logo

รีวิวทำเคราตินผม เปลี่ยนผมเสียให้สวยตรง มีน้ำหนัก ขั้นตอนเป็นอย่างไร

user avatar
สุวนันท์ วิเศษสมบัติ·07/21/2025T05:25Z
点赞
รีวิวทำเคราตินผม เปลี่ยนผมเสียให้สวยตรง มีน้ำหนัก ขั้นตอนเป็นอย่างไร

ผมเสียแห้งชี้ฟูจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหม? ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาผมแห้งเสียจากการทำสี ดัด ยืด หรือแม้แต่การใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผมทุกวัน จนผมเริ่มกระด้าง ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก จัดทรงยากเหลือเกิน “การทำเคราตินผม” อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหา! บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่าเคราตินทรีทเมนต์คืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร ผมเสีย ๆ จะกลับมาสวยตรง มีน้ำหนักได้จริงหรือเปล่า และคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ เรามีคำตอบให้คุณครบ!


1. ภาพรวมของเคราตินทรีทเมนต์: โปรตีนกู้ผมเสียให้กลับมาเกิดใหม่

เคราตินคืออะไร: เคราตินคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบหลักของเส้นผม ผิวหนัง และเล็บของเรา ทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้เส้นผม แต่เมื่อผมต้องเผชิญกับสารเคมีหรือความร้อนบ่อย ๆ โปรตีนเคราตินเหล่านี้จะถูกทำลายไป ทำให้ผมอ่อนแอ แห้งเสีย เปราะขาดง่าย การทำเคราตินทรีทเมนต์จึงเป็นการเติมโปรตีนเคราตินเข้าสู่เส้นผมเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างที่เสียหาย ให้ผมกลับมามีสุขภาพดีขึ้น

ประเภทของเคราตินทรีทเมนต์: ปัจจุบันมีทั้งเคราตินที่ใช้ในร้านซาลอน (Keratin Treatment/Keratin Smoothing) และเคราตินแบบทำเองที่บ้าน (Home Keratin Kit/Keratin Hair Mask)

ตำแหน่งในตลาด: เคราตินทรีทเมนต์เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผมเสียให้กลับมานุ่มลื่น เงางาม มีน้ำหนัก และลดผมชี้ฟู ทำให้จัดทรงง่ายขึ้น โดยไม่เน้นการเปลี่ยนโครงสร้างผมให้ตรงถาวรแบบการยืดผมทั่วไป

จุดเด่นหลักของเคราตินทรีทเมนต์:

  • ฟื้นฟูผมเสียจากการทำเคมีและความร้อน
  • ลดผมชี้ฟูและทำให้ผมเรียบลื่น จัดทรงง่าย
  • เพิ่มน้ำหนักและความเงางามให้เส้นผม
  • ช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้น ลดการขาดหลุดร่วง
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล

2. ขั้นตอนการทำเคราติน: เนรมิตผมสวยได้ทั้งที่บ้านและที่ร้าน

การทำเคราตินสามารถทำได้ทั้งที่ร้านซาลอนและทำเองที่บ้าน โดยขั้นตอนหลักๆ จะคล้ายกัน

ขั้นตอนทั่วไปของการทำเคราติน:

  1. สระผม: เริ่มจากการสระผมด้วยแชมพูสูตรขจัดสิ่งตกค้างเพื่อทำความสะอาดเส้นผมและเปิดเกล็ดผมให้พร้อมรับการบำรุง โดยไม่ใช้ครีมนวด
  2. เป่าผมให้หมาด: ซับผมให้หมาดประมาณ 80-90% หรือตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์
  3. ลงเคราติน: แบ่งผมเป็นช่อเล็กๆ แล้วชโลมผลิตภัณฑ์เคราตินให้ทั่วเส้นผมทีละช่อ ตั้งแต่โคนจรดปลาย หลีกเลี่ยงการโดนหนังศีรษะโดยตรง จากนั้นใช้หวีซี่ถี่ๆ หวีให้เคราตินซึมซาบอย่างทั่วถึง
  4. ทิ้งระยะเวลา: ทิ้งไว้ตามเวลาที่ผลิตภัณฑ์กำหนด ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง 15-45 นาที เพื่อให้เคราตินซึมเข้าสู่เส้นผมอย่างเต็มที่ (ขั้นตอนนี้บางผลิตภัณฑ์อาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย ควรทำในที่ระบายอากาศดี)
  5. เป่าให้แห้งและรีดผม: เป่าผมให้แห้งสนิทโดยไม่ต้องล้างเคราตินออก จากนั้นใช้เครื่องหนีบผมไฟฟ้ารีดผมทีละช่อเล็กๆ ด้วยความร้อนที่เหมาะสม (มักจะสูงประมาณ 180-220 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับสภาพผมและผลิตภัณฑ์) เพื่อช่วยล็อกเคราตินให้อยู่ในเส้นผม และทำให้ผมเรียบตรง
  6. ล้างออกและบำรุง: พักผมให้เย็น 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด (บางสูตรอาจให้ล้างออกด้วยแชมพูและนวดด้วยสปา/ครีมนวด)
  7. เป่าแห้งและจัดทรง: เป่าผมให้แห้งตามปกติ คุณจะสังเกตเห็นความแตกต่างของเส้นผมที่เรียบลื่น มีน้ำหนัก และจัดทรงง่ายขึ้นทันที

3. ประสบการณ์หลังทำ: ผมสวยเหมือนใหม่ในทันที

หลังจากทำเคราตินทรีทเมนต์ สิ่งที่คุณจะสัมผัสได้คือเส้นผมที่นุ่มสลวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีความเงางาม และลดการชี้ฟูได้อย่างดีเยี่ยม เส้นผมจะดูมีน้ำหนักมากขึ้น จัดทรงง่าย ไม่พันกัน ทำให้ประหยัดเวลาในการจัดแต่งทรงผมในแต่ละวัน ผมจะดูตรงเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อเหมือนการยืดผมถาวรบางประเภท

สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมแห้งเสียจากการทำเคมีบ่อยๆ เช่น ทำสี ฟอก ยืด หรือดัด การเติมเคราตินจะช่วยฟื้นฟูสภาพผมที่เสียหาย ให้กลับมามีชีวิตชีวาได้ บางคนที่มีผมหยักศกเล็กน้อยหรือผมชี้ฟูมาก อาจพบว่าผมตรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เคราตินไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างผมถาวรเหมือนการยืดผม ดังนั้นผมที่หยิกมากอาจจะไม่ได้ตรงสนิท แต่จะลดความฟูและจัดทรงง่ายขึ้น


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้

ความง่ายในการใช้งาน:

  • ทำที่ร้านซาลอน: สะดวกสบาย ไม่ต้องลงมือเอง ช่างผู้เชี่ยวชาญจะดูแลทุกขั้นตอน ทำให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้
  • ทำเองที่บ้าน: มีผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองวางขายมากมาย ซึ่งมาพร้อมคำแนะนำที่ทำตามได้ไม่ยากนัก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม การลงผลิตภัณฑ์ให้ทั่วถึงและรีดผมให้ตรงทุกช่ออาจต้องอาศัยความชำนาญและใช้เวลาพอสมควร

ความรู้สึกระหว่างและหลังทำ:

  • กลิ่น: ผลิตภัณฑ์เคราตินบางชนิดอาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย โดยเฉพาะชนิดที่มีส่วนผสมของฟอร์มัลดีไฮด์ (ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารอันตราย หรือทำในที่ระบายอากาศดี) แต่หลายยี่ห้อในปัจจุบันมีกลิ่นหอมและไม่แสบตา
  • ความสบาย: หลังทำ ผมอาจรู้สึกหนักขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรก แต่จะนุ่มลื่นและจัดทรงง่ายในระยะยาว
  • การดูแลหลังทำ: สิ่งสำคัญคืองดสระผม 2-3 วันหลังทำ และควรใช้แชมพูที่ปราศจากซัลเฟต (Sulfate-Free) เพื่อยืดอายุผลลัพธ์ของเคราติน หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผมเปียกชื้นมาก เช่น ว่ายน้ำในสระน้ำคลอรีน หรือน้ำทะเล

5. ความคุ้มค่าในระยะยาว: ผมสวยที่คงทนแค่ไหน?

ระยะเวลาของผลลัพธ์: การทำเคราตินทรีทเมนต์ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน โดยขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมเดิม การดูแลรักษาหลังทำ และความถี่ในการสระผม การสระผมบ่อย หรือการใช้แชมพูที่มีซัลเฟต อาจทำให้เคราตินหลุดออกได้เร็วขึ้น

ค่าใช้จ่ายระยะยาว:

  • ทำที่ร้านซาลอน: ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าการทำเองที่บ้าน โดยเฉลี่ยอาจอยู่ที่หลักพันบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความยาวผม สภาพผม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้
  • ทำเองที่บ้าน: มีผลิตภัณฑ์เคราตินแบบ Home Kit ให้เลือกซื้อในราคาหลักร้อยบาท ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

การวิเคราะห์ความคุ้มค่า: หากคุณเป็นคนที่มีผมแห้งเสีย ชี้ฟู หรือต้องการลดเวลาในการจัดแต่งทรงผมทุกวัน การทำเคราตินถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะช่วยให้ผมดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและจัดการง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความถี่ในการทำ เนื่องจากหากทำบ่อยเกินไปโดยไม่จำเป็น หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลเสียต่อเส้นผมในระยะยาวได้


6. ข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี:

  • ฟื้นฟูผมเสียอย่างเร่งด่วน: เติมโปรตีนสู่เส้นผมที่เสียหายจากความร้อน สารเคมี และมลภาวะ ให้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น
  • ลดผมชี้ฟูอย่างเห็นผล: ทำให้ผมเรียบลื่น มีน้ำหนัก และจัดทรงง่ายขึ้น
  • เพิ่มความเงางาม: ผมจะดูเงาเป็นประกาย นุ่มสลวยน่าสัมผัส
  • ประหยัดเวลาจัดแต่งทรง: ผมเรียบตรงเป็นธรรมชาติ ทำให้ลดเวลาในการไดร์หรือหนีบผม
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: โดยเฉลี่ย 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

ข้อเสีย:

  • ค่าใช้จ่ายสูง (หากทำที่ร้าน): โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์คุณภาพดีและร้านที่มีชื่อเสียง
  • กลิ่น/สารเคมี (บางผลิตภัณฑ์): ผลิตภัณฑ์บางชนิด โดยเฉพาะสูตรที่เน้นให้ผมตรงมาก อาจมีส่วนผสมของฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งมีกลิ่นฉุนและอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • ไม่ใช่การยืดผมถาวร: ผมที่ขึ้นใหม่จะยังคงสภาพเดิม และผลลัพธ์จะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลา
  • ต้องดูแลรักษาหลังทำ: ต้องใช้แชมพูที่ปราศจากซัลเฟต และหลีกเลี่ยงการสระผมบ่อยในช่วงแรก เพื่อยืดอายุเคราติน
  • ความเสี่ยงหากทำบ่อยเกินไป: การทำทรีทเมนต์เคราตินบ่อยเกินไป หรือการใช้ความร้อนสูงในการรีดผม อาจทำให้ผมอ่อนแอหรือขาดร่วงได้

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการตัดสินใจซื้อ

เคราตินทรีทเมนต์เหมาะกับ:

  • ผู้ที่มีผมแห้งเสีย ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก และจัดทรงยาก
  • ผู้ที่ผ่านการทำเคมีกับเส้นผมมาบ่อยๆ เช่น ทำสี ยืด ดัด และต้องการฟื้นฟูผมอย่างเร่งด่วน
  • ผู้ที่ต้องการให้ผมเรียบลื่น มีน้ำหนัก แต่ไม่ต้องการผมตรงแบบทื่อๆ เหมือนการยืดถาวร
  • ผู้ที่ต้องการลดเวลาในการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวัน

ไม่เหมาะกับ:

  • ผู้ที่มีผมแข็งแรงดีอยู่แล้ว หรือผู้ที่ต้องการคงสภาพผมหยิก/หยักศกตามธรรมชาติ
  • ผู้ที่ต้องการผมตรงถาวรแบบ 100% เพราะเคราตินเป็นการบำรุง ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างผมถาวร

ควรทำเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า? หากคุณมีปัญหาผมเสียที่ต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การทำเคราตินทรีทเมนต์เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากงบประมาณจำกัด การรอช่วงโปรโมชั่นจากร้านซาลอน หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองที่บ้าน ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดได้มาก


8. เปรียบเทียบกับทรีทเมนต์ดูแลผมคล้ายๆ กัน

หลายคนอาจสับสนระหว่าง "เคราตินทรีทเมนต์" กับ "การยืดผมถาวร" หรือ "การบำรุงผมทั่วไป"

  • เคราตินทรีทเมนต์ (Keratin Treatment/Keratin Smoothing): เป็นการเติมโปรตีนเคราตินเข้าสู่เส้นผม เน้นการบำรุง ฟื้นฟู ลดชี้ฟู เพิ่มน้ำหนัก และทำให้ผมเรียบลื่น มีความตรงเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร อยู่ได้ 3-6 เดือน เหมาะกับผมแห้งเสีย ผมชี้ฟู
  • การยืดผมถาวร (Hair Rebonding/Straightening Perm): เป็นการใช้สารเคมีเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างพันธะภายในเส้นผม ทำให้ผมตรงถาวร เหมาะกับผู้ที่ต้องการผมตรงสนิท และผมที่แข็งแรงพอสมควร เพราะอาจทำให้ผมเสียได้หากผมอ่อนแอ
  • ครีมหมักผมเคราติน/ทรีทเมนต์เคราตินแบบใช้เองที่บ้าน: มีส่วนผสมของเคราตินเข้มข้น ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ลดผมชี้ฟู และเพิ่มความนุ่มลื่นให้เส้นผม สามารถทำได้บ่อยครั้ง (1-2 ครั้งต่อสัปดาห์) ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะสั้นและต่อเนื่องหากใช้เป็นประจำ คุ้มค่ากว่าในแง่ราคา

9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ

สำหรับการทำเคราตินที่ร้านซาลอน: ควรเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ มีช่างผู้เชี่ยวชาญ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ร้านที่ดีมักจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผมหลังทำอย่างละเอียด ควรสอบถามเกี่ยวกับนโยบายการรับประกันผลลัพธ์ (หากมี) หรือบริการดูแลหลังการทำเพิ่มเติม

สำหรับผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองที่บ้าน: สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าออนไลน์ (เช่น Shopee, Lazada) หรือร้านขายอุปกรณ์ความงามชั้นนำ มักมีโปรโมชั่นส่วนลดหรือโค้ดส่งฟรีบ่อยๆ ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวที่ดี และตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ว่าปลอดภัย ไม่มีสารอันตรายเกินมาตรฐาน (เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ในปริมาณที่สูงเกินไป)


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ

จากทั้งหมดที่กล่าวมา หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะกู้ผมเสีย แห้งชี้ฟู ให้กลับมาสวยตรง มีน้ำหนัก และจัดทรงง่ายขึ้นอย่างเห็นผล การทำเคราตินทรีทเมนต์คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

  • สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว พร้อมงบประมาณที่พร้อมจ่าย: แนะนำให้เข้ารับบริการที่ร้านซาลอนที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการทำเอง
  • สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณและต้องการบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง: การใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองที่บ้าน (Home Keratin Kit หรือ Keratin Hair Mask) เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยม แม้ผลลัพธ์อาจไม่เข้มข้นเท่าการทำที่ร้าน แต่หากทำเป็นประจำและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยฟื้นฟูผมให้กลับมาสุขภาพดีได้ไม่แพ้กัน

สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาเส้นผมหลังทำเคราตินอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้แชมพูและครีมนวดที่ปราศจากซัลเฟต รวมถึงการหลีกเลี่ยงความร้อนจัดแต่งทรงผมมากเกินไป เพื่อยืดอายุผลลัพธ์ของผมสวยเรียบลื่นไปให้นานที่สุด

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

กำลังมองหาที่พักในเชียงใหม่ที่เดินทางสะดวกสบาย อยู่ใจกลางเมืองเก่า และราคาดีอยู่ใช่ไหม? โรงแรมรอยัล พรรณราย เชียงใหม่ อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา! ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกทุกซอกทุกมุมของโรงแรมแห่งนี้ ตั้งแต่ห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก ไปจนถ
รีวิวโรงแรม รอยัล พรรณราย เชียงใหม่ ที่พักใจกลางเมืองเก่า เดินทางสะดวก
กำลังมองหาทีวีใหม่ที่ให้ภาพสวยคมชัด เสียงกระหึ่มเหมือนโรงหนัง แต่ราคาไม่แรงเกินไปอยู่ใช่ไหม? วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึก LG 55SK8000PTA ทีวี 4K Super UHD ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Nano Cell Display อันเป็นเอกลักษณ์ของ LG ที่เคยสร้างความฮือฮาเมื่อ
รีวิวทีวี LG 55SK8000PTA Nano Cell Display 4K ภาพสวยเสียงดี คุ้มค่ามั้ย
เบื่อไหมกับใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า? นอนดึกตาบวมจนเพื่อนทัก? ถ้าคุณกำลังมองหาตัวช่วยกอบกู้ใต้ตาให้กลับมาสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง บทความนี้มีคำตอบ! วันนี้เราจะพามารีวิวเจาะลึก Origins Ginzing Eye Cream อายครีมตัวดังที่ใครๆ ก็พูดถึง ว่าจะช่วยลด
รีวิว Origins Ginzing Eye Cream อายครีมลดบวมและความหมองคล้ำรอบดวงตา

บทความที่แนะนำ