logo

รีวิว Roidmi F8 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย แรงดูดดีจริงไหม มาดูกัน

user avatar
พิมพ์ชนก บุญยืน·07/08/2025T02:43Z
点赞
รีวิว Roidmi F8 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย แรงดูดดีจริงไหม มาดูกัน

สวัสดีค่าทุกคน! วันนี้มาป้ายยา เอ้ย! มารีวิวของดีที่สายพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ต้องมี นั่นก็คือ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Roidmi F8 นั่นเอง! ได้ยินชื่อนี้แล้วหลายคนอาจจะ เอ๊ะ? ยี่ห้อไรอะ ใช่ Xiaomi หรือเปล่า? (เฉลยคือเป็นบริษัทใน Ecosystem ของ Xiaomi จ้า) แล้วที่เขาบอกว่า แรงดูดดีจริง ดูดหมดจดเนี่ย มันจริงมั้ย? วันนี้แหละค่ะ จะมาตีแผ่ให้ดูกันแบบหมดเปลือก ใช้จริงจัง ลองมันทุกซอกทุกมุมในบ้าน รับรองว่าอ่านจบปุ๊บ ตัดสินใจได้ปั๊บว่าจะเสียเงินหรือไม่เสียเงิน!


1. ภาพรวมของ Roidmi F8: รู้จักกันไว้ใช่ว่าจะเสียหาย

ก่อนจะไปซอกแซกดูประสิทธิภาพ เรามาทำความรู้จักเจ้า Roidmi F8 แบบคร่าวๆ กันก่อนเนอะ

แบรนด์: Roidmi (อยู่ในเครือ Xiaomi ecosystem นะรู้ยัง)
รุ่น: F8 Storm หรือเรียกสั้นๆ ว่า F8 นี่แหละ
ปีที่วางขาย: ออกมาสักพักแล้วนะ แต่ยังน่าสนใจอยู่
ช่วงราคา: อันนี้แล้วแต่โปรโมชั่นเลยค่ะ แต่หลักๆ ก็จะอยู่ในกลุ่มเครื่องดูดฝุ่นไร้สายราคากลางๆ ถึงค่อนไปทางสูงหน่อย แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งตัวตึงก็ถือว่ามิตรภาพนะ

ตำแหน่งสินค้า: รุ่นนี้จัดอยู่ในกลุ่ม Mid-Range Performance หรือตัวแรงกลางๆ ที่เน้นความคุ้มค่า ฟังก์ชันครบ เหมาะกับคนที่ไม่ถึงกับต้องโปรเรื่องดูดฝุ่น แต่ก็อยากได้เครื่องที่ดูดสะอาดจริงจัง ใช้ได้หลากหลายในบ้าน คอนโด หรือแม้กระทั่งในรถ

จุดเด่นที่เคลมมา (และเราจะมาดูกันว่าจริงไหม):

  • แรงดูดทรงพลัง: เขาบอกมอเตอร์หมุนเร็วถึงแสนรอบต่อนาที แรงดูด 18500 Pa เลยนะ!
  • แบตอึดพอตัว: ใช้ได้นานสุด 55 นาที (โหมดปกติ)
  • น้ำหนักเบา: ถือสบาย ไม่ปวดแขน
  • มีหัวแปรงให้เพียบ: ใช้ได้กับพื้นหลายแบบ ซอกมุม หรือแม้แต่บนที่นอน
  • ต่อแอปได้ด้วย!: ดูลำบากชีวิตมั้ยนะ...เดี๋ยวมาดูกัน

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: มินิมอล เรียบหรู ดูไม่เบา

แกะกล่องออกมาปุ๊บ สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความมินิมอลสไตล์ Xiaomi เลยค่ะ ตัวเครื่องสีขาวเรียบๆ ดูสะอาดตา ถือแล้วไม่เขินที่จะเดินไปดูดตรงนั้นตรงนี้

การออกแบบ & วัสดุ: ดีไซน์โดยรวมคล้ายๆ แบรนด์ดังตัวอักษร D นะคะ ด้ามจับโค้ง 270 องศา จับถนัดมือดี วัสดุเป็นพลาสติกแต่ดูแข็งแรง ไม่ก๊องแก๊ง แต่สีขาวก็ต้องทำใจนิดนึง เลอะง่ายไปหน่อย ถ้าไม่เช็ดบ่อยๆ อาจจะดูหมองๆ ได้

ขนาดและน้ำหนัก: ตัวเครื่อง (เฉพาะส่วนมอเตอร์กับแบต) น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. ถ้าใส่ท่อยาวกับหัวแปรงหลักเข้าไปก็หนักขึ้นมาอีกนิด แต่โดยรวมคือเบาค่ะ ถือดูดเพดาน หรือดูดในรถนานๆ ก็ไม่เมื่อยแขนมากนัก ขนาดกะทัดรัดกำลังดี ไม่เกะกะ

สีที่มีให้เลือก: หลักๆ ที่เห็นในไทยก็สีขาวนี่แหละค่ะ

ความสะดวกในการพกพา & การจัดเก็บ: พกไปดูดในรถสบายมากค่ะ ส่วนการจัดเก็บ เขามีแท่นยึดผนังแบบแม่เหล็กมาให้ด้วยนะ! ติดผนังปุ๊บ วางปุ๊บ ติดปั๊บ สะดวกดี ไม่ต้องหาที่พิงให้ล้ม

อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ให้มาเยอะใช้ได้เลยค่ะ ที่แน่ๆ คือหัวแปรงหลัก (มีลูกกลิ้ง 2 แบบสำหรับพื้นแข็งกับพรมให้เปลี่ยน) หัวแปรงเล็กแบบต่างๆ (เช่น หัวแปรงปากแคบ แปรงเล็ก หัวแปรงดูดไรฝุ่น) ท่อต่อยาว ท่ออ่อนแบบยืดหยุ่นได้ (อันนี้ดี! ไว้ดูดในที่แคบๆ) แท่นยึดผนัง สายชาร์จ และคู่มือ


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: แรงดูดดีจริง...แต่!

มาถึงหัวใจหลักของเครื่องดูดฝุ่น นั่นคือ "แรงดูด" นั่นเอง! Roidmi F8 เคลมว่าแรงดูด 18,500 Pa มอเตอร์ 100,000 รอบต่อนาที ซึ่งตัวเลขดูดีมาก แล้วใช้จริงล่ะ?

มี 2 โหมดหลักๆ คือ โหมดปกติ (Standard) กับ โหมด Max (Turbo)

โหมดปกติ: เสียงไม่ดังมาก แรงดูดโอเคเลยค่ะสำหรับฝุ่นผงทั่วๆ ไป เส้นผม หรือขนสัตว์บนพื้นแข็ง ดูดปื้ดๆ สะอาดดีค่ะ เหมาะกับการดูดประจำวันหลังกินข้าว หรือเดินเข้าบ้านแบบไม่ได้ตั้งใจถอดรองเท้าอะไรแบบนี้

โหมด Max: เปิดโหมดนี้ปุ๊บ เสียงดังขึ้นมาทันที แต่แรงดูดคือสะใจมาก! เหมือนมีพายุไซโคลนอยู่ในมือ! ลองเอาไปดูดตามซอกพื้น ตามร่องกระเบื้องคือดีงาม ดูดฝุ่นที่ซ่อนอยู่ขึ้นมาหมดเลย แต่ถ้าเป็นพรมขนยาวมากๆ อันนี้อาจจะต้องออกแรงนิดนึง หรือบางทีก็ดูดไม่เกลี้ยงเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายตัวใหญ่ๆ แต่สำหรับฝุ่นผง หรือขนที่อยู่บนพรมไม่หนามากก็ยังทำได้ดีอยู่นะ ที่ชอบคือมีไฟ LED ที่หัวแปรงหลัก เวลาดูดใต้โซฟา ใต้เตียง หรือมุมมืดๆ ไฟจะติดให้เองอัตโนมัติ เห็นฝุ่นชัดขึ้นเยอะเลย! ดูดเพลินเลยค่ะทีนี้

ข้อสังเกต: ถังเก็บฝุ่นเล็กไปหน่อยค่ะ (0.4 ลิตร) ถ้าดูดทั้งบ้านแบบจัดเต็ม อาจจะต้องเอาไปเทฝุ่นบ่อยหน่อย


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: มือใหม่หัดดูดก็เอาอยู่!

เรื่องความง่ายในการใช้งาน ต้องบอกว่า Roidmi F8 ทำได้ดีค่ะ ประกอบง่าย ถอดเปลี่ยนหัวแปรงก็ง่าย ไม่ต้องงัดแงะให้เล็บหัก

ใช้ง่ายมั้ย?: ง่ายมากค่ะ แค่กดปุ่มเปิดเครื่องก็ดูดได้เลย มีปุ่มเปลี่ยนโหมดอยู่ที่ด้ามจับ กดง่ายไม่ซับซ้อน

ระบบซอฟต์แวร์ & แอปพลิเคชัน: อันนี้ว้าวหน่อยคือมันต่อแอป Mi Home หรือ Roidmi เองได้ด้วยผ่านบลูทูธ ในแอปเราดูสถานะแบตเตอรี่ได้ ดูว่าดูดไปกี่นาทีแล้ว ดูสถานะไส้กรอง แล้วก็... ปรับแรงดูดแบบละเอียดขึ้นได้ด้วย! ปกติมีแค่ 2 โหมด แต่ถ้าต่อแอปจะเลือกแรงดูดได้ 3 ระดับ (80W, 130W, 180W) ว้าวซ่ามั้ยล่ะ! แต่เอาจริงๆ ไม่ต่อแอปก็ใช้ได้ครบฟังก์ชันหลักๆ แล้วค่ะ ใครไม่ชอบความยุ่งยากข้ามตรงนี้ไปก็ได้

เสียงดังมั้ย ร้อนเร็วมั้ย?: โหมดปกติเสียงไม่ดังมากค่ะ ยังคุยกันรู้เรื่อง แต่พอเข้าโหมด Max เสียงดังขึ้นชัดเจนเลยนะ ถ้าดูดตอนกลางคืนดึกๆ อาจจะต้องเกรงใจข้างห้องนิดนึง ส่วนความร้อน เท่าที่ใช้ยังไม่เจอปัญหาร้อนจนจับไม่ได้ค่ะ

สบายเวลาถือ/สวมใส่หรือไม่: น้ำหนักเบา ถือสบายค่ะ ด้ามจับออกแบบมาดี แต่ถ้าดูดเพดานนานๆ หรือยกขึ้นสูงๆ ก็มีเมื่อยแขนบ้างเป็นธรรมดา


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: อึดพอตัว แต่โหมดแรงหมดไว

เรื่องแบตเตอรี่นี่สำคัญมากสำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย! Roidmi F8 ใช้แบต Li-ion 2500mAh

ระยะเวลาการใช้งาน: โหมดปกติ (Standard) อยู่ได้นานสุด 55 นาที อันนี้เพียงพอสำหรับดูดทั้งบ้านขนาดกลางๆ เลยค่ะ แต่ถ้าเข้าโหมด Max (Turbo) จะอยู่ได้แค่ประมาณ 9-10 นาทีเท่านั้น! ซึ่งก็เป็นปกติของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแรงๆ นะคะ โหมดนี้เอาไว้ใช้ดูดเฉพาะจุดที่ต้องการพลังดูดสูงๆ พอ

ความเร็วในการชาร์จ: ชาร์จเต็มใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง ถือว่าเร็วใช้ได้เลยค่ะ

ค่าใช้จ่ายระยะยาว: อะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ก็คือไส้กรอง HEPA กับลูกกลิ้งหัวแปรง ซึ่งก็มีขายตามร้านออนไลน์ทั่วไป ราคาไม่แรงมากค่ะ ตัวไส้กรองสามารถถอดมาล้างทำความสะอาดได้ แต่ควรเปลี่ยนทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

วิเคราะห์ความคุ้มค่า: ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพและฟังก์ชันที่ได้ Roidmi F8 ถือว่าคุ้มค่ามากในราคาประมาณนี้ ได้แรงดูดที่เทียบเคียงรุ่นแพงๆ อย่าง Dyson V8 ได้เลยในราคาที่ถูกกว่าครึ่งๆ เหมาะกับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายดีๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงเว่อร์


6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งใจก่อนจ่าย!

มาสรุปข้อดีข้อเสียแบบกลางๆ ไม่อวยเกินจริงกันค่ะ

ข้อดีที่คนไทยน่าจะชอบ:

  • แรงดูดดีจริง! โดยเฉพาะในโหมด Max ดูดสะใจมากๆ
  • น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย: ถือดูดสบายไม่เมื่อย
  • ดีไซน์สวย มินิมอล: วางตรงไหนในบ้านก็ดูดี
  • มีหัวแปรงให้เยอะ: ใช้ทำความสะอาดได้หลากหลายพื้นผิวและซอกมุม
  • ราคาเข้าถึงง่าย: เมื่อเทียบกับคู่แข่งตัวตึง ได้สเปคที่คุ้มค่า

ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเลใจ:

  • โหมด Max แบตหมดไว: ใช้ดูดนานๆ ไม่ได้ ต้องสลับโหมด
  • ถังเก็บฝุ่นเล็ก: ต้องเอาไปเทบ่อยถ้าดูดเยอะๆ
  • เสียงดังในโหมด Max: อาจรบกวนคนในบ้านหรือเพื่อนบ้านได้
  • การทำความสะอาดพรมขนยาว: อาจจะยังไม่ดีเท่าเครื่องดูดฝุ่นมีสายแรงๆ
  • ตัวเครื่องสีขาวอาจเลอะง่าย: ต้องคอยเช็ดทำความสะอาด

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: คุณคือคนนั้นหรือเปล่า?

จากที่ลองใช้มาทั้งหมด คิดว่า Roidmi F8 เหมาะกับคนกลุ่มนี้นะคะ

เหมาะกับ:

  • คนที่อยู่คอนโด หรือบ้านขนาดกลางๆ
  • คนที่ต้องการเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเครื่องแรก คุณภาพดี ราคาไม่แรงเกิน
  • คนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นที่ใช้ดูดได้หลายพื้นผิว ทั้งพื้นแข็ง พรม (ไม่หนามาก) ดูดโซฟา ดูดในรถ
  • คนที่มองหาเครื่องดูดฝุ่นตัวที่สอง ไว้ใช้ดูดแบบเร็วๆ ในแต่ละวัน แทนการกวาด
  • คนที่แพ้ฝุ่น หรือมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน เพราะระบบกรองค่อนข้างดี

ไม่เหมาะกับ:

  • คนที่ต้องการดูดพรมขนยาวแบบจัดเต็มทุกวัน
  • คนที่บ้านใหญ่มากๆ และต้องการดูดโหมดแรงสุดทั้งหลัง

ควรซื้อเลยไหม? หรือรอโปรโมชั่นดีกว่า?: ถ้าไม่ได้รีบมาก แนะนำให้รอช่วงโปรโมชั่นตามแคมเปญช้อปปิ้งต่างๆ เช่น 10.10, 11.11, 12.12 หรือช่วง Payday เพราะราคาจะดีงามมาก บางทีมีโค้ดลด มีส่วนลดร้านค้าอีก คุ้มกว่าเยอะค่ะ


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (ถ้าให้เทียบจะๆ)

ถ้าให้เทียบ Roidmi F8 มักจะถูกนำไปเทียบกับ Dyson V8 อยู่บ่อยๆ

  • แรงดูด: สูสีกันนะ F8 เคลม 115W (Air Watts) เท่า V8 เลย แต่ V8 อาจจะทำได้ดีกว่านิดหน่อยในการดูดฝุ่นฝังลึกบนพรม ส่วน F8 ดูดพวกเศษใหญ่ๆ บนพื้นแข็งได้ดีกว่า
  • แบตเตอรี่: F8 อยู่ได้นานกว่าในโหมดปกติ (55 นาที vs 40 นาที) ชาร์จเร็วกว่าด้วย (2.5 ชม. vs 4.5 ชม.)
  • น้ำหนัก: F8 เบากว่านิดหน่อย (1.5 กก. vs 1.8 กก.)
  • ถังเก็บฝุ่น: V8 ใหญ่กว่านิดนึง (0.5 ลิตร vs 0.4 ลิตร)
  • ฟังก์ชันเสริม: F8 มีไฟ LED ที่หัวแปรง และต่อแอปได้ ซึ่ง V8 ไม่มีฟังก์ชันนี้
  • ราคา: Roidmi F8 ถูกกว่า Dyson V8 เกือบเท่าตัวเลยนะ!

สรุปคือ ถ้าเน้นความคุ้มค่า ฟังก์ชันครบ ดูดพื้นแข็งเป็นหลัก Roidmi F8 น่าสนใจกว่า แต่ถ้าเน้นดูดพรมขนยาวเป็นหลัก หรืออยากได้แบรนด์ที่ชื่อคุ้นหู บริการหลังการขายมั่นใจกว่า (ซึ่งอันนี้แล้วแต่ศูนย์ไทยนะ) Dyson V8 ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี ไม่โดนหลอก?

การรับประกัน: ส่วนใหญ่ร้านค้าในไทยจะรับประกัน 1 ปีค่ะ ถ้าซื้อกับร้านค้าทางการ หรือร้านใหญ่ๆ ที่ไว้ใจได้ ก็หมดห่วงเรื่องเคลมไปได้เลย ลองสอบถามเงื่อนไขการรับประกันกับร้านค้านั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ

ช่องทางการซื้อ: สะดวกสุดก็คือออนไลน์เลยค่ะ มีขายเพียบทั้งใน Lazada, Shopee ลองเช็คราคาจากหลายๆ ร้าน เปรียบเทียบโปรโมชั่นดูค่ะ แนะนำให้เลือกร้านที่มีรีวิวดีๆ มีหน้าร้านในไทย หรือเป็นร้านทางการจะอุ่นใจกว่า

โปรโมชั่น & ส่วนลด: อย่างที่บอกค่ะ รอช่วงแคมเปญใหญ่ๆ มีทั้งส่วนลดร้านค้า, โค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์ม, เหรียญคืน, หรือบางทีมีของแถมด้วยนะ เปรียบเทียบราคาดีๆ อาจจะได้เครื่องในราคาถูกลงเยอะเลยค่ะ

การผ่อนชำระ: ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่มีตัวเลือกผ่อน 0% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการด้วยค่ะ

ระยะเวลาจัดส่ง: ถ้าสั่งจากร้านในไทย ส่วนใหญ่วันสองวันก็ได้ของแล้วค่ะ ถ้าอยู่กรุงเทพฯ บางทีวันเดียวถึงก็มี


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!

หลังจากที่ได้ลองใช้ Roidmi F8 มาพักใหญ่ๆ แบบถึงพริกถึงขิง ก็พอจะฟันธงได้ว่า...

ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย "ตัวแรก" ที่เน้นความคุ้มค่า แรงดูดดีจริง ใช้ได้กับพื้นหลากหลาย ดูดฝุ่นผง ขนสัตว์ หรือจะเอาไปดูดในรถ ดูดโซฟาก็ได้หมด ในงบประมาณที่ไม่แรงเท่าตัวท็อปๆ Roidmi F8 คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ

แนะนำให้ซื้อเลย ถ้าสเปคและราคาโดนใจ แล้วบ้านไม่ได้มีแต่พรมขนยาวมากๆ

เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายดีๆ สักเครื่อง มาช่วยแบ่งเบาภาระการทำความสะอาด

แต่ถ้าบ้านคุณปูพรมขนยาวทั้งหลัง และเน้นดูดพรมเป็นหลัก หรือมีงบไม่จำกัด และต้องการพลังดูดสูงสุดในทุกสภาพพื้นผิว อาจจะต้องพิจารณารุ่นที่เน้นดูดพรมโดยเฉพาะ หรือรุ่นที่ราคาสูงกว่านี้ค่ะ

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ ใครใช้ Roidmi F8 อยู่ หรือมีคำถามอะไร มาเมนต์มาแชร์กันได้เลยนะค้า!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

อาการคันตามตัว ผื่นขึ้นไม่ทราบสาเหตุ หรือตื่นมาจาม ฟุดฟิดตลอดเวลา… รู้ไหมว่านั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนจาก “ไรฝุ่น” ตัวร้ายที่ซ่อนอยู่ในที่นอน หมอน โซฟา หรือแม้แต่ตุ๊กตาตัวโปรด! วันนี้เราจะมาเจาะลึก 《รีวิวเครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Deerma CM800 ดีจ
รีวิวเครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Deerma CM800 ดีจริงไหม คุ้มค่ากับการซื้อหรือไม่
Okay, I have gathered information about the Dyson Cinetic Big Ball (CY22), including its release year (around 2015-2017 depending on the specific version/updates), key features (Cinetic technology, Big Ball, no filter maintenance, hygienic
รีวิว Dyson CY22 (Dyson Cinetic Big Ball): เครื่องดูดฝุ่น Dyson รุ่น Cinetic Big Ball ดีไหม?
ยุคนี้ใครๆ ก็ช้อปออนไลน์เนอะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของกิน ของใช้ในบ้าน แม้แต่เครื่องดูดฝุ่น! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเจ้าเครื่องดูดฝุ่นตัวจิ๋วแต่แจ๋ว (?) อย่าง Aconatic AN-ACC 1180 ที่เห็นโฆษณาแว๊บๆ ในแอปส้ม แอปน้ำเงิน บอกว่าแรงดูดดี๊ดี เก็บฝุ่น
รีวิวเครื่องดูดฝุ่น Aconatic AN-ACC 1180 แรงดูดดี เก็บฝุ่นหมดจด?

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

กำลังมองหาที่พักในเชียงใหม่ที่เดินทางสะดวกสบาย อยู่ใจกลางเมืองเก่า และราคาดีอยู่ใช่ไหม? โรงแรมรอยัล พรรณราย เชียงใหม่ อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา! ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกทุกซอกทุกมุมของโรงแรมแห่งนี้ ตั้งแต่ห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก ไปจนถ
รีวิวโรงแรม รอยัล พรรณราย เชียงใหม่ ที่พักใจกลางเมืองเก่า เดินทางสะดวก
กำลังมองหาทีวีใหม่ที่ให้ภาพสวยคมชัด เสียงกระหึ่มเหมือนโรงหนัง แต่ราคาไม่แรงเกินไปอยู่ใช่ไหม? วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึก LG 55SK8000PTA ทีวี 4K Super UHD ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Nano Cell Display อันเป็นเอกลักษณ์ของ LG ที่เคยสร้างความฮือฮาเมื่อ
รีวิวทีวี LG 55SK8000PTA Nano Cell Display 4K ภาพสวยเสียงดี คุ้มค่ามั้ย
เบื่อไหมกับใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า? นอนดึกตาบวมจนเพื่อนทัก? ถ้าคุณกำลังมองหาตัวช่วยกอบกู้ใต้ตาให้กลับมาสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง บทความนี้มีคำตอบ! วันนี้เราจะพามารีวิวเจาะลึก Origins Ginzing Eye Cream อายครีมตัวดังที่ใครๆ ก็พูดถึง ว่าจะช่วยลด
รีวิว Origins Ginzing Eye Cream อายครีมลดบวมและความหมองคล้ำรอบดวงตา

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ