รีวิวทำเคราตินผม เปลี่ยนผมเสียให้สวยตรง มีน้ำหนัก ขั้นตอนเป็นอย่างไร


ผมเสียแห้งชี้ฟูจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหม? ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาผมแห้งเสียจากการทำสี ดัด ยืด หรือแม้แต่การใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผมทุกวัน จนผมเริ่มกระด้าง ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก จัดทรงยากเหลือเกิน “การทำเคราตินผม” อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหา! บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่าเคราตินทรีทเมนต์คืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร ผมเสีย ๆ จะกลับมาสวยตรง มีน้ำหนักได้จริงหรือเปล่า และคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ เรามีคำตอบให้คุณครบ!
1. ภาพรวมของเคราตินทรีทเมนต์: โปรตีนกู้ผมเสียให้กลับมาเกิดใหม่
เคราตินคืออะไร: เคราตินคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบหลักของเส้นผม ผิวหนัง และเล็บของเรา ทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้เส้นผม แต่เมื่อผมต้องเผชิญกับสารเคมีหรือความร้อนบ่อย ๆ โปรตีนเคราตินเหล่านี้จะถูกทำลายไป ทำให้ผมอ่อนแอ แห้งเสีย เปราะขาดง่าย การทำเคราตินทรีทเมนต์จึงเป็นการเติมโปรตีนเคราตินเข้าสู่เส้นผมเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างที่เสียหาย ให้ผมกลับมามีสุขภาพดีขึ้น
ประเภทของเคราตินทรีทเมนต์: ปัจจุบันมีทั้งเคราตินที่ใช้ในร้านซาลอน (Keratin Treatment/Keratin Smoothing) และเคราตินแบบทำเองที่บ้าน (Home Keratin Kit/Keratin Hair Mask)
ตำแหน่งในตลาด: เคราตินทรีทเมนต์เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผมเสียให้กลับมานุ่มลื่น เงางาม มีน้ำหนัก และลดผมชี้ฟู ทำให้จัดทรงง่ายขึ้น โดยไม่เน้นการเปลี่ยนโครงสร้างผมให้ตรงถาวรแบบการยืดผมทั่วไป
จุดเด่นหลักของเคราตินทรีทเมนต์:
- ฟื้นฟูผมเสียจากการทำเคมีและความร้อน
- ลดผมชี้ฟูและทำให้ผมเรียบลื่น จัดทรงง่าย
- เพิ่มน้ำหนักและความเงางามให้เส้นผม
- ช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้น ลดการขาดหลุดร่วง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล
2. ขั้นตอนการทำเคราติน: เนรมิตผมสวยได้ทั้งที่บ้านและที่ร้าน
การทำเคราตินสามารถทำได้ทั้งที่ร้านซาลอนและทำเองที่บ้าน โดยขั้นตอนหลักๆ จะคล้ายกัน
ขั้นตอนทั่วไปของการทำเคราติน:
- สระผม: เริ่มจากการสระผมด้วยแชมพูสูตรขจัดสิ่งตกค้างเพื่อทำความสะอาดเส้นผมและเปิดเกล็ดผมให้พร้อมรับการบำรุง โดยไม่ใช้ครีมนวด
- เป่าผมให้หมาด: ซับผมให้หมาดประมาณ 80-90% หรือตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์
- ลงเคราติน: แบ่งผมเป็นช่อเล็กๆ แล้วชโลมผลิตภัณฑ์เคราตินให้ทั่วเส้นผมทีละช่อ ตั้งแต่โคนจรดปลาย หลีกเลี่ยงการโดนหนังศีรษะโดยตรง จากนั้นใช้หวีซี่ถี่ๆ หวีให้เคราตินซึมซาบอย่างทั่วถึง
- ทิ้งระยะเวลา: ทิ้งไว้ตามเวลาที่ผลิตภัณฑ์กำหนด ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง 15-45 นาที เพื่อให้เคราตินซึมเข้าสู่เส้นผมอย่างเต็มที่ (ขั้นตอนนี้บางผลิตภัณฑ์อาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย ควรทำในที่ระบายอากาศดี)
- เป่าให้แห้งและรีดผม: เป่าผมให้แห้งสนิทโดยไม่ต้องล้างเคราตินออก จากนั้นใช้เครื่องหนีบผมไฟฟ้ารีดผมทีละช่อเล็กๆ ด้วยความร้อนที่เหมาะสม (มักจะสูงประมาณ 180-220 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับสภาพผมและผลิตภัณฑ์) เพื่อช่วยล็อกเคราตินให้อยู่ในเส้นผม และทำให้ผมเรียบตรง
- ล้างออกและบำรุง: พักผมให้เย็น 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด (บางสูตรอาจให้ล้างออกด้วยแชมพูและนวดด้วยสปา/ครีมนวด)
- เป่าแห้งและจัดทรง: เป่าผมให้แห้งตามปกติ คุณจะสังเกตเห็นความแตกต่างของเส้นผมที่เรียบลื่น มีน้ำหนัก และจัดทรงง่ายขึ้นทันที
3. ประสบการณ์หลังทำ: ผมสวยเหมือนใหม่ในทันที
หลังจากทำเคราตินทรีทเมนต์ สิ่งที่คุณจะสัมผัสได้คือเส้นผมที่นุ่มสลวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีความเงางาม และลดการชี้ฟูได้อย่างดีเยี่ยม เส้นผมจะดูมีน้ำหนักมากขึ้น จัดทรงง่าย ไม่พันกัน ทำให้ประหยัดเวลาในการจัดแต่งทรงผมในแต่ละวัน ผมจะดูตรงเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อเหมือนการยืดผมถาวรบางประเภท
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมแห้งเสียจากการทำเคมีบ่อยๆ เช่น ทำสี ฟอก ยืด หรือดัด การเติมเคราตินจะช่วยฟื้นฟูสภาพผมที่เสียหาย ให้กลับมามีชีวิตชีวาได้ บางคนที่มีผมหยักศกเล็กน้อยหรือผมชี้ฟูมาก อาจพบว่าผมตรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เคราตินไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างผมถาวรเหมือนการยืดผม ดังนั้นผมที่หยิกมากอาจจะไม่ได้ตรงสนิท แต่จะลดความฟูและจัดทรงง่ายขึ้น
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้
ความง่ายในการใช้งาน:
- ทำที่ร้านซาลอน: สะดวกสบาย ไม่ต้องลงมือเอง ช่างผู้เชี่ยวชาญจะดูแลทุกขั้นตอน ทำให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้
- ทำเองที่บ้าน: มีผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองวางขายมากมาย ซึ่งมาพร้อมคำแนะนำที่ทำตามได้ไม่ยากนัก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม การลงผลิตภัณฑ์ให้ทั่วถึงและรีดผมให้ตรงทุกช่ออาจต้องอาศัยความชำนาญและใช้เวลาพอสมควร
ความรู้สึกระหว่างและหลังทำ:
- กลิ่น: ผลิตภัณฑ์เคราตินบางชนิดอาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย โดยเฉพาะชนิดที่มีส่วนผสมของฟอร์มัลดีไฮด์ (ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารอันตราย หรือทำในที่ระบายอากาศดี) แต่หลายยี่ห้อในปัจจุบันมีกลิ่นหอมและไม่แสบตา
- ความสบาย: หลังทำ ผมอาจรู้สึกหนักขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรก แต่จะนุ่มลื่นและจัดทรงง่ายในระยะยาว
- การดูแลหลังทำ: สิ่งสำคัญคืองดสระผม 2-3 วันหลังทำ และควรใช้แชมพูที่ปราศจากซัลเฟต (Sulfate-Free) เพื่อยืดอายุผลลัพธ์ของเคราติน หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผมเปียกชื้นมาก เช่น ว่ายน้ำในสระน้ำคลอรีน หรือน้ำทะเล
5. ความคุ้มค่าในระยะยาว: ผมสวยที่คงทนแค่ไหน?
ระยะเวลาของผลลัพธ์: การทำเคราตินทรีทเมนต์ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน โดยขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมเดิม การดูแลรักษาหลังทำ และความถี่ในการสระผม การสระผมบ่อย หรือการใช้แชมพูที่มีซัลเฟต อาจทำให้เคราตินหลุดออกได้เร็วขึ้น
ค่าใช้จ่ายระยะยาว:
- ทำที่ร้านซาลอน: ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าการทำเองที่บ้าน โดยเฉลี่ยอาจอยู่ที่หลักพันบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความยาวผม สภาพผม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้
- ทำเองที่บ้าน: มีผลิตภัณฑ์เคราตินแบบ Home Kit ให้เลือกซื้อในราคาหลักร้อยบาท ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
การวิเคราะห์ความคุ้มค่า: หากคุณเป็นคนที่มีผมแห้งเสีย ชี้ฟู หรือต้องการลดเวลาในการจัดแต่งทรงผมทุกวัน การทำเคราตินถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะช่วยให้ผมดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและจัดการง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความถี่ในการทำ เนื่องจากหากทำบ่อยเกินไปโดยไม่จำเป็น หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลเสียต่อเส้นผมในระยะยาวได้
6. ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี:
- ฟื้นฟูผมเสียอย่างเร่งด่วน: เติมโปรตีนสู่เส้นผมที่เสียหายจากความร้อน สารเคมี และมลภาวะ ให้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น
- ลดผมชี้ฟูอย่างเห็นผล: ทำให้ผมเรียบลื่น มีน้ำหนัก และจัดทรงง่ายขึ้น
- เพิ่มความเงางาม: ผมจะดูเงาเป็นประกาย นุ่มสลวยน่าสัมผัส
- ประหยัดเวลาจัดแต่งทรง: ผมเรียบตรงเป็นธรรมชาติ ทำให้ลดเวลาในการไดร์หรือหนีบผม
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: โดยเฉลี่ย 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายสูง (หากทำที่ร้าน): โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์คุณภาพดีและร้านที่มีชื่อเสียง
- กลิ่น/สารเคมี (บางผลิตภัณฑ์): ผลิตภัณฑ์บางชนิด โดยเฉพาะสูตรที่เน้นให้ผมตรงมาก อาจมีส่วนผสมของฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งมีกลิ่นฉุนและอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ไม่ใช่การยืดผมถาวร: ผมที่ขึ้นใหม่จะยังคงสภาพเดิม และผลลัพธ์จะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลา
- ต้องดูแลรักษาหลังทำ: ต้องใช้แชมพูที่ปราศจากซัลเฟต และหลีกเลี่ยงการสระผมบ่อยในช่วงแรก เพื่อยืดอายุเคราติน
- ความเสี่ยงหากทำบ่อยเกินไป: การทำทรีทเมนต์เคราตินบ่อยเกินไป หรือการใช้ความร้อนสูงในการรีดผม อาจทำให้ผมอ่อนแอหรือขาดร่วงได้
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการตัดสินใจซื้อ
เคราตินทรีทเมนต์เหมาะกับ:
- ผู้ที่มีผมแห้งเสีย ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก และจัดทรงยาก
- ผู้ที่ผ่านการทำเคมีกับเส้นผมมาบ่อยๆ เช่น ทำสี ยืด ดัด และต้องการฟื้นฟูผมอย่างเร่งด่วน
- ผู้ที่ต้องการให้ผมเรียบลื่น มีน้ำหนัก แต่ไม่ต้องการผมตรงแบบทื่อๆ เหมือนการยืดถาวร
- ผู้ที่ต้องการลดเวลาในการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวัน
ไม่เหมาะกับ:
- ผู้ที่มีผมแข็งแรงดีอยู่แล้ว หรือผู้ที่ต้องการคงสภาพผมหยิก/หยักศกตามธรรมชาติ
- ผู้ที่ต้องการผมตรงถาวรแบบ 100% เพราะเคราตินเป็นการบำรุง ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างผมถาวร
ควรทำเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า? หากคุณมีปัญหาผมเสียที่ต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การทำเคราตินทรีทเมนต์เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากงบประมาณจำกัด การรอช่วงโปรโมชั่นจากร้านซาลอน หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองที่บ้าน ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดได้มาก
8. เปรียบเทียบกับทรีทเมนต์ดูแลผมคล้ายๆ กัน
หลายคนอาจสับสนระหว่าง "เคราตินทรีทเมนต์" กับ "การยืดผมถาวร" หรือ "การบำรุงผมทั่วไป"
- เคราตินทรีทเมนต์ (Keratin Treatment/Keratin Smoothing): เป็นการเติมโปรตีนเคราตินเข้าสู่เส้นผม เน้นการบำรุง ฟื้นฟู ลดชี้ฟู เพิ่มน้ำหนัก และทำให้ผมเรียบลื่น มีความตรงเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร อยู่ได้ 3-6 เดือน เหมาะกับผมแห้งเสีย ผมชี้ฟู
- การยืดผมถาวร (Hair Rebonding/Straightening Perm): เป็นการใช้สารเคมีเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างพันธะภายในเส้นผม ทำให้ผมตรงถาวร เหมาะกับผู้ที่ต้องการผมตรงสนิท และผมที่แข็งแรงพอสมควร เพราะอาจทำให้ผมเสียได้หากผมอ่อนแอ
- ครีมหมักผมเคราติน/ทรีทเมนต์เคราตินแบบใช้เองที่บ้าน: มีส่วนผสมของเคราตินเข้มข้น ช่วยบำรุง ฟื้นฟู ลดผมชี้ฟู และเพิ่มความนุ่มลื่นให้เส้นผม สามารถทำได้บ่อยครั้ง (1-2 ครั้งต่อสัปดาห์) ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะสั้นและต่อเนื่องหากใช้เป็นประจำ คุ้มค่ากว่าในแง่ราคา
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ
สำหรับการทำเคราตินที่ร้านซาลอน: ควรเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ มีช่างผู้เชี่ยวชาญ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ร้านที่ดีมักจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผมหลังทำอย่างละเอียด ควรสอบถามเกี่ยวกับนโยบายการรับประกันผลลัพธ์ (หากมี) หรือบริการดูแลหลังการทำเพิ่มเติม
สำหรับผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองที่บ้าน: สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าออนไลน์ (เช่น Shopee, Lazada) หรือร้านขายอุปกรณ์ความงามชั้นนำ มักมีโปรโมชั่นส่วนลดหรือโค้ดส่งฟรีบ่อยๆ ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวที่ดี และตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ว่าปลอดภัย ไม่มีสารอันตรายเกินมาตรฐาน (เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ในปริมาณที่สูงเกินไป)
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา หากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะกู้ผมเสีย แห้งชี้ฟู ให้กลับมาสวยตรง มีน้ำหนัก และจัดทรงง่ายขึ้นอย่างเห็นผล การทำเคราตินทรีทเมนต์คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
- สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว พร้อมงบประมาณที่พร้อมจ่าย: แนะนำให้เข้ารับบริการที่ร้านซาลอนที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการทำเอง
- สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณและต้องการบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง: การใช้ผลิตภัณฑ์เคราตินแบบทำเองที่บ้าน (Home Keratin Kit หรือ Keratin Hair Mask) เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยม แม้ผลลัพธ์อาจไม่เข้มข้นเท่าการทำที่ร้าน แต่หากทำเป็นประจำและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยฟื้นฟูผมให้กลับมาสุขภาพดีได้ไม่แพ้กัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาเส้นผมหลังทำเคราตินอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้แชมพูและครีมนวดที่ปราศจากซัลเฟต รวมถึงการหลีกเลี่ยงความร้อนจัดแต่งทรงผมมากเกินไป เพื่อยืดอายุผลลัพธ์ของผมสวยเรียบลื่นไปให้นานที่สุด
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว Grande Pleno วัชรพล-สุขาภิบาล 5: โครงการบ้านน่าอยู่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไหม
Bath & Body Works กลิ่นไหนหอม? รีวิวกลิ่นยอดนิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
รีวิว Samsung 32N4300 ทีวี HD 32 นิ้ว: ขนาดกะทัดรัด ภาพชัด เหมาะกับห้องเล็กไหม?
รีวิว Park Origin ทองหล่อ: คอนโดหรูใจกลางเมือง ชีวิตดี๊ดีสมราคาไหม?
รีวิว Xiaomi Air Purifier 2S: เครื่องฟอกอากาศดีไซน์มินิมอล กรองอากาศสะอาด
รีวิว Brother MFC-J3930DW: ปริ้นเตอร์ Inkjet พิมพ์งานใหญ่ ฟังก์ชันครบ