10 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 แรงดูดดี ทำความสะอาดง่าย


สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่หัวใจรักความสะอาด! 🥰 ในยุคที่ชีวิตวุ่นวาย งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน การทำความสะอาดบ้านก็ต้องหาตัวช่วยที่มันจึ้งๆ หน่อยใช่มั้ยล่ะครับ?
ไม้กวาดกับที่โกยผงน่ะเหรอ? มันก็ดีอยู่หรอกครับ แต่บางทีฝุ่นผงเล็กๆ หรือขนสัตว์เลี้ยงตัวโปรดนี่สิ กวาดเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่เกลี้ยง แถมยังฟุ้งกระจายอีกต่างหาก! นี่แหละครับถึงเวลาที่ต้องอัปเกรดมาใช้ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย!
บอกเลยว่าเจ้าเครื่องนี้เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว มาพร้อมอิสรภาพในการทำความสะอาด อยากดูดตรงไหนก็ไปได้เลย ไม่ต้องลากสายไฟให้พันแข้งพันขาอีกต่อไป! จะซอกเล็กซอกน้อย ใต้โซฟา บนเพดาน หรือแม้แต่ในรถ ก็จัดการได้สบายบรื๋อ!
แต่ปัญหาโลกแตกก็คือ... ตอนนี้ในตลาดมีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเยอะมากกกก ทั้งแบรนด์ไทย แบรนด์นอก สารพัดรุ่นจนเลือกไม่ถูก แล้วจะรู้ได้ไงว่ายี่ห้อไหนดี แรงดูดถึงใจ ทำความสะอาดง่าย ไม่ต้องมานั่งปวดหัวทีหลัง? 🤔
ใจเย็นๆ ครับเพื่อนๆ! ผมเองก็เป็นหนึ่งในแก๊งที่ตามหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายคู่ใจเหมือนกัน วันนี้ผมเลยขอสวมบทบาทกูรู (จำเป็น) รวบรวมข้อมูลและรีวิวจากประสบการณ์จริง (บวกกับที่สิงอยู่ในกลุ่มรีวิวต่างๆ) มาฝาก เพื่อช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่เหมาะกับบ้านและไลฟ์สไตล์ของเราที่สุด ในปี 2025 นี้! อ่านจบแล้วไปช้อปได้เลย ไม่ต้องกลัวพลาด!
ตลาดเครื่องดูดฝุ่นไร้สายในไทย ฮอตปรอทแตกแค่ไหน?
เอาจริงเอาจังเลยนะ ตลาดเครื่องดูดฝุ่นไร้สายในไทยนี่ เติบโตแบบก้าวกระโดด! เพราะไลฟ์สไตล์คนไทยเปลี่ยนไปเยอะ อยู่คอนโดฯ ก็เยอะขึ้น พื้นที่แคบลง แถมฝุ่น PM2.5 เอย สารพัดภูมิแพ้เอย ก็ทำให้คนหันมาใส่ใจเรื่องความสะอาดในบ้านมากขึ้น เครื่องดูดฝุ่นไร้สายเลยตอบโจทย์สุดๆ ทั้งสะดวก พกพาง่าย เก็บง่าย ไม่เปลืองพื้นที่
แบรนด์ที่เห็นตามท้องตลาด ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแบรนด์ต่างชาติบิ๊กเนมที่ครองตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Dyson, Philips, Electrolux, Samsung, LG รวมถึงแบรนด์ที่มาแรงในกลุ่มราคาน่ารักแต่คุณภาพปังอย่าง Xiaomi, Dreame, Tineco พวกนี้หาซื้อได้ง่ายตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำและแพลตฟอร์มออนไลน์เจ้าใหญ่อย่าง Lazada กับ Shopee ครับ
พฤติกรรมคนไทยเวลาเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่อง "แรงดูด" เป็นอันดับแรกๆ เลยครับ ยิ่งแรงยิ่งชอบ (ใครๆ ก็อยากดูดฝุ่นให้เกลี้ยงในรอบเดียว!) รองลงมาก็เรื่อง "แบตเตอรี่" ว่าอยู่ได้นานพอที่จะดูดได้ทั่วบ้านไหม และ "น้ำหนัก" ครับ เพราะต้องยกไปยกมา ดีไซน์สวยๆ ก็มีผลนะ ยิ่งเดี๋ยวนี้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายดีไซน์มินิมอล มักจะถูกใจสายแต่งบ้านมากๆ เลยล่ะ
ก่อนเสียเงิน! เช็คลิสต์ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
ทีนี้เรามาดูกันชัดๆ ว่าถ้าจะเลือกเครื่องดูดฝุ่นไร้สายสักเครื่อง ต้องพิจารณาอะไรบ้าง จะได้ไม่พลาด ได้เครื่องที่ใช่ที่สุด!
- แรงดูด (Suction Power): อันนี้สำคัญม้ากกก! ยิ่งค่า Air Watts (AW) หรือ Pa สูงๆ ยิ่งดี เพราะแปลว่าเครื่องมีกำลังในการดูดฝุ่นผง เศษเล็กเศษน้อย หรือแม้แต่ขนสัตว์เลี้ยงที่ติดแน่นตามซอกหลืบได้ดีกว่า ควรดูทั้งกำลังไฟ (Watts) และกำลังดูด (AW/Pa) ควบคู่กันไปนะครับ
- ประเภทมอเตอร์: มอเตอร์แบบ Brushless (ไร้แปรงถ่าน) จะดีกว่า เพราะให้แรงดูดสม่ำเสมอ เสียงไม่ดังเท่าแบบมีแปรงถ่าน ทนทานกว่า และใช้งานได้นานกว่าครับ
- อายุแบตเตอรี่และการชาร์จ: ดูว่าชาร์จเต็มหนึ่งครั้งใช้งานได้นานแค่ไหน (ส่วนใหญ่จะบอกเป็นนาที) และใช้เวลาชาร์จนานเท่าไหร่ ถ้าบ้านใหญ่ หรืออยากดูดทีเดียวจบ ต้องเลือกรุ่นที่แบตอึดๆ หน่อย บางรุ่นมีแบตเตอรี่เสริมให้ซื้อเพิ่ม หรือมีแท่นชาร์จแบบคู่ก็สะดวกไปอีก
- ระบบกรองฝุ่น: สำคัญสุดๆ สำหรับคนเป็นภูมิแพ้ หรือบ้านที่มีเด็ก/สัตว์เลี้ยง! ควรมองหาระบบกรองหลายชั้น และต้องมีแผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) ซึ่งดักจับฝุ่นขนาดเล็กมากๆ สารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น หรือแม้แต่เชื้อโรคได้ถึง 99.97% ทำให้อากาศที่ปล่อยออกมาสะอาด ปลอดภัย
- น้ำหนักและการออกแบบ: ถ้าต้องถือไปดูดบนที่สูงๆ หรือดูดในรถบ่อยๆ น้ำหนักเบาๆ จะช่วยได้มาก ดูการออกแบบด้ามจับด้วยว่าถนัดมือไหม บางรุ่นมีด้ามจับที่ปรับความยาวได้
- ความจุกล่องเก็บฝุ่น: ถ้าบ้านใหญ่ ไม่อยากเทฝุ่นบ่อยๆ เลือกรุ่นที่กล่องเก็บฝุ่นใหญ่หน่อย แต่ถ้ากล่องใหญ่ เครื่องก็จะหนักขึ้นตามไปด้วย
- หัวดูดและอุปกรณ์เสริม: ยิ่งมีหัวดูดหลายแบบยิ่งดีครับ เช่น หัวดูดพื้นแข็ง หัวดูดพรม หัวดูดตามซอก หัวดูดเฟอร์นิเจอร์ หัวดูดไรฝุ่น บางรุ่นมีหัวดูดที่มีไฟ LED ช่วยให้มองเห็นฝุ่นในที่มืดได้ชัดขึ้น
- ความสะดวกในการทำความสะอาด: กล่องเก็บฝุ่นและแผ่นกรองควรถอดล้างทำความสะอาดง่าย และเทฝุ่นทิ้งได้สะดวกโดยที่ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจาย
- ชื่อเสียงแบรนด์และรีวิว: แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในไทยเยอะๆ ทั้งใน Shopee, Lazada หรือตามเว็บไซต์รีวิวต่างๆ ก็ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นครับ
- บริการหลังการขายและอะไหล่: เช็คว่าแบรนด์มีศูนย์บริการในไทยไหม หาซื้ออะไหล่ (เช่น แผ่นกรอง แบตเตอรี่) หรือหัวดูดเสริมได้ง่ายหรือเปล่า
คัดมาแล้ว! 10 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย น่าสอย ปี 2025
มาถึงช่วงไฮไลท์! ผมรวบรวม 10 แบรนด์เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมในตลาดไทย พร้อมข้อมูลคร่าวๆ ประกอบการตัดสินใจครับ
1. Dyson
เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์พรีเมียมจากอังกฤษ ที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าตลาดเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย และมักจะมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำๆ ก่อนใครเพื่อน
- รุ่นแนะนำ: Dyson V12 Detect Slim, Dyson V15 Detect, Dyson Gen5 Detect, Dyson Micro
- จุดเด่น: แรงดูดทรงพลังมาก สม่ำเสมอไม่ตก มีเทคโนโลยีตรวจจับฝุ่นด้วยเลเซอร์ (ในบางรุ่น) ช่วยให้เห็นฝุ่นที่มองไม่เห็น ระบบกรองดีเยี่ยม ดักจับสารก่อภูมิแพ้ได้ดี วัสดุดี ดีไซน์สวยล้ำ น้ำหนักเบาในบางรุ่น มีหัวดูดให้เลือกหลากหลาย
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าแบรนด์อื่นพอสมควร กล่องเก็บฝุ่นบางรุ่นค่อนข้างเล็ก
- เหมาะกับ: คนที่งบถึง อยากได้เครื่องดูดฝุ่นที่ดีที่สุด เทคโนโลยีล้ำ เน้นแรงดูดสูง คุณภาพอากาศในบ้าน หรือบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง/คนเป็นภูมิแพ้
- ช่องทางซื้อ: Dyson Official Store (ออนไลน์และในห้าง), Power Buy, Central Online, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 1x,xxx ปลายๆ - 3x,xxx+ บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่น)
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ยอมใจให้ Dyson จริงๆ ดูดทีเดียวบ้านสะอาดกริ๊บ ไม่ต้องดูดซ้ำหลายรอบเลยค่ะ" "เลเซอร์เขียวๆ นี่ดีจริง เห็นฝุ่นชัดมากกกก ถึงกับอึ้งว่าบ้านเราฝุ่นเยอะขนาดนี้เลยเหรอ" "เบามากกกก ถือดูดเพดานสบาย ไม่เมื่อยแขนเลย"
2. Xiaomi
เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์สุดฮิตจากจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่องสินค้าคุณภาพดี ฟังก์ชันครบ ในราคาที่เข้าถึงง่าย
- รุ่นแนะนำ: Xiaomi Mi Vacuum Cleaner Light, Xiaomi Vacuum Cleaner G20 Lite, Mi Handheld Vacuum Cleaner
- จุดเด่น: ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋ามากๆ ดีไซน์มินิมอล สวยงาม ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา มีระบบกรองที่ดี (รวมถึง HEPA ในหลายรุ่น) เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในบ้าน/คอนโดฯ ขนาดเล็กถึงกลาง
- ข้อเสีย: แรงดูดอาจจะไม่เท่าแบรนด์พรีเมียม วัสดุอาจจะไม่ทนทานเท่าบางแบรนด์ราคาสูง แบตเตอรี่บางรุ่นอาจจะใช้งานต่อเนื่องได้ไม่นานนัก
- เหมาะกับ: คนที่มองหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเครื่องแรก งบจำกัด นักเรียน นักศึกษา หรือใช้ในคอนโด/บ้านขนาดเล็ก เน้นความคุ้มค่า
- ช่องทางซื้อ: Mi Store, Xiaomi Official Store ใน Lazada/Shopee, ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไป
- ช่วงราคา: เริ่มต้นหลักพันกลางๆ - 1x,xxx บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ราคาดีมากกกก ดูดได้สะอาดเกินคาดสำหรับราคานี้" "ดีไซน์สวย มินิมอล วางตรงไหนก็ไม่เกะกะ" "ใช้ดูดในคอนโดฯ สบายมาก เบา ถือง่าย"
3. Dreame
เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ในเครือ Xiaomi ที่มาแรงมากๆ ในช่วงหลัง โดดเด่นเรื่องสเปกแรง ฟังก์ชันเยอะ ในราคาที่คุ้มค่าสุดๆ
- รุ่นแนะนำ: Dreame V12, Dreame T30, Dreame H-series (รุ่นดูดและถูพื้นเปียก)
- จุดเด่น: แรงดูดสูงเทียบเท่าแบรนด์แพงๆ แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นาน มีจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ วัสดุดี ดีไซน์สวยงาม มีรุ่นที่มีฟังก์ชันดูดและถูพื้นในเครื่องเดียว (Wet & Dry) ซึ่งเป็นที่นิยมมากในไทย
- ข้อเสีย: ตัวเลือกสินค้าอาจจะยังไม่เยอะเท่าบางแบรนด์เก่าแก่ การบริการหลังการขายอาจจะต้องเช็คกับร้านที่ซื้อโดยตรง
- เหมาะกับ: คนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นสเปกเทพ แรงดูดจัดเต็ม แต่จ่ายในราคาที่สมเหตุสมผล หรือคนที่ต้องการเครื่องดูดฝุ่นที่ดูดและถูพื้นได้พร้อมกัน
- ช่องทางซื้อ: Dreame Official Store ใน Lazada/Shopee, ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายออนไลน์
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 6,xxx - 1x,xxx ปลายๆ บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ตอนแรกไม่คิดว่าจะแรงขนาดนี้ ดูดทีเดียวจบ แรงกว่าเครื่องเก่าเยอะเลย" "รุ่นดูดถูพื้นคือดีงาม ประหยัดเวลาไปเยอะ พื้นสะอาดเงาวับ" "คุ้มค่าตัวมาก เมื่อเทียบกับสเปกที่ได้"
4. Tineco
เกี่ยวกับแบรนด์: อีกหนึ่งแบรนด์จากจีนที่เชี่ยวชาญด้านเครื่องดูดฝุ่นโดยเฉพาะ มีทั้งแบบไร้สายและแบบดูดและถูพื้นเปียก จุดเด่นคือฟังก์ชันฉลาดๆ
- รุ่นแนะนำ: Tineco FLOOR ONE S3/S5/S7 (รุ่นดูดและถูพื้นเปียก), Tineco PURE ONE series (รุ่นดูดฝุ่นไร้สายปกติ)
- จุดเด่น: โดดเด่นมากๆ ในกลุ่มเครื่องดูดและถูพื้นเปียก ทำความสะอาดคราบสกปรกได้ดี มีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งสกปรกและปรับแรงดูด/ปริมาณน้ำอัตโนมัติ ใช้งานง่าย ทำความสะอาดตัวเองได้ในบางรุ่น แบตเตอรี่อึด
- ข้อเสีย: รุ่นดูดและถูเปียกอาจมีน้ำหนักมากกว่าเครื่องดูดฝุ่นไร้สายทั่วไป ราคาอาจจะสูงกว่าแบรนด์จีนอื่นๆ เล็กน้อยในบางรุ่น
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการเครื่องดูดฝุ่นที่ดูดและถูพื้นเปียกได้ในเครื่องเดียว ต้องการความสะดวกสบาย เทคโนโลยีฉลาดๆ หรือบ้านที่มีพื้นแข็งเยอะๆ
- ช่องทางซื้อ: Tineco Official Store ใน Lazada/Shopee, ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายออนไลน์
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 8,xxx - 2x,xxx บาท (รุ่นดูดและถูเปียกราคาสูงกว่ารุ่นดูดฝุ่นปกติ)
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ใช้ Tineco ดูดถูพื้นทุกวัน ชีวิตดีขึ้นเยอะ ไม่ต้องกวาดถูให้เหนื่อยแล้ว" "ฉลาดมาก มันรู้ว่าตรงไหนสกปรกแล้วเร่งแรงดูดเอง" "คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆ เลยค่ะ"
5. Philips
เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังจากเนเธอร์แลนด์ มีสินค้าหลากหลาย รวมถึงเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่เน้นดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุม
- รุ่นแนะนำ: Philips SpeedPro Max Aqua, Philips Cordless Vacuum Aqua 7000 Series
- จุดเด่น: มีรุ่นที่ดูดและถูพื้นได้ในเครื่องเดียว (Aqua) ช่วยประหยัดเวลา หัวดูดมีไฟ LED ช่วยให้มองเห็นฝุ่นได้ดี ระบบกรองหลายขั้นตอน ใช้งานง่าย น้ำหนักเหมาะสม
- ข้อเสีย: แรงดูดอาจจะไม่แรงเท่าแบรนด์ที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะ ราคาค่อนข้างสูงในบางรุ่น
- เหมาะกับ: คนที่มองหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากแบรนด์ที่คุ้นเคย น่าเชื่อถือ ต้องการฟังก์ชันดูดและถูพื้นในเครื่องเดียว หรือต้องการหัวดูดที่มีไฟ LED ช่วยในการทำความสะอาด
- ช่องทางซื้อ: ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, Power Buy, Central Online, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 7,xxx - 2x,xxx บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "รุ่น Aqua สะดวกมาก ดูดไปถูไปรอบเดียวพื้นสะอาดเลย" "ไฟ LED ที่หัวดูดช่วยได้เยอะจริงๆ มองเห็นฝุ่นใต้เตียงชัดแจ๋ว" "ดีไซน์สวยงามตามสไตล์ Philips"
6. Electrolux
เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าแก่จากสวีเดน มีชื่อเสียงด้านความทนทานและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์
- รุ่นแนะนำ: Electrolux Pure Q9, Electrolux UltimateHome 900
- จุดเด่น: ดีไซน์สวยงาม พรีเมียม มีรุ่นที่เน้นความเงียบในการทำงาน น้ำหนักเบาในบางรุ่น ใช้งานง่าย มีฟังก์ชันทำความสะอาดหัวดูด (Brush Roll Clean) ในบางรุ่น แรงดูดสม่ำเสมอ
- ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูงในรุ่นท็อป แบตเตอรี่บางรุ่นอาจจะใช้งานได้ไม่นานเท่าบางแบรนด์จีน
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เน้นดีไซน์สวยงาม การทำงานที่เงียบ หรือต้องการฟังก์ชันทำความสะอาดหัวดูด
- ช่องทางซื้อ: ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, Power Buy, Central Online, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 5,xxx - 1x,xxx ปลายๆ บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ดีไซน์สวยมาก เหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง" "เสียงไม่ดังรบกวนดี ชอบฟังก์ชันทำความสะอาดแปรงที่หัวดูด" "ตัวเครื่องน้ำหนักโอเค ไม่หนักเกินไป"
7. Samsung
เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ที่มีสินค้าครอบคลุมแทบทุกอย่าง รวมถึงเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มาพร้อมดีไซน์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- รุ่นแนะนำ: Samsung Jet series (เช่น Jet 60, Jet 75, Jet 90)
- จุดเด่น: แรงดูดทรงพลัง ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย น้ำหนักเบาในบางรุ่น มีระบบแท่นชาร์จแบบ All-in-One และแท่นเทฝุ่นอัตโนมัติ (ในรุ่น Bespoke) แบตเตอรี่สามารถถอดเปลี่ยน/ซื้อเพิ่มได้
- ข้อเสีย: ราคาสูงในรุ่นสเปกดีๆ
- เหมาะกับ: สาวก Samsung ที่ใช้อุปกรณ์อื่นๆ ของแบรนด์อยู่แล้ว คนที่ต้องการเครื่องดูดฝุ่นไร้สายสเปกดี ดีไซน์สวยงาม หรือต้องการแท่นชาร์จ/แท่นเทฝุ่นแบบครบวงจร
- ช่องทางซื้อ: Samsung Experience Store, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, Power Buy, Central Online, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 8,xxx - 2x,xxx+ บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "Samsung Jet แรงดูดดีมากจริงๆ ดูดได้หมดจด" "ชอบแท่นชาร์จกับแท่นเทฝุ่นมาก สะดวกสุดๆ" "ดีไซน์สวย เข้ากับบ้านมินิมอลได้ดี"
8. LG
เกี่ยวกับแบรนด์: อีกหนึ่งแบรนด์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ที่มีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพดีหลากหลายประเภท
- รุ่นแนะนำ: LG CordZero A9 series
- จุดเด่น: แรงดูดดี มอเตอร์ทนทาน (รับประกันมอเตอร์นาน) มีแท่นชาร์จและจัดเก็บอุปกรณ์แบบสวยงาม (All-in-One Tower) แบตเตอรี่คู่ (Dual PowerPack) ใช้งานต่อเนื่องได้นานขึ้น ก้านดูดปรับความยาวได้ มีหัวดูดหลากหลาย
- ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูงในรุ่นท็อป น้ำหนักอาจจะไม่ได้เบาเท่าบางแบรนด์
- เหมาะกับ: คนที่มองหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากแบรนด์น่าเชื่อถือ เน้นประสิทธิภาพการดูดที่ดี มอเตอร์ทนทาน หรือต้องการแท่นจัดเก็บที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
- ช่องทางซื้อ: ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, Power Buy, Central Online, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 9,xxx - 2x,xxx+ บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ใช้ LG มาหลายอย่างแล้ว ทนดี ตัวดูดฝุ่นไร้สายก็แรงดีค่ะ" "ชอบแท่น All-in-One มาก ดูเป็นระเบียบ ไม่เกะกะเลย" "ปรับความยาวก้านดูดได้นี่สะดวกจริงๆ"
9. Hitachi
เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เก่าแก่จากญี่ปุ่น ที่มีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพดี ทนทาน คู่บ้านคนไทยมานาน
- รุ่นแนะนำ: Hitachi PV-XH series, PV-XFL series
- จุดเด่น: มอเตอร์ทรงพลัง เป็นเอกลักษณ์ของ Hitachi บางรุ่นมีไฟ LED สีเขียวที่หัวดูดช่วยให้มองเห็นฝุ่นได้ชัดเจนขึ้น น้ำหนักเบาในบางรุ่น ใช้งานง่าย ทนทานตามสไตล์ญี่ปุ่น
- ข้อเสีย: ดีไซน์อาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าแบรนด์อื่นๆ ตัวเลือกฟังก์ชันเสริมอาจจะไม่เยอะเท่าบางแบรนด์จีนรุ่นใหม่ๆ
- เหมาะกับ: คนที่เน้นความทนทาน เชื่อถือได้ แบรนด์ญี่ปุ่นที่คุ้นเคย หรือต้องการเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย
- ช่องทางซื้อ: ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, Power Buy, Thaiwatsadu, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 5,xxx - 2x,xxx บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "ใช้ Hitachi มาตลอด ทนจริงๆ ตัวไร้สายก็แรงดี ดูดเกลี้ยง" "ไฟเขียวๆ ที่หัวดูดนี่เวิร์คมาก มองเห็นฝุ่นบนพื้นกระเบื้องชัดเจน" "น้ำหนักเบา ถือดูดได้นาน ไม่เมื่อย"
10. Tefal / Sharp / Iris Ohyama (กลุ่มแบรนด์น่าสนใจเพิ่มเติม)
เกี่ยวกับแบรนด์: เป็นกลุ่มแบรนด์ที่มีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่น่าสนใจในตลาดไทยเช่นกัน Tefal (ฝรั่งเศส) มักมีนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า Sharp (ญี่ปุ่น) เป็นแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคย มีรุ่นที่คุ้มค่า และ Iris Ohyama (ญี่ปุ่น) ที่มีสินค้าน่ารัก คุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผล
- รุ่นแนะนำ: Tefal X-Force series, Tefal X-Nano, Sharp EC-LH series, Iris Ohyama IC-SLD series
- จุดเด่น: มีรุ่นที่มีฟังก์ชันดูดและถูในเครื่องเดียว (Tefal) บางแบรนด์เน้นน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย มีตัวเลือกในราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่เริ่มต้นถึงระดับกลาง
- ข้อเสีย: ประสิทธิภาพอาจไม่เทียบเท่าแบรนด์พรีเมียมในทุกรุ่น ฟังก์ชันเสริมอาจไม่หลากหลายเท่า
- เหมาะกับ: คนที่มองหาตัวเลือกอื่นๆ นอกจากแบรนด์หลัก เน้นความคุ้มค่า หรือต้องการฟังก์ชันเฉพาะ เช่น ดูดและถูในเครื่องเดียว
- ช่องทางซื้อ: ห้างสรรพสินค้าทั่วไป, Power Buy, Central Online, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: เริ่มต้นหลักพันกลางๆ - 1x,xxx บาท
- รีวิวผู้ใช้งาน (แนวๆ คนไทย): "Tefal รุ่นดูดถูใช้ดีมาก เหมาะกับบ้านที่ไม่มีพรม" "Sharp รุ่นเก่าใช้ทนดี รุ่นใหม่ไร้สายก็น่าสนใจ" "Iris Ohyama น่ารัก มินิมอล ดูดในห้องสบายๆ"
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนอยากบ้านสะอาด!
Q: ระหว่าง Dyson กับ Xiaomi อันไหนดีกว่ากันคะ/ครับ?
A: อื้อหือ คำถามยอดฮิต! 🤔 ถ้า งบถึง จัด Dyson ไปเลยครับ ไม่ผิดหวังเรื่องแรงดูดและเทคโนโลยี แต่ถ้า อยากได้ความคุ้มค่า ในราคาที่จับต้องได้ Xiaomi คือตัวเลือกที่ดีมากๆ แรงดูดอาจไม่เท่าตัวท็อปของ Dyson แต่ก็เพียงพอสำหรับบ้านส่วนใหญ่ แถมดีไซน์ยังสวยมินิมอลด้วยครับ
Q: เครื่องดูดฝุ่นไร้สายดูดพรมได้ไหม?
A: ได้ครับ! แต่ต้องดูที่ "หัวดูด" ด้วย ควรเลือกรุ่นที่มีหัวดูดสำหรับพรมโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีแปรงปัดช่วยตีฝุ่นและขนสัตว์ที่ติดอยู่ในพรมให้หลุดออกมา แรงดูดก็ต้องแรงพอสมควรด้วยนะครับ
Q: แบตเตอรี่เครื่องดูดฝุ่นไร้สายใช้งานได้นานกี่ปีคะ/ครับ?
A: อายุการใช้งานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี หรือประมาณ 500-1000 รอบการชาร์จครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา ถ้าใช้บ่อย ชาร์จบ่อย อายุแบตก็อาจจะสั้นลง แต่ส่วนใหญ่สามารถซื้อแบตเตอรี่มาเปลี่ยนได้ครับ
Q: ควรเปลี่ยนแผ่นกรองบ่อยแค่ไหน?
A: แผ่นกรอง (โดยเฉพาะ HEPA) ควรนำไปเคาะฝุ่น หรือล้างทำความสะอาดตามคำแนะนำในคู่มือครับ ความถี่ขึ้นอยู่กับการใช้งานและปริมาณฝุ่นในบ้าน ถ้าใช้บ่อย หรือบ้านฝุ่นเยอะ อาจจะต้องทำความสะอาดทุกสัปดาห์ และควรเปลี่ยนแผ่นกรองใหม่ทุกๆ 6 เดือน - 1 ปี เพื่อประสิทธิภาพการกรองที่ดีและสุขอนามัยครับ
Q: ซื้อเครื่องดูดฝุ่นไร้สายตาม Lazada / Shopee เชื่อถือได้ไหม?
A: ส่วนใหญ่ร้านค้า Official Store หรือร้านที่มีชื่อเสียงบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ค่อนข้างเชื่อถือได้ครับ แต่ให้เช็ค รีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ ให้ดี ดูว่าร้านมีประกันไหม ติดต่อได้ง่ายหรือเปล่า ถ้าเจอราคาถูกผิดปกติมากๆ ต้องระวังของปลอมนะครับ ทางที่ดีซื้อจากร้านค้าทางการหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือจะปลอดภัยที่สุดครับ
สรุปจ้า! เลือกเครื่องดูดฝุ่นไร้สายยังไงให้โดนใจแม่บ้านพ่อบ้านยุค 5G!
เป็นยังไงบ้างครับ ได้ไอเดียในการเลือกเครื่องดูดฝุ่นไร้สายคู่ใจกันแล้วใช่ไหม? การจะเลือกเครื่องที่เหมาะกับเราที่สุดก็เหมือนกับการเลือกคู่แหละครับ... ต้องดูให้ดี ให้ตรงกับความต้องการของเราที่สุด! 😉
- ถ้า งบจำกัด หรืออยู่ คอนโด/บ้านขนาดเล็ก เน้นความคุ้มค่า ใช้งานง่าย ลองดู Xiaomi, Deerma, Iris Ohyama หรือ Tefal/Sharp รุ่นเริ่มต้น
- ถ้าเน้น แรงดูดทรงพลัง อยากได้เครื่องดูดฝุ่นขั้นสุด ยอมจ่ายเพื่อประสิทธิภาพและเทคโนโลยี ต้องจัด Dyson เลยครับ หรือถ้าอยากได้สเปกแรงๆ ในราคาดีๆ ลองดู Dreame หรือ Tineco
- ถ้าต้องการ ฟังก์ชันดูดและถูพื้นเปียกในเครื่องเดียว บ้านมีพื้นแข็งเยอะๆ ลองดู Tineco (รุ่น FLOOR ONE), Philips (รุ่น Aqua), Roborock (รุ่น Dyad) หรือ Tefal (รุ่น Aqua)
- ถ้าเน้น แบรนด์ที่คุ้นเคย เชื่อถือได้ และมีศูนย์บริการในไทยแน่นอน ลองดู Philips, Electrolux, Samsung, LG, Hitachi
สิ่งสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจคือ เช็คสเปก แรงดูด แบตเตอรี่ และระบบกรอง ให้ตรงกับการใช้งานของเรานะครับ แล้วก็อย่าลืมดูเรื่อง การรับประกันและบริการหลังการขาย ด้วย เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีโอกาสเสียได้เนอะ
สุดท้ายนี้ ในสภาพอากาศเมืองไทยที่เต็มไปด้วยฝุ่นผง การมีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายดีๆ สักเครื่องจะช่วยให้บ้านเราสะอาดน่าอยู่ ลดปัญหาภูมิแพ้ได้เยอะเลยครับ แถมทำความสะอาดเสร็จก็มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นที่เราชอบได้อีกด้วย ดีงามสุดๆ ไปเลย!
มาเม้าท์มอยกันต่อ! ใช้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นไหนอยู่บ้าง? ชอบไม่ชอบตรงไหน?
เป็นยังไงกันบ้างครับ อ่านจบแล้วปิ๊งรุ่นไหนในใจบ้างไหมเอ่ย? หรือใครกำลังใช้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวไหนอยู่ อยากแชร์ประสบการณ์จริงให้เพื่อนๆ ฟัง คอมเมนต์บอกกันหน่อยสิครับ! รีวิวสั้นๆ ก็ได้นะ เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่กำลังตัดสินใจมากๆ เลย 👇
ถ้าใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากให้ผมรวบรวม "พิกัดร้านเด็ด ดีลปัง" ที่น่าสนใจสำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นต่างๆ ในช่วงนี้เป็นพิเศษ พิมพ์คำว่า "จัดลิงก์มาเลย!" ไว้ในคอมเมนต์ได้เลยนะครับ! เดี๋ยวผมจัดการให้เป็นกรณีพิเศษ 😉 แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า ขอให้ทุกคนได้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายคู่ใจ ทำบ้านให้สะอาดวิ๊งกันทุกคนนะครับ! ✨
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
10 แอร์ ราคาไม่เกิน 10000 บาท ปี 2025 คุ้มค่า เย็นเร็ว
10 อันดับ เครื่องดูดฝุ่น Electrolux รุ่นไหนดี ปี 2025 แรงดูดดี ทำความสะอาดง่าย
10 ไดร์เป่าผมถูกและดี ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ผมสวยสุขภาพดี แห้งเร็ว
10 โน้ตบุ๊ก ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ปี 2025 สเปกคุ้มค่า ใช้งานทั่วไป
รีวิวและราคา รอกตกปลา G-Max Wolf: ดีจริงไหม น่าใช้หรือเปล่า
10 ฝักบัวอาบน้ำ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 อาบน้ำฟิน ติดตั้งง่าย