ราคา iBasso D Zero เครื่องเล่นเพลงพกพา (DAC/AMP) คุณภาพเสียงดี


สวัสดีจ้าพี่น้องนักช้อปสายหูทองทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยถึงไอเท็มลับที่ช่วยให้เสียงเพลงจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ของเรามันเพราะขึ้นแบบก้าวกระโดด นั่นก็คือเจ้า iBasso D Zero เครื่องเล่นเพลงพกพา หรือจะเรียกว่า DAC/AMP ขนาดกะทัดรัดคุณภาพเสียงดีนั่นเอง! ใครที่ฟังเพลงแล้วรู้สึกว่าเสียงมันยังไม่สุด เบสยังไม่ตูมตาม รายละเอียดยังไม่ชัดเจน มามุงตรงนี้เลยจ้า เพราะเจ้าตัวนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ตามหาอยู่ก็ได้นะ!
1. เจ้า iBasso D Zero นี่มันคืออะไรกันนะ?
เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับพระเอกของเราในวันนี้กันก่อน เจ้า iBasso D Zero เนี่ย มันคืออุปกรณ์ที่เรียกว่า DAC/AMP พกพา (Digital-to-Analog Converter / Amplifier) พูดง่ายๆ คือมันมีหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงดิจิทัล (ที่เราเก็บไว้ในมือถือ, คอมฯ) ให้เป็นสัญญาณเสียงอนาล็อก แล้วก็ขยายสัญญาณนั้นให้แรงขึ้น พอเสียงมันผ่านเจ้าตัวนี้ไปเนี่ย บอกเลยว่าคุณภาพเสียงดีขึ้นผิดหูผิดตา เหมือนยกระดับการฟังเพลงไปอีกขั้นเลยจ้า! เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ใช้หูฟังดีๆ อยู่แล้ว แต่รู้สึกว่ามือถือหรือคอมฯ เดิมๆ มันขับไม่สุด หรือเสียงยังไม่ถูกใจ กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะก็คือ คนรักเสียงเพลง (Audiophile) ที่อยากอัปเกรดคุณภาพเสียงแบบพกพา หรือคนที่ใช้คอมพิวเตอร์แล้วอยากได้ซาวด์การ์ดนอกที่ให้เสียงดีกว่าเดิม ส่วนแบรนด์ iBasso เนี่ย เค้าเป็นแบรนด์ที่ค่ำหวอดในวงการเครื่องเสียงพกพามานานพอสมควรนะ เป็นที่รู้จักในหมู่นักฟังเพลงทั่วโลกเรื่องคุณภาพเสียงที่ดีในราคาที่เข้าถึงง่าย ไม่ต้องจ่ายแพงหูฉี่ก็ได้เสียงดีๆ กลับไปจ้า
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้ที่สุด! สำหรับ iBasso D Zero หรือรุ่นที่อัปเกรดขึ้นมาหน่อยอย่าง iBasso D Zero MK2 เนี่ย เนื่องจากเป็นรุ่นที่ออกมาได้สักพักแล้ว ปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยมีของใหม่มือหนึ่งวางขายทั่วไปตามร้านใหญ่ๆ แล้วนะจ๊ะ ส่วนมากที่เราจะเจอก็จะเป็น สินค้ามือสอง ซะมากกว่า ราคาในตลาดไทยก็จะมีความหลากหลายมากๆ ขึ้นอยู่กับสภาพ อายุการใช้งาน และอุปกรณ์ที่ติดมาด้วย
จากการสำรวจคร่าวๆ ตามแหล่งออนไลน์ยอดนิยมในไทยอย่าง Lazada และ Shopee เราอาจจะเจอราคาขายมือสองอยู่ในช่วงประมาณ 2,xxx - 4,xxx บาท (฿) โดยประมาณนะ อันนี้คือราคาแบบคร่าวๆ สุดๆ ซึ่งถ้าเป็นรุ่น MK2 ตอนที่ออกมาใหม่ๆ เห็นมีร้านในไทยเปิดตัวที่ 3,990 บาทด้วยนะ ลองค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด "iBasso D Zero มือสอง" หรือ "iBasso D Zero MK2" ดูนะจ๊ะ อาจจะมีผู้ใช้งานนำมาปล่อยต่อ หรือมีร้านที่รับซื้อมือสองมาขายต่ออีกที
ตามร้านขายอุปกรณ์ไอทีทั่วไปอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy อาจจะไม่มีสินค้าเฉพาะทางแบบนี้วางขายนะ ส่วนใหญ่จะเน้นสินค้าคอนซูเมอร์มากกว่า แต่ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเสียงโดยเฉพาะอย่างร้านมั่นคงแก็ดเจ็ต (Munkong Gadget) เคยมีการรีวิวรุ่นนี้อยู่ ซึ่งในอดีตอาจจะมีขาย แต่ปัจจุบันอาจจะต้องเช็คกับทางร้านโดยตรงอีกทีว่ายังมีสินค้าอยู่หรือไม่
ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับราคาขายในไทยนั้น เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นมือสองแล้ว ราคาจะอิงตามกลไกตลาดและความพอใจของผู้ซื้อผู้ขายมากกว่าอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนเป๊ะๆ จ้า
3. แล้วเทียบราคากับตัวอื่นเป็นไง? คุ้มมั้ยเนี่ย?
ถ้าให้เทียบ iBasso D Zero หรือ MK2 กับ DAC/AMP พกพารุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาตอนนี้เนี่ย ต้องบอกว่าราคาค่าตัวมือสองของเจ้าตัวนี้ถือว่า เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มากๆ เลยนะ DAC/AMP พกพารุ่นใหม่ๆ ที่สเปกใกล้เคียงกัน อาจจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5-6 พันบาท ไปจนถึงหมื่นกว่าบาทก็มี อย่างพวก FiiO บางรุ่น หรือแบรนด์อื่นๆ
เมื่อเทียบกับราคาที่เราอาจจะต้องจ่ายสำหรับ iBasso D Zero มือสอง ซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงไม่กี่พันบาท แต่ได้คุณภาพเสียงที่อัปเกรดขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการเสียบหูฟังตรงกับมือถือหรือคอมฯ ทั่วไป ถือว่า คุ้มค่ามากๆ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่โลกของ Head-Fi หรืออยากได้ DAC/AMP พกพาดีๆ สักตัวในงบจำกัด
แน่นอนว่าฟังก์ชันอาจจะไม่เท่ารุ่นใหม่ล่าสุด บางรุ่นใหม่ๆ อาจจะรองรับไฟล์เพลงความละเอียดสูงกว่า มีบลูทูธ หรือมีฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติม แต่ถ้าเน้นที่ คุณภาพเสียงหลักๆ และความสามารถในการขับหูฟังให้เสียงดีขึ้น เจ้า D Zero ก็ยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างยอดเยี่ยมในราคาที่เข้าถึงง่ายจ้า
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
อันนี้แหละคือจุดที่ต้องสอบถามผู้ขายให้ดีเวลาซื้อมือสองนะจ๊ะ โดยปกติแล้วตอนที่เป็นของใหม่ iBasso D Zero หรือ MK2 เนี่ย ในกล่องมักจะมีอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ประมาณนี้:
- ตัวเครื่อง iBasso D Zero/MK2
- สาย USB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และชาร์จไฟ
- สาย AUX 3.5mm to 3.5mm สำหรับเชื่อมต่อแบบอนาล็อก
- ถุงผ้าหรือซองหนังสำหรับพกพา
- อาจจะมีสาย OTG สำหรับ Android หรือสายสำหรับ iOS (ต้องใช้ Camera Kit)
- คู่มือและใบรับประกัน (ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นมือสอง ประกันศูนย์ก็จะหมดแล้วนะ)
สำหรับเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะจ๊ะ หรือบางทีถ้าซื้อยอดถึงเกณฑ์ที่กำหนด หรือร้านจัดโปรโมชั่น ก็อาจจะได้ ส่งฟรี อันนี้ต้องดูเงื่อนไขของร้านค้านั้นๆ ไป
เรื่อง ระยะเวลารับประกัน สำหรับสินค้ามือสอง ส่วนใหญ่จะ ไม่มีประกันศูนย์ แล้วนะ บางร้านที่ขายเป็นกิจจะลักษณะอาจจะมี ประกันร้าน ให้เล็กๆ น้อยๆ เช่น 7 วัน หรือ 30 วัน เพื่อให้เราได้ลองเช็คสินค้าก่อน แต่ถ้าซื้อกับผู้ใช้ทั่วไปก็อาจจะไม่มีประกันเลย อันนี้ต้องพิจารณาความเสี่ยงกันเองนะจ๊ะ คนไทยเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับการรับประกัน อันนี้ก็ต้องทำใจนิดนึงถ้าจะเล่นของมือสองจ้า
ของแถมหรือโปรโมชั่น ก็แล้วแต่ผู้ขายเลยจ้า บางคนอาจจะแถมสายอัปเกรดเล็กๆ น้อยๆ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เคยใช้ร่วมกันมาให้ด้วย อันนี้ต้องลองสอบถามดูนะ เผื่อฟลุคได้ของแถมถูกใจกลับบ้าน!
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?
ถ้าจะตามหา iBasso D Zero มือสอง เนี่ย ช่วงที่น่าจับตาดูเป็นพิเศษก็คือช่วง เทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ นั่นแหละจ้า! แม้จะเป็นสินค้ามือสอง แต่ผู้ขายบางคนก็อาจจะใช้จังหวะนี้ในการลดราคา หรือมีโปรโมชั่นพิเศษนะ เทศกาลใหญ่ๆ ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ:
- Double Digit Sale ยอดฮิต: ไม่ว่าจะเป็น 9.9, 10.10, 11.11 หรือ 12.12 ช่วงนี้ Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนัก จัดเต็ม มีโค้ดส่วนลดเยอะแยะมากมาย ทั้งโค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์มเอง โค้ดส่วนลดจากร้านค้า บางทีมีโปรโมชั่นส่งฟรีร่วมด้วยนะจ๊ะ
- เทศกาลไทย: ช่วง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ก็อาจจะเป็นอีกช่วงที่มีการลดราคา หรือผู้ใช้บางคนอาจจะเคลียร์ของเพื่อนำเงินไปใช้ในช่วงเทศกาลก็ได้
นอกจากนี้ ร้านค้าที่เคยเป็นตัวแทนจำหน่ายในไทย (ถ้ายังมีอยู่และมีสินค้ามือสอง) หรือผู้ขายรายใหญ่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็มักจะมีโปรโมชั่นของตัวเองเป็นระยะๆ อยู่แล้วนะ
คำแนะนำคือ ถ้าไม่รีบใช้มากๆ ให้รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ แล้วค่อยเข้าไปส่องนะจ๊ะ มีโอกาสได้ของดีในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมเยอะเลย หรือถ้าเจอผู้ขายที่ต้องการปล่อยของไวๆ บางทีก็อาจจะได้ราคาพิเศษนอกช่วงโปรโมชั่นก็ได้ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะและฝีมือในการต่อรองแล้วล่ะ!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ลองไปส่องตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มพูดคุยเรื่องเครื่องเสียงพกพาในไทยเนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับ iBasso D Zero/MK2 ถือว่าดีเลยนะ โดยเฉพาะในแง่ของ ความคุ้มค่า จุดที่คนไทยหลายคนประทับใจก็คือ:
- คุณภาพเสียงดีขึ้นอย่างชัดเจน: หลายคนบอกว่าพอใช้เจ้าตัวนี้แล้ว เสียงเพลงจากมือถือหรือคอมฯ มันมีมิติมากขึ้น เบสแน่นขึ้น รายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่เมื่อก่อนไม่ได้ยินก็ชัดเจนขึ้น
- พกพาสะดวก: ด้วยขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มาก สามารถจับคู่กับมือถือแล้วรัดเป็นคอนโด พกพาไปฟังนอกบ้านได้สบายๆ
- กำลังขับดี: สามารถขับหูฟังที่มีอิมพีแดนซ์สูงๆ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้หูฟังตัวโปรดของเราแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่
- ใช้งานง่าย: ไม่ได้มีฟังก์ชันซับซ้อนอะไรมาก เสียบแล้วใช้งานได้เลย (อาจจะต้องลงไดรเวอร์ถ้าใช้กับคอมฯ บางรุ่น)
- คุ้มค่ากับราคา (โดยเฉพาะมือสอง): หลายคนมองว่าในงบประมาณเท่านี้ หา DAC/AMP ที่ให้คุณภาพเสียงได้ดีเท่าเจ้าตัวนี้ได้ยาก ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนงบน้อยที่อยากอัปเกรดเสียง
สรุปคือ คนไทยที่ได้ลองใช้ส่วนใหญ่จะแฮปปี้กับการที่มันช่วย ยกระดับคุณภาพเสียง ให้ดีขึ้นในราคาที่เข้าถึงง่าย และยังพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกจ้า
7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเจ้า iBasso D Zero ส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดมือสองนะจ๊ะ ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำให้ไปส่องก็คือ:
- แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่: เช่น Shopee และ Lazada เป็นแหล่งรวมผู้ขายทั้งรายย่อยและร้านค้าขนาดเล็ก ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ แต่ข้อเสียคือต้องพิจารณาสภาพสินค้าจากรูปและคำอธิบายให้ดี และเลือกผู้ขายที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ จ้า
- กลุ่มซื้อขายอุปกรณ์เครื่องเสียงมือสองใน Facebook: เป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจมากๆ เพราะมักจะเป็นผู้ใช้ที่ต้องการปล่อยของโดยตรง อาจจะได้ราคาที่ดีกว่า และสามารถพูดคุยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ แต่ก็ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยนะจ๊ะ ถ้าเป็นไปได้ให้นัดเจอเพื่อเช็คของและจ่ายเงินจะปลอดภัยที่สุด
- ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเสียงโดยเฉพาะ: ร้านอย่าง Munkong Gadget อาจจะต้องลองสอบถามดูว่ายังมีสินค้ามือสองรุ่นนี้หลงเหลืออยู่หรือไม่ ข้อดีคือได้เช็คสินค้าจริง ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าการซื้อขายกับผู้ใช้โดยตรงเล็กน้อยจ้า
สำหรับช่องทาง Official ของ iBasso ในไทย ตอนนี้อาจจะเน้นไปที่รุ่นใหม่ๆ แล้วนะจ๊ะ รุ่นเก๋าอย่าง D Zero ต้องพึ่งพาตลาดมือสองเป็นหลักจริงๆ จ้า
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงช่วงสรุปกันแล้ว! ถามว่า iBasso D Zero/MK2 ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? ถ้าคุณเป็นคนที่:
- มีงบประมาณจำกัด แต่อยากสัมผัสประสบการณ์เสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ จากมือถือหรือคอมฯ
- ใช้หูฟังดีๆ อยู่แล้ว แต่รู้สึกว่ามันยังแสดงศักยภาพไม่เต็มที่
- ต้องการ DAC/AMP พกพา ที่ขนาดไม่ใหญ่มาก พกพาสะดวก
- ชอบแนวเสียงที่ฟังสนุก มีเบสที่หนักแน่นและรายละเอียดที่ดี
คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า! โดยเฉพาะถ้าเจอในราคาที่สมเหตุสมผล มันคือประตูบานแรกสู่โลกของ Head-Fi ที่คุ้มค่าเกินราคามากๆ
สำหรับคนที่ควรซื้อรุ่นนี้เลยก็คือ นักฟังเพลงเริ่มต้น ที่อยากลองอัปเกรดคุณภาพเสียงแบบไม่ต้องลงทุนสูงมาก หรือคนที่ต้องการ DAC/AMP พกพาสำหรับใช้งานทั่วไป ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันพิเศษหรือรองรับไฟล์เพลงระดับเทพสุดๆ
ส่วนถ้ามีงบเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย อาจจะลองมองหารุ่นใหม่ๆ ของ iBasso หรือแบรนด์อื่นๆ ที่มีสเปกสูงกว่า รองรับไฟล์เพลงได้หลากหลายกว่า หรือมีฟังก์ชันเสริมที่ตรงกับการใช้งานมากกว่าก็ได้นะจ๊ะ แต่สำหรับงบจำกัดและเน้นคุณภาพเสียงที่ดีในราคาที่เข้าถึงง่าย เจ้า iBasso D Zero นี่แหละคือตัวเลือกที่ เด็ด ไม่แพ้ใครเลยจ้า!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเล็งๆ เจ้า iBasso D Zero อยู่นะจ๊ะ ขอให้ได้ของดีราคาโดนใจ แล้วไปเอ็นจอยกับการฟังเพลงที่เพราะขึ้นกว่าเดิมกันนะทุกคน! ไปล่ะ บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา iPhone XR ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคา Johnnie Walker Platinum Label ล่าสุด (อัปเดตปี 2025)
ราคา iPhone 15 Pro ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
เหล้า White Label ราคาล่าสุด ขวดละเท่าไหร่? ซื้อที่ไหนถูกสุด?
Vivo V23 5G ราคาเท่าไหร่?: สเปกกล้องหน้าเทพ ถ่ายเซลฟี่สวย
ราคา Johnnie Walker Platinum Label ล่าสุด (อัปเดตปี 2025)