ราคา Aruba Wireless Controller รุ่นยอดนิยม สำหรับองค์กร ขนาดต่างๆ

สวัสดีค้าบทุกคน! วันนี้มาคุยกันเรื่องที่หลายๆ คนอาจจะคิดว่ายากเย็น แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้น่าปวดหัวขนาดนั้นนะ โดยเฉพาะคนที่เป็นเจ้าของกิจการ หรือคนดูแลระบบไอทีในออฟฟิศ ที่กำลังปวดหัวกับ Wi-Fi กากๆ ที่ทำให้พนักงานหงุดหงิด ลูกค้าบ่น หรือประชุมออนไลน์ติดๆ ขัดๆ วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงหัวใจสำคัญที่จะทำให้ Wi-Fi ในองค์กรของคุณแรง เสถียร และบริหารจัดการง่ายขึ้น นั่นก็คือ Aruba Wireless Controller รุ่นยอดนิยมสำหรับองค์กรขนาดต่างๆ นั่นเอง! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันว่าไอเทมนี้มันดียังไง และจะสอยมายังไงให้คุ้มสุดๆ!

1. นี่มันคืออะไรกันนะ? ใช่เราเตอร์ธรรมดาๆ เปล่า?

อ่าๆๆ ไม่ใช่เราเตอร์บ้านๆ ที่ซื้อจากโลตัสแน่นอนจ้า! เจ้า Aruba Wireless Controller เนี่ย พูดง่ายๆ มันก็คือ สมองกลอัจฉริยะ ที่ทำหน้าที่ ควบคุมและบริหารจัดการ Access Point (AP) หรือจุดกระจายสัญญาณ Wi-Fi จำนวนมากๆ ในองค์กรของคุณนั่นแหละจ้า คิดภาพตามนะ ถ้าออฟฟิศคุณมี AP เป็นสิบๆ ตัว หรือเป็นร้อยตัว จะให้มาตั้งค่าทีละตัว หรือดูว่าตัวไหนมีปัญหาอะไรทีละตัวเนี่ย เหนื่อยตายเลยนะ!

นี่แหละคือหน้าที่ของ Controller ที่จะเข้ามาช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเยอะ! มันจะรวมศูนย์การตั้งค่า การบริหารจัดการ การดูแลความปลอดภัย และการมอนิเตอร์ทุก AP ของ Aruba ที่เชื่อมต่ออยู่ ให้คุณทำทุกอย่างได้จากจุดเดียว แถมยังช่วยให้การโรมมิ่ง (ย้ายไปมาระหว่าง AP) ของอุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่หลุด ไม่สะดุด เหมาะมากๆ สำหรับ องค์กรทุกขนาด ตั้งแต่ SME เล็กๆ ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือมหาวิทยาลัย ที่ต้องการระบบ Wi-Fi ที่ แรง เสถียร และปลอดภัย

สำหรับแบรนด์ Aruba เนี่ย เค้าเป็นแบรนด์ที่ดังมากๆ ในวงการ Enterprise Networking ทั่วโลกนะจ๊ะ ตอนนี้เค้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ระดับโลกอย่าง Hewlett Packard Enterprise (HPE) ซึ่งการันตีได้เลยว่าสินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีทีมงานซัพพอร์ตที่แข็งแกร่งมากๆ ในตลาดไทยเอง Aruba ก็เป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะขึ้นชื่อเรื่องความเสถียร ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย และการบริหารจัดการที่ง่ายดายจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้างนะ? แพงไหมเนี่ย?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! ต้องบอกก่อนว่าราคาของ Aruba Wireless Controller เนี่ย มันจะขึ้นอยู่กับ รุ่น หรือ สเปก ที่เลือกใช้ ซึ่งเค้าออกแบบมาให้รองรับกับจำนวน Access Point และจำนวนผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไป ยิ่งรองรับได้เยอะ ฟังก์ชันยิ่งเยอะ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวจ้า

สำหรับในตลาดไทยเนี่ย ราคาก็จะมีหลากหลายมากๆ เพราะส่วนใหญ่อุปกรณ์ระดับ Enterprise แบบนี้จะซื้อผ่าน ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Partner) ของ HPE/Aruba โดยตรงนะ ไม่ได้มีวางขายหน้าร้านทั่วไปแบบเราเตอร์บ้านๆ

• สำหรับ องค์กรขนาดเล็ก (SME) ที่อาจจะใช้ Controller รุ่นเล็กๆ หน่อย รองรับ AP ได้ไม่กี่สิบตัว หรือใช้ Controller แบบ Virtual ในบางกรณี ราคาเริ่มต้นอาจจะอยู่ประมาณ หลักหมื่นปลายๆ ไปจนถึงหลักแสนต้นๆ บาท (฿) จ้า
• สำหรับ องค์กรขนาดกลาง ที่ต้องการรองรับ AP ได้เป็นร้อยตัว หรือมีฟังก์ชันระดับสูงขึ้นมาอีกหน่อย ราคาก็จะขยับขึ้นไปเป็น หลักแสนกลางๆ ไปจนถึงหลักแสนปลายๆ หรือทะลุหลักล้านต้นๆ บาท (฿) ได้เหมือนกัน
• ส่วน องค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการ Controller ระดับเทพ รองรับ AP ได้หลายร้อยหรือเป็นพันตัว มีฟังก์ชันด้านความปลอดภัย การบริหารจัดการ และความซ้ำซ้อน (Redundancy) แบบจัดเต็ม ราคาก็อาจจะพุ่งไปถึง หลักล้านบาท (฿) ได้สบายๆ เลยจ้า

ลองไปส่องตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักอย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเจอ Wireless Controller รุ่นใหญ่ๆ ขายตรงๆ นะจ๊ะ อาจจะมีบ้างที่เป็นรุ่นเล็กๆ หรืออุปกรณ์เสริม แต่ช่องทางหลักจริงๆ คือผ่าน Partner จ้า ส่วนร้านค้าปลีก IT ใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy, Central, Big C, The Mall เนี่ย เค้าจะเน้นสินค้าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปมากกว่า อุปกรณ์ระดับ Enterprise แบบนี้อาจจะต้องไปที่ร้านที่เน้นขายอุปกรณ์ Network โดยเฉพาะ หรือติดต่อ Partner ของ HPE/Aruba โดยตรงจะง่ายกว่าจ้า

ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับราคาในไทยเนี่ย เนื่องจากเป็นสินค้าที่นำเข้ามา ราคาก็อาจจะมีปัจจัยเรื่องค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ราคาในไทยก็จะสะท้อนต้นทุนนำเข้าและโครงสร้างราคาของ Partner แต่ละเจ้าจ้า

3. แล้วเทียบกับยี่ห้ออื่นล่ะ ราคาเป็นไงบ้าง?

ถ้าให้เทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งในตลาด Enterprise Network อย่างเช่น Cisco หรือ Ruckus (ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ CommScope) เนี่ย ต้องบอกว่า Aruba เค้าอยู่ในระดับเดียวกันเลยจ้า คือเป็นแบรนด์ระดับ Top ที่มีคุณภาพและความเสถียรสูงมากๆ

ในแง่ของราคา เนี่ย ราคาของ Aruba ก็จะใกล้เคียงกับแบรนด์ระดับเดียวกันอย่าง Cisco หรือ Ruckus เลยนะ คืออยู่ในช่วงราคาพรีเมียม เพราะเป็นอุปกรณ์สำหรับองค์กรที่เน้นความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยที่สูงกว่าอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป

บางที Aruba อาจจะมีความได้เปรียบในเรื่องของ การบริหารจัดการที่ง่ายกว่า หรือ โมเดลไลเซนส์ที่ยืดหยุ่นกว่า ในบางกรณี ซึ่งตรงนี้ก็ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าโดยรวมด้วย ไม่ใช่แค่ดูที่ราคาฮาร์ดแวร์อย่างเดียว แต่ต้องดูถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ การซัพพอร์ต และฟังก์ชันต่างๆ ที่ได้รับด้วยจ้า

พูดง่ายๆ คือ ถ้าเทียบกันรุ่นต่อรุ่น ฟังก์ชันใกล้เคียงกัน แบรนด์ระดับ Top ด้วยกัน ราคาก็จะสูสีกันเลยจ้า อาจจะมีส่วนต่างบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นหรือดีลที่ได้จาก Partner นั่นเอง

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ? มีประกันไหม?

อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับ Partner ให้เคลียร์ๆ เลยนะจ๊ะ เวลาซื้อ Aruba Wireless Controller สิ่งที่คุณจะได้รับหลักๆ ก็คือ:

• ตัวอุปกรณ์ (Hardware): ก็คือเจ้ากล่อง Controller นั่นแหละ
• License: อันนี้สำคัญมากๆ! เพราะ Controller จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ต้องมี License ที่เหมาะสมกับจำนวน Access Point ที่จะนำมาเชื่อมต่อ และฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ที่ต้องการใช้ ซึ่ง License มักจะเป็นแบบรายปี หรือซื้อขาดแล้วมีค่า Maintenance รายปีอีกทีนะ ต้องสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจนเลย
• บริการติดตั้งและตั้งค่า: ส่วนใหญ่แล้ว Partner จะมีบริการติดตั้งและตั้งค่าระบบให้ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งานขององค์กร
• การรับประกัน (Warranty): อันนี้คนไทยให้ความสำคัญมากๆ! โดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์ระดับ Enterprise แบบนี้จะมาพร้อมกับการรับประกันจากผู้ผลิต (HPE/Aruba) ซึ่งระยะเวลาและเงื่อนไขก็ขึ้นอยู่กับรุ่นและแพ็กเกจที่ซื้อ อาจจะมีตั้งแต่ 1 ปี 3 ปี หรือ 5 ปีขึ้นไป และมักจะมีบริการซัพพอร์ตระดับองค์กรให้ด้วย เช่น การเปลี่ยนอะไหล่ การแก้ไขปัญหาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องสอบถามขอบเขตการรับประกันให้ละเอียดนะจ๊ะ
• บริการหลังการขาย: Partner ที่คุณซื้อด้วยมักจะมีบริการหลังการขายให้ด้วย เช่น การให้คำปรึกษา การช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา หรือการอัปเดตเฟิร์มแวร์
• ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้ก็แล้วแต่ Partner และช่วงเวลาเลยจ้า บางทีอาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ แถม AP เพิ่มให้ หรือลดราคาพิเศษ ก็ต้องลองต่อรองดูนะ!

สำหรับเรื่อง ค่าขนส่ง เนี่ย ถ้าซื้อผ่าน Partner ส่วนใหญ่มักจะรวมอยู่ในแพ็กเกจการติดตั้งแล้วนะ หรืออาจจะมีค่าขนส่งถ้าต้องส่งไปในพื้นที่ห่างไกล ก็ต้องคุยกันก่อนจ้า

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม? ต้องรอโปรโมชั่นป่ะเนี่ย?

ถามว่ามีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม? คำตอบคือ มีแน่นอนจ้า! ถึงแม้จะเป็นอุปกรณ์ระดับ Enterprise แต่ Partner ของ HPE/Aruba เองก็มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษออกมาเรื่อยๆ นะ

ช่วงเวลาที่น่าจับตาเลยก็คือ:

• ช่วงปลายปีงบประมาณ: อันนี้เป็นช่วงที่หลายๆ บริษัทมักจะใช้งบประมาณที่เหลืออยู่ หรือเป็นช่วงที่เซลล์มักจะทำยอดให้ถึงเป้า อาจจะมีดีลพิเศษ หรือโปรโมชั่นเร้าใจออกมาจ้า
• ช่วงงานอีเวนต์ใหญ่ๆ ของ HPE/Aruba: บางทีเวลาเค้าจัดงานสัมมนา หรือเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ก็อาจจะมีโปรโมชั่นเฉพาะงานให้ด้วยนะ ต้องคอยติดตามข่าวสารจาก Partner จ้า
• ช่วงเทศกาลต่างๆ: ถึงแม้จะไม่ใช่สินค้าคอนซูเมอร์จ๋าๆ แต่บางที Partner ก็อาจจะมีโปรโมชั่นช่วงเทศกาลอย่าง ปีใหม่ หรือ สงกรานต์ ได้เหมือนกันนะ ลองสอบถามดูได้เลย
• โปรโมชั่นพิเศษจาก Partner เอง: Partner แต่ละเจ้าก็จะมีโปรโมชั่นที่แตกต่างกันไป อาจจะมีส่วนลดเพิ่ม หรือแถมบริการพิเศษ ก็ต้องลองเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ ที่ดูนะ

การซื้อผ่านร้านค้าใน Lazada หรือ Shopee ที่เป็น Official Store ของ HPE/Aruba เนี่ย อย่างที่บอกว่าอาจจะไม่ค่อยเจอ Controller รุ่นใหญ่ๆ แต่ก็อาจจะมีพวก Access Point หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่มีโปรโมชั่นในช่วง Double Digit Sale อย่าง 11.11 หรือ 12.12 หรือช่วงเทศกาลอื่นๆ ได้ ซึ่งถ้าคุณต้องการซื้อ AP เพิ่มเติมในช่วงนั้นก็เป็นโอกาสที่ดีเลยจ้า

สรุปคือ ถ้าไม่รีบมากๆ รอสอบถามโปรโมชั่นจาก Partner ในช่วงเวลาต่างๆ เนี่ย มีโอกาสได้ข้อเสนอที่ดีกว่าแน่นอนจ้า!

6. คนไทยที่ใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากเสียงตอบรับขององค์กรต่างๆ ในไทยที่ใช้ Aruba Wireless Controller เนี่ย ส่วนใหญ่จะแฮปปี้มากๆ เลยนะ จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:

• ความเสถียรของระบบ: อันนี้เป็นหัวใจสำคัญเลย! ระบบ Wi-Fi ที่บริหารจัดการด้วย Aruba Controller มักจะมีความเสถียรสูงมาก ใช้งานได้ต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาหลุดบ่อยๆ ทำให้การทำงานราบรื่น ไม่เสียอารมณ์
• ประสิทธิภาพความแรงของสัญญาณ: สัญญาณ Wi-Fi แรง ครอบคลุมพื้นที่ได้ดี รองรับผู้ใช้งานพร้อมกันได้เยอะๆ แม้ในบริเวณที่มีคนหนาแน่น
• การบริหารจัดการที่ง่าย: Interface การตั้งค่าและการมอนิเตอร์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนมากนัก สำหรับคนดูแลระบบแล้วถือว่าช่วยลดภาระไปได้เยอะ
• ฟังก์ชันด้านความปลอดภัยที่แน่นหนา: มีระบบรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายและปรับตั้งค่าได้ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรต่างๆ ได้ดี
• บริการหลังการขายและการซัพพอร์ตที่ดีจาก Partner: อันนี้สำคัญมากๆ ในไทย Partner ส่วนใหญ่ที่ขาย Aruba มักจะมีทีมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดปัญหา ซึ่งทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้จ้า
• ความคุ้มค่าในระยะยาว: แม้ราคาลงทุนเริ่มต้นอาจจะสูงกว่าอุปกรณ์เกรด Consumer แต่เมื่อมองถึงความเสถียร ประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานที่ยาวนาน รวมถึงความง่ายในการบริหารจัดการ ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ ในระยะยาวจ้า

สรุปคือ คนไทยที่ใช้ Aruba Controller ส่วนใหญ่จะประทับใจใน ความน่าเชื่อถือ และ ประสิทธิภาพ ที่ได้รับ ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Wi-Fi ในองค์กรให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าอุปกรณ์ระดับ Enterprise แบบนี้ ช่องทางหลักในการซื้อคือผ่าน ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Authorized Partner) ของ HPE/Aruba ในประเทศไทยจ้า เป็นช่องทางที่ แนะนำที่สุด เพราะคุณจะได้:

• สินค้าของแท้ มีคุณภาพ: มั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีคุณภาพตามมาตรฐานของ Aruba/HPE
• คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: Partner จะช่วยประเมินความต้องการขององค์กรคุณ และแนะนำรุ่น Controller รวมถึงจำนวนและประเภทของ AP ที่เหมาะสมที่สุด พร้อมออกแบบโซลูชันให้ตรงกับการใช้งานจริง
• บริการติดตั้งและตั้งค่ามืออาชีพ: ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดตั้งที่ซับซ้อน Partner จะเข้ามาดูแลให้ทั้งหมด
• การรับประกันและบริการหลังการขายที่ดี: ได้รับการรับประกันจากผู้ผลิต และการสนับสนุนจาก Partner เมื่อมีปัญหา
• ข้อเสนอและราคาพิเศษ: มีโอกาสได้รับโปรโมชั่น หรือดีลพิเศษต่างๆ จาก Partner

คุณสามารถหาข้อมูลรายชื่อ Authorized Partner ของ HPE/Aruba ในประเทศไทยได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ HPE ประเทศไทย หรือติดต่อสอบถามจาก HPE โดยตรงก็ได้จ้า

ส่วนช่องทางอื่นๆ อย่าง แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ในไทย (Shopee, Lazada) หรือ ร้านค้าปลีก IT (JIB, Banana IT, Power Buy, Central, Big C, The Mall) เนี่ย อย่างที่บอกว่าอาจจะเจอ Controller รุ่นเล็กๆ หรือ AP บ้าง แต่สำหรับ Controller ระดับกลางถึงใหญ่ แนะนำให้ติดต่อ Partner โดยตรงจะดีที่สุดจ้า!

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า Aruba Wireless Controller น่าซื้อไหม? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ ถ้าองค์กรของคุณกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับระบบ Wi-Fi หรือต้องการยกระดับระบบ Wi-Fi ให้มีประสิทธิภาพ ความเสถียร และความปลอดภัยที่สูงขึ้น!

อุปกรณ์นี้ เหมาะมากๆ สำหรับ:

• องค์กรที่ต้องการระบบ Wi-Fi ที่มีประสิทธิภาพสูงและเสถียรมากๆ: ไม่ว่าจะรองรับผู้ใช้งานเยอะๆ หรือต้องการความต่อเนื่องในการเชื่อมต่อ
• องค์กรที่ต้องการบริหารจัดการระบบ Wi-Fi จำนวนมากจากจุดเดียว: ช่วยให้การดูแลรักษาง่ายและประหยัดเวลา
• องค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูล: มีฟังก์ชันด้านความปลอดภัยระดับสูงให้เลือกใช้
• องค์กรที่ต้องการระบบ Wi-Fi ที่รองรับการเติบโตในอนาคต: สามารถขยายจำนวน AP หรือเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น

ถามว่าควรซื้อรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่? ก็ขึ้นอยู่กับ ขนาดขององค์กร จำนวนผู้ใช้งาน และจำนวน Access Point ที่วางแผนจะติดตั้ง รวมถึง งบประมาณ ที่ตั้งไว้จ้า

• ถ้าเป็น SME ขนาดเล็ก ที่มีผู้ใช้งานไม่มาก และต้องการ AP ไม่กี่สิบตัว รุ่นเล็กๆ หรือโซลูชันแบบ Virtual Controller ก็อาจจะเพียงพอแล้ว
• ถ้าเป็น องค์กรขนาดกลาง ที่มีผู้ใช้งานและ AP เป็นร้อยตัว ก็ต้องมองหารุ่นกลางๆ ที่รองรับได้เยอะขึ้นและมีฟังก์ชันที่สูงขึ้นมาหน่อย
• ถ้าเป็น องค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการรองรับ AP จำนวนมหาศาล หรือมีหลายสาขา และต้องการฟังก์ชันขั้นสูง พร้อมความซ้ำซ้อนของระบบ ก็ต้องจัดรุ่นใหญ่ระดับ Enterprise ไปเลยจ้า

การลงทุนใน Aruba Wireless Controller ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบโครงข่ายไร้สายที่ แข็งแกร่ง เชื่อถือได้ และพร้อมรองรับการทำงานในยุคดิจิทัล จ้า!

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหาโซลูชัน Wi-Fi ดีๆ ให้กับองค์กรนะจ๊ะ ลองปรึกษา Partner ของ HPE/Aruba ดูได้เลย เค้าพร้อมให้คำแนะนำดีๆ แน่นอน! ขอให้ทุกองค์กรมี Wi-Fi ที่แรงและเสถียร ใช้งานกันอย่างมีความสุขนะค้าบ! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• ของเขาดีจริง Aruba Instant On ! [ Beepodcast Ep.8 ]
• ทำความรู้จักกับ Aruba Instant On อุปกรณ์ Network จาก Aruba ที่ ...
• [How to] สอนตั้งค่า Aruba Instant On Mobile App & Cloud Portal