The Black Phone รีวิว หนังสยองขวัญจากผู้กำกับ Sinister น่ากลัวหลอนแค่ไหน?


โอ้โห! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยหอยสังข์กับหนังที่หลายคนตั้งตารอ โดยเฉพาะสายหลอน สายขนหัวลุก เพราะนี่คือหนังใหม่จากผู้กำกับคนเดียวกันกับที่ทำ Sinister หนังผีที่ว่ากันว่าน่ากลัวสุดๆ จนวิทยาศาสตร์ยังรับรอง (จริงเหรอ? เดี๋ยวว่ากัน!) หนังเรื่องนั้นก็คือ 《The Black Phone》 หรือชื่อไทยว่า 《สายหลอน ซ่อนวิญญาณ》 นั่นเอง!
เกริ่นมาขนาดนี้ หลายคนคงอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า...สรุปแล้วมันจะน่ากลัว หลอน จิตตก เท่า Sinister หรือเปล่า? แล้วไอ้โทรศัพท์สีดำๆ ในเรื่องมันมีดีอะไร? วันนี้เราจะมารีวิวให้ฟังแบบหมดเปลือก สไตล์บ้านๆ เข้าถึงง่าย ตามไปดูกันเลยจ้า!
1. ภาพรวมของหนัง: รู้จัก "สายหลอน ซ่อนวิญญาณ" กันก่อน
ชื่อเรื่อง: The Black Phone (สายหลอน ซ่อนวิญญาณ)
ผู้กำกับ: Scott Derrickson (คนเดียวกับ Sinister, The Exorcism of Emily Rose)
เขียนบท: Scott Derrickson และ C. Robert Cargill (ทีมเดียวกับ Sinister)
สร้างจาก: เรื่องสั้นในชื่อเดียวกันของ Joe Hill (ลูกชาย สตีเฟน คิง นักเขียนราชาหนังสยองขวัญ!)
ปีที่เข้าฉาย: 2022
นักแสดงนำ: Ethan Hawke (จาก Sinister ในบทที่โคตรน่าขนลุก), Mason Thames, Madeleine McGraw
แนว: สยองขวัญ, ระทึกขวัญ, เหนือธรรมชาติ
เรตติ้ง: R (ในต่างประเทศ) / 15+ (ในไทย)
ความยาว: ประมาณ 1 ชั่วโมง 43 นาที
Positioning: หนังสยองขวัญที่เน้นบรรยากาศกดดัน จิตวิทยา ผสมเรื่องเหนือธรรมชาติ ไม่ได้เน้นผีตุ้งแช่จ๋าแบบบางเรื่อง
จุดเด่นคร่าวๆ:
- ผู้กำกับ Sinister กลับมาทำหนังผี! แค่นี้ก็น่าดูแล้ว
- Ethan Hawke พลิกบทบาทมาร้ายแบบสุดขั้ว เป็นฆาตกรโรคจิตที่น่ากลัว
- ไอเดีย "โทรศัพท์จากคนตาย" ที่หลอนและน่าติดตาม
- การแสดงของนักแสดงเด็กคือดีงาม โดยเฉพาะน้องสาวตัวจี๊ด
- บรรยากาศยุค 70s ที่หม่นๆ กดดันสุดๆ
2. เนื้อเรื่องและบรรยากาศ: หม่นๆ กดดัน ชวนอึดอัด
เรื่องราวเกิดขึ้นในยุค 70s ที่เด็กๆ หายตัวไปเป็นว่าเล่นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วก็มีฆาตกรต่อเนื่องฉายา "เดอะ แกร็บเบอร์" (The Grabber) ที่รับบทโดย Ethan Hawke นี่แหละ ออกอาละวาด พระเอกของเราคือ น้องฟินนีย์ เด็กชายขี้อายที่โดนลักพาตัวไปขังไว้ในห้องใต้ดินเก็บเสียง แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อโทรศัพท์สีดำเก่าๆ ที่เสียแล้วดันดังขึ้นมา!
โทนของหนังจะเน้นสร้างบรรยากาศความน่ากลัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้มีผีโผล่มาตกใจแบบจั๋งหนับ แต่จะเน้นความกดดัน ความอึดอัดของการติดอยู่ในห้องแคบๆ กับฆาตกรโรคจิต เหมือนโดนบีบหัวใจตลอดเวลา ซึ่งผู้กำกับ Scott Derrickson ถนัดเรื่องนี้มากๆ ทำได้ดีไม่แพ้ Sinister เลย
3. ตัวละครและการแสดง: อีธาน ฮอว์ก คือเดอะแบก!
ต้องยอมรับว่า Ethan Hawke ในบท The Grabber นี่คือโคตรดี! แกเล่นได้น่าขนลุกสุดๆ ทั้งสายตา ท่าทาง เสียงพูด และหน้ากากที่แกใส่ก็คือหลอนจัด แค่เห็นหน้ากากแกก็กลัวแล้ว ไม่ต้องเห็นหน้าจริงเลย!
ส่วนนักแสดงเด็กทั้งสองคนอย่าง Mason Thames ที่เล่นเป็นฟินนีย์ และ Madeleine McGraw ที่เล่นเป็นเกว็น น้องสาวของฟินนีย์ นี่ก็คือเกินคาดมาก น้องฟินนีย์แสดงถึงความกลัว ความพยายามเอาตัวรอดได้ดี แต่น้องเกว็นนี่คือขโมยซีนสุดๆ บทน้องมีทั้งความฮา ความแสบ และพลังพิเศษบางอย่างที่ช่วยพี่ชาย เป็นตัวละครที่ทำให้หนังมีสีสันและน่าเอาใจช่วยมากๆ
4. ฟังก์ชัน "โทรศัพท์สีดำ": ไอเดียสุดหลอน!
จุดเด่นของเรื่องคือโทรศัพท์สีดำที่เสียแล้ว จู่ๆ มันก็ดังขึ้นมา แล้วปลายสายคือเสียงของเหยื่อคนก่อนๆ ของ The Grabber พวกเขาพยายามจะบอกใบ้ ให้ข้อมูล เพื่อช่วยให้น้องฟินนีย์หาทางหนี ไอเดียนี้คือเก๋มาก ไม่เหมือนใคร และเป็นหัวใจหลักที่ทำให้หนังน่าติดตามสุดๆ มันไม่ใช่แค่โทรศัพท์ธรรมดา แต่มันคือความหวังเดียวของน้องฟินนีย์!
5. ระดับความน่ากลัว: หลอนจิตตก ไม่เน้น Jump Scare
ถ้าใครหวังจะเจอผีตุ้งแช่ กระโดดออกมาตกใจแบบเต็มๆ อาจจะต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เน้นตรงนั้นจ้า แต่เน้นความน่ากลัวจากบรรยากาศ การโดนจำกัดพื้นที่ การกดดันทางจิตวิทยา และความโรคจิตของฆาตกรมากกว่า มันคือความน่ากลัวแบบซึมลึก ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ทำให้เรารู้สึกอึดอัดและลุ้นตามตลอดเวลา เสียงโทรศัพท์แต่ละครั้งก็คือหลอนสุดๆ
ถ้าเทียบกับ Sinister ที่ว่ากันว่าน่ากลัวติดอันดับ Black Phone อาจจะไม่ได้ทำให้ใจสั่นรัวเท่าเป๊ะๆ แต่ก็มีฉากชวนสะดุ้งอยู่หลายดอกเหมือนกันนะ โดยรวมแล้วเป็นความน่ากลัวที่กำลังดี ไม่ได้ทรมานคนดูจนเกินไป แต่ก็ทำให้หลอนไปอีกนานหลังดูจบ
6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งใจก่อนดู!
ข้อดี:
- ไอเดียแปลกใหม่ เอาเรื่องโทรศัพท์จากคนตายมาใช้ได้น่าสนใจ
- Ethan Hawke คือที่สุด ในบทฆาตกรโรคจิตที่โคตรน่ากลัว
- นักแสดงเด็กแสดงดีมาก โดยเฉพาะน้องสาว
- บรรยากาศกดดัน สร้างความอึดอัดได้ดี สไตล์ผู้กำกับ Sinister
- ไม่ใช่หนังสยองขวัญที่เน้นแต่ Jump Scare มีมิติอื่นด้วย
ข้อเสีย:
- อาจจะไม่ได้น่ากลัวแบบ "สุดขีด" เท่า Sinister สำหรับบางคน
- เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะเนือยๆ บ้าง เน้นปูเรื่อง
- บางจุดอาจจะรู้สึกว่ายังขยี้ปมได้ไม่สุด เช่น เบื้องหลังของฆาตกร
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการดู
หนังเรื่องนี้ เหมาะมากๆ สำหรับ:
- คนที่ชอบหนังสยองขวัญแนวบรรยากาศ เน้นความกดดัน จิตวิทยา
- แฟนคลับผู้กำกับ Scott Derrickson หรือชอบ Sinister
- คนที่อยากดู Ethan Hawke ในบทบาทที่ไม่เคยเห็น โคตรน่าจดจำ!
- คนที่ชอบเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ผสมการเอาตัวรอด
ถ้าคุณเป็นสายนี้ จัดเลย! ไปดูในโรงหนังได้อรรถรสสุดๆ เสียงโทรศัพท์จะหลอนคูณสิบ!
8. เปรียบเทียบกับ Sinister: พี่น้องร่วมสายเลือด
แน่นอนว่าหนีไม่พ้นการเปรียบเทียบกับ Sinister ทั้งสองเรื่องมาจากผู้กำกับคนเดียวกัน ทีมนักแสดงและทีมเขียนบทก็คล้ายๆ กัน Sinister จะเน้นความน่ากลัวจากภาพที่เห็น (จากฟิล์ม Super 8) และปีศาจ Bughuul ที่โผล่มาหลอกหลอน ทำให้มีความน่ากลัวแบบชวนช็อกและหลอนติดตา ส่วน Black Phone จะเน้นความน่ากลัวจากบรรยากาศ การโดนคุมขัง และเสียงจากโทรศัพท์มากกว่า ตัวร้ายอย่าง The Grabber ก็เป็นมนุษย์โรคจิต ไม่ใช่ปีศาจเหนือธรรมชาติแบบ Bughuul แม้ทั้งคู่จะมีความคล้ายกันในเรื่องของ "เด็ก" ที่เป็นเหยื่อ และการสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ Black Phone จะมีความเป็นหนังทริลเลอร์เอาตัวรอดมากกว่า ในขณะที่ Sinister คือสยองขวัญเต็มสูบ
สรุปคือ ถ้า Sinister คือความน่ากลัวแบบช็อกและหลอนจิตตก Black Phone ก็คือความน่ากลัวแบบกดดัน อึดอัด และลุ้นระทึกแทน ชอบแนวไหนเลือกเลยจ้า หรือจะดูทั้งคู่ไปเลยก็ไม่ว่ากัน!
9. ช่องทางการดู: ตอนนี้ดูได้ที่ไหน?
ณ ตอนที่หนังเข้าใหม่ๆ แน่นอนว่าต้องไปดูในโรงภาพยนตร์เพื่อเก็บความหลอนแบบเต็มๆ แต่ตอนนี้ (ปี 2025) สามารถหาดู The Black Phone ได้แล้วบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ในประเทศไทย
เห็นว่ามีให้ดูบน Netflix ในบางประเทศ รวมถึงประเทศไทย และก็เคยเข้าฉายใน HBO GO ผ่านทางแพ็กเกจของ AIS Play ด้วย นอกจากนี้ก็อาจจะมีให้เช่าหรือซื้อบนแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เช่น Apple TV, Google Play Movies หรือ Amazon Video
ลองเช็คแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่คุณมีได้เลย หรือถ้าอยากประหยัดงบช่วงเทศกาล อาจจะรอดูช่วงที่มีโปรโมชั่นลดราคา หรือเช็คกับร้านเช่าหนังออนไลน์ก็ได้นะ!
10. บทสรุปและคำแนะนำ: ควรดูไม่ควรดู?
โดยรวมแล้ว The Black Phone (สายหลอน ซ่อนวิญญาณ) เป็นหนังสยองขวัญที่ทำออกมาได้น่าสนใจมากๆ แม้จะไม่ได้น่ากลัว "ที่สุดในโลก" แบบที่บางคนอวย Sinister แต่มันก็มอบประสบการณ์ความหลอน ความกดดัน และความลุ้นระทึกที่แตกต่างออกไป การแสดงของ Ethan Hawke คือมาสเตอร์พีซมากๆ ส่วนนักแสดงเด็กก็ทำได้ดีเกินคาด
ถ้าคุณเป็นคนชอบหนังสยองขวัญที่ไม่ใช่แค่ Jump Scare แต่ชอบบรรยากาศหม่นๆ กดดัน ชอบเรื่องราวที่ต้องลุ้นเอาตัวรอด และอินกับไอเดียแปลกๆ ที่เกี่ยวกับโลกหลังความตาย เรื่องนี้ แนะนำให้ดูเลยค่ะ! รับรองว่าไม่ผิดหวัง
แต่ถ้าคุณเป็นสายเน้นผีโผล่มาให้ตกใจแรงๆ หรือไม่ชอบดูหนังที่เกี่ยวกับการลักพาตัวเด็ก อาจจะต้องพิจารณาดีๆ ยังไงก็ตาม นี่คือหนังจากผู้กำกับที่เราไว้ใจได้ในเรื่องการสร้างความหลอน ลองเปิดใจดู แล้วคุณอาจจะติดใจจนอยากโทรหาใครบางคน...หรือเปล่า? ฮิ้ววววว!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว The Black Phone สายหลอนซ่อนวิญญาน ลุ้นระทึกทั้งคนดีและผี ...
- รีวิวหนัง The Black Phone มาเงียบๆฟาดรายได้เพียบนะครับ!!! (No ...
- The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ - รีวิวหนัง (สปอย)
- รีวิวหลังดู | The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ | เกือบจะ ...
- The Black Phone: A Must-Watch Horror Movie by Scott ...
แนะนำสำหรับคุณ
จัดกระดูก คืออะไร? รีวิว ประสบการณ์ และข้อควรรู้
รวมร้านหมูจุ่ม เชียงใหม่ อร่อยเด็ด บรรยากาศดี
รีวิว Beauty Plus Clinic กำจัดขน: เลเซอร์ขนที่นี่ดีไหม ราคาเป็นอย่างไร?
รีวิวหนัง "ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" ประทับใจแค่ไหน?
รีวิว Adidas Edge Lux Clima: รองเท้าวิ่ง Adidas ระบายอากาศดี น่าใส่ไหม?
รีวิว Hisense 55B7700UW ทีวี 55 นิ้ว ภาพสวย คุ้มราคาไหม?