กล้องฟิล์ม Pentax 67 ราคาล่าสุดในตลาดกล้องมือสอง สภาพสวยน่าสะสม


สวัสดีชาวคนรักกล้องฟิล์มทุกท่าน! วันนี้เราจะพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกของกล้องฟิล์มในตำนานที่หลายคนใฝ่ฝันอยากครอบครอง นั่นก็คือ Pentax 67 กล้องมีเดียมฟอร์แมตสุดคลาสสิกที่ยังคงสร้างสรรค์ภาพถ่ายอันน่าทึ่งได้อย่างไม่เสื่อมคลาย แม้กาลเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ก็ตาม ใครที่กำลังมองหากล้องฟิล์มสภาพสวยน่าสะสม พร้อมราคาที่น่าสนใจในตลาดกล้องมือสองของไทย ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด เพราะเราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมของเจ้ากล้องตัวนี้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่ามันคือกล้องในฝันของคุณหรือไม่!
1. ทำความรู้จักกับ Pentax 67: กล้องมีเดียมฟอร์แมตในตำนาน
สำหรับผู้ที่หลงใหลในศิลปะการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม ชื่อของ Pentax 67 ย่อมเป็นที่คุ้นหูเป็นอย่างดี กล้องรุ่นนี้คือกล้องฟิล์มประเภท SLR (Single Lens Reflex) มีเดียมฟอร์แมต จากแบรนด์ Pentax ซึ่งเป็นผู้ผลิตกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดกล้องฟิล์มและกล้องมีเดียมฟอร์แมต
Pentax 67 ได้รับการออกแบบมาเพื่อการสร้างสรรค์ภาพถ่ายบนฟิล์มขนาดใหญ่ 6x7 เซนติเมตร (ซึ่งมีขนาดจริงประมาณ 56 มม. x 70 มม.) ทำให้ได้ไฟล์ภาพที่มีความละเอียดสูง รายละเอียดคมชัด และมิติภาพที่โดดเด่นกว่ากล้องฟิล์ม 35 มม. ทั่วไป ด้วยขนาดฟิล์มที่ใหญ่กว่าถึงเกือบ 5 เท่า ทำให้กล้องตัวนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักถ่ายภาพมืออาชีพและผู้ที่ต้องการคุณภาพสูงสุดจากภาพฟิล์ม อาทิ ช่างภาพสาย Landscape, Portrait, แฟชั่น, หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการยกระดับงานอดิเรกการถ่ายภาพฟิล์มให้จริงจังยิ่งขึ้น
กล้องรุ่นนี้มีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับกล้อง SLR 35 มม. ทั่วไป แต่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกคุ้นเคยกับการถือและใช้งานได้ไม่ยากนัก แม้จะเป็นกล้องมีเดียมฟอร์แมตก็ตาม Pentax 67 มีหลายโมเดลที่ถูกพัฒนาออกมาตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ Asahi Pentax 6x7 (เปิดตัวปี 1969), Asahi Pentax 6x7 MLU (เพิ่มฟังก์ชัน Mirror Lock-Up ในปี 1976), Pentax 67 (ปรับปรุงเล็กน้อยในปี 1990) และ Pentax 67II (รุ่นที่สี่ เปิดตัวปี 1999) แต่ละรุ่นก็ยังคงมอบประสบการณ์การถ่ายภาพฟิล์มอันเป็นเอกลักษณ์และคุณภาพอันยอดเยี่ยมเสมอมา
2. ช่วงราคา Pentax 67 ในตลาดกล้องมือสองไทย
สำหรับ กล้องฟิล์ม Pentax 67 ในตลาดมือสองของไทย ราคาจะมีความหลากหลายอย่างมาก ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย สภาพตัวกล้องและเลนส์ รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่มาพร้อมชุด โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถพบเจอราคาของกล้องรุ่นนี้ได้ตั้งแต่ประมาณ 25,000 - 80,000 บาท (฿) หรืออาจสูงกว่านั้นสำหรับรุ่น Pentax 67II ที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า และมีฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัยกว่า
ยกตัวอย่างเช่น:
- กล้อง Pentax 67 รุ่นแรกๆ หรือรุ่น MLU อาจเริ่มต้นที่ 25,000 - 45,000 บาท สำหรับชุดบอดี้พร้อมเลนส์มาตรฐาน 105mm f/2.4 และปริซึมวัดแสง ซึ่งเป็นเซ็ตยอดนิยมที่มักจะพบเห็นในตลาดมือสอง
- สำหรับเลนส์เดี่ยวๆ เช่น SMC Pentax 67 55mm F4 อาจอยู่ที่ประมาณ 8,550 - 9,500 บาท
- ส่วน Pentax 67II ซึ่งเป็นรุ่นที่ใหม่ที่สุดและมีฟังก์ชันที่ได้รับการปรับปรุง อาจมีราคาสูงถึง 60,000 - 80,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพและความหายาก
แหล่งที่คุณจะพบกล้อง Pentax 67 ในตลาดไทยส่วนใหญ่คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมอย่าง Shopee และ Lazada รวมถึงกลุ่มซื้อขายกล้องฟิล์มมือสองบน Facebook ที่มีผู้ใช้งานและร้านค้าเฉพาะทางนำมาเสนอขายเป็นจำนวนมาก คุณจะไม่พบกล้องรุ่นนี้ในร้านค้าปลีกอุปกรณ์ไอทีทั่วไปอย่าง JIB, Banana IT, หรือ Power Buy เนื่องจากเป็นกล้องฟิล์มเฉพาะทางที่เลิกผลิตไปนานแล้ว และไม่มีความเกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศโดยตรง เพราะเป็นการซื้อขายสินค้าระหว่างผู้ใช้งานหรือร้านค้าในประเทศเป็นหลัก
3. เปรียบเทียบราคากับกล้องฟิล์มมีเดียมฟอร์แมตใกล้เคียง
เมื่อเทียบกับกล้องฟิล์มมีเดียมฟอร์แมตแบรนด์อื่นที่มีฟังก์ชันใกล้เคียงกันในตลาดมือสอง Pentax 67 ถือว่ามีราคาที่สมเหตุสมผลและน่าสนใจทีเดียว
- หากเทียบกับ Mamiya RB67 หรือ RZ67 ซึ่งเป็นกล้องมีเดียมฟอร์แมตแบบ SLR เช่นกัน แต่เป็นระบบโมดูลาร์ที่สามารถเปลี่ยน Back ฟิล์มได้ ราคาของ Mamiya มักจะอยู่ในช่วง 20,000 - 50,000 บาท หรือสูงกว่านั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและเลนส์ที่มาพร้อมกัน Pentax 67 จะให้ความรู้สึกในการจับถือที่คล้ายกับกล้อง DSLR ทั่วไปมากกว่า ในขณะที่ Mamiya จะมีน้ำหนักมากกว่าและมีกลไกที่ซับซ้อนกว่า เหมาะสำหรับใช้งานบนขาตั้งกล้องเป็นหลัก
- สำหรับกล้องมีเดียมฟอร์แมต TLR (Twin Lens Reflex) อย่าง Rolleiflex หรือ Yashica Mat ซึ่งมีดีไซน์และประสบการณ์การถ่ายภาพที่แตกต่างออกไป มักจะมีราคาอยู่ในช่วงที่หลากหลาย ตั้งแต่หลักหมื่นกลางๆ ไปจนถึงหลักแสนสำหรับรุ่นที่หายากและเป็นที่ต้องการ
- ส่วน Hasselblad ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์มีเดียมฟอร์แมตระดับตำนาน มักจะมีราคาสูงกว่า Pentax 67 อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในรุ่นที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งอาจมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาท ไปจนถึงหลักแสนบาท ทำให้ Pentax 67 เป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพไฟล์มีเดียมฟอร์แมตในงบประมาณที่จำกัด แต่ยังคงให้ประสบการณ์การใช้งานแบบ SLR ที่คุ้นเคย
โดยสรุปคือ Pentax 67 มอบความคุ้มค่าในแง่ของ คุณภาพไฟล์ขนาดใหญ่ 6x7 และ การควบคุมที่คุ้นเคยแบบ SLR ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ากล้องมีเดียมฟอร์แมตระดับไฮเอนด์บางรุ่น ทำให้เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการกล้องฟิล์มประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องการงบประมาณที่บานปลายนัก
4. อุปกรณ์เสริมและบริการที่มาพร้อมกล้องมือสอง
เมื่อคุณตัดสินใจซื้อ Pentax 67 ในตลาดมือสอง สิ่งที่มักจะมาพร้อมกับกล้องและสิ่งที่ควรพิจารณามีดังนี้:
- ตัวกล้อง (Body): สภาพโดยรวม ความสมบูรณ์ของกลไกชัตเตอร์และบอดี้ รวมถึงห้องฟิล์มที่ต้องสะอาดและไม่มีรอยรั่ว
- เลนส์: โดยส่วนใหญ่จะมาพร้อมเลนส์มาตรฐานอย่าง SMC Pentax 67 105mm f/2.4 หรือ 90mm f/2.8 ซึ่งเป็นเลนส์ที่ให้ภาพสวยงามและเป็นที่นิยม ควรตรวจสอบสภาพเลนส์ว่ามีฝุ่น รา ฝ้า หรือรอยขีดข่วนรุนแรงหรือไม่
- ปริซึม (Viewfinder/Prism): อาจเป็นปริซึมธรรมดา หรือปริซึมแบบ TTL ที่มีระบบวัดแสงในตัว ซึ่งช่วยให้การวัดแสงสะดวกขึ้นมากสำหรับกล้องรุ่นนี้
- กริปไม้ (Wooden Grip): เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้การจับถือกล้อง Pentax 67 ที่มีน้ำหนักมากทำได้ถนัดมือยิ่งขึ้น บางชุดอาจมีมาให้ หรืออาจต้องซื้อแยกต่างหาก
- แบตเตอรี่: กล้อง Pentax 67 ใช้แบตเตอรี่สำหรับระบบวัดแสงและชัตเตอร์ไฟฟ้า (ยกเว้นรุ่น 6x7 MLU บางส่วนที่เป็นกลไกล้วน) ควรสอบถามประเภทแบตเตอรี่และว่ามาพร้อมแบตเตอรี่หรือไม่
- สายคล้องคอ/สายสะพาย: เนื่องจากกล้องมีน้ำหนักมาก สายสะพายที่แข็งแรงและลดน้ำหนักได้จะช่วยให้การพกพาดีขึ้น
- ฝาปิดหน้าเลนส์และฝาปิดบอดี้: เพื่อป้องกันเลนส์และเซ็นเซอร์จากฝุ่นและสิ่งสกปรก
ในส่วนของ บริการที่รวมมา เนื่องจากเป็นสินค้ามือสอง:
- ค่าจัดส่ง: หากซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee หรือ Lazada บางร้านอาจมีโปรโมชั่น ส่งฟรี หรือมีค่าจัดส่งเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไข
- การรับประกัน: กล้องฟิล์มมือสองส่วนใหญ่จะ ไม่มีการรับประกันจากศูนย์ แล้ว แต่ร้านค้ากล้องฟิล์มเฉพาะทางบางแห่งอาจให้ ประกันร้าน ระยะสั้นๆ เช่น 7 วัน หรือ 30 วัน เพื่อให้ลูกค้าได้ทดสอบการใช้งาน หากซื้อจากผู้ใช้งานโดยตรงอาจไม่มีการรับประกันใดๆ ดังนั้นควรตรวจสอบและพูดคุยกับผู้ขายให้ชัดเจน
- ของแถม/โปรโมชั่น: อาจมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ เช่น ฟิล์มสักม้วน หรืออุปกรณ์ทำความสะอาด ขึ้นอยู่กับผู้ขายแต่ละราย
5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ
การซื้อ Pentax 67 ในตลาดมือสอง แม้จะไม่ได้มีโปรโมชั่นเฉพาะรุ่นเหมือนสินค้าใหม่ แต่ก็ยังมีโอกาสได้ราคาดีในช่วงเทศกาลสำคัญๆ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ:
- เทศกาลลดราคา Double Digit Sale: เช่น 11.11 หรือ 12.12 บน Lazada และ Shopee มักจะมีโค้ดส่วนลดค่าจัดส่ง โค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์ม หรือโปรโมชั่น Cash Back ที่สามารถนำมาใช้กับการซื้อกล้องมือสองได้ ทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้มากขึ้น
- เทศกาลไทย: เช่น ช่วงสงกรานต์ หรือปีใหม่ บางร้านค้าอาจจัดโปรโมชั่นเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย
- ร้านค้าแฟลกชิพ/ร้านค้าแนะนำ: บนแพลตฟอร์มอย่าง Shopee หรือ Lazada แม้จะเป็นร้านค้ามือสอง แต่หากเป็นร้านที่มีเรตติ้งดีและมีประวัติการขายมายาวนาน อาจมีโปรโมชั่นหมุนเวียน หรือโค้ดส่วนลดสำหรับลูกค้าประจำ
คำแนะนำในการซื้อ:
หากคุณไม่ได้รีบมาก การ รอซื้อในช่วงโปรโมชั่น ใหญ่ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อใช้ประโยชน์จากโค้ดส่วนลดหรือโปรโมชั่นค่าจัดส่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ ตรวจสอบสภาพกล้องอย่างละเอียด พูดคุยกับผู้ขายเพื่อสอบถามประวัติการใช้งานและสภาพกล้องให้แน่ใจ หากเป็นไปได้ ควรขอดูรูปภาพหรือวิดีโอเพิ่มเติมในมุมต่างๆ หรือหากสามารถนัดรับสินค้าเพื่อตรวจสอบสภาพจริงได้ จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและดีที่สุด
6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย
จากประสบการณ์และรีวิวของผู้ใช้ Pentax 67 ในประเทศไทย เสียงตอบรับส่วนใหญ่บ่งชี้ถึงความพึงพอใจอย่างสูง โดยเฉพาะในด้านคุณภาพของภาพถ่ายและประสบการณ์การใช้งานที่โดดเด่น:
- คุณภาพของภาพถ่าย: ผู้ใช้จำนวนมากต่างชื่นชมในความคมชัด รายละเอียดที่ยอดเยี่ยม และมิติของภาพที่ได้จากฟิล์ม 6x7 ของ Pentax 67 สีสันที่ได้จากเลนส์ Pentax ก็เป็นอีกจุดเด่นที่หลายคนชื่นชอบ
- ความรู้สึกในการใช้งานแบบ SLR: แม้จะเป็นกล้องมีเดียมฟอร์แมต แต่การออกแบบที่คล้ายกับกล้อง SLR 35 มม. ทำให้ผู้ใช้รู้สึกคุ้นเคยและใช้งานได้ง่ายกว่ากล้องมีเดียมฟอร์แมตบางประเภท
- ความทนทานและแข็งแรง: Pentax 67 ได้รับการยอมรับในเรื่องของความทนทานและงานประกอบที่แข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่คนไทยให้ความสำคัญ
- น้ำหนักและขนาด: จุดนี้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย หลายคนชื่นชอบที่มันให้ความรู้สึกมั่นคงในการจับถือ แต่ในขณะเดียวกัน น้ำหนักที่มากและขนาดที่ใหญ่ก็เป็นข้อจำกัดในการพกพาไปในบางสถานการณ์
- เสียงชัตเตอร์: ด้วยกลไกการทำงานของกระจกและชัตเตอร์ขนาดใหญ่ ทำให้เกิด "Mirror Slap" หรือเสียงและแรงสั่นสะเทือนขณะถ่าย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ผู้ใช้ต้องทำความคุ้นเคย และบางคนก็หลงใหลในเสียงอันเป็นเอกลักษณ์นี้
โดยรวมแล้ว ผู้ใช้ในไทยมองว่า Pentax 67 เป็นกล้องที่ คุ้มค่ากับการลงทุน หากต้องการคุณภาพไฟล์ฟิล์มระดับสูง และไม่ได้กังวลเรื่องน้ำหนักหรือขนาดที่ใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกล้องฟิล์มคู่ใจที่พร้อมสร้างสรรค์ผลงานอันน่าประทับใจ
7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ
เนื่องจาก Pentax 67 เป็นกล้องฟิล์มรุ่นเก่าที่เลิกผลิตไปแล้ว ช่องทางการซื้อจึงมุ่งเน้นไปที่ตลาดมือสองเป็นหลัก โดยมีช่องทางที่แนะนำดังนี้:
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ในไทย:
- Shopee และ Lazada: เป็นแหล่งรวมร้านค้ากล้องฟิล์มมือสองและผู้ขายรายย่อยจำนวนมาก ข้อดีคือมีตัวเลือกหลากหลาย สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย และมีโปรโมชั่นส่วนลดหรือโค้ดส่งฟรีเป็นครั้งคราว แต่ข้อควรระวังคือคุณต้องอาศัยข้อมูลและรูปภาพจากผู้ขายเป็นหลัก และควรตรวจสอบรีวิวหรือเครดิตของผู้ขายอย่างละเอียด
- กลุ่มซื้อขายกล้องฟิล์มมือสองบน Facebook:
- เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรักกล้องฟิล์มในไทย ผู้ขายมักเป็นผู้ใช้ด้วยกันเอง ทำให้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ขอดูรูปภาพหรือวิดีโอสภาพกล้องได้โดยตรง และบางครั้งอาจได้ราคาที่ดีกว่าการซื้อผ่านร้านค้า ข้อควรระวังคือระมัดระวังมิจฉาชีพ และหากเป็นไปได้ ควรนัดเจอเพื่อตรวจสอบสภาพสินค้าด้วยตนเองก่อนตัดสินใจซื้อ
- ร้านกล้องฟิล์มมือสองเฉพาะทาง:
- ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ มีร้านค้ากล้องฟิล์มมือสองโดยเฉพาะหลายแห่ง ข้อดีคือคุณสามารถเข้าไป ลองจับ ลองทดสอบการทำงาน ของกล้องได้ด้วยตัวเอง ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และบางร้านอาจมีการรับประกันร้านระยะสั้นๆ ให้ด้วย แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคามักจะสูงกว่าการซื้อจากผู้ใช้งานโดยตรงหรือบนแพลตฟอร์มออนไลน์เล็กน้อย
ไม่มีช่องทาง "ทางการ" จาก Pentax ในไทยที่จำหน่ายรุ่นนี้แล้ว เนื่องจากเป็นกล้องที่ไม่ได้ผลิตใหม่
8. สรุปความคุ้มค่าและคำแนะนำในการซื้อ
โดยสรุปแล้ว กล้องฟิล์ม Pentax 67 ในตลาดมือสอง ณ ปัจจุบัน ยังคงเป็นกล้องที่ น่าลงทุนและคุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพไฟล์ภาพอันโดดเด่นจากฟิล์มมีเดียมฟอร์แมต 6x7 และชื่นชอบการถ่ายภาพแบบ SLR ที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและมั่นคง
กล้องรุ่นนี้เหมาะสำหรับ:
- นักถ่ายภาพฟิล์มมืออาชีพหรือผู้ที่ต้องการยกระดับฝีมือ: ด้วยคุณภาพไฟล์ที่ยอดเยี่ยม Pentax 67 สามารถตอบโจทย์การทำงานระดับมืออาชีพและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้อย่างแท้จริง
- ผู้ที่หลงใหลในความคลาสสิกและงานประกอบที่แข็งแรง: กล้องตัวนี้คืออุปกรณ์ที่ถูกสร้างมาอย่างประณีตและทนทาน พร้อมมอบประสบการณ์การถ่ายภาพอันเป็นเอกลักษณ์
- ผู้ที่ต้องการคุณภาพสูงสุดจากฟิล์ม แต่ยังต้องการความสะดวกในการใช้งานแบบ SLR: หากคุณมองหากล้องมีเดียมฟอร์แมตที่ใช้งานง่ายกว่ากล้องโมดูลาร์บางรุ่น และให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง Pentax 67 คือคำตอบ
สำหรับคำแนะนำในการเลือกรุ่น หากงบประมาณไม่ใช่ปัญหา Pentax 67II (รุ่นที่ใหม่ที่สุด) จะให้ฟังก์ชันที่ทันสมัยกว่า เช่น ระบบวัดแสงที่ดีขึ้น การออกแบบที่จับถือสะดวกขึ้น และมีน้ำหนักเบาลงเล็กน้อย แต่ก็มาพร้อมราคาที่สูงกว่ามาก หากคุณต้องการประหยัดงบแต่ยังคงได้คุณภาพไฟล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Pentax 67 รุ่น Pentax 67 (รุ่นปี 1990) หรือ Pentax 6x7 MLU (รุ่นที่มี Mirror Lock-Up) ก็เป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่า และให้คุณภาพไฟล์ที่ใกล้เคียงกันในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก
ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด การตรวจสอบสภาพกล้องอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อคือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณได้ Pentax 67 สภาพสวยน่าสะสม ที่พร้อมจะสร้างสรรค์ภาพถ่ายในสไตล์ที่เป็นคุณได้อย่างยาวนาน ขอให้สนุกกับการออกไปถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มคู่ใจตัวใหม่ของคุณ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา iPhone 12 ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคา iPhone 4 ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคา iPhone 11 ติดโปร AIS อัปเดตล่าสุด ผ่อนได้ไหม?
ราคา Johnnie Walker Platinum Label ล่าสุด (อัปเดตปี 2025)
ราคา iPhone 15 Pro ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025
ราคา iPhone XR ล่าสุด โปรโมชั่น และเคล็ดลับการซื้อ ปี 2025