logo

Microsoft Office ราคาล่าสุด: ซื้อแบบไหนคุ้มสุด? เปรียบเทียบทุกแพ็คเกจ

user avatar
วีรภัทร มูลทรัพย์·07/08/2025 03:13
点赞
Microsoft Office ราคาล่าสุด: ซื้อแบบไหนคุ้มสุด? เปรียบเทียบทุกแพ็คเกจ

สวัสดีค้าบบบ พี่น้องชาวมนุษย์เงินเดือน นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าแม่ขายออนไลน์ หรือใครก็ตามที่ต้องนั่งจ้องคอมทำเอกสาร รายงาน สรุปยอดบัญชี หรือพรีเซนต์งานหัวฟูเป็นประจำ! วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องโปรแกรมสามัญประจำเครื่องที่ต้องมีติดไว้ นั่นก็คือ Microsoft Office นั่นเอง! เชื่อว่าหลายคนคงกำลังงงๆ ว่ามันมีกี่แบบ ราคาเท่าไหร่ แล้วจะซื้อแบบไหนถึงจะคุ้มค่าเงินในกระเป๋าที่สุดใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องห่วง วันนี้เราจะมาเม้าท์มอย เอ้ย! เปรียบเทียบให้ฟังแบบจะๆ เข้าใจง่าย สไตล์เป็นกันเอง พร้อมเคล็ดลับช้อปยังไงให้ได้ของดี ราคาโดนใจเหมือนได้ฟรี! ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลย!

1. Microsoft Office คืออะไร? ทำไมต้องมีติดเครื่อง?

พูดถึง Microsoft Office เนี่ย ใครๆ ก็ต้องรู้จักใช่ไหมล่ะ? มันคือชุดโปรแกรมสำนักงานจากค่าย Microsoft ยักษ์ใหญ่แห่งวงการซอฟต์แวร์ระดับโลกจากอเมริกา ที่อยู่คู่กับชาวออฟฟิศ นักเรียน และทุกคนที่ทำงานกับเอกสารมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น Word (พิมพ์งาน), Excel (ทำตาราง คำนวณสูตร), PowerPoint (ทำสไลด์พรีเซนต์งาน) หรือ Outlook (จัดการอีเมล ตารางนัดหมาย) โปรแกรมพวกนี้ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตการทำงานง่ายขึ้นเยอะมากๆ เลยนะ

กลุ่มผู้ใช้งานก็มีตั้งแต่ น้องๆ นักเรียนนักศึกษาที่ต้องทำรายงานและพรีเซนต์งานส่งอาจารย์ พนักงานบริษัทที่ต้องจัดการเอกสารและข้อมูลต่างๆ ไปจนถึงเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องทำบัญชีหรือติดต่อลูกค้า ถ้าไม่มีโปรแกรมพวกนี้ บอกเลยว่าชีวิตวุ่นวายแน่นอน!


2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? แพ็คเกจไหนราคาเท่าไหร่?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด! ราคาของ Microsoft Office ในไทยเนี่ย มีหลายแบบ หลายราคามากๆ เลยนะ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกแบบไหน

หลักๆ แล้ว Microsoft Office จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ:

  1. แบบซื้อขาด (Perpetual License): จ่ายเงินครั้งเดียว ใช้ได้ยาวๆ ไปเลย แต่จะได้แค่โปรแกรมหลักๆ และจะไม่มีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ ต้องซื้อเวอร์ชันใหม่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์ล่าสุด
  2. แบบสมัครสมาชิกรายปี/รายเดือน (Microsoft 365 Subscription): จ่ายเป็นรายปีหรือรายเดือน เหมือนเช่าโปรแกรมใช้ ข้อดีคือจะได้ใช้โปรแกรมเวอร์ชันล่าสุดเสมอ มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาตลอด แถมยังได้บริการเสริมอื่นๆ อีกเพียบ เช่น พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ OneDrive และสามารถติดตั้งใช้งานได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน

ทีนี้มาดูราคาคร่าวๆ ของแพ็คเกจยอดนิยมในตลาดไทยกันบ้าง (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชั่นนะจ๊ะ):

  • Microsoft Office Home & Student 2021/2024 (ซื้อขาด): เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา และใช้งานในบ้าน ได้โปรแกรม Word, Excel, PowerPoint, OneNote ราคาประมาณ ฿2,890 - ฿4,390
  • Microsoft Office Home & Business 2021/2024 (ซื้อขาด): เหมาะสำหรับใช้งานในบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก ได้ Word, Excel, PowerPoint, Outlook, OneNote ราคาจะสูงขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ ฿7,050 - ฿12,590
  • Microsoft 365 Personal (รายปี): สำหรับใช้งานคนเดียว ได้โปรแกรมครบชุด (Word, Excel, PowerPoint, Outlook, OneNote, Publisher, Access - Publisher/Access เฉพาะ PC) ใช้ได้หลายอุปกรณ์ (สูงสุด 5 เครื่องพร้อมกัน) ได้พื้นที่ OneDrive 1 TB ราคาประมาณ ฿1,450 - ฿2,999 ต่อปี หรือ ฿299 ต่อเดือน (ถ้าจ่ายรายเดือน)
  • Microsoft 365 Family (รายปี): สำหรับใช้งานสูงสุด 6 คน ได้ทุกอย่างเหมือน Personal แต่แชร์กันใช้ได้สูงสุด 6 คน แต่ละคนได้พื้นที่ OneDrive 1 TB (รวมสูงสุด 6 TB) ราคาประมาณ ฿2,099 - ฿3,699 ต่อปี หรือ ฿369 ต่อเดือน (ถ้าจ่ายรายเดือน)

ถ้าดูจากราคาหน้าเว็บไซต์ Microsoft โดยตรง ราคาแบบสมัครสมาชิก Microsoft 365 Personal อยู่ที่ ฿2,999/ปี หรือ ฿299/เดือน และ Microsoft 365 Family อยู่ที่ ฿3,699/ปี หรือ ฿369/เดือน ส่วนแบบซื้อขาด Office Home & Student 2024 อยู่ที่ ฿4,299 และ Office Home & Business 2024 อยู่ที่ ฿10,999 แต่พอไปดูตามร้านค้าออนไลน์หรือร้าน IT ใหญ่ๆ อย่าง Advice, JIB, Banana IT, Lazada, Shopee ราคาอาจจะถูกกว่านี้เล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงโปรโมชั่น

สำหรับความต่างของราคาเมื่อเทียบกับต่างประเทศ อาจจะมีบ้างตามอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีนำเข้า แต่ส่วนใหญ่ราคาในไทยก็ไม่ได้หนีจากราคามาตรฐานสากลเท่าไหร่ ถ้าเจอราคาที่ถูกจนน่าตกใจในแพลตเกจแบบซื้อขาด ต้องระวังให้ดี อาจจะไม่ใช่ลิขสิทธิ์แท้!


3. แล้วเทียบกับโปรแกรมอื่นล่ะ คุ้มค่าน่าใช้กว่าไหม?

แน่นอนว่าในตลาดไม่ได้มีแค่ Microsoft Office เจ้าเดียวนะจ๊ะ ยังมีคู่แข่งคนสำคัญที่น่าสนใจเหมือนกัน เช่น:

  • Google Workspace (เดิมชื่อ G Suite): อันนี้มาแรงสุดๆ โดยเฉพาะยุคออนไลน์ที่ต้องทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ มี Google Docs, Sheets, Slides ที่ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย แถมเวอร์ชันฟรีก็มีฟังก์ชันพื้นฐานให้ใช้ครบครัน ถ้าเทียบเรื่องราคา ถ้าใช้งานส่วนตัวแบบง่ายๆ Google Docs ฟรีก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องการฟังก์ชันที่ซับซ้อนกว่าของ Microsoft Office หรือต้องการพื้นที่เยอะๆ ก็อาจจะต้องจ่ายเงินสำหรับ Google Workspace เวอร์ชันเสียเงิน ซึ่งก็มีหลายแพ็คเกจให้เลือกเช่นกัน
  • LibreOffice / OpenOffice: เป็นชุดโปรแกรมฟรีและ Open Source ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้เลย มีโปรแกรมเทียบเคียง Word, Excel, PowerPoint ครบครัน ถ้าเน้นใช้งานพื้นฐาน ไม่ได้มีงบประมาณ และไม่ได้กังวลเรื่องความเข้ากันได้ของไฟล์กับ Microsoft Office 100% (ซึ่งบางทีอาจจะมีเพี้ยนบ้างเล็กน้อย) โปรแกรมฟรีพวกนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ แต่ถ้าต้องการฟังก์ชันขั้นสูงมากๆ หรือทำงานในองค์กรที่ต้องใช้ไฟล์ร่วมกับคนอื่นบ่อยๆ Microsoft Office ก็ยังได้เปรียบเรื่องความเสถียรและความเข้ากันได้มากกว่าอยู่ดี
  • WPS Office: อีกหนึ่งโปรแกรมฟรีที่มีหน้าตาคล้าย Microsoft Office มากๆ เวอร์ชันฟรีก็มีฟังก์ชันพื้นฐานให้ใช้ แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์เต็มๆ หรือใช้งานเชิงธุรกิจก็ต้องเสียเงิน

ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัด Microsoft Office ยังคงเป็นโปรแกรมที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่คุ้นเคย ฟังก์ชันครบถ้วน แม่นยำ และมีความเข้ากันได้ของไฟล์ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะถ้าต้องทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ก็ใช้ Microsoft Office กันเป็นมาตรฐาน ดังนั้นถ้ามองหาความสะดวก ฟังก์ชันครบ และความเข้ากันได้ Microsoft Office ก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าคู่แข่งฟรีนั่นแหละจ้า


4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ? บริการเสริมมีอะไรน่าสน?

อันนี้ต้องบอกว่าแตกต่างกันไปตามแต่ละแพ็คเกจเลยจ้า

  • แบบซื้อขาด (Office Home & Student / Home & Business): สิ่งที่ได้คือสิทธิ์ในการติดตั้งและใช้งานโปรแกรม Word, Excel, PowerPoint (และอื่นๆ ตามแพ็คเกจ) บนคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (PC หรือ Mac) เป็นการซื้อครั้งเดียวจบ จะไม่มีบริการเสริมอย่างพื้นที่ OneDrive หรือการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ตลอด (แต่จะมีการอัปเดตด้านความปลอดภัยให้) การรับประกันส่วนใหญ่จะเป็นการสนับสนุนทางเทคนิคจาก Microsoft ในช่วง 60 วันแรก ส่วนเรื่องค่าจัดส่ง ถ้าซื้อแบบกล่อง (FPP - Full Packaged Product) จากร้านค้าออนไลน์หรือร้าน IT ก็อาจจะมีค่าส่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของร้าน ถ้าซื้อแบบ Digital (ESD - Electronic Software Delivery) ก็จะได้ Product Key ทางอีเมล ไม่มีกล่อง ไม่มีค่าส่ง
  • แบบสมัครสมาชิก (Microsoft 365 Personal / Family): อันนี้แหละที่ได้บริการเสริมมาแบบจัดเต็ม! นอกจากจะได้ใช้โปรแกรม Office เวอร์ชันล่าสุดเสมอ ยังได้พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ OneDrive ขนาด 1 TB ต่อคน (สูงสุด 6 TB สำหรับ Family) ซึ่งมีประโยชน์มากๆ สำหรับเก็บไฟล์ รูป วิดีโอ และซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ ยังมีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของ Microsoft Defender และการป้องกันแรนซัมแวร์ของ OneDrive ด้วยนะ แถมยังมีการสนับสนุนทางเทคนิคแบบต่อเนื่องจาก Microsoft และสามารถติดตั้งใช้งานแอป Office บนอุปกรณ์ได้สูงสุด 5 เครื่องพร้อมกันต่อ 1 user (ทั้ง PC, Mac, แท็บเล็ต, โทรศัพท์) เรื่องค่าจัดส่งก็เหมือนแบบซื้อขาด คือขึ้นอยู่กับว่าซื้อแบบกล่องหรือแบบ Digital

คนไทยให้ความสำคัญกับการรับประกันและบริการหลังการขายมากๆ นะ ซึ่ง Microsoft 365 แบบสมัครสมาชิกจะได้เปรียบตรงที่มีการสนับสนุนทางเทคนิคอย่างต่อเนื่องนี่แหละ เวลาติดปัญหาอะไรก็สามารถติดต่อสอบถามได้เลย ส่วนแบบซื้อขาดก็จะมีระยะเวลาสนับสนุนที่จำกัดกว่า

ส่วนเรื่องของแถมหรือคูปอง ส่วนใหญ่ถ้าซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์หรือร้าน IT อาจจะมีโปรโมชั่นร่วมกับสินค้าอื่น หรือมีส่วนลดพิเศษในช่วงเทศกาล ก็ต้องคอยติดตามดูนะจ๊ะ


5. โปรโมชั่นมีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

ถ้าอยากได้ Microsoft Office ในราคาดีๆ ช่วงโปรโมชั่นนี่แหละคือโอกาสทอง! ถึงแม้จะเป็นซอฟต์แวร์ แต่ร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Lazada และ Shopee ก็มักจะร่วมจัดโปรโมชั่นใหญ่ๆ ในช่วงเทศกาลสำคัญๆ นะจ๊ะ เช่น:

  • ช่วง Double Digit Sale: 11.11, 12.12 นี่คือที่สุดของความลดราคา!
  • ช่วงปีใหม่ สงกรานต์ หรือ Black Friday: ก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษออกมาเหมือนกัน

นอกจากนี้ ร้านค้า IT ชั้นนำอย่าง Advice, JIB, Banana IT, Power Buy ก็มักจะมีโปรโมชั่นของตัวเอง หรือจัดร่วมกับแบรนด์ Microsoft อยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้าซื้อพร้อมคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก อาจจะมีส่วนลดพิเศษ หรือแถม Microsoft 365 มาให้เลยก็มี

การซื้อในช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมักจะมีโค้ดส่วนลดพิเศษ โค้ดส่งฟรี หรือโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต ทำให้ได้ราคาที่ถูกลงไปอีก ส่วนร้านค้าแฟลกชิพของแบรนด์ไอทีบน Lazada/Shopee เองก็มักจะมีส่วนลดหรือโปรโมชั่นออกมาบ่อยๆ เช่นกัน

ดังนั้น ถ้าไม่รีบใช้มากๆ การรอซื้อในช่วงโปรโมชั่นก็เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเงินได้เยอะเลยจ้า แต่ถ้าต้องการใช้งานด่วน หรือกลัวพลาด ก็ซื้อช่วงที่เจอราคาที่รับได้เลยก็ได้นะ


6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง? รีวิวจากผู้ใช้จริง!

จากที่ส่องๆ ดูตามรีวิวและความคิดเห็นของคนไทยเนี่ย ส่วนใหญ่ก็ยังคงยกให้ Microsoft Office เป็นโปรแกรมคู่ใจอันดับหนึ่งเลยนะ

จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:

  • ความคุ้นเคย ใช้งานง่าย: อันนี้เป็นจุดแข็งที่สุด เพราะใช้กันมานานมากๆ อินเทอร์เฟซต่างๆ คุ้นตาอยู่แล้ว เรียนรู้ไม่ยาก
  • ฟังก์ชันครบถ้วน ตอบโจทย์การทำงาน: ไม่ว่าจะเป็น Word ที่เครื่องมือแน่น Excel ที่สูตรฟังก์ชันเพียบ หรือ PowerPoint ที่มีเทมเพลตสวยๆ พร้อม
  • ความเสถียรและความเข้ากันได้ของไฟล์: ไฟล์ที่ทำจาก Microsoft Office เปิดกับเครื่องอื่นที่ใช้ Office เหมือนกันได้สบาย ไม่ค่อยมีปัญหาฟอนต์เพี้ยนหรือเลย์เอาต์รวน
  • Microsoft 365 ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่: หลายคนชอบที่ได้ใช้โปรแกรมเวอร์ชันล่าสุดตลอด ได้พื้นที่ OneDrive เยอะๆ และติดตั้งได้หลายเครื่อง เพราะเดี๋ยวนี้ทำงานบนหลายอุปกรณ์มากขึ้น
  • การสนับสนุนที่ดี: สำหรับคนที่ซื้อลิขสิทธิ์แท้ จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อติดปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้งานในไทย

ส่วนฟีดแบ็กอื่นๆ ที่เจออาจจะเป็นเรื่องราคาที่บางคนมองว่าสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับโปรแกรมฟรี แต่ถ้ามองในแง่ของฟังก์ชัน ความเสถียร และการสนับสนุน หลายคนก็มองว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนนะ


7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางการซื้อ Microsoft Office ในไทยเนี่ย มีให้เลือกเยอะมากๆ เลยจ้า สะดวกแบบไหนก็จัดไปเลย:

  • Microsoft Store ออนไลน์: ซื้อตรงจาก Microsoft เลย ได้ Product Key ทันที ปลอดภัย หายห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ปลอม
  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ: Lazada และ Shopee เป็นแหล่งรวมร้านค้าทั้ง Official Store ของแบรนด์ไอที และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต่างๆ มีตัวเลือกเยอะ ราคาหลากหลาย แข่งขันกันสูง มีโปรโมชั่นบ่อยๆ ข้อดีคือสะดวก เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการชำระเงินที่หลากหลาย (รวมถึงเก็บเงินปลายทาง) แต่ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ดูรีวิวร้านดีๆ นะจ๊ะ
  • ร้านค้า IT ชั้นนำ: Advice, JIB, Banana IT, Power Buy, Studio 7 เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจมากๆ ข้อดีคือเราสามารถเข้าไปสอบถามข้อมูลจากพนักงานได้โดยตรง บางทีมีโปรโมชั่นดีๆ ถ้าซื้อพร้อมคอมพิวเตอร์ หรือมีการผ่อนชำระ 0% ด้วยนะ ราคาส่วนใหญ่ก็จะใกล้เคียงกับราคาบน Microsoft Store แต่บางทีมีส่วนลดเฉพาะของร้าน
  • ตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ: บางบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์โดยตรง ก็สามารถติดต่อเพื่อสอบถามราคาและขอใบเสนอราคาได้ โดยเฉพาะถ้าซื้อจำนวนมากสำหรับองค์กร

เลือกช่องทางที่สะดวกและมั่นใจได้เลยจ้า แนะนำให้ซื้อจากช่องทางที่เป็นทางการหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์แท้และบริการหลังการขายที่ดีนะ


8. สรุปแล้วควรซื้อแบบไหนคุ้มสุด? เหมาะกับใครบ้าง?

มาถึงช่วงสรุปแล้ว! จะซื้อ Microsoft Office แบบไหนถึงจะคุ้มสุด ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และงบประมาณของแต่ละคนเลยจ้า!

  • ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษา หรืองานในบ้านทั่วไป ใช้แค่ Word, Excel, PowerPoint: Office Home & Student 2021/2024 แบบซื้อขาด คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด จ่ายครั้งเดียวจบ ใช้ได้ยาวๆ แต่จะไม่ได้บริการเสริมอื่นๆ นะ
  • ถ้าทำงานในธุรกิจขนาดเล็ก ต้องการใช้ Outlook จัดการอีเมลด้วย และอยากจ่ายครั้งเดียว: Office Home & Business 2021/2024 แบบซื้อขาด ตอบโจทย์นี้
  • ถ้าเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานคนเดียว หรือใช้งานหลากหลายอุปกรณ์ และต้องการใช้ฟีเจอร์ล่าสุด ได้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะๆ: Microsoft 365 Personal แบบสมัครสมาชิกรายปี คือทางเลือกที่คุ้มค่ามากๆ ได้ใช้โปรแกรมครบครัน ฟีเจอร์อัปเดตตลอด ได้ OneDrive 1 TB ติดตั้งได้หลายเครื่อง คุ้มค่ากว่าในระยะยาวถ้าต้องใช้งานต่อเนื่อง
  • ถ้าใช้งานกันทั้งครอบครัว หรือมีเพื่อนหลายคนช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่าย: Microsoft 365 Family แบบสมัครสมาชิกรายปี คือตัวเลือกที่คุ้มที่สุด หารกันแล้วตกคนละไม่เท่าไหร่ ได้ใช้โปรแกรมครบ ได้ OneDrive คนละ 1 TB แชร์กันได้สูงสุด 6 คน

คุ้มค่าที่จะซื้อไหม? ถ้าคุณต้องทำงานเอกสารเป็นประจำ และต้องการโปรแกรมที่มีฟังก์ชันครบถ้วน เสถียร และเข้ากันได้กับไฟล์คนอื่นได้ดี Microsoft Office ก็ยังเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่จะลงทุนนะ แม้จะมีโปรแกรมฟรีเป็นทางเลือก แต่ความสะดวกสบายและฟีเจอร์ที่ได้มาอาจจะไม่เท่ากัน

แนะนำใครควรซื้อรุ่นสูงหรือต่ำ?

  • รุ่นต่ำ (Office Home & Student): เหมาะกับคนงบน้อย ใช้แค่โปรแกรมพื้นฐานจริงๆ ไม่ต้องการ Outlook และไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดหรือพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์
  • รุ่นสูงขึ้นมาหน่อย (Office Home & Business): เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ Outlook ด้วย แต่ยังอยากจ่ายครั้งเดียวจบ
  • แบบสมัครสมาชิก (Microsoft 365 Personal/Family): เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ฟีเจอร์ล่าสุดเสมอ ทำงานบนหลายอุปกรณ์ ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์เยอะๆ และต้องการการสนับสนุนต่อเนื่อง ถ้าใช้คนเดียวเลือก Personal แต่ถ้าใช้หลายคนและหารกันได้ เลือก Family จะคุ้มกว่ามากๆ เลยจ้า!

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ Microsoft Office ให้ได้แบบที่คุ้มค่าและตรงกับการใช้งานของทุกคนนะจ๊ะ ขอให้มีความสุขกับการทำงานเอกสาร ทำรายงาน ทำสไลด์กันทุกคนเลยน้าาา! บ๊ายบาย!


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค่าชาวช้อปปิ้งออนไลน์ที่น่ารักทุกคน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด นั่นก็คือ ไส้กรองน้ำ Lux Alva ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้น้ำดื่มของเราสะอาดใสปิ๊ง! ใครที่กำลังใช้เครื่องกรองน้ำ Lux Alva อยู่ หรือกำลังเล็งๆ จะเปลี่ยนไส้กรองใหม
ไส้กรองน้ำ Lux Alva ราคาล่าสุด เปลี่ยนเมื่อไหร่ดี?
สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้ขอเอาใจสายโปรดิวเซอร์ สายทำเพลง หรือใครที่ฝันอยากมีสตูดิโอเล็กๆ เป็นของตัวเองที่บ้าน ด้วยการมาเม้าท์มอยถึงอุปกรณ์สุดปังที่ชื่อว่า Ableton Push 2 กันจ้า บอกเลยว่าเจ้านี่ไม่ใช่แค่คอนโทรลเลอร์ธรรมดา แต่มันคือเครื่องมือท
Ableton Push 2: ราคาล่าสุด ปี 2568 และรีวิวคอนโทรลเลอร์สำหรับทำเพลง
สวัสดีค่าาทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องเครื่องดนตรีจิ๋วแต่แจ๋วที่กำลังฮิตสุดๆ นั่นก็คือ คาลิมบา (Kalimba) นั่นเอง! ใครที่อยากลองเล่นดนตรีแต่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดี หรืออยากได้เครื่องดนตรีพกพาง่ายๆ ไว้ดีดเพลินๆ แก้เบื่อ มามุงทางนี้เลย
คาลิมบา (Kalimba) ราคาถูก เริ่มต้นกี่บาท? ยี่ห้อไหนดีสำหรับมือใหม่

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ