10 เครื่องปริ้นรูป ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ปริ้นรูปสวย สีสด พกพาง่าย


สวัสดีครับเพื่อนๆ สายแชะ สายเที่ยว สายคาเฟ่ และทุกคนที่ชอบเก็บโมเมนต์ดีๆ ในชีวิต! 👋 ในยุคที่กล้องมือถือเทพขึ้นทุกวัน ถ่ายรูปกันเป็นร้อยเป็นพันรูป แต่สุดท้ายก็วนเวียนอยู่ในอัลบั้มมือถือ ไม่ได้ออกมาสูดอากาศภายนอกสักที! บางทีเราก็อยากจับต้องความทรงจำเหล่านั้นได้จริงจัง หรืออยากได้รูปสวยๆ ไว้ตกแต่งห้อง ทำของขวัญ หรือพกไปอวดเพื่อนตอนไปเที่ยวใช่มั้ยล่ะครับ?
เครื่องปริ้นรูปนี่แหละคือผู้ช่วยชีวิต! สมัยก่อนการปริ้นรูปอาจจะยุ่งยาก ต้องไปร้าน ต้องต่อคิว แต่ตอนนี้มีเครื่องปริ้นรูปออกมาเพียบ แถมหลายรุ่นยัง "พกพาง่าย" ปริ้นจากมือถือได้สบายๆ สีก็สด คุณภาพก็ดีงาม ไม่ต้องง้อร้านอีกต่อไป!
แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ... ในตลาดตอนนี้มีเครื่องปริ้นรูปให้เลือกเยอะจนงงไปหมด! ยี่ห้อนั้นก็ดี รุ่นนี้ก็เด่น ฟังก์ชันนู้นก็ว้าว แล้วแบบไหนล่ะที่เหมาะกับเราจริงๆ?
ไม่ต้องกุมขมับครับ! วันนี้ผมจะมาเป็นไกด์ส่วนตัว พาเพื่อนๆ ไปตะลุยมุมเครื่องปริ้นรูปในไทย พร้อมเปิดลิสต์ 10 เครื่องปริ้นรูปน่าสอยประจำปี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าปริ้นรูปสวย สีสด แถมพกพาง่าย ถูกใจคนไทยแน่นอนครับ!
ตลาดเครื่องปริ้นรูปในไทย คึกคักแค่ไหน?
บอกเลยว่าตลาดเครื่องปริ้นรูปในไทยช่วงนี้ กำลังเติบโตสุดๆ! ยิ่งคนไทยชอบถ่ายรูป ชอบแชร์ และมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะสายท่องเที่ยวที่อยากปริ้นรูปแปะสมุดไดอารี่ สายคาเฟ่ที่อยากได้พร็อพน่ารักๆ หรือแม้แต่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากปริ้นรูปสินค้าเก๋ๆ ทำให้ความต้องการเครื่องปริ้นรูปพกพาสะดวกและใช้งานง่ายพุ่งสูงขึ้นมากครับ
แบรนด์ที่ครองตลาดส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเจ้าตลาดปริ้นเตอร์รายใหญ่จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Canon, Epson, HP, Fujifilm, Xiaomi, Kodak, และ Brother ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีไลน์สินค้าทั้งเครื่องปริ้นรูปเฉพาะทาง (เน้นคุณภาพรูปสูงสุดๆ) และเครื่องปริ้นแบบมัลติฟังก์ชันที่ปริ้นรูปสวยๆ ได้ด้วย ส่วนเครื่องปริ้นรูปพกพาขนาดเล็กนี่ Fujifilm Instax Share, HP Sprocket, Canon Selphy, Xiaomi Portable Photo Printer, และ Kodak Mini/Dock กำลังมาแรงมากๆ ในหมู่วัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่เน้นความรวดเร็วและดีไซน์น่ารัก
พฤติกรรมผู้บริโภคไทยเวลาซื้อเครื่องปริ้นรูปมักจะมองหา ความคุ้มค่า สีสันสดใสใช้งานง่าย และที่สำคัญคือพกพาสะดวก เพราะหลายคนอยากได้ไปใช้เวลาเดินทางหรือไปกิจกรรมต่างๆ แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตก็แน่นอนว่าเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ที่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมตลอดปี ส่วนร้านค้าอุปกรณ์ไอทีและกล้องอย่าง BaNANA, JIB, Advice, Power Buy หรือร้านค้าทางการของแบรนด์ต่างๆ ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากไปสัมผัสเครื่องจริงก่อนตัดสินใจครับ
เลือกเครื่องปริ้นรูปยังไงให้โดนใจ ไม่ต้องเสียเงินฟรี?
ก่อนจะพุ่งตัวไปช้อป มาดูกันก่อนว่ามีอะไรบ้างที่เราต้องพิจารณา เพื่อให้ได้เครื่องปริ้นรูปที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราที่สุดครับ
1. คุณภาพการพิมพ์และเทคโนโลยี: เน้นปริ้นรูปสวย สีสด คมชัด ต้องดูที่ความละเอียด (DPI) และเทคโนโลยีการพิมพ์ * ถ้าเน้นคุณภาพสูง สีสดเหมือนจริง ทนทาน กันน้ำ/รอยเปื้อนดีๆ ลองดูเทคโนโลยี Dye-sublimation (เช่น Canon Selphy, Kodak Dock Plus) * ถ้าเน้นปริ้นเร็ว พกพาง่าย ไม่ต้องเติมหมึก ใช้กระดาษ ZINK (Zero Ink) ที่เป็นสติกเกอร์ได้ ลองดูพวก ZINK Printer (เช่น Fujifilm Instax Share, HP Sprocket, Xiaomi Portable, Kodak Mini, Huawei Pocket) * ถ้าเน้นพิมพ์รูปเยอะๆ ต้นทุนต่อแผ่นถูก และอาจมีฟังก์ชันอื่นด้วย ลองดูเครื่องปริ้น Ink Tank ที่รองรับกระดาษ Glossy/Photo (เช่น Epson EcoTank Photo, Canon Pixma G Series)
2. ขนาดและการพกพา: อันนี้ตรงตามหัวข้อเลย! ถ้าเน้นพกไปทุกที่ ต้องดูรุ่นที่เล็ก เบา ใส่กระเป๋าได้สบายๆ
3. การเชื่อมต่อ: ส่วนใหญ่เครื่องปริ้นรูปสมัยใหม่เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth หรือ Wi-Fi ได้ เพื่อสั่งพิมพ์จากมือถือ/แท็บเล็ตได้สะดวก บางรุ่นอาจเชื่อมต่อผ่าน USB หรือ SD Card ได้ด้วย
4. ชนิดและขนาดกระดาษ: แต่ละรุ่นใช้กระดาษไม่เหมือนกัน ทั้งขนาด (เช่น instax mini, 2x3 นิ้ว, 4x6 นิ้ว, A4) และประเภท (ZINK, Photo Paper แบบ Glossy/ด้าน) เช็คราคาและความง่ายในการหาซื้อกระดาษด้วยนะครับ อันนี้สำคัญมาก!
5. แบตเตอรี่ (สำหรับรุ่นพกพา): ถ้าพกไปใช้นอกบ้านบ่อยๆ ต้องดูที่ความจุแบตเตอรี่ว่าปริ้นได้กี่รูปต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
6. ราคาเครื่องและวัสดุสิ้นเปลือง (หมึก/กระดาษ): เครื่องปริ้นบางรุ่นราคาเครื่องไม่แรง แต่ค่าหมึก/กระดาษแอบแพง หรือบางรุ่นเครื่องแพงหน่อย แต่หมึกถูก ปริ้นได้เยอะ ต้องคำนวณดีๆ ครับ
7. ชื่อเสียงแบรนด์และบริการหลังการขาย: เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีศูนย์บริการในไทย และหาอะไหล่/วัสดุสิ้นเปลืองได้ง่าย
เปิดลิสต์! 10 เครื่องปริ้นรูปน่าสอย ปี 2025!
มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย! ผมคัดมาให้แล้ว 10 รุ่น/ซีรีส์เด็ดที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมในตลาดไทยปี 2025 นี้ครับ
1. Canon SELPHY CP Series (เช่น CP1500)
แบรนด์จากญี่ปุ่น เจ้าพ่อแห่งวงการ Dye-sublimation ที่ให้รูปสวย สีสด ทนทานมาก
- รุ่นแนะนำ: SELPHY CP1500 (รุ่นใหม่ล่าสุด)
- จุดเด่น: คุณภาพรูปดีมาก สีสด คมชัด ทนทาน กันน้ำ/รอยเปื้อน เก็บได้นานเป็น 100 ปี ใช้งานง่าย เชื่อมต่อได้หลากหลาย (Wi-Fi, USB, SD Card) มีแบตเตอรี่เสริมให้พกพาได้สะดวก
- ข้อเสีย: ขนาดไม่เล็กเท่า ZINK Printer รุ่นอื่นๆ กระดาษและหมึก (มาเป็นแพ็คคู่) มีราคากลางๆ
- เหมาะกับ: คนที่เน้นคุณภาพรูปถ่ายสูงสุด อยากได้รูปที่ทนทาน เก็บได้นาน ต้องการปริ้นรูปขนาด 4x6 นิ้ว
- ช่องทางซื้อ: ร้านกล้องและอุปกรณ์ไอทีชั้นนำ (เช่น BaNANA, JIB, Advice, Power Buy), Canon eStore, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 5,xxx - 6,xxx บาท ขึ้นอยู่กับร้านและโปรโมชั่น
- รีวิว: "ปริ้นออกมาแล้วรูปสวยมาก สีสดเหมือนไปอัดที่ร้านเลย" "พกไปเที่ยวก็ได้นะ แต่ต้องมีแบตเสริม" "ใช้ง่ายดี ต่อมือถือปริ้นได้เลย"
2. Fujifilm Instax Mini Link / SQ Link Series
แบรนด์จากญี่ปุ่น ขวัญใจวัยรุ่นและคนรักภาพสไตล์โพลารอยด์
- รุ่นแนะนำ: Instax Mini Link 2/3, Instax SQ Link
- จุดเด่น: ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่ายสุดๆ ดีไซน์น่ารัก มีสีสันให้เลือกเยอะ ใช้งานผ่านแอปบนมือถือได้ง่าย มีฟังก์ชัน AR, Photo Collage, กรอบรูปต่างๆ ใช้ฟิล์ม Instax Mini/Square ที่หาซื้อง่าย
- ข้อเสีย: คุณภาพรูปเป็นสไตล์โพลารอยด์ สีอาจจะไม่ได้สดเท่า Dye-sublimation หรือ Inkjet ค่าฟิล์มต่อแผ่นค่อนข้างสูง
- เหมาะกับ: คนที่ชอบภาพสไตล์โพลารอยด์ ต้องการเครื่องปริ้นพกพาที่เล็ก เบา ดีไซน์น่ารัก เน้นปริ้นรูปจากมือถืออย่างรวดเร็ว
- ช่องทางซื้อ: ร้านกล้องและอุปกรณ์ไอทีชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้า, Fujifilm Authorized Dealer, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,xxx - 5,xxx บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและร้าน
- รีวิว: "น้องน่ารักมากกก พกไปคาเฟ่คือเก๋" "ปริ้นรูปให้เพื่อนตอนไปเที่ยว สะดวกดีทุกคนชอบ" "ฟิล์มแอบแพง แต่รูปออกมาคือน่ารักให้อภัย"
3. HP Sprocket Series
แบรนด์จากอเมริกา เป็นอีกตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่ม ZINK Printer
- รุ่นแนะนำ: HP Sprocket Select, HP Sprocket 200
- จุดเด่น: ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ เบามาก พกพาสะดวกสุดๆ ใช้เทคโนโลยี ZINK ไม่ต้องใช้หมึก กระดาษเป็นสติกเกอร์ได้ ใช้งานผ่านแอป HP Sprocket ที่มีฟังก์ชันแต่งรูปสนุกๆ
- ข้อเสีย: คุณภาพรูปเป็นสไตล์ ZINK สีอาจไม่สดเท่าบางเทคโนโลยี ราคากระดาษ ZINK ของ HP ค่อนข้างสูง
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการเครื่องปริ้นรูปพกพาที่เล็กและเบาที่สุด เน้นปริ้นรูปสติกเกอร์จากมือถือเพื่อตกแต่งไดอารี่หรือสิ่งของต่างๆ
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์ไอทีชั้นนำ, HP Store, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 3,xxx - 5,xxx บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและร้าน
- รีวิว: "เล็กและเบามาก พกใส่กระเป๋าได้สบายๆ" "ปริ้นแปะไดอารี่คือน่ารักสุดๆ" "สีรูปออกมากลางๆ ไม่ได้สดมาก"
4. Xiaomi Portable Photo Printer / Instant Photo Printer 1S
แบรนด์จากจีน โดดเด่นเรื่องดีไซน์มินิมอลและราคาเข้าถึงง่าย
- รุ่นแนะนำ: Xiaomi Mi Portable Photo Printer, Xiaomi Instant Photo Printer 1S
- จุดเด่น: ราคาเป็นมิตร เข้าถึงง่าย ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ดีไซน์เรียบง่าย สไตล์มินิมอล ใช้เทคโนโลยี ZINK มีฟังก์ชัน AR Photo
- ข้อเสีย: คุณภาพสีอาจมีติดเหลืองบ้างในบางรีวิว ฟังก์ชันในแอปอาจไม่หลากหลายเท่าบางแบรนด์
- เหมาะกับ: คนที่มองหาเครื่องปริ้นรูปพกพาในงบประมาณจำกัด เน้นใช้งานง่าย ปริ้นจากมือถือ และชอบดีไซน์มินิมอล
- ช่องทางซื้อ: Mi Store, ร้านค้า Xiaomi ในแพลตฟอร์มออนไลน์ (Lazada, Shopee), ร้านอุปกรณ์ไอทีบางแห่ง
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,xxx - 2,xxx บาท
- รีวิว: "ราคาน่ารักมาก คุณภาพเกินราคา" "ใช้งานง่ายมาก ต่อมือถือแปปเดียวปริ้นได้เลย" "รูปออกมาสีสวยใช้ได้เลย มีติดเหลืองนิดๆ แต่รับได้"
5. Kodak Mini / Dock Series
แบรนด์จากอเมริกา กลับมาทำตลาดปริ้นรูปอีกครั้ง โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์และดีไซน์ย้อนยุค
- รุ่นแนะนำ: Kodak Mini 2 Retro, Kodak Dock Plus
- จุดเด่น: รุ่น Retro ดีไซน์สวย คลาสสิก ใช้เทคโนโลยี Dye-sublimation (รุ่น Dock Plus, Mini 3) หรือ D2T2 (คล้าย Dye-sub) ให้รูปคุณภาพดี สีสด ทนทาน กันน้ำ/รอยนิ้วมือได้ดี รุ่น Dock Plus สามารถชาร์จมือถือไปในตัวได้
- ข้อเสีย: รุ่น Mini ใช้กระดาษ ZINK คุณภาพตามสไตล์ ZINK ราคากระดาษอาจจะไม่ถูกที่สุด
- เหมาะกับ: คนที่ชอบดีไซน์คลาสสิก คุณภาพรูปดีพอใช้ถึงดีมาก ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือก ต้องการฟังก์ชันเสริมในการปริ้นรูป
- ช่องทางซื้อ: ร้านกล้องและอุปกรณ์ไอที, ตัวแทนจำหน่าย Kodak, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: รุ่น Mini ประมาณ 3,xxx - 4,xxx บาท, รุ่น Dock ประมาณ 4,xxx - 5,xxx บาท
- รีวิว: "ชอบดีไซน์ Retro มาก ตั้งไว้ก็สวยแล้ว" "รูปออกมาสีสวยชัดดี ทนทานด้วย" "รุ่น Dock ปริ้นรูปใหญ่ขึ้นได้ คุณภาพโอเคเลย"
6. Canon PIXMA G Series (สำหรับพิมพ์ภาพ)
แบรนด์จากญี่ปุ่น ซีรีส์ Ink Tank ยอดนิยมที่เน้นความประหยัดและพิมพ์ได้หลากหลาย รวมถึงพิมพ์ภาพ
- รุ่นแนะนำ: PIXMA G3010, G3020, G4780 (รุ่นที่มี Wi-Fi)
- จุดเด่น: ระบบ Ink Tank เติมหมึกง่าย ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นต่ำมาก เหมาะสำหรับพิมพ์เยอะๆ พิมพ์ภาพสีสวยพอใช้ถึงดีบนกระดาษ Photo มีฟังก์ชัน Print, Scan, Copy ในเครื่องเดียว (สำหรับรุ่นมัลติฟังก์ชัน)
- ข้อเสีย: ขนาดเครื่องใหญ่ ไม่เหมาะกับการพกพา คุณภาพการพิมพ์ภาพอาจไม่เท่าเครื่องปริ้นรูปเฉพาะทางบางรุ่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการเครื่องปริ้นอเนกประสงค์ไว้ที่บ้านหรือสำนักงาน เน้นพิมพ์งานเอกสารเป็นหลัก แต่ก็อยากพิมพ์รูปสวยๆ ได้ด้วยในต้นทุนที่ประหยัด
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์ไอทีชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้า, Canon eStore, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 4,xxx - 7,xxx บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและฟังก์ชัน
- รีวิว: "ปริ้นงานเยอะๆ คือคุ้มมาก หมึกถูก" "ปริ้นรูปบนกระดาษ Glossy สีสวยใช้ได้เลยนะ" "เครื่องใหญ่ไปหน่อย แต่ฟังก์ชันครบดี"
7. Epson EcoTank L Series (สำหรับพิมพ์ภาพ)
แบรนด์จากญี่ปุ่น อีกหนึ่งเจ้าตลาด Ink Tank ที่พิมพ์ภาพได้สวยและประหยัด
- รุ่นแนะนำ: EcoTank L8050 (เน้น Photo จริงจัง), L3250, L3256 (รุ่นมัลติฟังก์ชันทั่วไป)
- จุดเด่น: ระบบ Ink Tank ประหยัดหมึก ต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับพิมพ์เยอะ รุ่น L8050 เป็น Photo Printer โดยเฉพาะ ให้คุณภาพรูปดีมาก สีสวย มีหมึก 6 สี รุ่นมัลติฟังก์ชันพิมพ์รูปสวยพอใช้ได้ มีเทคโนโลยี Heat-Free
- ข้อเสีย: ขนาดเครื่องใหญ่ ไม่เหมาะกับการพกพา การตั้งค่าบางครั้งอาจจะซับซ้อนเล็กน้อยสำหรับผู้เริ่มต้น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการเครื่องปริ้นอเนกประสงค์ หรือ Photo Printer ประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้ประจำที่บ้าน/สำนักงาน เน้นความคุ้มค่าในการพิมพ์ปริมาณมาก
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์ไอทีชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้า, Epson Authorized Dealer, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: รุ่น L3xxx ประมาณ 4,xxx - 6,xxx บาท, รุ่น L8050 ประมาณ 1x,xxx บาท
- รีวิว: "ใช้ L3250 อยู่ ปริ้นงานทั่วไปดีมาก ปริ้นรูปก็โอเคเลย" "L8050 พิมพ์รูปสวยจริง สีตรงมาก" "หมึกแทงค์คือดีงาม ไม่ต้องซื้อตลับบ่อยๆ"
8. Brother DCP-T Series (สำหรับพิมพ์ภาพ)
แบรนด์จากญี่ปุ่น มีเครื่องปริ้น Ink Tank ที่น่าสนใจหลายรุ่น รวมถึงรุ่นที่พิมพ์รูปสวย
- รุ่นแนะนำ: DCP-T230, DCP-T510W
- จุดเด่น: ระบบ Ink Tank เติมหมึกง่าย ประหยัด พิมพ์รูปสวยแบบไร้ขอบได้ มีฟังก์ชัน Print, Scan, Copy (สำหรับรุ่นมัลติฟังก์ชัน) ใช้งานทนทาน
- ข้อเสีย: ขนาดเครื่องใหญ่ ไม่เหมาะกับการพกพา รุ่นที่รองรับ Wi-Fi อาจมีราคาสูงขึ้น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการเครื่องปริ้นอเนกประสงค์ไว้ที่บ้านหรือสำนักงาน เน้นความทนทาน ปริ้นงานหลากหลาย และพิมพ์รูปสวยพอใช้ได้ในราคาคุ้มค่า
- ช่องทางซื้อ: ร้านอุปกรณ์ไอทีชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้า, Brother Authorized Dealer, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 4,xxx - 6,xxx บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและฟังก์ชัน
- รีวิว: "ใช้ Brother มาหลายปีแล้ว ทนมาก ไม่ค่อยมีปัญหา" "ปริ้นรูปสีออกมาสวยใช้ได้เลย เมื่อเทียบกับราคาเครื่อง" "เติมหมึกง่ายดี ประหยัดสุดๆ"
9. Peripage Series
แบรนด์จากจีน โด่งดังในกลุ่มเครื่องปริ้นพกพาขนาดเล็ก ราคาประหยัด เน้นพิมพ์ใบเสร็จ/ฉลาก แต่บางรุ่นพิมพ์รูปได้ด้วย
- รุ่นแนะนำ: Peripage A6, Peripage A9
- จุดเด่น: ขนาดเล็กจิ๋ว เบามาก พกพาสะดวกสุดๆ ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับเครื่องปริ้นรูปพกพาแบรนด์อื่น ใช้งานง่ายผ่านแอปบนมือถือ ใช้กระดาษความร้อน ไม่ต้องใช้หมึก
- ข้อเสีย: คุณภาพการพิมพ์รูปเป็นแบบขาวดำหรือสีอ่อนๆ ไม่ได้สีสดเหมือนจริง กระดาษความร้อนอาจซีดจางเมื่อเวลาผ่านไป เน้นพิมพ์ฉลาก/ใบเสร็จมากกว่าพิมพ์รูปถ่ายจริงจัง
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการเครื่องปริ้นพกพาที่เล็กและถูกที่สุด เน้นพิมพ์ข้อความ ฉลาก หรือรูปภาพแบบขาวดำ/สีอ่อนๆ สำหรับตกแต่งเล่นๆ หรือใช้งานเบาๆ
- ช่องทางซื้อ: ร้านค้าออนไลน์ (Lazada, Shopee) เป็นหลัก
- ช่วงราคา: ประมาณ 5xx - 2,xxx บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดกระดาษ
- รีวิว: "ถูกและดี พิมพ์สติกเกอร์น่ารักๆ ได้" "ตัวเล็กมาก พกใส่กระเป๋าเสื้อยังได้เลย" "พิมพ์รูปสีไม่ค่อยสวย แต่พิมพ์ขาวดำชัดดี"
10. Huawei Pocket Photo Printer
แบรนด์จากจีน เครื่องปริ้นรูปพกพาขนาดเล็กจาก Huawei ที่เน้นดีไซน์และการเชื่อมต่อกับ Ecosystem ของตัวเอง
- รุ่นแนะนำ: Huawei Pocket Photo Printer
- จุดเด่น: ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาง่าย ใช้เทคโนโลยี ZINK ไม่ต้องใช้หมึก ดีไซน์สวยงาม เชื่อมต่อกับมือถือ Huawei ได้สะดวกผ่าน Huawei Share มีฟังก์ชัน AR Photo
- ข้อเสีย: อาจมีรุ่นให้เลือกไม่หลากหลายเท่าแบรนด์ที่เน้นปริ้นเตอร์โดยเฉพาะ ราคากระดาษ ZINK อาจมีราคากลางๆ
- เหมาะกับ: สาวก Huawei ที่ต้องการเครื่องปริ้นรูปพกพาขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับมือถือได้อย่างง่ายดาย เน้นพกพาและใช้งานไม่ซับซ้อน
- ช่องทางซื้อ: Huawei Store, ร้านค้าออนไลน์ (Lazada, Shopee), ร้านอุปกรณ์ไอทีบางแห่ง
- ช่วงราคา: ประมาณ 2,xxx - 3,xxx บาท
- รีวิว: "เล็กกระทัดรัดดี พกไปเที่ยวสะดวก" "ใช้กับมือถือ Huawei แล้วเชื่อมต่อง่ายมาก" "รูปออกมาสีสวยใช้ได้เลยสำหรับ ZINK Printer"
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนอยากปริ้นรูป!
Q: เครื่องปริ้นรูปพกพาแบบ ZINK กับแบบ Dye-sublimation อันไหนดีกว่ากัน?
A: แล้วแต่ความชอบและการใช้งานเลยครับ! ZINK Printer (เช่น Instax Mini Link, HP Sprocket, Xiaomi Portable) เน้นความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องใช้หมึก กระดาษเป็นสติกเกอร์ได้ ขนาดเล็กและเบามาก แต่คุณภาพสีอาจไม่สดเท่า และรูปอาจซีดจางง่ายกว่า ส่วน Dye-sublimation (เช่น Canon Selphy, Kodak Dock Plus) ให้รูปคุณภาพดีกว่า สีสด คมชัด ทนทาน เก็บได้นาน แต่ขนาดอาจจะไม่เล็กเท่า และต้องใช้ตลับหมึก/กระดาษเฉพาะรุ่น
Q: ค่ากระดาษ/หมึกเครื่องปริ้นรูปแพงไหม?
A: อันนี้แหละคือจุดที่ต้องดูดีๆ ครับ! เครื่องปริ้นรูปพกพาที่ใช้ฟิล์ม (Instax) หรือกระดาษ ZINK ราคาต่อแผ่นจะค่อนข้างสูง (ตกรูปละประมาณ 1x - 2x บาท) ส่วนเครื่องปริ้นแบบ Dye-sublimation (Canon Selphy, Kodak Dock) ค่ากระดาษ+หมึกต่อแผ่นจะถูกลงมาหน่อย (ตกรูปละประมาณไม่กี่บาท ขึ้นอยู่กับแพ็ค) ถ้าเป็นเครื่อง Ink Tank ที่พิมพ์รูปได้ (Canon Pixma G, Epson EcoTank L, Brother DCP-T) ต้นทุนหมึกต่อแผ่นจะถูกที่สุดถ้าพิมพ์เยอะๆ แต่ต้องใช้กระดาษ Photo ที่มีราคาต่างหาก
Q: ซื้อเครื่องปริ้นรูปจาก Lazada/Shopee เชื่อถือได้ไหม?
A: ส่วนใหญ่ร้านค้าที่เป็น Official Store หรือร้านที่มีเรตติ้งดี รีวิวเยอะๆ บน Lazada/Shopee ค่อนข้างเชื่อถือได้ครับ แต่ถ้าเจอร้านที่ไม่คุ้นเคย หรือราคาถูกจนน่าตกใจ ให้เช็คดีๆ อ่านรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นเยอะๆ และเลือกร้านที่รับประกันสินค้า หรือมีบริการเก็บเงินปลายทางเพื่อความปลอดภัยครับ ทางที่ดีถ้าซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือร้านค้าในห้างก็จะสบายใจกว่า
Q: เครื่องปริ้นรูปพกพาต้องชาร์จแบตเตอรี่นานไหม?
A: ขึ้นอยู่กับรุ่นครับ ส่วนใหญ่ใช้เวลาชาร์จประมาณ 1-3 ชั่วโมงก็จะเต็ม และปริ้นได้ประมาณ 10-50 รูปต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดแบตเตอรี่
Q: นอกจากการปริ้นรูปแล้ว เครื่องปริ้นพวกนี้ทำอะไรได้อีกบ้าง?
A: สำหรับเครื่องปริ้นรูปพกพาแบบ ZINK หรือ Dye-sublimation ส่วนใหญ่เน้นการพิมพ์รูปภาพโดยเฉพาะ อาจมีฟังก์ชันแต่งรูป ใส่กรอบ หรือพิมพ์ AR ได้ผ่านแอป แต่ถ้าเป็นเครื่อง Ink Tank แบบมัลติฟังก์ชัน (Canon Pixma G, Epson EcoTank L, Brother DCP-T) จะทำได้ครบทั้งพิมพ์เอกสาร สแกน และถ่ายเอกสารด้วย
สรุปส่งท้าย เลือกเครื่องปริ้นรูปให้ใช่ ในสไตล์เรา!
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 10 เครื่องปริ้นรูปที่เราคัดมาให้ จะเห็นว่าแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป การจะเลือกรุ่นที่ใช่ที่สุด ก็ต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า เราเน้นเอาไปใช้แบบไหน? มีงบประมาณเท่าไหร่? และให้ความสำคัญกับฟังก์ชันอะไรมากที่สุด?
- ถ้าเน้น พกพาสะดวกสุดๆ เล็กจิ๋ว ราคาเป็นมิตร ลองดู Xiaomi Portable Photo Printer, HP Sprocket หรือ Peripage ครับ
- ถ้าชอบ ภาพสไตล์โพลารอยด์ ดีไซน์น่ารัก ต้อง Fujifilm Instax Mini Link/SQ Link เลยครับ
- ถ้าเน้น คุณภาพรูปสวย สีสด ทนทาน เก็บได้นาน แนะนำ Canon SELPHY CP Series หรือ Kodak Dock Plus ครับ
- ถ้าต้องการ เครื่องปริ้นอเนกประสงค์ไว้ที่บ้าน พิมพ์รูปสวยๆ ได้ด้วยใน ต้นทุนประหยัด เมื่อพิมพ์เยอะๆ ต้องมองไปที่ Canon PIXMA G Series, Epson EcoTank L Series (โดยเฉพาะรุ่น Photo) หรือ Brother DCP-T Series ครับ
และที่สำคัญ! อย่าลืมเช็ค ราคาวัสดุสิ้นเปลือง (กระดาษ/หมึก) ด้วยนะครับ เพราะบางทีราคาเครื่องถูก แต่ค่าใช้จ่ายระยะยาวอาจจะสูงกว่าที่คิด และในสภาพอากาศเมืองไทยที่ค่อนข้างชื้น บางทีการเก็บรูปถ่ายต้องระวังเรื่องความชื้นและแสงแดดด้วยนะครับ การเลือกใช้กระดาษหรือเทคโนโลยีที่ทนทานอย่าง Dye-sublimation อาจเป็นตัวเลือกที่ดี ระวังของปลอมที่อาจเจอในช่องทางออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือด้วยนะ!
ช่วงเทศกาลต่างๆ หรือแคมเปญใหญ่ๆ บน Lazada Shopee มักจะมีโปรโมชั่นเครื่องปริ้นรูปออกมาเพียบเลยครับ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปจัดกันได้เลย!
มาเม้าท์มอย แชร์ประสบการณ์กันหน่อยเร็ว!
เพื่อนๆ คนไหนใช้เครื่องปริ้นรูปยี่ห้อไหน รุ่นไหนอยู่บ้าง? ถูกใจไม่ถูกใจตรงไหน มาแชร์ประสบการณ์กันในคอมเมนต์ได้เลยนะ! หรือมีรุ่นไหนอยากป้ายยา บอกต่อเพื่อนๆ คนอื่นก็ได้นะค้าบ 👇
ถ้าอ่านแล้วชอบใจ หรืออยากให้ผมรวบรวม "ลิงก์เปรียบเทียบราคาหรือแหล่งซื้อ" รุ่นเด็ดๆ ข้างบนให้เป็นพิเศษ คอมเมนต์มาบอกเลยว่า "จัดลิงก์มาเลย!" แล้วเดี๋ยวผมจัดการให้เลยจ้าาา! เจอกันใหม่บทความหน้านะครับทุกคน! 👋