ราคา ทีวีมือสอง สภาพดี ยี่ห้อไหนน่าซื้อ ประหยัดงบ!

สวัสดีค่าาา เหล่าคนอยากดูทีวีจอใหญ่แบบสบายกระเป๋า! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องการสอย ทีวีมือสองสภาพดี กันค่ะ ใครที่กำลังคิดว่าจะซื้อทีวีใหม่เอี่ยมแต่เห็นราคาแล้วลมแทบจับ หรืออยากได้จอใหญ่ขึ้นแต่ติดเรื่องงบ มามุงตรงนี้เลยจ้า เพราะทีวีมือสองนี่แหละคือทางออกของคนฉลาดช้อป! ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะ แถมถ้าเลือกดีๆ อาจจะได้ทีวีฟังก์ชันแน่นๆ ในราคาที่คาดไม่ถึงเลยนะ! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลยว่ามีเรื่องอะไรต้องรู้บ้าง!

1. ทีวีมือสองนี่มันคืออะไร แล้วเหมาะกับใคร?

พูดง่ายๆ ก็คือทีวีที่เค้าเคยใช้งานมาแล้วนั่นแหละค่ะ อาจจะด้วยเหตุผลสารพัด เช่น เจ้าของเดิมอัปเกรดไปรุ่นใหม่กว่า, ย้ายบ้าน, หรือเป็นทีวีตามโรงแรมที่ปลดระวาง (อันนี้น่าสนใจนะ!), หรือแม้กระทั่งเป็นของที่หลุดจำนำมาขายต่อ. ทีวีมือสองเนี่ยเหมาะมากๆ กับคนกลุ่มนี้:

• คนงบน้อย: แน่นอนว่านี่คือเหตุผลหลัก! ได้ทีวีฟังก์ชันดีๆ ในราคาที่ถูกกว่ามือหนึ่งเยอะ.
• คนที่อยากได้ทีวีจอใหญ่ขึ้น: งบเท่าเดิมอาจจะได้ทีวีมือหนึ่งจอเล็ก แต่ถ้าซื้อมือสองอาจได้จอใหญ่สะใจกว่าเดิม.
• คนที่ต้องการทีวีสำรอง: เช่น เอาไปไว้ห้องนอน ห้องครัว หรือร้านค้าเล็กๆ ที่ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันหวือหวามาก.
• คนที่อยากได้ฟังก์ชันบางอย่างในรุ่นเก่า: บางทีรุ่นเก่าๆ อาจจะมีพอร์ตเชื่อมต่อบางอย่างที่รุ่นใหม่ไม่มีแล้ว หรือมีฟังก์ชันพิเศษที่คนบางกลุ่มยังต้องการ.

ยี่ห้อฮิตๆ ในตลาดทีวีมือสองก็หนีไม่พ้นแบรนด์เจ้าตลาดอย่าง Samsung, LG, Sony ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและความทนทาน. ส่วนแบรนด์อื่นๆ อย่าง TCL, Aconatic, Hisense ก็มีให้เห็นเหมือนกันและราคามักจะย่อมเยากว่า.

2. ราคาในตลาดไทยประมาณไหนนะ?

เรื่องราคาทีวีมือสองนี่บอกเลยว่า หลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งยี่ห้อ รุ่น ขนาด สภาพการใช้งาน และแหล่งที่ซื้อ. แต่ถ้าให้เป็นไกด์ไลน์คร่าวๆ:

• ทีวีจอเล็ก (20-32 นิ้ว): ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึง 3,000-4,000 บาท. ทีวีจอแก้วเก่าๆ บางทีก็ยังมีคนขายในราคาหลักร้อย.
• ทีวีขนาดกลาง (40-43 นิ้ว): เริ่มต้นประมาณ 2,000-3,000 บาท ไปจนถึง 5,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าเป็น Smart TV หรือมีความละเอียดแค่ไหน.
• ทีวีจอใหญ่ (50-65 นิ้วขึ้นไป): อันนี้ราคาจะพุ่งขึ้นมาหน่อย เริ่มต้นประมาณ 5,000-6,000 บาท ไปจนถึงหลักหมื่นกลางๆ หรือปลายๆ ก็มี ถ้าเป็นรุ่นใหญ่ ฟังก์ชันครบ หรือสภาพดีมาก. ทีวี 55 นิ้ว 4K Smart TV บางทีก็หาได้ในงบ 7,000-12,000 บาท.

แหล่งที่เจอเยอะๆ ก็คือตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Shopee และ Lazada. เค้าจะมีร้านค้าที่ลงขายทีวีมือสองโดยเฉพาะ หรือบางทีก็เป็นผู้ใช้ทั่วไปลงขายเอง. ส่วนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ เช่น Central, Big C, The Mall, Power Buy ส่วนใหญ่จะเน้นขายของใหม่เป็นหลัก. แต่ตามร้านขายคอมพิวเตอร์มือสองบางทีก็มีทีวีมือสองสภาพดีมาขายด้วยนะ.

3. เทียบราคากับทีวีใหม่แล้วเป็นไงบ้าง?

แน่นอนว่าถ้าเทียบราคาแบบปอนด์ต่อปอนด์ ทีวีมือสอง ชนะขาด อยู่แล้วจ้า! ทีวีใหม่จอเล็กๆ 32 นิ้วธรรมดาๆ บางทียังมีราคา 4,000-6,000 บาทเลย. ถ้าเป็น Smart TV ด้วยราคาก็อาจจะพุ่งไปเกือบหมื่นหรือหมื่นกว่าบาทสำหรับแบรนด์กลางๆ.

ในขณะที่งบ 5,000-7,000 บาท ถ้าซื้อทีวีใหม่ อาจจะได้แค่ขนาด 32 นิ้ว หรือ 40 นิ้วแบบพื้นฐาน แต่ถ้าเป็นทีวีมือสอง คุณอาจจะได้ทีวี 40-43 นิ้วที่เป็น Smart TV ดู YouTube, Netflix ได้สบายๆ. หรือถ้ามีงบหมื่นต้นๆ ถ้าซื้อทีวีใหม่ อาจจะได้แค่ 55 นิ้วแบบเริ่มต้น แต่ถ้าซื้อมือสองอาจจะได้รุ่นสูงขึ้นมาหน่อย หรือได้แบรนด์พรีเมียมกว่าในขนาดจอเท่ากัน.

แต่ก็ต้องทำใจนะว่าทีวีมือสองอาจจะ ไม่มีฟังก์ชันใหม่ล่าสุด เท่าทีวีมือหนึ่ง เช่น ความละเอียด 8K, HDMI 2.1 สำหรับเล่นเกมรุ่นใหม่ๆ, หรือเทคโนโลยีจอภาพที่ล้ำสุดๆ. ถ้าเน้นฟังก์ชันใหม่จ๋าๆ ทีวีใหม่ก็อาจจะตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าแค่อยากได้ทีวีดูหนังฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ตได้ในจอที่ใหญ่ขึ้น หรืออยากประหยัดงบ ทีวีมือสองคือทางเลือกที่ คุ้มค่าสุดๆ เลยจ้า!

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

อันนี้แหละคือจุดที่ต้อง ละเอียดมากๆ เลยนะเวลาซื้อทีวีมือสอง เพราะสิ่งที่ได้มาจะไม่เหมือนกันเป๊ะๆ เหมือนซื้อของใหม่จากห้าง สิ่งที่ต้องเช็คและสอบถามผู้ขายให้ชัดเจนก็คือ:

• ตัวทีวี: สภาพภายนอกเป็นยังไง มีรอยแตกหัก บุบสลายมั้ย? หน้าจอมีเดดพิกเซล (จุดดับ) หรือไบร์ทพิกเซล (จุดสว่าง) รึเปล่า? สีเพี้ยนมั้ย? ลองเปิดดูภาพนิ่งสีต่างๆ เช่น สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีขาว สีดำ เพื่อเช็คดู.
• รีโมทคอนโทรล: มีให้มั้ย? ใช้งานได้ปกติหรือเปล่า? บางทีอาจจะได้รีโมทไม่ตรงรุ่น หรือเป็นรีโมทเทียบ ก็ต้องดูว่ายอมรับได้มั้ย.
• ขาตั้งทีวี/กล่อง: ถ้าเป็นทีวีแบบมีขาตั้ง ก็เช็คว่ามีขาตั้งมาให้ครบมั้ย หรือถ้าจะเอาไปแขวนผนัง เค้ามีตัวยึดมาให้ด้วยหรือเปล่า? กล่องเดิมยังมีอยู่มั้ย (อันนี้ช่วยเรื่องการขนย้ายได้ดีนะ).
• สายไฟ/สายสัญญาณ: มีสายไฟ AC มาให้มั้ย? ส่วนสาย HDMI หรือสาย AV อื่นๆ ส่วนใหญ่ต้องซื้อแยกเองนะ.
• การรับประกัน: อันนี้คนไทยค่อนข้างให้ความสำคัญ! ทีวีมือสองส่วนใหญ่จะ หมดประกันศูนย์ ไปแล้ว. แต่บางร้านที่ขายเป็นกิจจะลักษณะอาจจะมี ประกันร้าน ให้เล็กๆ น้อยๆ เช่น 7 วัน หรือ 1 เดือน. บางที่ให้ประกันถึง 2-3 เดือนเลยก็มี. ถ้าซื้อกับผู้ใช้ทั่วไปมักจะไม่มีประกันเลย ต้องทำใจและเช็คของให้ละเอียดที่สุดก่อนจ่ายเงิน.
• ของแถม/โปรโมชั่น: ส่วนใหญ่ทีวีมือสองจะไม่ค่อยมีของแถมจุกจิกเหมือนของใหม่ แต่บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นลดราคาในช่วงเทศกาล หรือมีโค้ดส่วนลดพิเศษให้ใช้บนแพลตฟอร์มออนไลน์.
• ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์มักจะมีค่าส่งนะ ต้องสอบถามให้ชัดเจน บางทีค่าส่งอาจจะแพงถ้าทีวีจอใหญ่และอยู่ไกลกัน. บางร้านอาจจะมีบริการส่งฟรีในพื้นที่ใกล้เคียง.

5. ช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษ มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง?

แม้จะเป็นตลาดมือสอง แต่ก็มีช่วงเวลาที่น่าจับตาเหมือนกันนะจ๊ะ โดยเฉพาะถ้าซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee. ร้านค้ามือสองหลายร้านมักจะเข้าร่วมแคมเปญลดราคาใหญ่ๆ ประจำปี:

• ช่วง Double Digit Sale: เช่น 9.9, 10.10, 11.11, และ 12.12 อันนี้คือช่วงพีคสุดๆ ที่จะมีโค้ดส่วนลดเยอะแยะมากมาย ทั้งโค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์ม โค้ดส่วนลดจากร้านค้า และโปรโมชั่นส่งฟรี.
• ช่วงเทศกาลสำคัญของไทย: เช่น สงกรานต์ (ปีใหม่ไทย) หรือช่วงปีใหม่สากล บางร้านอาจจะจัดโปรโมชั่นลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย.
• ช่วงแคมเปญอื่นๆ ของแพลตฟอร์ม: Lazada และ Shopee มีแคมเปญลดราคาเกือบตลอดทั้งปีแหละจ้า ต้องคอยเข้าไปส่องดูดีๆ.

การซื้อในช่วงโปรโมชั่นเนี่ย ช่วยประหยัดได้อีกเยอะ เลยนะ บางทีได้ส่วนลดรวมๆ กันหลายต่อ ทำให้ราคาทีวีมือสองที่ถูกอยู่แล้วยิ่งถูกลงไปอีก! แต่ก็ต้องรีบหน่อยนะ เพราะของดีราคาถูกมักจะหมดไว!

6. คนไทยที่เคยใช้ทีวีมือสอง เค้าว่ายังไงกันบ้างนะ?

จากที่ไปส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มต่างๆ ของคนไทยที่เคยซื้อทีวีมือสองนะ เสียงส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างพอใจกับ ความคุ้มค่า ที่ได้. หลายคนบอกว่าได้ทีวีจอใหญ่ขึ้นในงบที่ตั้งไว้ หรือได้ทีวีแบรนด์ดีๆ ที่ปกติซื้อไม่ไหวในราคามือหนึ่ง.

ฟีดแบ็กที่เจอบ่อยๆ คือ:

• ประหยัดเงินได้จริง: อันนี้คือเหตุผลอันดับหนึ่งเลยจ้า.
• ภาพยังสวยงาม: ถ้าเลือกดีๆ ได้ทีวีสภาพดี ภาพก็ยังคมชัด สวยงามไม่แพ้ของใหม่ (สำหรับรุ่นที่ไม่ได้เก่ามาก).
• ใช้งานได้ตามปกติ: ส่วนใหญ่ถ้าเช็คของดีๆ ก่อนซื้อ ฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ก็ยังใช้งานได้ครบ.
• ต้องทำใจเรื่องประกัน: อันนี้เป็นข้อกังวลหลักของหลายคน. ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงสูงกว่าของใหม่ถ้าทีวีมีปัญหาหลังหมดประกันร้าน (ถ้ามี).
• ต้องเช็คสภาพให้ละเอียด: อันนี้สำคัญมาก! หลายคนย้ำว่าก่อนซื้อต้องไปดูของจริง ลองเปิด ลองกดทุกปุ่ม เช็คพอร์ตต่างๆ ให้ครบ.
• แหล่งซื้อสำคัญ: บางคนเจอร้านดี ของดี ก็แฮปปี้ไป แต่บางคนเจอร้านที่ไม่รับผิดชอบ หรือเจอของมีปัญหา ก็เข็ดไปเลยก็มี.

สรุปคือ คนไทยที่ซื้อทีวีมือสองส่วนใหญ่พอใจกับเรื่องราคาและความคุ้มค่า แต่ก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการ เช็คสภาพและเลือกแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ จ้า.

7. จะไปหาซื้อทีวีมือสองได้ที่ไหนดีล่ะเนี่ย?

ช่องทางการซื้อทีวีมือสองในไทยมีหลายแบบเลยจ้า แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป:

• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ (Shopee, Lazada): แหล่งรวมร้านค้าและผู้ขายรายย่อยเยอะที่สุด. ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะมากกกก เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อในระดับหนึ่ง. แต่ข้อเสียคือไม่ได้เห็นของจริง ต้องดูจากรูปและคำอธิบาย และการขนส่งอาจมีความเสี่ยง.
• กลุ่มซื้อขายทีวีมือสองใน Facebook: เป็นอีกแหล่งที่นิยมมากๆ. มักจะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองที่นำมาขาย ทำให้บางทีได้ราคาดี หรือได้รุ่นที่ต้องการ. ข้อดีคือสามารถสอบถามรายละเอียด ขอดูรูป/วิดีโอเพิ่มเติม หรือนัดดูของจริงก่อนได้ (อันนี้แนะนำมากๆ!). ข้อเสียคือต้องระวังมิจฉาชีพ และการไม่มีระบบกลางคุ้มครองผู้ซื้อเหมือนในแพลตฟอร์มใหญ่.
• ร้านขายของหลุดจำนำ หรือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองโดยเฉพาะ: มีอยู่ตามตลาดใหญ่ๆ หรือบางอำเภอ. ข้อดีคือสามารถไป เห็นของจริง ลองเปิด ลองเช็คสภาพ ก่อนตัดสินใจได้เลย. คนขายมักจะมีความรู้เรื่องทีวีพอสมควร และบางร้านอาจมีประกันร้านให้. ข้อเสียคือตัวเลือกอาจจะไม่เยอะเท่าออนไลน์ และราคาอาจจะสูงกว่าซื้อกับผู้ใช้โดยตรงเล็กน้อย.
• เว็บไซต์ซื้อขายของมือสองอื่นๆ (เช่น Kaidee): เป็นอีกช่องทางที่มีคนลงขายทีวีมือสองอยู่บ้าง. ข้อดีคือเข้าถึงง่าย ลงขายง่าย. ข้อเสียคล้ายๆ กับกลุ่ม Facebook คือต้องระวังเรื่องผู้ขายและสภาพสินค้า.

สำหรับร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Power Buy, HomePro, Central, Big C ส่วนใหญ่จะเน้นขายของใหม่มากกว่าทีวีมือสอง.

8. สรุปแล้วทีวีมือสองน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุป! ถ้าถามว่า ทีวีมือสองสภาพดีน่าซื้อไหม? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ ถ้าคุณเข้าใจและยอมรับข้อจำกัดของมันได้! มันเป็นตัวเลือกที่ โคตรคุ้ม สำหรับคนที่อยากได้ทีวีมาใช้งานในงบที่จำกัด หรืออยากได้จอใหญ่ขึ้นแต่ไม่อยากจ่ายเต็มราคาของใหม่.

ทีวีมือสองเหมาะกับ:

• นักเรียน นักศึกษา หรือคนเริ่มทำงาน: งบน้อย แต่อยากได้ทีวีดีๆ ไว้ดูหนัง ดูซีรีส์.
• ครอบครัวที่ต้องการทีวีเพิ่ม: เอาไปไว้ห้องนอนลูก ห้องครัว หรือห้องนั่งเล่นอีกมุม.
• คนที่ต้องการทีวีสำหรับร้านค้า/ออฟฟิศ: เน้นใช้งานพื้นฐาน ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันใหม่ล่าสุด.
• คนที่ชอบความคุ้มค่า: ได้ของดีในราคาถูกลงเยอะ.

สำหรับยี่ห้อที่น่าสนใจในตลาดมือสอง แบรนด์เจ้าตลาดอย่าง Samsung, LG, Sony มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน คุณภาพของภาพ และมีอะไหล่หาง่ายกว่า. ส่วนแบรนด์อย่าง TCL, Hisense, Aconatic ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนงบน้อยลงมาอีกหน่อย.

คำแนะนำคือ ให้เน้นเช็คสภาพให้ละเอียดที่สุด เท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเรื่องหน้าจอ ลองเปิดทิ้งไว้นานๆ ถ้าเป็นไปได้ และสอบถามเรื่องประกันให้ชัดเจน. ถ้าซื้อจากร้านที่มีประกันร้านให้ก็จะอุ่นใจขึ้นมาหน่อย.

เลือกรุ่นไหนดี? ถ้าเน้นความคุ้มค่าและฟังก์ชันพื้นฐาน Smart TV ขนาด 32-43 นิ้ว คือตัวเลือกยอดนิยมในตลาดมือสอง ราคาไม่สูงมากและหาได้ง่าย. ถ้าอยากได้จอใหญ่ขึ้นมาหน่อย 50-55 นิ้วก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย. ส่วนจะเอา Smart TV หรือทีวีธรรมดา ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าเน้นดู YouTube, Netflix บนทีวีโดยตรง Smart TV ก็สะดวกกว่าเยอะ.

ขอให้ทุกคนที่กำลังมองหาทีวีมือสองได้ทีวีสภาพดี ราคาโดนใจไปใช้งานที่บ้านนะจ๊ะ! ประหยัดเงินไว้ไปเปย์อย่างอื่นได้อีกเพียบเลย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• วิธีเลือกซื้อทีวีฉบับเข้าใจง่าย !!! ในปี 2025
• ซื้อ TV ต้องมีงบเท่าไหร่ เลือกอย่างไรให้คุ้ม?
• LED TV มือ2 เครื่องใช้ไฟฟ้า ประจำบ้านมือ2 ราคาถูกๆ สภาพดีๆ ใช้ ...
• [ รีวิวเต็ม ] WEYOU สมาร์ททีวี สุดคุ้ม ในงบ 2500 บาท ประกัน 1 ปี จอ ...
• เก๋ง มือสอง ประหยัดน้ำมัน ราคา 1 แสนกว่าบาทเอง ปลายปี 2024