logo

ผลิตภัณฑ์ Krave Beauty ราคาล่าสุด สกินแคร์ตัวดัง น่าลองแค่ไหน?

user avatar
สิริกร จิรพัฒน์·07/11/2025T09:51Z
点赞
ผลิตภัณฑ์ Krave Beauty ราคาล่าสุด สกินแคร์ตัวดัง น่าลองแค่ไหน?

สวัสดีค่าซิสสส! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องสกินแคร์ตัวดังที่กำลังมาแรงแซงโค้งมากๆ ในหมู่คนรักผิว โดยเฉพาะชาวผิวแพ้ง่าย หรือใครที่กำลังตามหาไอเท็มกู้หน้าพัง นั่นก็คือแบรนด์ Krave Beauty นั่นเองค่ะ! ได้ยินชื่อนี้หลายคนอาจจะคุ้นๆ หู หรือบางคนอาจจะเพิ่งเคยได้ยิน วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าน้องเค้ามีดีอะไร ทำไมถึงเป็นที่รักของใครหลายคน แถมราคาในไทยเนี่ยเป็นยังไง น่าสอยมาลองมั้ย มาค่า มาดูกันเล้ยยย!

1. Krave Beauty คือใคร มาจากไหน แล้วทำไมถึงดัง?

เอาล่ะค่ะ เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับแบรนด์นี้กันก่อน Krave Beauty เนี่ย เค้าเป็นแบรนด์สกินแคร์จากฝั่งอเมริกาค่ะ ก่อตั้งโดยสาวเกาหลีที่ไปโด่งดังที่นู่น นั่นก็คือคุณ Liah Yoo ซึ่งเป็นบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง. คุณ Liah เนี่ย เค้ามีปัญหาผิวและได้เรียนรู้ว่าบางทีการใช้สกินแคร์หลายๆ ตัว หรือใช้ส่วนผสมที่ 'เยอะเกินไป' มันยิ่งทำให้ผิวพัง ก็เลยปิ๊งไอเดียอยากสร้างแบรนด์ที่เน้นความเรียบง่าย ใช้ส่วนผสมเท่าที่จำเป็นจริงๆ ที่ผิวต้องการ เพื่อให้ผิวได้ "พัก" (Press Reset) และกลับมาแข็งแรงจากภายใน.

คอนเซ็ปต์ของ Krave Beauty คือเน้นที่ "Skin Barrier First" หรือการดูแลเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงเป็นอันดับแรก. เค้าเชื่อว่าถ้าเกราะป้องกันผิวเราดี ปัญหาผิวอื่นๆ ทั้งสิว ผดผื่น อาการแพ้ต่างๆ ก็จะลดลงตามไปด้วย. ผลิตภัณฑ์ของเค้าเลยจะเน้นส่วนผสมที่อ่อนโยน ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการระคายเคือง เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิว หรือคนที่ใช้สกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวแรงๆ แล้วรู้สึกว่าผิวอ่อนแอลง.

ในไทย Krave Beauty ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะคนไทยหลายคนมีปัญหาผิวแพ้ง่ายจากมลภาวะ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจจะไม่เหมาะกับผิว การที่แบรนด์นี้เน้นความอ่อนโยนและฟื้นฟูผิว เลยตอบโจทย์มากๆ ค่ะ.

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้างนะ?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้! ราคาของ Krave Beauty ในไทยเนี่ย ต้องบอกว่ามีหลายช่องทางและราคาค่อนข้างหลากหลายค่ะ เมื่อก่อนอาจจะต้องพรีออเดอร์หรือซื้อจากร้านหิ้ว ทำให้ราคาไม่นิ่งเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ข่าวดีคือ Krave Beauty เค้ามีขายอย่างเป็นทางการใน Sephora ประเทศไทยแล้วนะ! ทำให้เราสามารถเช็คราคาและซื้อได้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ

ราคาใน Sephora Thailand สำหรับสินค้าตัวดังๆ ก็ประมาณนี้เลยค่ะ:

  • Matcha Heartleaf Hydrating Cleanser (คลีนเซอร์ชาเขียวตัวดัง): ประมาณ ฿700 บาท
  • Kale-Lalu-yAHA (โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน): ประมาณ ฿1,100 บาท
  • Great Barrier Relief (เซรั่มกู้ผิว ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว): ประมาณ ฿1,230 บาท
  • Oat So Simple Water Cream (มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา): ประมาณ ฿1,230 บาท

นอกจาก Sephora แล้ว เราก็ยังเห็น Krave Beauty มีขายในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักๆ อย่าง Shopee และ Lazada อยู่ด้วยนะคะ. ราคาในออนไลน์ก็จะมีความหลากหลาย บางร้านอาจจะถูกกว่า Sephora เล็กน้อย หรือบางทีก็มีโปรโมชั่นลดราคาที่น่าสนใจค่ะ

ส่วนร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall, JIB, Banana IT, Power Buy เนี่ย เค้าจะไม่ได้เน้นสกินแคร์แบรนด์นี้เป็นหลักนะคะ ถ้าจะซื้อ Krave Beauty ตอนนี้ช่องทางหลักๆ ที่ชัวร์และน่าเชื่อถือก็คือ Sephora และร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือค่ะ

ถ้าเทียบกับราคานานาชาติ บางทีราคาในไทยอาจจะดูสูงกว่าเล็กน้อย อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติของการนำเข้าและภาษีนะคะ แต่การที่มีขายใน Sephora ก็ทำให้ราคามีมาตรฐานและมั่นใจในคุณภาพได้มากขึ้นค่ะ


3. เทียบราคากับตัวอื่นในตลาด แล้วคุ้มมั้ยนะ?

ถ้าให้เทียบกับสกินแคร์แบรนด์อื่นๆ ในตลาดไทยที่เน้นเรื่องความอ่อนโยน เสริมเกราะป้องกันผิว หรือมีส่วนผสมคล้ายๆ กันเนี่ย Krave Beauty จะอยู่ในกลุ่มราคาที่ไม่สูงมาก แต่ก็ไม่ได้ถูกที่สุดค่ะ อย่างคลีนเซอร์ราคา 700 บาท หรือเซรั่มราคาพันนิดๆ ก็ถือเป็นราคากลางๆ ค่อนไปทางดีของสกินแคร์สายเน้นส่วนผสมที่ดี

เมื่อเทียบกับแบรนด์ drugstore ที่หาซื้อง่ายๆ อย่าง Cerave หรือ La Roche-Posay บางรายการ Krave Beauty อาจจะราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์เคาน์เตอร์แบรนด์ หรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมเฉพาะทางมากๆ Krave Beauty ก็จะราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มากกว่าเยอะเลยค่ะ

ความคุ้มค่าของ Krave Beauty อยู่ที่ "ส่วนผสม" และ "ผลลัพธ์" ที่เน้นแก้ปัญหาผิวที่ต้นเหตุ คือการฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวค่ะ สำหรับหลายคนที่ใช้แล้วเห็นผลว่าผิวแข็งแรงขึ้น สิวลดลง อาการแพ้ดีขึ้น ก็จะรู้สึกว่าราคานี้คุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับการต้องไปลองผิดลองถูกกับสกินแคร์หลายๆ ตัว หรือไปหาหมอผิวหนังเลยค่ะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง มีของแถมมั้ย?

เวลาซื้อ Krave Beauty ในไทย โดยเฉพาะจากช่องทางอย่าง Sephora หรือร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ สิ่งที่เราจะได้หลักๆ ก็คือตัวผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกซื้อเลยค่ะ สำหรับสกินแคร์ก็จะไม่มีอุปกรณ์เสริมอะไรมากมายเหมือนพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

เรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขการจัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบยอดที่กำหนด เช่น ซื้อครบ 499 บาท หรือ 799 บาท ก็จะได้ส่งฟรี อันนี้ต้องลองเช็คโปรโมชั่นของแต่ละแพลตฟอร์มหรือแต่ละร้านดูนะคะ

ส่วน การรับประกัน สกินแคร์จะไม่มีการรับประกันแบบเสียแล้วซ่อมได้เหมือนสินค้าอื่นๆ แต่ถ้าสินค้ามีปัญหาจากการผลิต เช่น ได้รับสินค้าไม่ครบ ขวดแตก หรือเนื้อผลิตภัณฑ์ผิดปกติ อันนี้เราสามารถติดต่อร้านค้าหรือแพลตฟอร์มที่ซื้อเพื่อขอเปลี่ยนหรือคืนสินค้าได้ค่ะ

เรื่อง ของแถม หรือ คูปอง/โปรโมชั่น อันนี้แหละคือสิ่งที่น่าลุ้นค่ะ! เวลาซื้อใน Sephora หรือตามร้านค้าออนไลน์ มักจะมีโปรโมชั่นแตกต่างกันไป เช่น:

  • มีของแถมเป็นขนาดทดลอง (Sample Size) ของผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากแบรนด์เดียวกัน หรือแบรนด์อื่นในร้าน
  • มีส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อสินค้าครบยอดที่กำหนด
  • มีโค้ดส่วนลดสำหรับผู้ใช้ใหม่ หรือโค้ดส่วนลดจากแคมเปญต่างๆ ของแพลตฟอร์ม
  • บางร้านใน Shopee/Lazada อาจจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ อย่างสำลี หรือมาสก์หน้า แถมมาให้ด้วย อันนี้แล้วแต่ร้านเลยค่ะ

ดังนั้น ก่อนกดสั่งซื้อ ลองเช็คส่วนโปรโมชั่นดีๆ นะคะ อาจจะได้ของแถมหรือส่วนลดที่ทำให้คุ้มค่าขึ้นไปอีก!

5. โปรโมชั่นช่วงไหนน่าโดนที่สุด?

ถ้าใครอยากได้ Krave Beauty ในราคาที่ดีที่สุด ต้องบอกเลยว่า ช่วงเทศกาลโปรโมชั่นต่างๆ คือโอกาสทองค่ะ! คนไทยเราชอบช้อปปิ้งช่วงมีโปรลดราคากันอยู่แล้ว Krave Beauty เองก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมโปรโมชั่นใหญ่ๆ ด้วย โดยเฉพาะถ้าซื้อจาก Sephora หรือร้านค้าใน Shopee/Lazada

เทศกาลที่พลาดไม่ได้เลยก็คือพวก Double Digit Sale อย่าง 9.9, 10.10, 11.11, และ 12.12 ช่วงนี้แหละที่แพลตฟอร์มเค้าจัดหนักจัดเต็ม ทั้งส่วนลดสินค้า โค้ดส่วนลดค่าส่งฟรี และโค้ดส่วนลดจากร้านค้าต่างๆ

นอกจากนี้ ช่วง เทศกาลไทย อย่างสงกรานต์ หรือช่วงปลายปี ตรุษจีน บางร้านค้าก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษออกมาดึงดูดลูกค้าเหมือนกันค่ะ

ส่วน Sephora เองก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาสำหรับสมาชิก หรือมีแคมเปญลดราคาประจำปีของเค้าด้วย ลองติดตามข่าวสารจาก Sephora Thailand ดูนะคะ

สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มากๆ การ รอซื้อช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ จะช่วยให้ประหยัดเงินไปได้เยอะเลยค่ะ!

6. คนไทยใช้แล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้างนะ?

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวในโซเชียล หรือตามคอมมูนิตี้บิวตี้ของคนไทย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ของ Krave Beauty ค่อนข้างดีเลยค่ะ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย หรือผิวไม่แข็งแรง จุดที่คนไทยชอบมากๆ ก็คือ:

  • อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง: อันนี้คือจุดเด่นที่หลายคนเทใจให้เลยค่ะ คนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ ใช้แล้วรู้สึกสบายผิว ไม่แสบ ไม่คัน เหมือนได้พักผิวจริงๆ
  • ช่วยกู้หน้าพังได้จริง: หลายคนรีวิวว่าหลังจากใช้ Great Barrier Relief ผิวที่เคยแดงๆ อักเสบ หรือมีผดผื่น ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเคราะป้องกันผิวที่อ่อนแอได้รับการฟื้นฟู
  • ส่วนผสมดี ไม่เยอะสิ่ง: คนที่ชอบสกินแคร์ส่วนผสมคลีนๆ ไม่ซับซ้อน จะเลิฟ Krave Beauty มากๆ เค้าเน้นส่วนผสมหลักๆ ที่จำเป็นจริงๆ
  • คลีนเซอร์ล้างแล้วหน้านุ่ม: ตัว Matcha Hemp Hydrating Cleanser เป็นอีกตัวที่คนไทยชอบค่ะ หลายคนบอกว่าล้างแล้วหน้าไม่แห้งตึง ยังคงความชุ่มชื้นไว้ได้ดี
  • เนื้อสัมผัสดี: Oat So Simple Water Cream ก็ได้รับคำชมเรื่องเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับอากาศเมืองไทย

แน่นอนว่าก็มีบางคนที่อาจจะรู้สึกว่าเฉยๆ หรือไม่เห็นผลเท่าที่คาดหวัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสกินแคร์นะคะ เพราะสภาพผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ภาพรวมคือเป็นแบรนด์ที่ได้รับฟีดแบ็กเชิงบวกสูงมากในกลุ่มคนไทยที่เน้นเรื่องสุขภาพผิวและความอ่อนโยนค่ะ

7. จะซื้อ Krave Beauty ได้จากช่องทางไหนบ้าง?

สำหรับช่องทางการซื้อ Krave Beauty ในไทย ตอนนี้สะดวกขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยค่ะ ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำก็คือ:

  • Sephora Thailand: อันนี้คือช่องทาง Official ที่สุดในตอนนี้เลยค่ะ มีทั้งหน้าร้านให้ไปลองเนื้อสัมผัส (บางสาขา) และช่องทางออนไลน์ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ข้อดีคือมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน มีโปรโมชั่นจาก Sephora ให้ใช้ และมีระบบจัดการที่ดีค่ะ
  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (Shopee / Lazada): ยังคงเป็นแหล่งช้อปปิ้งหลักที่สะดวกสบายค่ะ มีร้านค้าหลายร้านนำเข้ามาขาย ทำให้มีตัวเลือกและราคาที่หลากหลาย ข้อดีคือหาสินค้าได้ง่าย มีโค้ดส่วนลดและโปรโมชั่นเยอะ แต่ต้องระวังเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ และเช็คว่าเป็นของแท้หรือไม่นะคะ (บางทีอาจเจอร้านที่ไม่ได้รับรอง ซึ่งต้องระวังคุณภาพและของปลอม)
  • ร้านค้า Multi-Brand Beauty: บางร้านที่เป็นร้านรวมเครื่องสำอางและสกินแคร์หลายๆ แบรนด์ อาจจะมี Krave Beauty นำเข้ามาขายด้วย ลองเช็คดูตามร้านดังๆ ในโซนสยาม หรือตามห้างสรรพสินค้าได้ค่ะ (แต่ก็อาจจะไม่ได้มีครบทุกรุ่นเท่า Sephora หรือออนไลน์)

ช่องทางอื่นๆ อย่างเว็บไซต์ Krave Beauty โดยตรง อาจจะส่งมาไทยได้แต่จะมีเรื่องค่าส่งและภาษีที่ต้องพิจารณาค่ะ ส่วนตัวแนะนำให้ซื้อจาก Sephora หรือร้านน่าเชื่อถือใน Shopee/Lazada สะดวกที่สุดแล้วค่ะ

8. สรุปแล้ว Krave Beauty น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปแล้วจ้า! ถามว่า Krave Beauty น่าซื้อมาลองไหม? ถ้าคุณมีปัญหาผิวตามนี้ หรือกำลังมองหาสกินแคร์แบบนี้ ตอบเลยว่าน่าโดนมากๆ!

Krave Beauty เหมาะสุดๆ สำหรับ:

  • คนผิวแพ้ง่าย: แบรนด์นี้เน้นความอ่อนโยนสุดๆ ออกแบบมาเพื่อผิวที่ระคายเคืองง่ายโดยเฉพาะค่ะ
  • คนที่มีปัญหาเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ: ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง แดง ลอก เป็นสิวเห่อ หรือแสบง่าย Great Barrier Relief คือฮีโร่ตัวจริงที่หลายคนเลิฟ
  • คนที่อยากเริ่มต้นสกินแคร์แบบมินิมอล: ถ้าคุณรู้สึกว่าใช้สกินแคร์เยอะเกินไปแล้วผิวยิ่งแย่ อยากลองกลับมาใช้แค่ตัวที่จำเป็นจริงๆ Krave Beauty ตอบโจทย์คอนเซ็ปต์นี้มากๆ
  • คนที่กำลังใช้ยาสิว หรือสารผลัดเซลล์ผิวแรงๆ: ผลิตภัณฑ์ของ Krave Beauty จะช่วยปลอบประโลมและเสริมเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น รับมือกับยาหรือสาร Active ต่างๆ ได้ดีขึ้นค่ะ

ส่วนคำถามว่าควรซื้อตัวไหนดี ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวเลยค่ะ ถ้าผิวอ่อนแอ แดง แห้งลอก จัดไปที่ Great Barrier Relief. ถ้าอยากได้คลีนเซอร์อ่อนโยน ล้างแล้วหน้านุ่ม Matcha Hemp Hydrating Cleanser คือดีงาม ถ้าอยากผลัดเซลล์ผิวแต่กลัวแพ้ Kale-Lalu-yAHA ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และถ้าต้องการมอยส์เจอร์ไรเซอร์เบาๆ ซึมง่าย Oat So Simple Water Cream ก็เหมาะกับอากาศบ้านเราค่ะ

โดยรวมแล้ว Krave Beauty เป็นแบรนด์ที่ คุ้มค่าน่าลงทุน ถ้าคุณมีปัญหาผิวตามที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ ราคาอาจจะไม่ได้ถูกที่สุดในตลาด แต่คุณภาพและผลลัพธ์ที่เน้นแก้ปัญหาผิวที่ต้นเหตุถือว่าน่าพอใจมากๆ ค่ะ!

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจเลือกซื้อ Krave Beauty ของทุกคนนะคะ ขอให้สนุกกับการดูแลผิว และได้ผิวสวยสุขภาพดีกันถ้วนหน้าค่ะ! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

เบื่อไหมกับการเช็ดหน้าแล้วสำลีเป็นขุยติดผิว หรือสำลีดูดซึมโทนเนอร์หายไปหมดจนต้องเปลืองแล้วเปลืองอีก? วันนี้เราจะมาเจาะลึก สำลีเช็ดหน้า Watsons ทุกรุ่น ว่าแบบไหนที่ตอบโจทย์ความนุ่ม ไม่เป็นขุย และคุ้มค่าที่สุด! ไม่ว่าคุณจะมีผิวแบบไหน หรือใช้ส
รีวิวสำลีเช็ดหน้า Watsons ทุกรุ่น แบบไหนนุ่ม ไม่เป็นขุย คุ้มค่าที่สุด
ผิวบอบบางแพ้ง่าย...ปัญหาโลกแตกที่หลายคนต้องเจอ! ไม่ว่าจะแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ แพ้ครีม หรือแค่หน้าแดงแสบคันง่ายๆ ก็ทำให้หงุดหงิดใจ วันนี้เราจะพาไปเจาะลึก Eucerin UltraSENSITIVE SOOTHING CARE ครีมสามัญประจำบ้านของคนผิวแพ้ง่าย ที่เคลมว่าช่วยปลอบประ
รีวิว Eucerin UltraSENSITIVE SOOTHING CARE ครีมบำรุงสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ
ชีวิตคู่ทางไกลมันเหงาเนอะ... กว่าจะเจอ กว่าจะจีบ กว่าจะตกลงเป็นแฟนกันได้ก็ว่ายากแล้ว แต่พอต้องมาอยู่กันคนละที่ คนละจังหวัด หรือบางทีคนละประเทศนี่สิ! คิดถึงทีก็ได้แต่มองหน้าจอ โทรคุยกันพอหายคิดถึง แต่ก็นั่นแหละ... มันไม่ฟินเหมือนมีคนอยู่ข้าง
รีวิว Bond Touch: สร้อยข้อมือเชื่อมความสัมพันธ์ทางไกล ใช้แล้วเป็นไง?

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ! สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนมือสองคุณภาพดีในงบประมาณที่คุ้มค่า วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง Samsung Galaxy A9s หรือที่รู้จักกันในชื่อ Samsung Galaxy A9 (2018) กันครับ โทรศัพท์รุ่นนี้เคยสร้างความฮือฮาในตลาดมาแล้วด้วยฟ
โทรศัพท์ Samsung Galaxy A9s ราคามือสองล่าสุดตอนนี้เท่าไหร่
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง แหวนทอง 2 กรัม กันค่ะ ใครที่กำลังมองหาเครื่องประดับทองคำชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ ที่สวมใส่ได้ทุกวัน หรืออยากจะเริ่มต้นเก็บออมทองคำในรูปแบบที่จับต้องได้ ห้ามพลาดเลยนะคะ เพราะแหวนทอง 2 กรัม ถือเป็นตัวเลือกที
แหวนทอง 2 กรัม ราคาเท่าไหร่? อัปเดตราคาล่าสุดและลายยอดนิยม
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องตีที่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์อย่าง "อังกะลุง" กันค่ะ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นเครื่องดนตรีที่มักใช้ในการเรียนการสอน หรือพบเห็นตามงานแสดงวัฒนธรรมต่างๆ
อังกะลุงราวและอังกะลุงเดี่ยว ราคาเท่าไหร่? ซื้อที่ไหนได้มาตรฐาน

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ