ราคา Consumer Unit ตู้ควบคุมไฟฟ้า ขนาดต่างๆ เลือกใช้ให้เหมาะสม


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องราวใกล้ตัวที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป นั่นก็คือเรื่องของ ตู้ควบคุมไฟฟ้า หรือที่เค้าเรียกกันเก๋ๆ ว่า Consumer Unit นี่แหละจ้า! เจ้านี่สำคัญมากๆ นะ ไม่ใช่แค่กล่องๆ ที่ติดอยู่บนผนังบ้านเฉยๆ แต่มันคือหัวใจหลักของระบบไฟฟ้าในบ้านเลยก็ว่าได้ ถ้าเลือกผิดชีวิตเปลี่ยนเลยนะเออ! วันนี้เราจะมาดูกันว่าขนาดไหนเหมาะกับบ้านเรา แล้วจะช้อปยังไงให้ได้ของดีราคาโดนใจเหมือนไปเดินเลือกผ้าที่สำเพ็งกันไปเลย! พร้อมยัง? ไปลุย!
1. ตู้ควบคุมไฟฟ้า (Consumer Unit) มันคืออะไร แล้วใครต้องใช้?
เอาแบบภาษาชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ เลยนะ ตู้ควบคุมไฟฟ้า (Consumer Unit) หรือบางทีก็เรียกว่า ตู้โหลดเซ็นเตอร์ (Load Center) เนี่ย มันก็คือกล่องที่รวมเอาอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าไว้ด้วยกัน ทำหน้าที่เป็นเหมือนศูนย์บัญชาการไฟฟ้าในบ้านเรานี่แหละจ้า ไฟที่มาจากการไฟฟ้าก็จะวิ่งเข้าตู้คอนซูมเมอร์ฯ นี่แหละ แล้วค่อยกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟ แสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องทำน้ำอุ่น
ในตู้เนี่ยจะมีส่วนประกอบหลักๆ คือ เมนเบรกเกอร์ (Main Breaker) ที่เป็นเหมือนสวิตช์ตัวใหญ่ คุมไฟทั้งบ้าน ถ้าสับลง ไฟดับทั้งบ้านเลยจ้า และ เบรกเกอร์ลูกย่อย (Miniature Circuit Breaker - MCB) ที่แยกไปคุมไฟแต่ละจุด แต่ละห้อง นอกจากนี้หลายๆ รุ่นยังมีระบบป้องกันไฟรั่ว (RCBO หรือ RCCB) ติดตั้งมาให้ด้วย อันนี้สำคัญมาก ช่วยป้องกันอันตรายจากไฟดูดได้ดีสุดๆ เลย
แล้วใครต้องใช้เจ้านี่ล่ะ? ตอบง่ายๆ เลยว่า ทุกบ้าน ทุกอาคาร ที่มีการใช้ไฟฟ้าต้องมีจ้า ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโด หรือแม้แต่อาคารพาณิชย์ มันคืออุปกรณ์พื้นฐานเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านและทรัพย์สินเลยนะ
ส่วนเรื่องแบรนด์ในตลาดไทยก็มีให้เลือกเยอะแยะเลยนะ ทั้งแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Schneider Electric (ซึ่งมีแบรนด์ลูกคือ Square D), Siemens, ABB หรือแบรนด์ไทยที่คุ้นหูอย่าง Safe T Cut, Chang, Nano, Haco, CT Electric ก็มีให้เลือกหลากหลายตามงบประมาณและความต้องการเลยจ้า
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้! ราคาของตู้ควบคุมไฟฟ้านี่มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นเลยนะ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ เช่น ขนาดจำนวนช่อง (Ways), ขนาดเมนเบรกเกอร์ (Amp), มีเมนกันดูด (RCBO) หรือไม่ และ ยี่ห้อ ด้วยจ้า
โดยทั่วไปแล้ว ตู้คอนซูมเมอร์ฯ จะมีขนาดช่องให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 4 ช่อง, 6 ช่อง, 8 ช่อง, 10 ช่อง, 12 ช่อง, 14 ช่อง ไปจนถึง 18 ช่อง หรือมากกว่านั้น
ลองมาดูราคาคร่าวๆ จากแหล่งช้อปยอดนิยมในไทยกัน (ราคานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงและขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นนะจ๊ะ):
- ขนาด 4 ช่อง: ราคาเริ่มต้นหลักร้อยกลางๆ ไปจนถึงพันกลางๆ สำหรับแบรนด์ทั่วไป ถ้าเป็นแบรนด์ดังหน่อยก็อาจจะพันปลายๆ ถึงสองพันกว่าบาท
- ขนาด 6 ช่อง: ราคาเริ่มต้นหลักร้อยปลายๆ ถึงพันกว่าบาท สำหรับแบรนด์ทั่วไป ถ้าแบรนด์ดังก็อาจจะสองพันต้นๆ ถึงสามพันกว่าบาท
- ขนาด 10 ช่อง: ราคาเริ่มต้นพันกว่าบาท สำหรับแบรนด์ทั่วไป ถ้าแบรนด์ดังก็อาจจะสองพันปลายๆ ถึงสี่พันกว่าบาท
- ขนาด 14 ช่อง: ราคาเริ่มต้นพันปลายๆ ถึงสองพันต้นๆ สำหรับแบรนด์ทั่วไป ถ้าแบรนด์ดังก็อาจจะสามพันปลายๆ ถึงห้าพันกว่าบาท
- ขนาด 18 ช่อง: ราคาเริ่มต้นสองพันต้นๆ สำหรับแบรนด์ทั่วไป ถ้าแบรนด์ดังก็อาจจะสี่พันกว่าบาทขึ้นไป
แบรนด์ยอดนิยมอย่าง Schneider (Square D) ขนาด 4 ช่อง อาจเจอราคาประมาณ ฿1,500 - ฿2,000+ ขนาด 10 ช่อง ประมาณ ฿2,500 - ฿4,000+ และขนาด 18 ช่อง ประมาณ ฿3,000 - ฿5,000+ (ราคาตู้เปล่า ไม่รวมลูกย่อย) ส่วนแบรนด์อื่นๆ อย่าง Nano, Chang, Haco ราคาก็จะแตกต่างกันไป บางทีก็มีแบบที่รวมเมนเบรกเกอร์กันดูดมาให้แล้วด้วย ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก
แหล่งช้อปหลักๆ ที่เราจะเจอเจ้านี่ก็มีทั้งร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป, ห้างสรรพสินค้าสำหรับบ้านและวัสดุก่อสร้างอย่าง HomePro, Thai Watsadu และที่สะดวกสุดๆ ในยุคนี้ก็คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada กับ Shopee ที่มีร้านค้าเยอะมากจนตาลาย เลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว! ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับไทย อันนี้อาจจะไม่ได้เห็นชัดๆ เป็นตัวเลขเปรียบเทียบง่ายๆ เพราะสินค้ากลุ่มนี้มีเรื่องภาษีนำเข้าและค่าขนส่งอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ แต่โดยรวมแล้วราคาก็อยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ตามมาตรฐานคุณภาพของแบรนด์นั้นๆ จ้า
3. เปรียบเทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกัน คุ้มไหมนะ?
ถ้าลองเอาตู้คอนซูมเมอร์ฯ มาเทียบราคากับแบรนด์อื่นๆ หรือสินค้าที่ฟังก์ชันใกล้เคียงกัน จะเห็นเลยว่าราคามันมีหลากหลายมากจริงๆ จ้า อย่างที่บอกไปว่าแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Schneider, Siemens ราคาก็จะสูงกว่าแบรนด์ไทยหรือแบรนด์ทั่วไปในตลาดเล็กน้อย แต่ก็มาพร้อมกับชื่อเสียงด้านคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัย และเทคโนโลยีที่อาจจะใหม่กว่า เช่น ระบบ Plug-On ที่ติดตั้งง่ายและปลอดภัยกว่า
ยกตัวอย่างเช่น ตู้ 10 ช่อง ของ Schneider (Square D) รุ่น Classic+ ราคาอาจจะประมาณ ฿2,500 - ฿4,000+ ในขณะที่แบรนด์ Nano หรือ Chang รุ่นใกล้เคียงกันที่รวมเมนเบรกเกอร์แบบธรรมดามาให้แล้ว อาจจะราคาหลักพันต้นๆ ก็มี ถ้ามีงบจำกัด แบรนด์ทางเลือกอื่นๆ ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าในแง่ราคาเริ่มต้น แต่ถ้าเน้นความปลอดภัยสูงสุดในระยะยาว ฟังก์ชันครบครัน และแบรนด์ที่ช่างไฟส่วนใหญ่มั่นใจ แบรนด์ดังก็อาจจะตอบโจทย์กว่านะ
การเลือกซื้อจึงต้องดูที่ความเหมาะสมกับการใช้งาน งบประมาณ และที่สำคัญคือ มาตรฐานความปลอดภัย (มอก.) ที่สินค้าได้รับด้วยนะจ๊ะ อันนี้ห้ามมองข้ามเด็ดขาด
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
เวลาที่เราซื้อตู้ควบคุมไฟฟ้าแบบ "ตู้เปล่า" สิ่งที่เราจะได้มาหลักๆ คือ ตัวตู้ นั่นแหละจ้า พร้อมกับ บัสบาร์ (Busbar) ซึ่งเป็นแท่งทองแดงสำหรับเชื่อมต่อเบรกเกอร์ต่างๆ และ ขั้วต่อสายกราวด์ (Ground Bar) บางรุ่นอาจจะแถม เมนเบรกเกอร์แบบธรรมดา (MCB) มาให้ด้วย แต่ส่วนใหญ่ถ้าอยากได้เมนเบรกเกอร์แบบกันดูด (RCBO) หรือลูกย่อยต่างๆ ก็ต้องซื้อแยกต่างหากนะจ๊ะ
ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ก็จะมีค่าส่งตามระยะทาง หรืออาจจะมีโปรโมชั่นส่งฟรีเมื่อซื้อครบยอดตามที่ร้านกำหนด ถ้าซื้อที่ HomePro หรือ Thai Watsadu บางทีก็มีบริการจัดส่งเช่นกัน ลองสอบถามเงื่อนไขกับร้านดูนะ
ระยะเวลารับประกัน อันนี้ก็สำคัญมากๆ สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อความอุ่นใจในระยะยาว แบรนด์ที่ดีมักจะมีการรับประกันสินค้า อย่าง Schneider มีการรับประกันตู้คอนซูมเมอร์ฯ บางรุ่นถึง 12 ปี (แต่อาจไม่รวมเบรกเกอร์ลูกย่อย) ส่วนแบรนด์อื่นๆ ก็มีการรับประกันแตกต่างกันไป ควรตรวจสอบรายละเอียดก่อนซื้อนะจ๊ะ คนไทยเราให้ความสำคัญกับการรับประกันมากๆ เพราะถ้ามีปัญหาจะได้เคลมได้ง่ายๆ ไม่ปวดหัวทีหลัง
ของแถมหรือโปรโมชั่น อันนี้แล้วแต่ช่วงแล้วแต่ร้านเลย บางทีซื้อตู้พร้อมเมนเบรกเกอร์ อาจจะได้ลูกย่อยแถมมาด้วย หรือมีส่วนลดพิเศษ หรือแถมอุปกรณ์ติดตั้งเล็กๆ น้อยๆ อย่างพวกเคเบิ้ลไทร์ ลองสอบถามหรือดูรายละเอียดโปรโมชั่นดีๆ ก่อนตัดสินใจซื้อนะ
5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ
อยากได้ตู้ควบคุมไฟฟ้าในราคาดีๆ ต้องอาศัยช่วงเวลาแห่งความสุขของนักช้อปอย่างเรานี่แหละจ้า! ช่วง เทศกาลต่างๆ ในไทย อย่างสงกรานต์ ปีใหม่ หรือช่วงแคมเปญ Double Digit Sale ระดับชาติอย่าง 11.11 หรือ 12.12 บน Lazada กับ Shopee เนี่ย มักจะมีร้านค้าใหญ่ๆ หรือแม้แต่ร้านค้าทั่วไปจัดโปรโมชั่นลดราคาตู้ควบคุมไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ อยู่บ่อยๆ นะจ๊ะ
ร้านค้าทางการ (Flagship Store) ของแบรนด์ใหญ่ๆ บน Lazada หรือ Shopee ก็มักจะมีส่วนลดหรือโค้ดพิเศษให้เก็บอยู่เรื่อยๆ ลองเข้าไปเช็คหน้าหลักของร้านดูนะ หรือกดติดตามร้านไว้เลย จะได้ไม่พลาดโปรโมชั่นเด็ดๆ
ดังนั้น ถ้าไม่ได้รีบใช้แบบไฟไหม้บ้านจริงๆ (อันนั้นเรียกช่างด่วน!) การ รอซื้อช่วงโปรโมชั่น เนี่ย มีโอกาสได้ของดีในราคาที่ถูกลงเยอะเลยนะ! นอกจากนี้ บางที HomePro หรือ Thai Watsadu ก็มีโปรโมชั่นสำหรับแผนกไฟฟ้าอยู่บ่อยๆ ลองแวะเข้าไปดูหรือเช็คโบรชัวร์ออนไลน์ก่อนก็ได้นะจ๊ะ
6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย
ลองแอบไปส่องๆ ดูตามรีวิวในแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือตามกระทู้ในเว็บบอร์ดต่างๆ ของไทยนะจ๊ะ จะเจอเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานจริงเพียบเลย โดยรวมแล้ว ผู้ใช้ในไทยมักจะให้ความสำคัญกับ ความทนทาน, ความปลอดภัย (มีมาตรฐาน มอก. ไหม), ราคาที่คุ้มค่า และ ความสะดวกในการติดตั้ง (สำหรับช่าง)
บางคนอาจจะรีวิวว่าแบรนด์ A ติดตั้งง่ายสำหรับช่าง บางคนบอกว่าแบรนด์ B วัสดุดูแข็งแรงทนทานกว่า หรือบางคนอาจจะเน้นเรื่องดีไซน์ที่สวยงามเข้ากับบ้าน ส่วนฟีดแบ็กเรื่องความปลอดภัย เช่น ระบบกันดูดทำงานได้ดีไหม อันนี้ก็เป็นจุดที่คนให้ความสำคัญมากๆ
จากรีวิวส่วนใหญ่ แบรนด์ยอดนิยมอย่าง Schneider, Siemens, Safe T Cut, Chang, Nano มักจะได้รับคำชมเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางทีอาจจะมีฟีดแบ็กเรื่องสินค้าที่ได้รับไม่ตรงตามที่สั่ง หรือการแพ็คสินค้าที่ไม่เรียบร้อยเมื่อซื้อออนไลน์ ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและเลือกร้านที่น่าเชื่อถือนะจ๊ะ
7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ
แล้วจะไปสอยเจ้าตู้ควบคุมไฟฟ้านี่ได้ที่ไหนบ้างล่ะ? มีหลายช่องทางให้เลือกเลยจ้า
- ร้านค้าทางการหรือตัวแทนจำหน่าย: ถ้าอยากได้ของแท้แน่นอน มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา และมั่นใจเรื่องบริการหลังการขาย ก็ไปที่ร้านตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์นั้นๆ ได้เลย (ถ้ามีนะ) หรือจะลองติดต่อผ่านเว็บไซต์ของแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Schneider Electric ในไทยก็มีข้อมูลอยู่
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ในไทย: Lazada และ Shopee คือแหล่งรวมสินค้าไฟฟ้าที่ใหญ่มากๆ มีร้านให้เลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาง่าย สะดวกสบาย จะกดสั่งตอนตีสองก็ได้! ข้อดีคือมีโปรโมชั่นเยอะ มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ มีรีวิวจากผู้ใช้จริงให้อ่าน แต่ก็ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ดูคะแนนร้าน อ่านรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆ ให้ดีก่อนกดสั่งนะจ๊ะ
- ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Modern Trade): HomePro, Thai Watsadu เป็นอีกตัวเลือกที่ดีมากๆ เพราะเราสามารถไป เห็นสินค้าจริง จับต้องได้ สอบถามข้อมูลจากพนักงานได้ และบางทีก็มีบริการติดตั้งครบวงจรด้วย (แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ราคาอาจจะไม่ได้ถูกที่สุดเท่าร้านค้าส่ง แต่อุ่นใจเรื่องคุณภาพและบริการจ้า
- ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป: ตามร้านฮาร์ดแวร์ หรือร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าในตลาด ก็มีตู้ควบคุมไฟฟ้าขายเช่นกัน อาจจะได้ราคาที่ย่อมเยาลงมาอีก แต่ก็ต้องดูเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าให้ดีนะ
เลือกช่องทางที่สะดวกและมั่นใจที่สุดสำหรับตัวเองได้เลยนะจ๊ะ!
8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา
มาถึงช่วงสรุป! การเลือกขนาดตู้ควบคุมไฟฟ้าให้เหมาะสมนั้นสำคัญมากๆ เพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยและความเสถียรของระบบไฟฟ้าในบ้านนะจ๊ะ อย่าเลือกแค่เพราะราคาถูกอย่างเดียว ต้องดูที่คุณภาพ มาตรฐาน และจำนวนช่องที่เพียงพอต่อการใช้งานปัจจุบันและเผื่อสำหรับอนาคตด้วย (อย่างที่ช่างไฟมักจะแนะนำให้เผื่อไว้ 2-3 ช่อง)
ถ้าบ้านขนาดเล็ก คอนโด หรืออพาร์ทเมนท์: อาจจะเริ่มต้นที่ขนาด 4, 6 หรือ 8 ช่อง ก็เพียงพอสำหรับการแบ่งวงจรพื้นฐาน เช่น แสงสว่าง ปลั๊กไฟ เครื่องปรับอากาศ 1-2 ตัว
ถ้าบ้านขนาดกลาง: อาจจะต้องขยับไปที่ 10 หรือ 12 ช่อง เพื่อรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น หรือมีการแบ่งวงจรที่ละเอียดขึ้น
ถ้าบ้านขนาดใหญ่ หรือมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะเป็นพิเศษ: แนะนำเป็น 14 หรือ 18 ช่องขึ้นไป เพื่อให้สามารถแบ่งวงจรได้อย่างเหมาะสม ไม่โหลดเกิน และเผื่อสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในอนาคต
เรื่องราคา อย่างที่เห็นว่ามีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่น ถ้ามีงบประมาณจำกัด แบรนด์รองๆ ลงมาก็มีคุณภาพและมาตรฐานที่ใช้งานได้ดี แต่ถ้าเน้นความปลอดภัยสูงสุดและฟังก์ชันที่ครบครัน แบรนด์ดังก็คุ้มค่าที่จะลงทุนนะจ๊ะ โดยเฉพาะรุ่นที่มีเมนเบรกเกอร์กันดูด (RCBO) ติดตั้งมาให้เลย อันนี้แนะนำอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน
สรุปแล้ว ถามว่าคุ้มค่าที่จะซื้อไหม? คุ้มค่ามากๆ จ้า เพราะมันคืออุปกรณ์พื้นฐานด้านความปลอดภัยที่เรามองข้ามไม่ได้เลย ส่วนจะซื้อรุ่นสูงหรือรุ่นต่ำ ก็ขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า และงบประมาณในกระเป๋าของเรานั่นแหละ! จำไว้ว่าเรื่องไฟฟ้าเป็นเรื่องความปลอดภัย อย่าเสี่ยงเด็ดขาดนะจ๊ะ!
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อตู้ควบคุมไฟฟ้าให้เหมาะสมกับบ้านของทุกคนนะจ๊ะ ขอให้ระบบไฟฟ้าในบ้านปลอดภัยหายห่วงทุกคนค่า!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- คู่มือการเลือกซื้อตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตและอุปกรณ์ให้กับบ้านหลังใหม่ ...
- หลักการเลือกตู้ไฟ Consumer Unit และ อุปกรณ์ สำหรับบ้านชั้นเดียว ...
- Consumer Unit หรือ ตู้คอนซูมเมอร์ ยูนิต เลือกซื้ออย่างไร
- เบรกเกอร์เมนในตู้คอนซูมเมอร์ใช้กี่แอมป์ วิธีการเลือกซื้อและเลือกใช้ ...
- แนะนำวิธีการติดตั้งตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต สำหรับมิเตอร์ 15(45) การจัดสาย ...
แนะนำสำหรับคุณ
ไส้กรองน้ำ Lux Alva ราคาล่าสุด เปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
Ableton Push 2: ราคาล่าสุด ปี 2568 และรีวิวคอนโทรลเลอร์สำหรับทำเพลง
คาลิมบา (Kalimba) ราคาถูก เริ่มต้นกี่บาท? ยี่ห้อไหนดีสำหรับมือใหม่
รวมราคา Samsung Galaxy J Prime ทุกรุ่นฮิต (J2, J5, J7 Prime)
กระเป๋า Porter จากญี่ปุ่น: ราคาล่าสุด ปี 2568 รุ่นไหนยอดนิยม ซื้อที่ไหนดี?
หมวกเบสบอล LA Dodgers ราคาล่าสุด: ซื้อของแท้ได้ที่ไหน?