กระเป๋า Tumi รุ่นยอดนิยม ราคาเท่าไหร่? กระเป๋าเดินทาง คุณภาพระดับโลก

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาคุยกันถึงกระเป๋าที่เห็นแล้วต้องร้องว้าววว! เพราะเป็นกระเป๋าเดินทางในฝันของใครหลายคนเลย นั่นก็คือ Tumi (ทูมี่) นั่นเองจ้าาา ใครที่กำลังมองหากระเป๋าคู่ใจที่พร้อมลุยไปกับเราทุกทริป แถมยังดูดีมีสไตล์ บอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะเราจะมาเจาะลึกเรื่องรุ่นฮิต ราคา และทำไมกระเป๋าแบรนด์นี้ถึงได้ฉายาว่าคุณภาพระดับโลก! เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!

1. กระเป๋า Tumi คืออะไร ทำไมใครๆ ก็อยากได้?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับเจ้ากระเป๋า Tumi กันก่อนเลย Tumi เนี่ยเป็นแบรนด์ดังมาจากอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1975 นู่นนน เค้าขึ้นชื่อเรื่องการทำกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าทำงาน และอุปกรณ์สำหรับการเดินทางคุณภาพระดับพรีเมียมที่แบบว่า ทนทานสุดๆ และฟังก์ชันครบครัน ตอบโจทย์คนเดินทางบ่อยๆ หรือคนที่ทำงานที่ต้องพกของเยอะๆ ที่สำคัญคือดีไซน์เค้าเนี่ย จะเน้นความเรียบหรู ดูดี มีคลาส ใช้ได้นาน ไม่มีเอ้าท์เลยจ้า

กลุ่มลูกค้าหลักๆ ของ Tumi ก็จะเป็นคนที่เดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ต้องบินไปประชุมบ่อยๆ หรือนักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวแบบจัดเต็ม หรือแม้แต่คนที่มองหากระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายข้างที่ทนทาน ใช้ลุยได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งในตลาดไทยตอนนี้ กระเป๋า Tumi ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่คนที่มองหากระเป๋าคุณภาพสูงที่คุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาวนะ

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง แพงแค่ไหนนะ?

มาถึงเรื่องที่ทำให้หลายคนสะดุ้งนิดนึง นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! ต้องบอกเลยว่ากระเป๋า Tumi เค้ามาพร้อมคุณภาพระดับโลก ราคาก็เลยจะอยู่ในระดับพรีเมียมตามไปด้วยจ้า ราคาในไทยเนี่ยมีตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่นกลางๆ หรือปลายๆ เลยนะ ขึ้นอยู่กับรุ่น ประเภทกระเป๋า และวัสดุ

รุ่นยอดฮิตอย่างพวกกระเป๋าเดินทางล้อลาก Alpha หรือ 19 Degree ที่เป็นวัสดุอลูมิเนียมเท่ๆ เนี่ย ราคาอาจจะเริ่มต้นที่ประมาณ 20,000 กว่าบาท ไปจนถึง 40,000 - 50,000 บาท หรือมากกว่านั้นก็มี ส่วนพวกกระเป๋าเป้ Alpha Bravo หรือกระเป๋าสะพาย Voyageur ราคาก็จะหลากหลายหน่อย มีตั้งแต่หมื่นต้นๆ ไปจนถึงเกือบ 30,000 บาทเลย

ถ้าเทียบกับราคาในต่างประเทศ บางทีเราอาจจะเห็นราคาต่างกันบ้างนิดหน่อย อันนี้ก็ต้องเข้าใจว่ามีเรื่องภาษีนำเข้า ค่าขนส่ง และค่าการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจ้า

เราสามารถหาซื้อ Tumi ได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปเลยนะ เช่น Central หรือ The Mall (Emporium, Paragon) หรือร้าน King Power Duty Free ก็มีให้เลือกเยอะ ส่วนบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย อาจจะมีบางร้านที่เป็น Official Store ของห้างฯ หรือผู้แทนจำหน่ายมาลงขายบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีครบทุกรุ่นเหมือนไปดูที่ร้านโดยตรงนะจ๊ะ

3. เทียบราคากับแบรนด์อื่น คุ้มหรือเปล่า?

ถ้าให้เทียบราคากับแบรนด์กระเป๋าเดินทางหรือกระเป๋าทำงานอื่นๆ ในตลาดไทย Tumi จะอยู่ในกลุ่มราคาระดับเดียวกับแบรนด์พรีเมียมอย่าง Rimowa (บางรุ่น), Samsonite Black Label หรือ Victorinox (บางรุ่น) ซึ่งราคาก็จะสูงกว่าแบรนด์ทั่วไปที่เราเห็นตามท้องตลาดพอสมควร

คำถามคือ คุ้มมั้ย? ถ้ามองแค่ราคาตั้งอย่างเดียว หลายคนอาจจะคิดว่าแพง แต่ถ้ามองถึง คุณภาพ ความทนทาน การใช้งานที่ยาวนาน และบริการหลังการขายที่เค้าให้มา (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังข้อถัดไป) Tumi ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ เลยนะ เพราะกระเป๋าเค้าออกแบบมาให้ทนไม้ทนมือ พร้อมลุยทุกสภาพการเดินทางจริงๆ ใช้ได้นานหลายปีจนลืมไปเลยว่าซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่! แบรนด์อื่นที่ราคาถูกกว่า อาจจะไม่ได้ใช้วัสดุที่ดีเท่า หรือไม่ได้มีการรับประกันที่ครอบคลุมเท่า Tumi จ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? บริการหลังการขายปังแค่ไหน?

แน่นอนว่าซื้อกระเป๋าราคาพรีเมียมทั้งที ก็ต้องมาพร้อมบริการที่ดีด้วย! หลักๆ เลยนอกจากตัวกระเป๋าแล้ว Tumi เค้าก็จะมี:

• ใบรับประกัน: อันนี้สำคัญมากสำหรับคนไทยที่ใส่ใจเรื่องการซ่อมแซม Tumi เค้ามีการรับประกันที่เรียกว่า Limited Warranty โดยปกติแล้ว กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าทำงาน กระเป๋าเป้ จะรับประกันนานถึง 5 ปี ส่วนพวกกระเป๋าสตางค์ หรือ Accessories เล็กๆ จะรับประกัน 2 ปีนะ ซึ่งปีแรกนี่พิเศษสุดๆ เรียกว่าเป็นแบบ Worry Free เลยจ้า คือถ้ากระเป๋าเราเสียหายจากการใช้งานปกติ หรือแม้กระทั่งจากการขนส่งของสายการบิน Tumi เค้าดูแลให้หมดเลย ทั้งค่าซ่อมและค่าส่งกระเป๋าไปซ่อม! ปีที่ 2-5 (สำหรับกระเป๋าเดินทาง/กระเป๋าใหญ่) ก็ยังครอบคลุมเรื่องวัสดุ หรือการผลิตที่มีปัญหา และการสึกหรอจากการใช้งานตามปกติด้วยนะ อันนี้แหละที่ทำให้หลายคนยอมจ่ายแพง เพราะมั่นใจเรื่องการรับประกันนี่แหละ
• Tumi Tracer® Program: อันนี้เจ๋งสุดๆ เป็นโปรแกรมเฉพาะของ Tumi เลย คือเค้าจะมีเพลทเหล็กเล็กๆ ที่มีรหัสเฉพาะติดอยู่กับกระเป๋าเรา ให้เราลงทะเบียนข้อมูลไว้ ถ้ากระเป๋าเราเกิดหายขึ้นมา แล้วมีคนเจอ เค้าสามารถใช้รหัสนี้ติดต่อกลับมาที่ Tumi เพื่อให้ Tumi ช่วยประสานงานตามหากระเป๋าคืนให้เราได้ด้วย! อุ่นใจขึ้นเยอะเลยใช่มั้ยล่ะ
• บริการซ่อม: ถ้าหมดระยะเวลารับประกันแล้ว หรือเสียหายที่ไม่อยู่ในเงื่อนไข ก็สามารถส่งซ่อมกับ Tumi ได้นะ อาจจะมีค่าใช้จ่ายตามอาการไป
• กล่อง/ถุงผ้า: ปกติก็จะได้กล่องหรือถุงผ้าสำหรับเก็บกระเป๋ามาด้วยนะ
• ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์จาก Official Website หรือร้านค้าทางการ มักจะมีบริการจัดส่งฟรีจ้า

ส่วนเรื่องของแถม หรือคูปองต่างๆ เนี่ย อาจจะต้องดูเป็นช่วงๆ ไป ไม่ได้มีตลอดนะจ๊ะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษ หรือมีโปรโมชั่นบ่อยไหม?

ถ้าถามว่า Tumi มีโปรโมชั่นบ่อยแค่ไหน? ตอบเลยว่า ไม่บ่อยเท่าแบรนด์แฟชั่นทั่วไปจ้า เค้าเป็นแบรนด์พรีเมียมเนอะ ก็จะไม่ได้ลดแลกแจกแถมกันพร่ำเพรื่อขนาดนั้น แต่ก็มีช่วงที่น่าจับตามองอยู่นะ:

• ช่วงลดราคาของห้างสรรพสินค้า: ตามปกติแล้วห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ในไทยเค้าจะมีการลดราคาทั้งห้างฯ อยู่แล้ว Tumi ที่มีเคาน์เตอร์อยู่ในห้างฯ ก็อาจจะมีส่วนลดตามโปรโมชั่นของห้างฯ ไปด้วยนะ ลองเช็คช่วง Mid-Year Sale หรือ End of Season Sale ดูจ้า
• ช่วงเทศกาลสำคัญ: บางทีช่วงเทศกาลใหญ่ๆ อย่างปีใหม่ หรือตรุษจีน อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษเล็กๆ น้อยๆ เช่น ของแถม หรือการสะสมคะแนนพิเศษ
• ช่วง Double Digit Sale: บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง LazMall หรือ Shopee Mall ที่มี Official Store ของห้างฯ หรือ Tumi เอง อาจจะมีโปรโมชั่นในช่วง 11.11 หรือ 12.12 บ้าง แต่ส่วนลดอาจจะไม่หนักเท่าสินค้าประเภทอื่นนะ ต้องคอยส่องดีๆ
• Tumi Outlet: ในไทยมี Tumi Outlet อยู่ที่ Central Village และ Siam Premium Outlets นะจ๊ะ ที่นี่แหละคือแหล่งรวมสินค้าลดราคา! ถ้าไม่ได้ติดว่าต้องเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเป๊ะๆ การมาที่ Outlet ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ เลย อาจจะได้สินค้ารุ่นก่อนหน้าในราคาที่เป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์มากขึ้นเยอะเลยจ้า

สรุปคือ ถ้าอยากได้ราคาดีขึ้นมาหน่อย แนะนำให้ รอช่วงโปรโมชั่นของห้างฯ หรือไปที่ Outlet จ้า

6. ผู้ใช้ในไทยรีวิวว่าไงกันบ้างนะ?

จากที่ลองส่องๆ ฟีดแบ็กของคนที่ใช้ Tumi ในไทย ส่วนใหญ่จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า:

• ทนทานสุดๆ: นี่คือจุดเด่นที่ทุกคนพูดถึง ใช้ลืม! ลากไปต่างประเทศกี่รอบ โยนยังไงก็ไม่พังง่ายๆ
• คุณภาพดี คุ้มค่ากับราคา: แม้ราคาจะสูง แต่เมื่อเทียบกับการใช้งานที่ยาวนานและความทนทาน ทุกคนบอกว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มจริงๆ
• ฟังก์ชันดี จัดของง่าย: ช่องเยอะ แบ่งสัดส่วนดี ทำให้จัดกระเป๋าเป็นระเบียบ หาง่าย
• ดูดี มีสไตล์: ดีไซน์เรียบหรู ใช้แล้วดูโปร ดูแพง
• บริการหลังการขายดี: เรื่องการรับประกันและการซ่อม หลายคนประทับใจกับบริการของ Tumi

แต่ก็มีบางคนบอกว่ากระเป๋าบางรุ่นอาจจะมีน้ำหนักพอสมควร เมื่อเทียบกับกระเป๋าเดินทางที่เน้นความเบามากๆ แต่โดยรวมแล้วฟีดแบ็กคือดีเยี่ยม ส่วนใหญ่แฮปปี้กับสิ่งที่ได้เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปนะ

7. จะหาซื้อ Tumi คุณภาพระดับโลกได้จากช่องทางไหนบ้าง?

ถ้าอยากได้กระเป๋า Tumi แท้ๆ คุณภาพดี มีการรับประกัน สบายใจหายห่วง แนะนำให้ซื้อจากช่องทางทางการเหล่านี้เลยจ้า:

• ร้าน Tumi โดยตรง: มีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งในกรุงเทพฯ เช่น Central Chidlom, Emporium, Siam Paragon, Central World, Central Embassy, One Bangkok สามารถไปดู ไปลองจับ ลองสะพายของจริงได้เลยจ้า พนักงานให้ข้อมูลดีมากๆ
• Tumi Outlet: ที่ Central Village และ Siam Premium Outlets เหมาะสำหรับคนที่ไม่รีบ และมองหาสินค้าในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น
• King Power Duty Free: ทั้งที่สนามบินและในเมือง สำหรับคนที่กำลังจะเดินทาง หรือมีแพลนไปต่างประเทศ สามารถซื้อแบบ Duty Free ได้ราคาดีเลย
• เว็บไซต์ Tumi Thailand อย่างเป็นทางการ: สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้สะดวก มีบริการจัดส่ง และมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ พร้อมรับประกัน
• ช่องทางออนไลน์ของห้างสรรพสินค้า: บางห้างฯ ที่มีเคาน์เตอร์ Tumi อาจจะมี Official Store บน LazMall หรือ Shopee Mall ลองเข้าไปเช็คดูได้นะ

ช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ใช่ Official Store หรือตามกลุ่มซื้อขายมือสอง ก็อาจจะมีสินค้า Tumi ขายนะ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องของปลอม และการรับประกันด้วยนะจ๊ะ ถ้าไม่ชัวร์ แนะนำให้ซื้อจากช่องทางทางการดีที่สุดจ้า

8. สรุปแล้ว Tumi น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปแล้ว! ถามว่ากระเป๋า Tumi น่าซื้อไหม? ถ้าคุณกำลังมองหากระเป๋าเดินทาง หรือกระเป๋าทำงานที่ ทนทานสุดๆ ใช้งานได้นานหลายปี ฟังก์ชันครบครัน ดีไซน์ดูดีมีคลาส และพร้อมจ่ายเพื่อคุณภาพและบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม บอกเลยว่า น่าซื้อมากๆ จ้า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆ

Tumi เหมาะกับใครบ้าง?

• คนที่เดินทางบ่อย: ไม่ว่าจะเดินทางเพื่อธุรกิจ หรือท่องเที่ยว กระเป๋า Tumi คือเพื่อนคู่ใจที่ไว้ใจได้ พร้อมลุยทุกสภาพการเดินทาง
• คนที่มองหากระเป๋าทำงานคุณภาพดี: กระเป๋า Briefcase หรือ Backpack ของ Tumi ก็ได้รับความนิยมมากๆ เพราะทนทาน จัดของเป็นระเบียบ และดูเป็นมืออาชีพ
• คนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความทนทานระยะยาว: ยอมจ่ายแพงหน่อย แต่ใช้ได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
• คนที่ชอบดีไซน์เรียบหรู: ไม่เน้นแฟชั่นหวือหวา แต่เน้นความคลาสสิก ใช้ได้ทุกโอกาส

ส่วนใครที่อาจจะไม่ได้เดินทางบ่อยมากๆ หรือมีงบประมาณจำกัด อาจจะลองพิจารณาแบรนด์อื่นในระดับราคาที่เข้าถึงง่ายกว่านี้ดูก่อนก็ได้จ้า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พร้อมลงทุนกับกระเป๋าคู่ใจที่พร้อมไปกับเราทุกเส้นทาง Tumi คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อกระเป๋า Tumi ของทุกคนนะจ๊ะ ขอให้ได้กระเป๋าที่ถูกใจ พร้อมเดินทางไปสร้างเรื่องราวดีๆ ในทุกๆ ทริปเลย! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• [spin9] รีวิวกระเป๋า TUMI รุ่นใหม่ พร้อมส่วนลดพิเศษสูงสุด 30 ...
• [spin9] รีวิว TUMI x McLaren กระเป๋าคอลเลคชั่นพิเศษ การรวมกัน ...
• รีวิวกระเป๋าเดินทาง TUMI สะดวกสบายและสวยงาม
• TUMI กระเป๋าเดินทางคุณภาพจากสหรัฐอเมริกา
• [spin9] รีวิว TUMI Alpha 3 กระเป๋าเดินทาง เพื่อนักเดินทางตัวจริง