที่ยาวนานกว่านั้นและครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุด้วย ก็สามารถซื้อ AppleCare+ เพิ่มเติมได้นะ อันนี้จะขยายระยะเวลาคุ้มครองและซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเครื่องให้ในกรณีที่ทำตก ทำพัง (มีค่าบริการเพิ่มเติมตามเงื่อนไข). แนะนำว่าถ้าซื้อ iPad Pro หรือ Air ที่ราคาสูงหน่อย การซื้อ AppleCare+ ไว้ก็อุ่นใจดีนะจ๊ะ!

ส่วนเรื่องของแถมหรือโปรโมชั่นพิเศษ อันนี้ขึ้นอยู่กับร้านค้าและช่วงเวลาโปรโมชั่นเลยจ้า บางร้านอาจจะมีแถมฟิล์มกันรอย เคส หรือส่วนลดสำหรับ Apple Pencil หรือ Magic Keyboard เมื่อซื้อพร้อมกัน. บางทีก็มีโปรผ่อน 0% นานๆ (สูงสุด 36 เดือนก็มีนะถ้ามีบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ). ค่าจัดส่งถ้าซื้อออนไลน์จาก Apple โดยตรง หรือร้านค้าตัวแทนใหญ่มักจะ จัดส่งฟรี นะจ๊ะ แต่ถ้าซื้อจากร้านย่อยๆ บน Shopee/Lazada ก็ต้องเช็คเงื่อนไขค่าส่งดีๆ อีกที

5. ช่วงไหนน่าซื้อที่สุด? มีโปรโมชั่นอะไรเด็ดๆ ไหม?

ถ้าใจเย็นพอและอยากได้ราคาที่ดีที่สุด ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! Apple และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในไทยมักจะมีโปรโมชั่นลดราคา iPad ในช่วงเทศกาลสำคัญๆ หรือช่วง Double Digit Sale ยอดฮิตบนแพลตฟอร์มออนไลน์.

• ช่วง Double Digit Sale (เช่น 9.9, 10.10, 11.11, 12.12): อันนี้คือช่วงพีคสุดของนักช้อปออนไลน์เลยจ้า Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็ม ทั้งส่วนลดจากร้านค้า ส่วนลดจากแพลตฟอร์ม โค้ดส่งฟรี หรือโปรโมชั่นผ่อน.
• ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ในไทย: เช่น สงกรานต์, ปีใหม่. บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อต้อนรับเทศกาลเหล่านี้นะ
• ช่วง Back to School / Back to Work: ช่วงเปิดเทอมหรือเปิดทำงานใหม่ๆ มักจะมีโปรโมชั่นสำหรับนักเรียนนักศึกษา หรือคนทำงานโดยเฉพาะ ส่วนลดเพื่อการศึกษาก็มีนะจ๊ะ
• โปรโมชั่นจากผู้ให้บริการเครือข่าย: ค่ายมือถืออย่าง True หรือ Dtac ก็มักจะมีโปรโมชั่นซื้อ iPad พร้อมแพ็กเกจ หรือโปรเก่าแลกใหม่ที่ให้ส่วนลดพิเศษด้วย.

ร้านค้า Official Store หรือ Flagship Store ของ Apple หรือตัวแทนจำหน่ายบน Lazada/Shopee ก็มักจะมีส่วนลดหรือจัดโปรโมชั่นอยู่บ่อยๆ นะจ๊ะ ถ้าเล็งรุ่นไหนไว้ ลองกดติดตามร้านค้าไว้เลย จะได้ไม่พลาดโปรเด็ดๆ! สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้ รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ หรือช่วงเทศกาล มีโอกาสได้ iPad ในราคาที่ดีมากๆ เลยจ้า

6. รีวิวจากผู้ใช้ในไทยเป็นยังไงบ้าง?

เท่าที่ลองไปส่องๆ ตามรีวิวหรือฟีดแบ็กจากผู้ใช้ iPad ในไทยเนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ค่อนข้างดีเลยนะ โดยเฉพาะในเรื่อง:

• ความลื่นไหลและเสถียร: ผู้ใช้หลายคนชมว่า iPad ใช้งานได้ลื่นไหล ไม่ค่อยค้างหรือมีปัญหาจุกจิก แอปต่างๆ ทำงานได้ดี
• คุณภาพหน้าจอ: หน้าจอ Liquid Retina หรือ Ultra Retina XDR ของ iPad แต่ละรุ่นก็ให้สีสันสวยงาม คมชัด เหมาะกับการดูหนัง ทำงาน หรือวาดรูป
• แบตเตอรี่อึด: หลายคนบอกว่าแบตเตอรี่ iPad ใช้งานได้นานตลอดวัน (สูงสุด 10 ชั่วโมงสำหรับการท่องเว็บหรือดูวิดีโอ)
• ใช้งานง่าย: แม้จะไม่เคยใช้ Apple มาก่อน ก็สามารถเรียนรู้และใช้งาน iPad ได้ไม่ยาก เมนูต่างๆ เข้าใจง่าย
• ความทนทาน: แม้จะไม่ได้อึดถึกแบบสมบุกสมบัน แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่รู้สึกว่า iPad มีความแข็งแรงทนทานพอสมควร ถ้าดูแลรักษาดีๆ ก็ใช้ได้ยาวๆ
• เหมาะกับการเรียน/ทำงาน: โดยเฉพาะรุ่นที่รองรับ Apple Pencil และ Magic Keyboard ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการจดโน้ต พิมพ์งาน หรือสร้างสรรค์ผลงาน
• ความคุ้มค่า (บางรุ่น): iPad รุ่นเริ่มต้นหรือรุ่นเก่าที่ยังขายอยู่ หลายคนมองว่าให้ความคุ้มค่ากับราคามากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ

โดยรวมแล้ว คนไทยที่ใช้ iPad ค่อนข้างพอใจกับประสิทธิภาพ การใช้งาน และคุณภาพของตัวเครื่องจ้า

7. จะไปหาซื้อ iPad ได้ที่ไหนดีนะ?

ช่องทางการซื้อ iPad ในไทยมีหลากหลายมากๆ เลยจ้า เลือกที่สะดวกและตรงกับความต้องการได้เลยนะ

• Apple Store Online (apple.com/th): ช่องทางทางการของ Apple เลยจ้า ชัวร์สุด ได้ของแท้แน่นอน มีบริการปรับแต่งเครื่อง (บางรุ่น) ผ่อน 0% ได้ และมีบริการจัดส่งฟรีถึงบ้าน.
• ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย Apple (Apple Authorised Resellers): เช่น iStudio, Studio7, Banana IT, JIB, Power Buy. ร้านเหล่านี้มีสาขาอยู่ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ สามารถไปดูเครื่องจริง ลองจับ ลองเล่นได้เลย มีพนักงานให้คำแนะนำ และมักจะมีโปรโมชั่นผ่อน หรือของแถมพิเศษตามช่วงเวลานะจ๊ะ
• แพลตฟอร์ม E-commerce ขนาดใหญ่: Lazada, Shopee. เป็นแหล่งรวมร้านค้าทั้ง Official Store ของ Apple เอง (บางครั้ง) หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ข้อดีคือสะดวกมากๆ นั่งอยู่ที่บ้านก็ช้อปได้ มีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย และมักจะมีโค้ดส่วนลดหรือโปรโมชั่นในช่วงแคมเปญใหญ่ๆ ข้อควรระวังคือควรซื้อจากร้านที่เป็น Official Store หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือมากๆ เพื่อป้องกันการได้ของปลอมหรือไม่ตรงปกนะจ๊ะ
• ร้านค้าปลีกอื่นๆ: Central, Big C, The Mall บางสาขาก็มีแผนกไอทีที่ขาย iPad ด้วยนะ บางช่วงก็มีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ ด้วยจ้า
• ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์: True, Dtac. สามารถซื้อ iPad พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต หรือใช้โปรโมชั่นย้ายค่าย เบอร์เดิม เพื่อรับส่วนลดพิเศษได้

เลือกช่องทางที่สะดวกและมั่นใจได้เลยจ้า!

8. สรุปแล้ว iPad รุ่นไหนเหมาะกับใคร? น่าซื้อไหมในปีนี้?

มาถึงบทสรุปส่งท้ายแล้วจ้า! ถามว่า iPad ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? ตอบเลยว่า น่าซื้อมากๆ! เพราะ Apple ก็ออกรุ่นใหม่ๆ มาเรื่อยๆ สเปกแรงขึ้น ฟังก์ชันเยอะขึ้น แถมยังมีรุ่นให้เลือกหลากหลายตามงบประมาณและการใช้งานด้วย.

• ถ้าเป็น นักเรียนนักศึกษา หรือใช้งานทั่วไป เน้นดูหนัง เล่นโซเชียล ไม่ได้ใช้แอปหนักมาก: iPad รุ่นทั่วไป (iPad Gen) คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด ราคาเป็นมิตร ได้จอใหญ่พอสมควร ใช้งานได้ครอบคลุมในชีวิตประจำวัน.
• ถ้าชอบความ กะทัดรัด พกพาง่าย อ่านหนังสือเยอะๆ เล่นเกม: iPad mini ตอบโจทย์มากๆ ด้วยขนาดที่เล็กกระทัดรัด ใส่กระเป๋าเล็กๆ ได้สบาย.
• ถ้าต้องการ ความแรงที่มากขึ้นมาหน่อย ทำงานเอกสาร ตัดต่อเบาๆ เล่นเกมที่กราฟิกสูงขึ้น: iPad Air คือตัวเลือกที่สมดุล ได้ชิปที่แรงขึ้น จอใหญ่กำลังดี น้ำหนักเบา.
• ถ้าเป็น มืออาชีพ ทำงานหนักๆ ด้านกราฟิก วิดีโอ เพลง หรือต้องการที่สุดของประสิทธิภาพ: iPad Pro คือตัวเลือกเดียวของคุณ! ได้ชิป M Series ที่แรงสุดๆ หน้าจอเทพๆ และรองรับอุปกรณ์เสริมระดับโปร.

สรุปคือ iPad แต่ละรุ่นมีจุดเด่นและความเหมาะสมต่างกันไปจ้า การตัดสินใจซื้อขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการใช้งานเป็นหลัก ลองพิจารณาจากข้อมูลที่เราให้ไป แล้วไปลองจับเครื่องจริงที่ร้านดูนะ จะได้เลือก iPad คู่ใจที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ! ขอให้ทุกคนได้ไอแพดที่ถูกใจ ใช้งานได้อย่างมีความสุขนะจ๊ะ!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• iPad งบ 20000 บาท รุ่นไหนคุ้มสุดในปี 2025 [Back to School]
• แนะนำ iPad สำหรับนักเรียนนักศึกษา (อัพเดทต้นปี 2025) เลือกยังไง ...
• iPad น่าซื้องบ 20000 มือหนึ่งและมือสอง [ต้นปี 2025]
• iPad น่าใช้ในปี 2025 รวม iPad น่าใช้ราคาเริ่มต้นไปจนสเปคขั้นเทพ ...
• แนะนำ 7 รุ่น iPad น่าซื้องบ 20000.- ประจำปี 2024 (รวม Pencil แล้ว)