รถไถใหญ่: ราคาล่าสุด ปี 2568 รุ่นยอดนิยมและวิธีเลือกซื้อ

สวัสดีครับพี่น้องเกษตรกรทุกท่าน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง รถไถใหญ่ คู่ใจชาวไร่ชาวสวนของเรานี่แหละ! ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยแรงๆ ไว้ลุยงานหนักในไร่ในนากันอยู่ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะปี 2568 นี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง ทั้งเรื่องราคา รุ่นยอดฮิต และวิธีเลือกซื้อให้โดนใจ แถมไม่โดนหลอก มาฟังกันแบบบ้านๆ สไตล์คนคุ้นเคยเลยจ้า!

1. เจ้าใหญ่ในไร่: รถไถใหญ่คืออะไรกันแน่?

พูดถึง รถไถใหญ่ มันก็คือเครื่องจักรกลหนักประจำไร่นั่นแหละพี่น้อง! ไม่ใช่รถไถเดินตามคันเล็กๆ หรือรถไถนั่งขับรุ่นมินินะจ๊ะ แต่อันนี้คือตัวจริง เสียงจริง พลังเหลือเฟือ ไว้จัดการงานหนักๆ ในไร่ในนา ตั้งแต่ไถดิน ปรับหน้าดิน เตรียมแปลงปลูก จนถึงลากจูงอุปกรณ์ต่อพ่วงสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผานบุกเบิก ผานพรวน จอบหมุน หรือแม้กระทั่งเทรลเลอร์บรรทุกผลผลิต ใครที่ทำเกษตรแปลงใหญ่ ปลูกพืชไร่แบบจริงจัง เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด หรือเป็นผู้รับจ้างเตรียมดินให้คนอื่นเนี่ย เจ้า รถไถใหญ่ นี่แหละคือพระเอกตัวจริงเสียงจริง!

แบรนด์ดังๆ ที่คนไทยคุ้นเคยและไว้ใจ ก็หนีไม่พ้นยี่ห้อจากต่างประเทศที่เค้าทำเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตรมานาน๊านนาน อย่าง คูโบต้า (Kubota) จากญี่ปุ่นนี่เบอร์หนึ่งในใจเกษตรกรไทยหลายคนเลยนะ อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 นู่น! เค้าขึ้นชื่อเรื่องความอึด ความทน และมีศูนย์บริการทั่วถึง ส่วน จอห์น เดียร์ (John Deere) จากอเมริกาก็เป็นอีกตัวเลือกที่แรงดี ไม่มีตก เหมาะกับงานหนักๆ พื้นที่ใหญ่ๆ นอกจากนี้ก็มียี่ห้ออื่นๆ เช่น ยันม่าร์ (Yanmar) จากญี่ปุ่นเหมือนกัน หรือ แมสซี่ย์ เฟอร์กูสัน (Massey Ferguson) และ อิเซกิ (Iseki) ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นจุดแข็งแตกต่างกันไปจ้า.

2. ราคาปี 2568 อยู่ที่เท่าไหร่บ้างนะ?

มาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้ที่สุด นั่นก็คือเรื่อง ราคา นั่นเอง! ต้องบอกก่อนเลยว่ารถไถใหญ่มันไม่ใช่ของถูกๆ นะจ๊ะ ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ หลักๆ เลยก็คือ แรงม้า (Horsepower - HP) ยิ่งแรงม้าสูง ราคาก็ยิ่งแพงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ก็มีเรื่องระบบขับเคลื่อน (2WD หรือ 4WD) มีห้องโดยสารติดแอร์หรือเปล่า หรือฟังก์ชันพิเศษอื่นๆ อีกจ้า

สำหรับปี 2568 ราคาคร่าวๆ ของรถไถใหญ่ (เน้นรุ่นใหญ่หน่อย ตั้งแต่ 70 แรงม้าขึ้นไป) จะอยู่ในช่วง หลักล้านบาทขึ้นไป เลยนะจ๊ะพี่น้อง!

• รุ่นที่แรงม้ากลางๆ ประมาณ 70-80 แรงม้า อาจจะเริ่มต้นที่ประมาณ 1 ล้านบาทต้นๆ ถึงกลางๆ. ตัวอย่างเช่น Yanmar Solis 75 แรงม้า อยู่ที่ประมาณ 1,008,000 บาท.
• ขยับมาที่แรงม้าสูงขึ้นหน่อย 90-100 แรงม้า ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก อาจจะมีตั้งแต่ 1 ล้านบาทกลางๆ จนถึง 2 ล้านบาท หรือมากกว่านั้นก็มี อย่าง Yanmar Solis 90 แรงม้า อยู่ที่ประมาณ 1,327,000 บาท หรือ Massey Ferguson 102 แรงม้า อาจจะถึง 2,260,000 บาท

ส่วนแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Kubota เอง รุ่นใหญ่ๆ อย่าง M Series หรือ MU Series ก็มีราคาในระดับนี้เช่นกัน (เช็คราคาล่าสุดได้ที่ผู้แทนจำหน่ายนะจ๊ะ เพราะราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ราคาที่เห็นตามเว็บต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นราคาปี 2567 แต่อย่างที่เห็นว่ามีโปรโมชั่นปี 2568 ออกมาแล้ว ทำให้ราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามโปรฯ ด้วย

ข้อควรรู้: ราคาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นราคา "เฉพาะตัวรถ" นะจ๊ะ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น ผาน ใบมีดดันดิน หรือจอบหมุน มักจะต้องซื้อเพิ่มต่างหาก ซึ่งราคาอุปกรณ์ต่อพ่วงก็มีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียวจ้า

แหล่งซื้อหลักๆ สำหรับรถไถใหม่ ไม่ได้อยู่บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั่วไปอย่าง Lazada หรือ Shopee นะจ๊ะ แต่จะเป็น ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งเราสามารถเข้าไปดู ไปลองสัมผัสรถจริง และสอบถามราคาหรือเงื่อนไขการซื้อได้โดยตรง

3. เทียบราคากับเพื่อนๆ ในวงการแล้วเป็นไง?

ถ้าให้เทียบราคารถไถใหญ่ในระดับแรงม้าใกล้เคียงกันระหว่างแบรนด์ดังๆ เนี่ย ราคามันก็ใกล้เคียงกันพอสมควรนะจ๊ะ แต่สิ่งที่ทำให้ราคาต่างกัน หรือทำให้เราต้องพิจารณาให้ดีไม่ใช่แค่ตัวเลขอย่างเดียวแล้วล่ะ มันมีเรื่องของ เทคโนโลยี ที่ใส่มาในรถด้วย เช่น ระบบเกียร์แบบไหน ระบบไฮดรอลิกเป็นยังไง มีระบบช่วยในการทำงานให้ง่ายขึ้นไหม หรือแม้กระทั่งความประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์

บางแบรนด์อาจจะตั้งราคาเริ่มต้นสูงหน่อย แต่อาจจะมาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า ทำงานได้แม่นยำกว่า หรือประหยัดน้ำมันกว่าในระยะยาว ในขณะที่บางแบรนด์อาจจะมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า แต่อาจจะเน้นความทนทาน ใช้งานง่าย ไม่จุกจิก ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ความชอบและความต้องการของแต่ละคนเลยนะจ๊ะ บางคนอาจจะเน้นรถที่ทนทาน ซ่อมง่าย อะไหล่หาง่าย อันนี้แบรนด์ที่ได้รับความนิยมมานานและมีศูนย์บริการเยอะๆ ก็ได้เปรียบไป

ดังนั้น การเปรียบเทียบราคา ไม่ได้ดูแค่ราคาตั้งอย่างเดียว แต่ต้องดูถึงความคุ้มค่าโดยรวม ทั้งสมรรถนะ ความทนทาน ค่าบำรุงรักษา และบริการหลังการขายด้วยนะจ๊ะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรติดรถมาบ้างนะ?

เวลาซื้อรถไถใหญ่ใหม่ๆ จากศูนย์ตัวแทนจำหน่ายเนี่ย สิ่งที่เราจะได้หลักๆ ก็คือตัว รถไถ นั่นแหละจ้า แต่อุปกรณ์ต่อพ่วงส่วนใหญ่จะต้องซื้อแยกนะ

สิ่งที่มักจะรวมมาด้วยในการซื้อรถใหม่ก็คือ:

• การรับประกัน: อันนี้สำคัญมากๆ เพราะรถราคาเป็นล้าน การรับประกันช่วยให้เราอุ่นใจได้เยอะเลยจ้า ระยะเวลารับประกันก็จะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อและรุ่น ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 1 ปี หรือตามชั่วโมงการใช้งาน (เช่น 1,000 หรือ 1,500 ชั่วโมง) ควรสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขการรับประกันให้ชัดเจนนะจ๊ะ
• บริการหลังการขาย: ศูนย์บริการของแต่ละแบรนด์มีความสำคัญมากๆ เค้าจะมีช่างผู้ชำนาญคอยดูแล ซ่อมบำรุง และให้คำปรึกษาเรื่องการใช้งาน บางทีมีบริการตรวจเช็คถึงที่ไร่ถึงที่นาด้วยนะ อันนี้คือสิ่งที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายแล้วสบายใจกว่าซื้อจากแหล่งอื่นจ้า
• การจัดส่ง: ส่วนใหญ่แล้วทางศูนย์ตัวแทนจำหน่ายจะจัดการเรื่องการขนส่งรถไถไปยังพื้นที่ของเราให้เรียบร้อยเลย
• คู่มือการใช้งาน: ได้คู่มือมาศึกษาทำความเข้าใจรถคู่ใจของเรา
• โปรโมชั่น/ของแถม: อันนี้แล้วแต่ช่วงโปรโมชั่นเลยจ้า บางทีอาจจะมีส่วนลดเงินสด, แถมอุปกรณ์ต่อพ่วงบางชิ้น, แถมทอง (อันนี้ก็มีจริงนะ!), หรือให้เลือกรับเป็นแพ็คเกจบำรุงรักษาฟรีในช่วงปีแรกๆ

ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อจากตัวแทนจำหน่ายส่วนใหญ่จะรวมอยู่ในบริการแล้ว แต่ก็ควรสอบถามเพื่อความชัวร์อีกทีนะจ๊ะ

5. มีช่วงไหนน่าสอยเป็นพิเศษไหมนะ?

ถ้าอยากได้รถไถใหญ่แบบคุ้มค่า ราคาโดนๆ เนี่ย ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือโอกาสทองเลยจ้า! แต่โปรโมชั่นรถไถจะไม่เหมือนกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จัดหนักช่วง 11.11 หรือ 12.12 นะจ๊ะ โปรโมชั่นรถไถมักจะจัดในช่วงเวลาที่สอดคล้องกับฤดูกาลเพาะปลูก หรือช่วงที่เกษตรกรต้องการใช้รถ เช่น ก่อนเปิดฤดูทำนา ทำไร่อ้อย หรือช่วงปลายปีที่มีงานเกษตรแฟร์ต่างๆ

ลองติดตามข่าวสารจาก ศูนย์ตัวแทนจำหน่าย ของแบรนด์ที่เราสนใจให้ดีนะจ๊ะ เค้ามักจะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ เช่น โปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ, โปรโมชั่นผ่อนยาวๆ, โปรโมชั่นดาวน์น้อย, หรือมีส่วนลดเงินช่วยเหลือเกษตรกร บางทีซื้อช่วงโปรฯ อาจจะได้ของแถมเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วง หรือแพ็คเกจบำรุงรักษาฟรีด้วยนะ การซื้อในช่วงโปรโมชั่นจึงเป็นอะไรที่ แนะนำมากๆ เพราะช่วยให้เราประหยัดเงินไปได้เยอะ หรือได้เงื่อนไขการผ่อนที่สบายกระเป๋ามากขึ้นจ้า

6. เกษตรกรไทยเค้าใช้แล้วว่ายังไงบ้าง?

จากที่ได้ฟังเสียงพี่น้องเกษตรกรไทยหลายๆ คนที่ใช้รถไถใหญ่กันมาเนี่ย จุดที่เค้าประทับใจและให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือเรื่อง ความอึด ความทน นี่แหละ! รถไถต้องพร้อมลุยงานหนักในทุกสภาพพื้นที่ ไม่ว่าจะดินแข็ง ดินเหนียว หรือแม้แต่ในพื้นที่นาหล่ม (แต่ก็ต้องเลือกรุ่นและขนาดให้เหมาะสมกับพื้นที่ด้วยนะ รถใหญ่มากๆ น้ำหนักเยอะก็อาจจะจมได้ถ้าดินอ่อนเกินไป)

นอกจากนี้ เรื่อง ความประหยัดน้ำมัน ก็เป็นอีกปัจจัยที่เกษตรกรให้ความสำคัญ เพราะค่าน้ำมันคือต้นทุนหลักในการทำงานเลย ระบบการใช้งานต่างๆ ก็ต้อง ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะบางทีคนขับอาจจะไม่ใช่ช่างโดยตรง

และที่ขาดไม่ได้เลยคือ บริการหลังการขายและอะไหล่ รถไถเป็นเครื่องจักรที่ต้องใช้งานหนัก โอกาสที่จะต้องซ่อมบำรุงย่อมมีอยู่แล้ว การที่ศูนย์บริการอยู่ไม่ไกล หาสบาย อะไหล่แท้มีพร้อม ราคาไม่แรงเกินไป อันนี้คือสิ่งที่ชาวบ้านเค้าประทับใจและไว้ใจมากๆ เลยจ้า บางคนเลือกซื้อเพราะมั่นใจในบริการหลังการขายของแบรนด์นี้แหละ

สรุปคือ เกษตรกรไทยเน้นรถไถใหญ่ที่ ทนทาน ทำงานได้ดีในสภาพพื้นที่จริง ประหยัดน้ำมัน ใช้งานง่าย และที่สำคัญคือมีศูนย์บริการและอะไหล่พร้อม จ้า

7. จะไปสอยเจ้าใหญ่ได้ที่ไหนดี?

ช่องทางหลักและเป็นทางการที่สุดในการซื้อรถไถใหญ่ใหม่ ก็คือ ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ แบรนด์ดังๆ เช่น คูโบต้า หรือ จอห์น เดียร์ เค้ามีเครือข่ายศูนย์บริการที่ค่อนข้างกว้างขวางในประเทศไทย ข้อดีของการซื้อจากศูนย์ฯ คือ:

• ได้รถใหม่แกะกล่อง พร้อมการรับประกันเต็มรูปแบบ
• มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ มีคุณภาพตามมาตรฐาน
• มีบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน มีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
• สามารถขอคำแนะนำเรื่องการใช้งาน การบำรุงรักษา หรือเลือกอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เหมาะสมกับงานได้
• เข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อการเกษตรได้ง่ายขึ้น เพราะศูนย์ฯ มักจะมีพาร์ทเนอร์กับสถาบันการเงินต่างๆ

ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย ไม่ได้เป็นช่องทางหลักในการขายรถไถใหม่โดยตรงนะจ๊ะ แต่อาจจะเจอร้านที่ขายอะไหล่ หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงเล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง

ถ้าเป็นรถไถมือสอง ก็มีแหล่งซื้อขายเฉพาะทาง เช่น เว็บไซต์สำหรับซื้อขายเครื่องจักรกลการเกษตรมือสองโดยเฉพาะ หรือเต็นท์รถไถมือสองตามต่างจังหวัด การซื้อรถมือสองราคาอาจจะถูกกว่าเยอะ แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงเรื่องสภาพรถและการรับประกันที่อาจจะไม่มี หรือมีน้อยมากๆ

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงคำถามสุดท้าย ซื้อรถไถใหญ่ปี 2568 เนี่ย คุ้มไหม? น่าซื้อหรือเปล่า? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ ถ้าคุณเป็นเกษตรกรที่ทำไร่ทำนา แปลงใหญ่ หรือเป็นผู้รับจ้างที่ต้องใช้รถไถทำงานหนักเป็นหลัก

รถไถใหญ่คือการลงทุนที่สำคัญที่จะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อย่างมหาศาล ช่วย ทุ่นแรง ลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน และถ้าบริหารจัดการดีๆ อาจจะช่วย เพิ่มรายได้ ให้กับเราได้อีกด้วย เมื่อเทียบกับค่าจ้างรถไถที่ต้องจ่ายในแต่ละปี การลงทุนซื้อรถเป็นของตัวเอง อาจจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว โดยเฉพาะถ้าสามารถผ่อนชำระได้ในเงื่อนไขที่ดี

ใครที่เหมาะกับรถไถใหญ่:

• เกษตรกรที่มีพื้นที่ทำการเกษตรขนาดใหญ่
• ผู้ที่ปลูกพืชไร่ที่ต้องการการเตรียมดินหรืองานหนักๆ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด
• ผู้รับจ้างบริการไถเตรียมดิน หรืองานเกษตรอื่นๆ

ใครที่อาจจะเหมาะกับรุ่นเล็กหรือวิธีอื่น:

• เกษตรกรที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก หรือทำนาในพื้นที่หล่มมากๆ ที่รถใหญ่ลงลำบาก
• ผู้ที่นานๆ ใช้รถไถที หรือเน้นงานเบาๆ

คำแนะนำสุดท้ายคือ ก่อนตัดสินใจซื้อ ควร ประเมินความต้องการใช้งานของตัวเองให้ชัดเจน เลือกรุ่น เลือกรแรงม้า ให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ ชนิดของพืชที่ปลูก และสภาพดิน เข้าไป ปรึกษาที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่าย หลายๆ ที่ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่น และที่สำคัญคือ บริการหลังการขาย เพราะรถไถคือเครื่องมือทำมาหากินของเราจริงๆ ต้องได้รับการดูแลอย่างดีเพื่อให้เค้าทำงานกับเราไปได้นานๆ จ้า

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อรถไถใหญ่คู่ใจของพี่น้องเกษตรกรทุกท่านนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนได้รถไถที่ถูกใจ ช่วยให้งานเกษตรของเราเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมากันถ้วนหน้านะจ๊ะ!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• ใครขายดีที่สุด!! รถไถยี่ห้อไหนขายดีที่สุดแห่งปี 2567 ในประเทศไทย
• ยอดตกหนัก!! ยอดขายรถไถไตรมาส 1 2568 ตกขนาดไหนเป็นยังไงไป ...
• 6 แบรนด์รุ่นใหญ่ คันไหนไหนน่าเล่น?
• ไฮไลท์สินค้าเด่นประจำเดือน เมษายน ปี 2568 รถไถนา FARMING ...
• 🤩โปรแรงต้อนรับ ปี2568✨ 👉แทรกเตอร์รุ่น M7508 ฟรีใบมีดดันดินหน้า ...