logo

แนะนำ ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ เย็นเร็ว ประหยัดไฟ

user avatar
สุวนันท์ วิเศษสมบัติ·07/14/2025T06:00Z
点赞
แนะนำ ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ เย็นเร็ว ประหยัดไฟ

สวัสดีค่าาา เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่! หรือใครที่กำลังมองหาเพื่อนคู่ใจในครัวที่ชื่อว่า "ตู้เย็น" วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยกันให้ฟังแบบหมดเปลือกเลยว่า จะเลือกซื้อตู้เย็นทั้งที ยี่ห้อไหนดี? ราคาเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม? แล้วทำยังไงให้มันเย็นเร็วทันใจ แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟในยุคที่อะไรๆ ก็แพงไปหมด! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปตะลุยมิติแห่งความเย็นฉ่ำพร้อมๆ กันเลยจ้า!

1. แนะนำ ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี? ฟังก์ชันโดนใจใครบ้าง? และที่มาแบรนด์ (ฉบับย่อ)

พูดถึงตู้เย็นเนี่ย มันไม่ใช่แค่กล่องสี่เหลี่ยมๆ ที่เสียบปลั๊กแล้วเย็นนะยะ! สมัยนี้เค้าไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว! ตู้เย็นสมัยใหม่เนี่ย นอกจากจะทำหน้าที่ถนอมอาหารให้สดใหม่ ไม่เน่าเสีย (อันนี้คือหัวใจหลักเลยนะ!) มันยังมีฟังก์ชันเสริมอีกเพียบที่ออกแบบมาเพื่อชีวิตคนไทยอย่างเราๆ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นระบบทำความเย็นเร็วทันใจ แช่น้ำ แช่เครื่องดื่มให้เย็นชื่นใจคลายร้อน หรือระบบประหยัดพลังงานที่ช่วยลดค่าไฟแต่ละเดือน (อันนี้สำคัญมากกกก!)

กลุ่มคนที่เหมาะกับตู้เย็นก็มีหลากหลายนะ ตั้งแต่คนโสดที่อยู่คอนโดหรือหอพัก ก็อาจจะต้องการตู้เย็นไซส์มินิ ครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง ที่ทำอาหารทานเองบ้าง ก็ขยับมาเป็นตู้เย็น 2 ประตูขนาดกำลังดี ส่วนบ้านไหนสมาชิกเยอะ ทำกับข้าวจัดเต็ม ก็ต้องมองหาตู้เย็นไซส์ใหญ่หน่อย อาจจะเป็น 2 ประตูขนาดใหญ่ขึ้น หรือพวกตู้เย็น Side-by-Side หรือ Multi-Door ไปเลย

ส่วนแบรนด์ตู้เย็นดังๆ ที่คนไทยคุ้นเคยและไว้ใจก็มีหลายเจ้าเลยนะ ส่วนใหญ่ก็เป็นแบรนด์จากต่างประเทศที่มีประวัติยาวนานและมีเทคโนโลยีเจ๋งๆ เช่น

  • Samsung (ซัมซุง): แบรนด์ดังจากเกาหลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์สวยล้ำ ฟังก์ชันหลากหลาย โดยเฉพาะระบบ Digital Inverter ที่ช่วยประหยัดไฟและความเย็นที่กระจายทั่วถึง
  • LG (แอลจี): อีกหนึ่งแบรนด์เกาหลีที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลกับ Samsung จุดเด่นคือเทคโนโลยี Smart Inverter และระบบทำความเย็นต่างๆ ที่ช่วยรักษาความสดของอาหาร
  • Hitachi (ฮิตาชิ): แบรนด์เก่าแก่จากญี่ปุ่น ที่คนไทยไว้ใจเรื่องความทนทาน และระบบทำความเย็นที่เสถียร
  • Panasonic (พานาโซนิค): แบรนด์ญี่ปุ่นคุณภาพดี มีเทคโนโลยี ECONAVI ช่วยประหยัดพลังงาน และระบบถนอมอาหารต่างๆ
  • Toshiba (โตชิบา): แบรนด์ญี่ปุ่นอีกเจ้าที่ได้รับความนิยม มีรุ่นที่หลากหลายทั้งขนาดเล็กและใหญ่ หลายรุ่นมาพร้อมระบบ Inverter
  • Sharp (ชาร์ป): แบรนด์ญี่ปุ่นที่มีตู้เย็นหลายขนาดให้เลือก มีเทคโนโลยีช่วยกำจัดกลิ่นและรักษาความสด
  • Haier (ไฮเออร์): แบรนด์จากจีนที่มาแรงในไทยช่วงหลังๆ โดดเด่นเรื่องราคาที่เป็นมิตรและมีเทคโนโลยี Inverter ในหลายรุ่น
  • Beko (เบโค): แบรนด์จากตุรกี ที่มีตู้เย็นดีไซน์สวย ฟังก์ชันครบครันในราคาที่เข้าถึงง่าย

จริงๆ ยังมีอีกหลายแบรนด์เลยนะ แต่ที่ยกมานี่คือที่ฮิตๆ ในตลาดบ้านเราจ้า!


2. ช่วงราคาตู้เย็นในไทย (ราคาประมาณเท่าไหร่ดี?)

เรื่องราคาเนี่ย เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อเลยใช่ไหมล่ะ! สำหรับตู้เย็นในตลาดไทยเนี่ย ราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาด ประเภท และฟังก์ชันของตู้เย็นเลยจ้า

  • ตู้เย็น 1 ประตู หรือ Mini Bar: เหมาะกับคนโสด หอพัก คอนโดเล็กๆ หรือใช้วางในห้องนอน ราคาจะน่ารักๆ หน่อย เริ่มต้นประมาณ 2,000 - 5,000 บาท (฿) ขึ้นอยู่กับขนาดและดีไซน์
  • ตู้เย็น 2 ประตู (ขนาดเล็ก-กลาง ประมาณ 6-10 คิว): เหมาะสำหรับครอบครัวเล็กๆ หรือ 2-3 คน ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 10,000 บาท (฿) มีให้เลือกหลากหลายรุ่น หลายยี่ห้อเลย รุ่นที่ใช้ระบบ Inverter อาจจะราคาสูงกว่ารุ่นธรรมดานิดหน่อย แต่ก็ช่วยประหยัดไฟในระยะยาวนะ
  • ตู้เย็น 2 ประตู (ขนาดกลาง-ใหญ่ ประมาณ 10-15 คิว): สำหรับครอบครัวขนาดกลาง 3-5 คน หรือคนที่ชอบตุนเสบียงเยอะหน่อย ราคาก็จะขยับขึ้นมาเป็นประมาณ 10,000 - 20,000 บาท (฿) ขึ้นไป รุ่นใหญ่ๆ หน่อย ฟังก์ชันเยอะๆ หรือดีไซน์พรีเมียม ราคาก็อาจจะเกิน 20,000 บาทได้
  • ตู้เย็น Side-by-Side หรือ Multi-Door (ขนาดใหญ่ 15 คิวขึ้นไป): อันนี้คือสายโปรดของบ้านที่มีสมาชิกเยอะๆ หรือชอบทำอาหาร แช่ของเยอะๆ จุใจไปเลย! ราคาจะค่อนข้างสูง เริ่มต้นตั้งแต่ 20,000 บาท (฿) ไปจนถึง 30,000-40,000 บาท (฿) หรือแพงกว่านั้นก็มีถ้าเป็นรุ่นท็อปๆ ฟังก์ชันล้ำๆ

แหล่งช้อปยอดฮิตที่เราสามารถเช็คราคาและเปรียบเทียบกันได้ก็มีเพียบเลย ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee หรือร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง Power Buy, HomePro, Central, Big C ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีโปรโมชั่นและราคาที่แตกต่างกันไป ต้องคอยหมั่นเช็คดีๆ นะจ๊ะ

สำหรับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ราคาในไทยก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับราคาในต่างประเทศนะ อาจจะมีส่วนต่างบ้างจากภาษีนำเข้า ค่าขนส่ง และการตลาด แต่ก็ไม่ถึงกับโดดไปมากจนน่าตกใจจ้า


3. แล้วเทียบกับยี่ห้ออื่นล่ะ ราคาโอเคไหม?

ถ้าให้เปรียบเทียบราคากับยี่ห้ออื่นๆ ในขนาดและฟังก์ชันใกล้เคียงกันเนี่ย ต้องบอกว่าราคาตู้เย็นในตลาดค่อนข้างจะสูสีกันนะสำหรับรุ่นที่เป็นระดับเดียวกัน แต่ก็จะมีบางแบรนด์ที่อาจจะเน้นไปที่ความคุ้มค่า ราคาจับต้องง่าย อย่าง Haier หรือ Beko ในขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Hitachi, Panasonic, Sharp, Toshiba หรือแบรนด์เกาหลีอย่าง Samsung, LG อาจจะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยในรุ่นสเปกใกล้ๆ กัน แต่ก็จะแลกมาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำกว่า ความทนทานที่อาจจะมากกว่า หรือดีไซน์ที่ดูพรีเมียมกว่าจ้า

ยกตัวอย่างเช่น ตู้เย็น 2 ประตูขนาดประมาณ 8-10 คิว รุ่นที่มีระบบ Inverter ของแบรนด์เกาหลีหรือญี่ปุ่น อาจจะเริ่มต้นที่ประมาณ 8,000 - 12,000 บาท ในขณะที่แบรนด์จีนอาจจะเริ่มต้นที่ 6,000 - 9,000 บาท ซึ่งถ้าฟังก์ชันพื้นฐานเหมือนกัน แบรนด์จีนก็ดูจะคุ้มค่ากว่าในแง่ของราคาเริ่มต้นนะ แต่ถ้ามองถึงฟังก์ชันพิเศษอื่นๆ เช่น ระบบกำจัดกลิ่น, ช่องแช่ผักควบคุมความชื้น, ระบบทำน้ำแข็งอัตโนมัติ หรือความเสถียรของระบบ Inverter แบรนด์ที่มีราคาสูงกว่าก็มักจะใส่ฟังก์ชันเหล่านี้มาให้ครบกว่า และอาจจะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าในระยะยาวจ้า

สรุปง่ายๆ คือ ถ้าเน้นประหยัด ฟังก์ชันพื้นฐานครบ แบรนด์ที่เน้นความคุ้มค่าก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการฟังก์ชันพิเศษ ความทนทาน หรือดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะต้องยอมจ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับและมีเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าจ้า


4. ซื้อแล้วได้อะไรบ้าง? (ขนส่ง ประกัน ของแถม?)

เวลาซื้อตู้เย็น ของที่จะได้มาหลักๆ เลยก็คือ ตัวตู้เย็นนั่นแหละจ้า! แต่สิ่งที่ต้องเช็คดีๆ เลยก็คือเรื่องของบริการหลังการขาย เพราะตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ ถ้ามีปัญหาจะได้ไม่ปวดหัวทีหลังนะ!

  • ค่าขนส่ง: ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าซื้อตู้เย็นขนาดใหญ่ตามห้างสรรพสินค้า ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์เจ้าใหญ่ๆ เค้ามักจะมีบริการจัดส่งฟรีถึงบ้านเลยนะ แต่ก็ต้องเช็คเงื่อนไขดีๆ ว่าฟรีถึงชั้นไหน หรือมีค่าบริการเพิ่มเติมไหมถ้าต้องยกขึ้นชั้นสูงๆ หรือพื้นที่เข้าถึงยาก บางทีซื้อร้านเล็กๆ หรือร้านค้าออนไลน์บางร้าน อาจจะมีค่าขนส่งเพิ่มเติมจ้า
  • การติดตั้ง: บางทีบริการจัดส่งก็อาจจะรวมถึงการติดตั้งให้ด้วยนะ เช่น ช่วยยกเข้าที่ เสียบปลั๊ก ตั้งระดับตู้เย็นให้เรียบร้อย อันนี้ก็ต้องสอบถามตอนซื้อให้ชัดเจนจ้า
  • ระยะเวลารับประกัน: อันนี้สำคัญมากกกก คนไทยอย่างเราให้ความสำคัญกับเรื่องประกันเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นพิเศษ เพราะกลัวพังแล้วซ่อมแพง! โดยทั่วไปแล้ว ตัวเครื่องตู้เย็นมักจะมีการรับประกันประมาณ 1 ปี แต่ที่สำคัญกว่าคือการรับประกันคอมเพรสเซอร์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของตู้เย็น ตรงนี้ส่วนใหญ่แบรนด์ดังๆ เค้าจะรับประกันยาวนานกว่า อาจจะ 5 ปี หรือบางแบรนด์ให้ถึง 10 ปี หรือ 20 ปีเลยก็มีนะ! ต้องเช็คให้ดีๆ เลยจ้าว่าคอมเพรสเซอร์รับประกันกี่ปี เพราะถ้าตัวนี้พัง ค่าซ่อมแพงหูฉี่เลยนะ
  • ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ร้าน แล้วแต่ช่วงโปรโมชั่นเลยจ้า บางทีอาจจะมีแถมอุปกรณ์เสริมเล็กๆ น้อยๆ เช่น กล่องถนอมอาหาร หรือบางทีจัดโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ ให้ผ่อน 0% ได้ยาวๆ หรือมีส่วนลดเงินคืน (Cashback) ให้ด้วยนะ

อย่าลืมสอบถามเรื่องใบรับประกันสินค้า และเก็บใบเสร็จไว้ให้ดีๆ ด้วยนะจ๊ะ เวลาเครื่องมีปัญหาจะได้เคลมได้สะดวกจ้า


5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม? (โปรโมชั่นเพียบ!)

ถ้าอยากได้ตู้เย็นในราคาดี๊ดี หรือได้โปรโมชั่นโดนๆ เนี่ย ต้องเล็งช่วงเวลาเหล่านี้ไว้เลยจ้า!

  • ช่วงเทศกาล Double Digit Sale: อันนี้คือที่สุดของความแรง! ไม่ว่าจะเป็น 11.11 (วันที่ 11 เดือน 11) หรือ 12.12 (วันที่ 12 เดือน 12) ที่แพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Lazada และ Shopee เค้าจัดมหกรรมลดราคาสินค้าทุกหมวดหมู่ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบจัดหนักจัดเต็ม! ร้านค้าที่เป็น Official Store ของแบรนด์ต่างๆ ก็มักจะเข้าร่วมโปรโมชั่นนี้ด้วย มีทั้งส่วนลดสินค้า โค้ดส่วนลดเพิ่มเติม และโปรโมชั่นส่งฟรี
  • ช่วงเทศกาลสำคัญของไทย: อย่างเช่น สงกรานต์ หรือช่วงปีใหม่ ร้านค้าต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ก็มักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อรับเทศกาล ซื้อไปเป็นของขวัญ หรือซื้อเข้าบ้านใหม่ช่วงนี้ก็คุ้ม!
  • ช่วง Mid-Year Sale หรือ Year-End Sale: กลางปีหรือปลายปี ห้างสรรพสินค้าและร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ มักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าครั้งใหญ่เพื่อเคลียร์สต๊อก บางทีมีโซน Clearance Sale ที่เอาสินค้าตัวโชว์ หรือมีตำหนิเล็กน้อยมาลดราคาแบบสุดๆ ไปเลยก็มีนะ
  • โปรโมชั่นของแต่ละร้าน: ไม่ว่าจะเป็น Power Buy Expo ที่จัดประจำ หรือโปรโมชั่นเฉพาะกิจของ HomePro, Central, Big C ก็มีมาเรื่อยๆ ต้องคอยติดตามข่าวสารจากร้านค้าที่เราสนใจไว้จ้า
  • โปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต: หลายร้านมักจะมีโปรโมชั่นผ่อน 0% หรือรับเครดิตเงินคืนเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ อันนี้ก็ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยนะ

สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มากๆ การรอซื้อช่วงโปรโมชั่นจะช่วยให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะมากกกก แถมบางทีได้ของแถม หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยนะจ๊ะ!


6. ผู้ใช้ชาวไทยว่าไง? (รีวิวมาแล้วจ้า!)

มาดูกันสิว่าคนไทยที่ซื้อตู้เย็นไปใช้แล้ว เค้ามีฟีดแบ็กกันยังไงบ้าง จากที่ส่องๆ ดูตามรีวิวใน Shopee, Lazada หรือตามเว็บบอร์ดอย่าง Pantip เนี่ย จุดที่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและมักจะรีวิวถึงก็คือ:

  • ความประหยัดไฟ: อันนี้คือ Top Priority เลยจ้า! หลายคนจะมองหาตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และมักจะเลือกที่ดาวเยอะๆ เข้าไว้ ยิ่งมีระบบ Inverter ก็ยิ่งดี หลายรีวิวบอกว่าค่าไฟลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากเปลี่ยนมาใช้ตู้เย็นใหม่
  • ความเย็นเร็วและทั่วถึง: ตู้เย็นต้องเย็นเร็วทันใจ โดยเฉพาะช่องแช่แข็งที่ต้องทำน้ำแข็งได้ไวๆ และช่องแช่เย็นที่ต้องกระจายความเย็นได้ทั่วถึงทุกมุม ไม่ใช่เย็นแค่ด้านหน้า
  • ความทนทานและการรับประกันคอมเพรสเซอร์: อย่างที่บอกว่าคนไทยห่วงเรื่องนี้มาก หลายคนรีวิวถึงความทนทานของแบรนด์เก่าแก่ และเช็คเรื่องการรับประกันคอมเพรสเซอร์ที่ยาวนานเป็นพิเศษ แม้บางรีวิวก็อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ถ้าแบรนด์มีการรับประกันที่ดี ก็ช่วยให้สบายใจได้เยอะ
  • ขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่: รีวิวหลายอันจะพูดถึงขนาดของตู้เย็นว่าเข้ากับพื้นที่ในครัว หรือคอนโดได้พอดี
  • ดีไซน์และการจัดเก็บ: ชอบดีไซน์ที่สวยงาม ช่องแบ่งต่างๆ ภายในตู้เย็นที่จัดเก็บของได้เป็นระเบียบ และชั้นวางที่แข็งแรง
  • เสียงรบกวน: ตู้เย็นระบบ Inverter มักจะทำงานเงียบ ซึ่งเป็นข้อดีที่หลายคนรีวิวถึง เพราะไม่สร้างความรำคาญ

โดยรวมแล้ว ถ้าตู้เย็นยี่ห้อไหนที่ประหยัดไฟ เย็นเร็ว ทนทาน และมีการรับประกันที่ดี มักจะได้รับคำชมและรีวิวที่ดีจากผู้ใช้ชาวไทยจ้า


7. ส่องแหล่งช้อปตู้เย็นได้ที่ไหนบ้าง?

อยากได้ตู้เย็นใหม่สักเครื่อง จะไปเดินหาซื้อได้ที่ไหนบ้างนะ? มีหลายช่องทางให้เลือกเลยจ้า:

  • ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่: เช่น Power Buy, HomePro ที่นี่จะมีตู้เย็นให้เลือกหลากหลายรุ่น หลายยี่ห้อเลย ข้อดีคือเราสามารถไปดูของจริง สัมผัสตัวเครื่อง สอบถามข้อมูลจากพนักงานได้โดยตรง บางทีมีโปรโมชั่นหน้าร้าน หรือจัดงาน Power Buy Expo ที่ลดราคาเยอะมากๆ
  • ห้างสรรพสินค้า: แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าตามห้างใหญ่ๆ เช่น Central, The Mall ก็มีตู้เย็นให้เลือกเหมือนกันนะ ข้อดีคือสะดวกสบาย เดินช้อปปิ้งอย่างอื่นไปด้วยได้ บางทีมีโปรโมชั่นของห้างเอง หรือใช้คะแนนสะสม The 1 Card แลกส่วนลดได้
  • ไฮเปอร์มาร์เก็ต: อย่าง Big C, Lotus's ก็มีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าและตู้เย็นให้เลือกซื้อนะ ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่เน้นความคุ้มค่า ราคาเข้าถึงง่าย และมักจะมีโปรโมชั่นลดราคาบ่อยๆ
  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: Lazada, Shopee เป็นแหล่งรวมร้านค้าและสินค้าที่ใหญ่มากๆ มีตู้เย็นให้เลือกเยอะสุดๆ ทั้งร้าน Official Store ของแบรนด์ต่างๆ และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ข้อดีคือเปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีโค้ดส่วนลดเพียบ และสะดวกสบายส่งตรงถึงบ้าน แต่ข้อเสียคือไม่ได้เห็นของจริง ต้องพึ่งพารูป รายละเอียดสินค้า และรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ
  • ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของแต่ละแบรนด์: บางแบรนด์อาจจะมีร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวเอง ซึ่งอาจจะมีรุ่นพิเศษ หรือโปรโมชั่นเฉพาะของร้านนั้นๆ จ้า

เลือกช่องทางที่สะดวกและตรงกับความต้องการของเราได้เลยนะ แต่ถ้าอยากเห็นของจริงก่อนตัดสินใจ ก็ไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือห้างสรรพสินค้าก่อน แล้วค่อยมาเช็คราคาออนไลน์เปรียบเทียบอีกทีก็ได้จ้า


8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงโค้งสุดท้ายแล้ววว! ถามว่าตู้เย็นสมัยนี้น่าซื้อไหม? ถ้าตู้เย็นที่บ้านเก่าแล้ว กินไฟเป็นว่าเล่น หรือเล็กเกินไปสำหรับสมาชิกในบ้าน บอกเลยว่าน่าซื้อมากๆ จ้า เพราะตู้เย็นรุ่นใหม่ๆ เนี่ย พัฒนาไปเยอะมาก ทั้งเรื่องความประหยัดไฟ (มีระบบ Inverter ฉลากเบอร์ 5 ดาวเยอะๆ), การรักษาความสดของอาหาร, และฟังก์ชันอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ช่วยให้ชีวิตในครัวง่ายขึ้นเยอะ

เหมาะกับใครบ้าง?

  • ถ้าอยู่คนเดียว หรืออยู่กัน 2 คน ห้องไม่ใหญ่มาก เน้นแช่น้ำ แช่ของกินนิดหน่อย ตู้เย็น 1 ประตู หรือ 2 ประตูขนาดเล็ก (ประมาณ 6-8 คิว) ก็เพียงพอแล้วจ้า เลือกที่ประหยัดไฟหน่อยก็คุ้มแล้ว
  • ถ้าเป็นครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง (3-4 คน) ทำอาหารทานเองบ้าง มีของที่ต้องแช่เยอะขึ้นมาหน่อย ตู้เย็น 2 ประตูขนาดกลาง (ประมาณ 9-13 คิว) กำลังดีเลยจ้า มองหารุ่นที่มีระบบ Inverter เพื่อความประหยัดไฟ และฟังก์ชันช่วยรักษาความสดของผักผลไม้ด้วยนะ
  • ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ สมาชิกเยอะ ชอบตุนเสบียง หรือทำอาหารจัดเต็มทุกวัน ตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่ หรือแบบ Side-by-Side / Multi-Door (14 คิวขึ้นไป) ตอบโจทย์แน่นอน จุของได้เยอะสะใจไปเลย! เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันครบๆ ทั้งประหยัดไฟ เย็นเร็ว และมีช่องแบ่งที่หลากหลาย

ส่วนจะเลือกรุ่นที่มีเทคโนโลยีล้ำๆ มากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการเลยจ้า ถ้าเน้นความคุ้มค่าพื้นฐาน แบรนด์ที่เป็นที่นิยมและมีฉลากเบอร์ 5 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชันพิเศษ หรือความสะดวกสบายที่มากกว่า ก็อาจจะต้องขยับงบไปเลือกรุ่นที่สูงขึ้น หรือแบรนด์ที่เน้นเทคโนโลยีจ้า

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อตู้เย็นเครื่องใหม่นะจ๊ะ ขอให้ได้ตู้เย็นที่ถูกใจ เย็นฉ่ำ ประหยัดไฟ และเป็นเพื่อนคู่ใจในครัวไปนานๆ เลยนะทุกคน! บ๊ายบายยย!


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้มาตามคำเรียกร้องของชาวหอ ชาวคอนโด หรือใครที่กำลังมองหาตู้เย็นจิ๋วแต่แจ๋ว ที่สำคัญคือหาซื้อง่ายใกล้บ้านอย่างที่โลตัส (Lotus's) กันค่ะ! ว่าแต่ไอ้เจ้าตู้เย็นไซส์มินิเนี่ย มันมีรุ่นไหนน่าตำบ้าง? ราคาเท่าไหร่? แล้วที่สำคั
รวมราคาตู้เย็นขนาดเล็กที่โลตัส รุ่นไหนน่าใช้ ประหยัดไฟ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สายเข้าครัว หรือมนุษย์ตู้เย็นทุกคน! 👋 ยุคนี้สมัยนี้ "ตู้เย็น" ไม่ได้เป็นแค่กล่องสี่เหลี่ยมไว้แช่ของให้เย็นๆ อีกต่อไปแล้วนะครับ แต่มันคือหัวใจสำคัญของบ้าน เป็นคลังเสบียงชั้นดีที่ช่วยยืดอายุอาหาร ทำให้วัตถุดิบสดใ
10 ตู้เย็น SAMSUNG รุ่นไหนดี ปี 2025 จุเยอะ ประหยัดไฟ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่น้องชาวไทยหัวใจรักความเย็นทุกคน! 🧊 ในยุคที่อากาศบ้านเราฮ้อนนนน ฮ้อนนเหมือนซ้อมตกนรกทุกวันแบบนี้ นอกจากแอร์ฉ่ำๆ แล้ว อีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ในครัวเรือนไทย ไม่ว่าจะอยู่บ้าน อยู่หอ หรืออยู่คอนโด ก็คือ... ตู้เย
10 ตู้เย็น ราคาไม่เกิน 5000 บาท ปี 2025 คุ้มค่า น่าใช้

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ! สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนมือสองคุณภาพดีในงบประมาณที่คุ้มค่า วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง Samsung Galaxy A9s หรือที่รู้จักกันในชื่อ Samsung Galaxy A9 (2018) กันครับ โทรศัพท์รุ่นนี้เคยสร้างความฮือฮาในตลาดมาแล้วด้วยฟ
โทรศัพท์ Samsung Galaxy A9s ราคามือสองล่าสุดตอนนี้เท่าไหร่
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง แหวนทอง 2 กรัม กันค่ะ ใครที่กำลังมองหาเครื่องประดับทองคำชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ ที่สวมใส่ได้ทุกวัน หรืออยากจะเริ่มต้นเก็บออมทองคำในรูปแบบที่จับต้องได้ ห้ามพลาดเลยนะคะ เพราะแหวนทอง 2 กรัม ถือเป็นตัวเลือกที
แหวนทอง 2 กรัม ราคาเท่าไหร่? อัปเดตราคาล่าสุดและลายยอดนิยม
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องตีที่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์อย่าง "อังกะลุง" กันค่ะ ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นเครื่องดนตรีที่มักใช้ในการเรียนการสอน หรือพบเห็นตามงานแสดงวัฒนธรรมต่างๆ
อังกะลุงราวและอังกะลุงเดี่ยว ราคาเท่าไหร่? ซื้อที่ไหนได้มาตรฐาน

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ

แนะนำ ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ เย็นเร็ว ประหยัดไฟ - Thaihomeshopping