ฟิล์มติดรถยนต์ราคาถูก คุณภาพดี หาช่างติดตั้งได้ที่ไหนบ้าง?


สวัสดีค่าา สายซิ่ง สายชิล สายขับขี่ทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องสำคัญที่คนใช้รถคู่ใจต้องรู้ นั่นก็คือเรื่องของ "ฟิล์มติดรถยนต์" นั่นเอง! แหม...เมืองไทยเรานี่มันเมืองร้อน ยิ่งช่วงแดดเปรี้ยงๆ ตอนบ่ายๆ นะ นั่งในรถนี่เหมือนอยู่ในเตาอบดีๆ นี่เอง! ถ้าไม่มีฟิล์มดีๆ ช่วยกันร้อน บอกเลยว่าแอร์เอาไม่อยู่จ้า แถมยังทำให้พวกอุปกรณ์ต่างๆ ในรถเสื่อมเร็วอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้น การติดฟิล์มดีๆ นี่ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามหรือความเป็นส่วนตัวนะ แต่มันคือการดูแลรักษารถและดูแลสุขภาพตัวเราเองด้วย! ป่ะ! ไปดูกันว่าฟิล์มติดรถยนต์ราคาเบาๆ คุณภาพดีๆ เนี่ย มันมีแบบไหนบ้าง แล้วจะไปหาช่างเก่งๆ ติดให้ได้ที่ไหน ไม่ต้องกลัวโดนฟันราคาหัวแบะนะจ๊ะ!
1. ฟิล์มติดรถยนต์นี่มันคืออะไร มีกี่แบบกันนะ?
เอาแบบบ้านๆ เลยนะ ฟิล์มติดรถยนต์เนี่ย ก็คือแผ่นฟิล์มบางๆ ที่เอาไปติดด้านในกระจกรถเรานี่แหละ หน้าที่หลักๆ ของนางคือ กันความร้อน จากแสงแดด ลดแสงจ้า ลดแสงสะท้อน ป้องกันรังสี UV ตัวร้ายที่ทำลายผิวเราและทำให้อุปกรณ์ในรถซีดจาง และยังช่วยเรื่อง ความเป็นส่วนตัว ด้วยนะ คนนอกมองเข้ามาในรถเรายากขึ้นไงล่ะ
ส่วนฟิล์มในตลาดบ้านเราเนี่ย ก็มีหลายประเภทให้เลือกสรรตามงบและความต้องการเลยจ้า หลักๆ เลยก็จะมี:
- ฟิล์มย้อมสี (Dyed Tint): อันนี้คือแบบเบสิกสุดๆ ราคาถูกสุดๆ แต่ประสิทธิภาพในการกันร้อนก็...นะ ตามราคานั่นแหละ ใช้ไปสักพักอาจจะเริ่มซีดจางเป็นสีม่วงๆ ได้
- ฟิล์มปรอท (Metallized Tint): ตัวนี้จะมีส่วนผสมของโลหะ ทำให้ฟิล์มมีความเงาๆ สะท้อนแสงได้ดี ช่วยกันร้อนได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสี แต่บางทีอาจจะรบกวนสัญญาณดิจิทัลอย่าง GPS หรือ Easy Pass ได้นะ
- ฟิล์มคาร์บอน (Carbon Tint): ใช้ผงคาร์บอนผสมในเนื้อฟิล์ม สีจะดำสนิท ดูเข้มๆ แต่ข้างในยังมองเห็นชัดเจน กันร้อนได้ดี ไม่ค่อยรบกวนสัญญาณ
- ฟิล์มเซรามิก (Ceramic Tint): อันนี้แหละที่กำลังมาแรง! ใช้สารเซรามิกนาโนช่วยในการกันร้อน คุณภาพดีเยี่ยม ทั้งกันร้อน กัน UV ไม่รบกวนสัญญาณ ทัศนวิสัยเคลียร์ชัด แต่ราคาก็จะสูงขึ้นมาหน่อย
สำหรับใครที่มองหาฟิล์ม ราคาถูก คุณภาพดี เนี่ย ส่วนใหญ่ก็จะไปจบที่ฟิล์มปรอทหรือฟิล์มคาร์บอน หรืออาจจะเป็นฟิล์มเซรามิกเกรดเริ่มต้นของแบรนด์ดังๆ ก็มีให้เลือกนะ
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง จ่ายเท่าไหร่ดี?
เรื่องราคาติดฟิล์มรถยนต์เนี่ย บอกเลยว่า แล้วแต่ชนิดฟิล์ม ยี่ห้อ ขนาดรถ และร้านที่ติด เลยจ้า แต่ถ้าเอาแบบคร่าวๆ ที่เราไปส่องๆ มาเนี่ยนะ:
- ฟิล์มดำธรรมดา (ย้อมสี): อันนี้ถูกสุดๆ เลยจ้า บางทีเจอราคา 1,000 - 2,000 บาท (฿) ต่อคันก็มี แต่คุณภาพก็ตามราคานะ
- ฟิล์มปรอท: ราคาก็จะขยับขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท (฿) ต่อคัน
- ฟิล์มนาโน/คาร์บอน: กลุ่มนี้ก็จะกลางๆ ประมาณ 4,000 - 8,000 บาท (฿) ต่อคัน
- ฟิล์มเซรามิกเกรดเริ่มต้น: เริ่มต้นก็มีตั้งแต่ประมาณ 5,000 - 10,000 บาท (฿) ขึ้นไป แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นนะ
พวกแบรนด์ยอดนิยมในไทยที่เราได้ยินบ่อยๆ ก็จะมี 3M, Lamina, Hi-Kool, Solar Gard อะไรพวกนี้ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีหลายรุ่นหลายราคาให้เลือกนะ อย่าง 3M รุ่น Smart Series หรือ Hi-Kool R-Series นี่ก็เป็นตัวเลือกราคาเบาๆ ที่คนนิยมกันเยอะ ส่วน Lamina ก็มีรุ่น Pop Boost ที่ราคาเริ่มต้นประมาณ 8,000 บาท
ราคาที่บอกมาส่วนใหญ่จะเป็นราคา พร้อมติดตั้ง แล้วนะ แต่บางร้านอาจจะคิดค่าลอกฟิล์มเก่าเพิ่ม ถ้าฟิล์มเดิมมันติดแน่น ลอกยาก หรือเสื่อมสภาพมากๆ ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้ด้วยนะ
3. เทียบราคากับฟิล์มแพงๆ แล้วเป็นไง?
แน่นอนว่าฟิล์มราคาหลักหมื่น หลักแสนก็มีนะ! พวกนั้นมักจะเป็นฟิล์มเซรามิกเกรดพรีเมียมสุดๆ หรือฟิล์มใสกันร้อนประสิทธิภาพสูงปรี๊ด คุณสมบัติการกันร้อน กัน UV ความใสเคลียร์ของเนื้อฟิล์มก็จะดีกว่าฟิล์มราคาถูกๆ อย่างเห็นได้ชัด
แต่ถามว่าฟิล์มราคาไม่แรง คุณภาพดีมีไหม? มีแน่นอนจ้า! แบรนด์ยอดนิยมหลายๆ แบรนด์เค้าก็มีรุ่นที่เป็น Value for Money ออกมาตอบโจทย์คนงบน้อยนะ คืออาจจะไม่ได้กันร้อนแบบสุดๆ เท่าตัวท็อป แต่ก็ดีกว่าไม่ติดเลยเยอะมาก และเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
บางทีฟิล์มราคาถูกกว่าอาจจะแลกมาด้วยอายุการใช้งานที่สั้นกว่า หรือประสิทธิภาพการกันร้อนที่ลดลงนิดหน่อยเมื่อเทียบกับรุ่นแพงๆ แต่ถ้าเรารับได้ หรือตั้งใจจะเปลี่ยนฟิล์มทุกๆ 3-5 ปีอยู่แล้ว ฟิล์มราคาเบาๆ ก็เป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่ามากๆ เลยนะ
4. ติดฟิล์มแล้วได้อะไรบ้าง มีประกันไหม?
อันนี้แหละที่คนไทยเราให้ความสำคัญมากๆ คือเรื่อง การรับประกัน! ส่วนใหญ่แล้วฟิล์มแบรนด์ที่มีมาตรฐานเค้าจะมีการรับประกันคุณภาพฟิล์มให้นะจ๊ะ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 ปี เลยทีเดียว ซึ่งการรับประกันส่วนใหญ่จะครอบคลุมเรื่องการลอก การพอง การซีดจางของเนื้อฟิล์มนะ ไม่ได้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานของเราเอง เช่น ไปขูดไปขีดฟิล์มขาด อันนี้เคลมไม่ได้นะจ๊ะ
เวลาไปติดฟิล์มที่ร้าน ควรสอบถามเรื่องใบรับประกันให้ชัดเจนนะ ว่าเป็นของแบรนด์โดยตรง หรือเป็นประกันจากร้านที่ติด เพื่อความสบายใจในระยะยาวจ้า
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่มักจะรวมมาด้วยก็คือ ค่าบริการติดตั้ง นั่นแหละ บางร้านอาจจะมีบริการลอกฟิล์มเก่าให้ฟรี หรือคิดค่าบริการเพิ่มนิดหน่อยก็มี ส่วนของแถมหรือโปรโมชั่นอื่นๆ เนี่ย ก็แล้วแต่ร้านเลย บางร้านอาจจะมีแถมพวกน้ำยาเช็ดกระจก สติกเกอร์คลับ หรือส่วนลดอื่นๆ ก็ต้องลองสอบถามดูตอนที่ไปใช้บริการนะ
5. ช่วงไหนน่าซื้อ มีโปรโมชั่นเด็ดๆ ไหม?
ถ้าถามว่าช่วงไหนน่าติดฟิล์มรถยนต์ที่สุด คำตอบก็คือ... ช่วงที่มีโปรโมชั่น นั่นเอง! ร้านติดฟิล์มส่วนใหญ่มักจะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ นะจ๊ะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ หรือช่วง กลางปี ปลายปี เพื่อกระตุ้นยอดขายนั่นแหละ
นอกจากนี้ พวกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee บางทีก็มีร้านค้าที่ขายฟิล์มพร้อมบริการติดตั้งด้วยนะ ช่วง Double Digit Sale อย่าง 11.11 หรือ 12.12 เนี่ย บางทีร้านค้าเหล่านี้ก็มีโปรโมชั่นลดราคา หรือแจกโค้ดส่วนลดพิเศษอยู่เรื่อยๆ ก็ต้องคอยเข้าไปส่อง เข้าไปกดใส่ตะกร้าไว้ก่อนถึงวันจริงนะ!
คำแนะนำคือ ถ้ายังไม่รีบมากๆ ลองติดตามเพจ Facebook ของร้านติดฟิล์ม หรือร้านตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ฟิล์มต่างๆ ไว้ดูก่อนก็ได้นะ เค้ามักจะโพสต์โปรโมชั่นอัปเดตใหม่ๆ อยู่ตลอดจ้า
6. คนไทยติดแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง?
จากที่ลองไปส่องๆ ตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มรีวิวต่างๆ ของคนใช้รถในไทยเนี่ย ฟีดแบ็กเรื่องฟิล์มติดรถยนต์ราคาไม่แรง คุณภาพดีก็มีเยอะเลยนะ จุดที่คนไทยมักจะพูดถึงและชอบกันคือ:
- กันร้อนได้จริง: แม้จะเป็นฟิล์มราคาประหยัดกว่าตัวท็อป แต่ก็ช่วยลดอุณหภูมิในรถได้ดีกว่าไม่ติดเลยอย่างชัดเจน ทำให้แอร์ทำงานเบาลง ประหยัดน้ำมันได้นิดหน่อยด้วย
- คุ้มค่ากับราคา: ในงบประมาณที่จ่ายไป ถือว่าได้ฟิล์มที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ต้องจ่ายแพงเวอร์ก็ได้ฟิล์มดีๆ มาใช้
- ทัศนวิสัยโอเค: แม้จะติดฟิล์มเข้มเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเลือกดีๆ หรือเป็นฟิล์มประเภทที่ดีขึ้นมาหน่อย ข้างในก็ยังมองเห็นข้างนอกได้ชัดเจน สบายตา ไม่เป็นอุปสรรคในการขับขี่ทั้งกลางวันกลางคืน
- ช่วยเรื่อง UV: ฟิล์มส่วนใหญ่ ถึงจะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็มักจะกัน UV ได้ถึง 99% ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อผิวและอุปกรณ์ในรถมากๆ
แต่ก็มีข้อสังเกตเหมือนกันนะ บางคนบอกว่าฟิล์มราคาถูกมากๆ อาจจะมีอายุการใช้งานสั้นหน่อย หรือประสิทธิภาพการกันร้อนอาจจะลดลงไปเร็วกว่าฟิล์มแพงๆ ก็เป็นไปได้นะจ๊ะ อันนี้ก็ต้องทำใจนิดนึง
7. จะไปหาช่างติดตั้งได้ที่ไหนบ้าง?
มาถึงคำถามสำคัญ! จะไปติดฟิล์มรถยนต์ราคาดี คุณภาพโอเค ได้ช่างเก่งๆ ที่ไหนดี? ก็มีหลายช่องทางให้เลือกเลยจ้า:
- ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์ฟิล์ม: อันนี้ค่อนข้างมั่นใจเรื่องคุณภาพฟิล์มและมาตรฐานการติดตั้งได้เลย เพราะเป็นร้านที่ได้รับการรับรองจากแบรนด์โดยตรง ส่วนใหญ่มักจะมีห้องปลอดฝุ่นสำหรับการติดตั้งด้วย ลองเสิร์ชชื่อแบรนด์ฟิล์มที่เราสนใจ แล้วตามด้วยคำว่า "ตัวแทนจำหน่าย" หรือ "ร้านติดตั้ง" ในพื้นที่ที่เราอยู่ได้เลย
- ร้านประดับยนต์ หรือร้านติดฟิล์มรถยนต์ทั่วไป: ร้านพวกนี้มีเยอะมากๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ ราคาหลากหลาย สามารถเปรียบเทียบได้ง่าย แต่ก็ต้องเลือกร้านที่ดูน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ และมีรีวิวดีๆ นะจ๊ะ ลองสอบถามเพื่อนๆ หรือคนรู้จักที่เคยไปติดมาก็ได้
- ศูนย์บริการรถยนต์บางแห่ง: บางศูนย์บริการรถยนต์ก็มีบริการติดฟิล์มด้วยนะ ส่วนใหญ่มักจะเป็นฟิล์มที่มากับรถตอนซื้อ หรือเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ฟิล์มใหญ่ๆ
- แพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีบริการติดตั้ง: อย่างที่บอกไปว่าใน Shopee หรือ Lazada บางร้านไม่ได้ขายแค่ฟิล์มนะ แต่เค้ามีบริการติดตั้งนอกสถานที่ให้ด้วย อันนี้ก็สะดวกดี ไม่ต้องขับรถไปร้าน แต่ต้องเช็ครายละเอียดและรีวิวของร้านให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจนะ
ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเลือกช่องทางไหน ควรสอบถามราคาให้ชัดเจนว่า ราคารวมค่าติดตั้งแล้วหรือยัง มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝงไหม และมี การรับประกัน การติดตั้งด้วยหรือเปล่า เช่น ติดแล้วฟิล์มมีฟอง มีฝุ่น ทางร้านรับแก้ไขให้ไหม
8. สรุปแล้ว ฟิล์มติดรถยนต์ราคาถูกคุณภาพดี มีอยู่จริงไหม? เหมาะกับใคร?
บอกเลยว่า มีอยู่จริง จ้า! ฟิล์มติดรถยนต์ราคาไม่แรง คุณภาพดี ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปในเมืองไทย มีให้เลือกเยอะแยะเลยนะ แต่ก็ต้องเลือกให้เป็น และหาร้านติดตั้งที่ได้มาตรฐานด้วย
ฟิล์มกลุ่มนี้เหมาะมากๆ กับ:
- คนงบจำกัด: ที่อยากได้ฟิล์มมาช่วยกันร้อน กัน UV ให้รถคู่ใจ แต่ไม่อยากจ่ายเงินเยอะๆ
- รถเก่า: ที่อาจจะไม่ได้ต้องการฟิล์มเกรดพรีเมียมสูงสุด แต่อยากได้ฟิล์มที่ทำหน้าที่ได้ดีในราคาที่สมเหตุสมผล
- คนที่ใช้งานรถทั่วไปในเมือง: ไม่ได้ขับขี่ทางไกลบ่อยๆ หรือไม่ได้จอดรถตากแดดจัดๆ ตลอดเวลา
ถ้าถามว่าคุ้มค่าที่จะซื้อไหม? ถ้าเทียบกับคุณภาพที่ได้และการลงทุนที่ไม่สูงมาก ถือว่า คุ้มค่ามากๆ เลยจ้า! อย่างน้อยก็ได้ฟิล์มมาช่วยลดความร้อน ป้องกัน UV ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ภายในรถ และเพิ่มความสบายในการขับขี่ได้เยอะเลย
แต่ถ้าใครที่เน้นประสิทธิภาพการกันร้อนสูงสุดๆ ขับรถทางไกลบ่อยๆ หรือต้องจอดรถตากแดดจัดๆ เป็นประจำ อาจจะต้องพิจารณาฟิล์มเกรดที่สูงขึ้นมาหน่อย หรือเป็นฟิล์มเซรามิกตัวท็อปๆ ของแต่ละแบรนด์ไปเลยนะ เพราะพวกนั้นจะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าในระยะยาว แม้จะต้องจ่ายแพงกว่าก็ตาม
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาฟิล์มติดรถยนต์ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าแต่คุณภาพไม่จกตานะจ๊ะ ขอให้ได้ฟิล์มถูกใจ ได้ช่างเก่งๆ แล้วขับรถอย่างสบาย เย็นฉ่ำ ปลอดภัยจากแดดเมืองไทยกันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- FILM CARFE’ บริการติดตั้งฟิล์มรถยนต์คุณภาพดีและราคาเป็นมิตร ...
- สอนการเลือกฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ฉบับโคตรละเอียด มีประโยชน์สุดๆ มี ...
- ฟิล์มกรองแสง ราคาถูก vs ราคาแพง ต่างกันอย่างไร ก่อนซื้อรถ หรือ ...
- คิดจะ#ติดฟิล์มใหม่ คิดจะ#ลอกฟิล์มเก่า #เปลี่ยนฟิล์มใหม่ คิดถึง #ทีเอส ...
- ฟิล์มติดรถยนต์ เลือกแบบไหนดี?
แนะนำสำหรับคุณ
แปรงล้างหน้า Foreo ราคาล่าสุด รุ่นไหนดีที่สุด?
รองเท้า Agatha Paris สวยหรู คู่โปรดของคุณ: เช็คราคาล่าสุดที่นี่!
ราคา Nikon D750 มือสอง: กล้อง Full Frame ตัวเก๋า ยังน่าใช้ไหมปี 2025
ราคา หุ้น IPO บริษัท ZEN (ZEN Corporation Group) อัปเดตล่าสุด
อัปเดตราคา DSP Alpine ติดตั้งในรถยนต์ คุณภาพเสียงเหนือระดับ
รีวิวและราคา รอกตกปลา G-Max Wolf: ดีจริงไหม น่าใช้หรือเปล่า